Skip to main content

ในยุคนี้มันคงถึงเวลาต้องยอมรับได้แล้ว ว่าการศึกษาที่ให้ผู้เรียนเป็นแค่ผู้ฟัง แล้วเอาผลคะแนนเป็นตัววัดนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนเสมอไปหรอก ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เกรดไม่ได้ตีเอาซะเลย แต่เชื่อผมเถอะ ว่ามนุษย์ทุกคนเติบโตด้วยการเรียนรู้มากกว่าอายุอยู่แล้ว หลังจากได้ลงพื้นที่การเรียนรู้บนดอยไปแล้ว คำเดียวที่ติดอยู่ในหัวผม และทำให้ผม ครุ่นคิดอยู่ตลอดการเดินทางเรียนรู้ครั้งนี้ คือจริงๆแล้ว ระหว่างผมกับน้องๆ ที่นี่ใครโชคดีกว่ากันแน่

 

การที่ความเจริญ เทคโนโลยี ค่านิยม เข้ามามีบทบาทกับชีวิตทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เลือกจะปรับตัวเรียนรู้ ที่จะใช้ในทางที่ดี แต่สิ่งที่เจออีกด้านจากความเจริญของเทคโนโลยีเหล่านี้ กลับเป็นการ bully กันในสังคม มากกว่าการที่คนเลือกที่จะเรียนรู้ในทางที่เกิดประโยชน์ สำหรับคนรุ่นใหม่มันก็เลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วกับยุคนี้ ในสถานที่แห่งนี้ ที่ผมเลือกมาเรียนรู้เป็นเสมือนอีกโลก อีกเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่ได้ปิดกั้นในการเรียนรู้ ในการใช้ชีวิตของเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนแห่งนี้ แต่กลับมีคุณครู ที่เป็นเสมือนโค้ช ที่ไม่ได้สอนแค่วิชาการศึกษา แต่ยังสอนวิชาชีพเพื่อดึงศักยภาพของเด็ก แต่ละคนในแต่ละด้านออกมา ตามความถนัดของเด็กเอง ก็เพราะน้องๆ ที่นี่ไม่ค่อยมีโอกาศมากนักในการจะออกมาศึกษาในระบบของเด็กทั่วไป ไม่มีทุนพอที่จะใช้สำหรับการแข่งขัน และการศึกษาเพื่อคว้ากระดาษที่การันตีว่า ตัวเองมาถึงเป้าหมายจุดหนึ่งแล้ว อย่างที่ผมกำลังเดินทางทำแบบนั้นอยู่

 

ระหว่างคำว่าการศึกษา และการเรียนรู้กลับกลายมาเป็น หลักสูตรการศึกษาวิชาการ และการเรียนรู้วิชาชีพ การศึกษาวิชาการทุกคนต่างต้องคิดอยู่แล้วว่า คือการศึกษาที่สำหรับบางคนแล้วมันเป็นการฝืนตัวเอง ที่ทุกสถาบันใช้เพื่อแข่งขัน และนำทานตัวเองไปให้ถึงเป้าหมายคือใบปริญญานั่นแหละ แต่การเรียนรู้วิชาชีพสามารถสอนให้เรามีภาวะผู้นำมากขึ้น ไม่ได้คิดแค่ เก่งแย่ง แข่งขันกับใคร แต่กลับทำให้เราเรียนรู้ว่า เราจะใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อปราศจากการศึกษาแบบคนที่มีโอกาสเต็มที่

 

การศึกษา และการเรียนรู้ต้องยอมรับว่าแตกต่างกัน แต่ก็สำคัญทั้งสอง และอีกหนึ่งเหตุผลคือ ทำไมผลพิสูจน์ถึงพูดว่าจินตนาการสำคัญกว่าความรู้ล่ะ ก็เพราะว่าความรู้ และการศึกษานั้นย่อมมีที่สิ้นสุดที่จุดเป้าหมายอยู่แล้ว แต่การเรียนรู้บวกกับจินตนาการ ทำให้เกิดสิ่งต่างๆ ที่มากกว่าความรู้ที่ได้รับ แต่การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุดย่อมเกิดจุดประกายต่างๆ ตลอดทางของการดำเนินชีวิตอยู่แล้ว ทั้งประสบการณ์ ความคิด ทัศนคติ และศักยภาพ

 

สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน มันอาจดีสำหรับบางคน ผมกับน้องๆ ต่างก็โชคดี และโชคร้ายกันในคนละเรื่อง แล้วการศึกษาล่ะ ทำให้เรารู้จักตัวเองจริงๆ เหรอ สำหรับผมการศึกษาเป็นแค่ตัวช่วยในการทำให้ผมรู้ว่า ชอบอะไร ด้านไหน อย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่ผมชอบ และถนัดคงไม่ใช่ การตื่นเช้า 8 โมงกลับบ้าน 4 โมงเย็น หรอกครับ สิ่งที่ทำให้ผมรู้จักตัวเองมากขึ้นคือการเรียนรู้ระหว่างทางของการศึกษาต่างหากล่ะครับ เพราะผมไม่ต้องฝืนตัวเอง และยังสามารถนำตัวเองไปอยู่กับมันได้อย่างมีความสุข ผมจึงกล้าพูดได้เต็มปากเลยว่า “  มนุษย์เติบโตด้วยการเรียนรู้... ”

 

 

ภาพจาก  https://twitter.com/70millionthai/status/889043195362816001

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
          ความว่างเริ่มเข้ามาในหัวสมองเมื่อผมกลับมาจากการตกปลาได้สักพักหนึ่ง มันส่งเสียงบอกผมว่า “เห้ย!นายต้องหาอะไรทำได้แล้วนะ”พร้อมนึกขึ้นได้ว่า เรานัดคุยกับคุณตาไว้นี่ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปบ้านคุณตา คุณตากำลังสานตะกร้าจากไม้ไผ่ไว้ใช้เองอยู่คุณตาเห็นผมด้วยท่าทางทีใจ รี
Storytellers
          เป็นค่ำคืนที่หัวถึงหมอนแล้วรู้สึกอีกทีคือตอนตื่น ผมตื่นมาอย่างตื่นเต้นเตรียมพร้อมที่จะเดินขึ้นไปดูทะเลหมอกแต่มองออกไปก็เจอแต่ความมืดมิดของค่ำคืนที่ไม่มีไฟฟ้าและก็ไม่เห็นจะมีใครตื่นมากับเรา ในใจตอนนั้นถามว่าให้เดินขึ้นไปคนเดียวกล้าไหม ก็คงตอบอย่างมั่นใจว่าไม่กล้า
Storytellers
          พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเหล่านกกาบินร้องกลับรังก็ได้เวลาที่เรากลับมาที่โรงเรียน เพื่อเตรียมทำกับข้าว ซึ่งก็มีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟเราถึงที่ เป็นหัวปลีคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ทอดกรอบๆ พูดแล้วก็อยากทานอีก เพราะรสชาติมันช่างกลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างมาก โดยแม่ครัวใหญ่ของอาห
Storytellers
          เรานั่งรอคุณครูซามารับประมาณเกือบๆ 2 ชม.เพราะวันนี้ทางโรงเรียนติดส่งแขกที่เข้ามาบริจาคสิ่งของ แล้วรถของคุณครูก็มาถึงเป็นรถโฟวิลยกสูงคันใหญ่ ที่ขับมาโดยเด็กหนุ่มหน้าตาอย่างกับบอยแบรนด์เกาหลี ผมสวัสดีทักทาย ในใจก็คิดว่าสงสัยครูซาคงให้ลูกศิษย์ขับรถมาแทน แต่ก็ไม่ใช่
Storytellers
          เสียงนาฬิกาปลุกปลุกผมให้ลุกจากที่นอนรีบไปอาบน้ำ ผมสะพายเป้ ออกจากบ้านด้วยอารมณ์เรียบเฉยต่างจากวันก่อนที่อยากไปมากอย่างสิ้นเชิง คงเป็นเพราะบรรยายกาศที่มีฝนตกปรอยๆ และข้อมูลการเดินทางที่มีน้อยมาก มันเลยทำให้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากการเดินทางครั้งนี้ผมนัดเจอกับชาต
Storytellers
หลังจากจบกิจกรรมในวันแรกเราทุกคนต้องนอนค้างด้วยกันและเช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องรีบแหกขี้ตาขับรถกลับบ้านเพื่อแต่งตัวไปทำงาน ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นเตรียมตัวออกเดินทางโดยตลอดการเดินทางเราจะใช้ “APP C –Site”เพื่อติดตามเรื่องราวของกันและกัน ความรู้สึกที่เราต้องนั่งหงอยๆทำงานอยู่หน้าคอมทั้งที่เพื่อนคนอื่นออก
Storytellers
          ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวายเร่งรีบของใครคนหนึ่ง โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากเมืองกรุงแห่งนี้จนเลื่อนมือถือไปๆมาๆเจอโพสหนึ่ง “เปิดรับเยาวชนนักเล่าเรื่องที่สนใจจะไปเที่ยว!
Storytellers
ก่อนได้ไปลงพื้นที่ที่สะเนพ่องเราได้ไปค่ายนักเล่าเรื่องในที่อื่น(Storytellers in Journey) ที่มูลนิธฺเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีปซึ่งทำให้เราได้เจอกับพี่ๆหลายๆคนและทุกๆคนน่ารักมาก แต่ในระยะเวลาที่เราได้อยู่ค่ายนั้นมันมีแค่ 2 วันคือวันที่7-8 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 แล้วในตอนนั้นผมก็ยังมีโครงการของผมที่ยังต้องไ
Storytellers
บัติ-ใจ-สู้  สามคำที่อยากแนะนำตัวเองให้ทุกคนได้รู้จัก  “บัติ”  มาจากชื่อจริงชื่อ  สมบัติ  แก้วเนื้ออ่อน  “ใจ”  มาจากสิ่งที่เริ่มทำในชีวิตส่วนใหญ่มักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นผ่านใจ  ถ้าใจอยากทำ  ยังไงก็จะทำต่อไปจนสำเร็จให้ได้  ส่
Storytellers
ต่างคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางคือการซื้อประสบการณ์ที่ได้รับเงินทอนเป็นความสุข เป็นคำพูดที่มีความจริงเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากแต่บางครั้งเงินทอนที่ได้รับอาจจะมาในรูปแบบที่โหดร้ายได้เหมือนกัน เพราะการเดินทางไปในแต่ละที่มักจะได้ประการณ์ที่ไม่เหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่า
Storytellers
          ผมได้เข้าร่วมโครงการ Storytellers in journey ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผมได้ออกเดินทางไปเรียนรู้อะไรใหม่ตามที่ต่างๆ และผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังบ้านปลาบู่ จังหวัดหมาสารคาม เพื่อไปดูการจัดการธุรกิจแบบ Social Enterprise เพราะผมได้รู้มาว่าที่นั้นมีการทำธุรกิจแบบ