Skip to main content

          ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวายเร่งรีบของใครคนหนึ่ง โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากเมืองกรุงแห่งนี้จนเลื่อนมือถือไปๆมาๆเจอโพสหนึ่ง “เปิดรับเยาวชนนักเล่าเรื่องที่สนใจจะไปเที่ยว! แล้วกลับมาเล่าให้เราฟัง หากคุณมีวิธีการเล่าเรื่องเป็นของตัวเอง อะไรก็ได้ และพร้อมจะมองเห็นการเรียนรู้จากทุกอย่างรอบตัว เราอยากจะชวนคุณไปโดยเราสนับสนุนค่าเดินทางและค่าอยู่ค่ากินให้กับนักเล่าเรื่อง” ฟังดูน่าสนใจเที่ยวฟรี กินฟรี สนุกไม่สนุกก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมตัดสินใจเขียนเล่าเรื่องของตนเองส่งไป และการเดินทางที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือนก็กำลังจะเกิดขึ้นโดยที่ผมไม่ทันได้ตั้งตัว

          ผมยังคงใช้ชีวิตพนักงานออฟฟิศเป็นบัณฑิตป้ายแดงทำงานได้ไม่กี่เดือน และยังคงตั้งคำถามหา passionของตนเองเสมอมามันเป็นเทรนยอดนิยมมากสำหรับเด็กจบใหม่ในการหาสิ่งที่ตนเองหลงไหลคลั่งไคล้ที่สามารถทำเป็นอาชีพได้แล้ว E-mail หนึ่งก็แจ้งเตือนขึ้นมา “ขอแสดงความยินดีด้วยคุณได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 20 คน ที่ได้เข้าร่วมโครงการStory teller”พร้อมไฟล์แนบกำหนดการมาเปิดอ่านดูแล้วก็เหมือนรู้ว่าโชคชะตาคงไม่อยากให้เราได้ไป เพราะกำหนดการมีตั้ง 5 วัน ตั้งแต่ วันพุธ วันพฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์คุณคิดว่าพนักงานป้ายแดงยังไม่ผ่านทดลองงานอย่างผมเขาจะให้หยุดไหมแต่!! ไม่ลองไม่รู้ ผมแบกหน้าเศร้าๆเดินไปพบหัวหน้าพร้อมบอกเหตุผลในการขอลางาน 3 วัน เจ้านายใจดีกับผมมากเขาให้ผมลาแต่เป็นลาออก ไม่ผ่านทดลองงานนะครับ เป็นคุณจะเลือกทางไหนดี แน่นอนสำหรับผมที่ไม่ได้มีต้นทุนชีวิตอะไรมากมาย การทำงานเลี้ยงชีพก็ยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญแต่แค่นี้ยังหยุดความกระหายของผมไม่ได้ ผมรีบโทรหาผู้ดูแลโครงการ(พี่ตุ้ม) พร้อมแนะนำตัวบอกเหตุผลเสร็จสรรพ คำตอบที่ได้รับฟังดูแล้วก็คงแห้วไม่มีโอกาสได้ไป ในใจตอนนั้นก็รู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่เพราะไม่ได้หวังอะไรมากอยู่แล้ว ก็แค่อดไปเที่ยวฟรีแค่นั้นเอง

          แต่ผมมันเป็นพวกสุนัขถ้าได้กัดแล้วไม่ปล่อยง่ายๆ รวบรวมความกล้าเข้าไปหาผู้จัดการ ผมยื่นขอเสนอขอหยุดสองวัน พร้อมจะเคลียงานของตนเองให้เรียบร้อย และในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผล ผู้จัดการเซ็นอนุมัติ ผมรีบจัดแจงโทรหาพี่ตุ้ม พร้อมขอร้องในการร่วมโครงการในเวลาที่มีอยู่จำกัดกว่าเพื่อนคนอื่นซึ่งก็ต้องขอขอบคุณพี่เป็นอย่างมากที่เข้าใจและคอยให้คำแนะนำตลอด เรามีเวลาเตรียมตัวก่อนวันเริ่มโครงการเพียงสามวัน และแล้ววันที่เริ่มโครงการก็มาถึง เพื่อนๆจากทั่วประเทศทั้ง 20 คนเข้ามาร่วมทำกิจกรรมร่วมกันตลอด 1 วันเต็มซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่าสมัยเป็นนักศึกษา ผมก็เป็นนักกิจกรรมตัวยงคนหนึ่งแต่กิจกรรมที่ผมทำจะไม่เคยเป็นกิจกรรมในระบบของสถานศึกษาส่วนใหญ่ก็จะตั้งกลุ่มกันขึ้นมาเอง มีชื่อเท่ๆ มีการรับน้องที่จัดขึ้นเอง คือสำหรับเรากิจกรรมทุกอย่าง เราชอบที่จะเป็นคนกำหนดขึ้นมาเองมากกว่าที่จะให้ใครมาคอยกำหนดให้เรา ผมจึงไม่ค่อยได้เข้าร่วมกิจกรรมกับทางสถานศึกษาจัดให้สักเท่าไหร่ ซึ่งการได้มาทำกิจกรรมในวันนั้นในช่วงแรกก็รู้สึกตื่นเต้นมองดูเพื่อนแต่ละคนที่มีความโดดเด่นในตนเอง มีความคิดที่อาจจะมองโลกกันคนละด้าน ความคิดในตอนนั้น ผมเหมือนเด็กเกเรหลังห้องที่ถูกจับในมาอยู่ในกลุ่มเพื่อนหน้าห้องที่เรียนเก่งๆ  แต่ผมก็ยินดีที่จะเปิดรับและปรับตัวให้ได้ซึ่งวันนั้นก็ผ่านไปได้ด้วยดีผมได้เพื่อนใหม่อย่าง “ชาติ”เด็กหนุ่มอายุ 16 จากเชียงใหม่ที่ใสซื่อขี้เล่น พี่แม็ค สถาปนิกหนุ่ม พูดจาอ่อนหวานจาก จ.ลำปาง โม สาวน้อยสายวิทฯ ที่ดูเหมือนกำลังหาคำตอบกับอะไรสักอย่างในชีวิต และส้มโอ สาวสวยผมสั้นที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ และทั้ง 4 คนนี้กำลังจะเป็นเพื่อนร่วมทางในการเดินทางสุดพิเศษของผมและในค่ำคืนนั้นผมก็ได้รู้จัก หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่จังหวัด กาญจนบุรี สถานที่ที่ผมได้ฟังชื่อแล้ว รู้สึกต้องมนต์เสน่ห์อะไรบางอย่างที่มันดึงดูดผมอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่มีสถานที่อื่นอีกมากมายให้ผมเลือกแต่ในใจผมตอนนั้นกลับจดจ่ออยู่กับที่แห่งนี้แต่ในความจดจ่อนั้นก็มีความกลัวปนอยู่เพราะข้อมูลที่ได้รับมารับรู้ได้ถึงความลำบากในการเดินทางและความห่างไกลของสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่งภายในทุ่งใหญ่นเรศวร ที่ผมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า เราจะต้องได้มาพบกัน “หมู่บ้านสเนพ่อง”

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
          ความว่างเริ่มเข้ามาในหัวสมองเมื่อผมกลับมาจากการตกปลาได้สักพักหนึ่ง มันส่งเสียงบอกผมว่า “เห้ย!นายต้องหาอะไรทำได้แล้วนะ”พร้อมนึกขึ้นได้ว่า เรานัดคุยกับคุณตาไว้นี่ผมไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปบ้านคุณตา คุณตากำลังสานตะกร้าจากไม้ไผ่ไว้ใช้เองอยู่คุณตาเห็นผมด้วยท่าทางทีใจ รี
Storytellers
          เป็นค่ำคืนที่หัวถึงหมอนแล้วรู้สึกอีกทีคือตอนตื่น ผมตื่นมาอย่างตื่นเต้นเตรียมพร้อมที่จะเดินขึ้นไปดูทะเลหมอกแต่มองออกไปก็เจอแต่ความมืดมิดของค่ำคืนที่ไม่มีไฟฟ้าและก็ไม่เห็นจะมีใครตื่นมากับเรา ในใจตอนนั้นถามว่าให้เดินขึ้นไปคนเดียวกล้าไหม ก็คงตอบอย่างมั่นใจว่าไม่กล้า
Storytellers
          พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้าเหล่านกกาบินร้องกลับรังก็ได้เวลาที่เรากลับมาที่โรงเรียน เพื่อเตรียมทำกับข้าว ซึ่งก็มีออเดิร์ฟมาเสิร์ฟเราถึงที่ เป็นหัวปลีคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ทอดกรอบๆ พูดแล้วก็อยากทานอีก เพราะรสชาติมันช่างกลมกล่อมลงตัวเป็นอย่างมาก โดยแม่ครัวใหญ่ของอาห
Storytellers
          เรานั่งรอคุณครูซามารับประมาณเกือบๆ 2 ชม.เพราะวันนี้ทางโรงเรียนติดส่งแขกที่เข้ามาบริจาคสิ่งของ แล้วรถของคุณครูก็มาถึงเป็นรถโฟวิลยกสูงคันใหญ่ ที่ขับมาโดยเด็กหนุ่มหน้าตาอย่างกับบอยแบรนด์เกาหลี ผมสวัสดีทักทาย ในใจก็คิดว่าสงสัยครูซาคงให้ลูกศิษย์ขับรถมาแทน แต่ก็ไม่ใช่
Storytellers
          เสียงนาฬิกาปลุกปลุกผมให้ลุกจากที่นอนรีบไปอาบน้ำ ผมสะพายเป้ ออกจากบ้านด้วยอารมณ์เรียบเฉยต่างจากวันก่อนที่อยากไปมากอย่างสิ้นเชิง คงเป็นเพราะบรรยายกาศที่มีฝนตกปรอยๆ และข้อมูลการเดินทางที่มีน้อยมาก มันเลยทำให้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากจากการเดินทางครั้งนี้ผมนัดเจอกับชาต
Storytellers
หลังจากจบกิจกรรมในวันแรกเราทุกคนต้องนอนค้างด้วยกันและเช้าวันรุ่งขึ้นผมต้องรีบแหกขี้ตาขับรถกลับบ้านเพื่อแต่งตัวไปทำงาน ในขณะที่เพื่อนๆคนอื่นเตรียมตัวออกเดินทางโดยตลอดการเดินทางเราจะใช้ “APP C –Site”เพื่อติดตามเรื่องราวของกันและกัน ความรู้สึกที่เราต้องนั่งหงอยๆทำงานอยู่หน้าคอมทั้งที่เพื่อนคนอื่นออก
Storytellers
          ชีวิตในเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวายเร่งรีบของใครคนหนึ่ง โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากเมืองกรุงแห่งนี้จนเลื่อนมือถือไปๆมาๆเจอโพสหนึ่ง “เปิดรับเยาวชนนักเล่าเรื่องที่สนใจจะไปเที่ยว!
Storytellers
ก่อนได้ไปลงพื้นที่ที่สะเนพ่องเราได้ไปค่ายนักเล่าเรื่องในที่อื่น(Storytellers in Journey) ที่มูลนิธฺเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีปซึ่งทำให้เราได้เจอกับพี่ๆหลายๆคนและทุกๆคนน่ารักมาก แต่ในระยะเวลาที่เราได้อยู่ค่ายนั้นมันมีแค่ 2 วันคือวันที่7-8 พฤศจิกายน พ.ศ.2561 แล้วในตอนนั้นผมก็ยังมีโครงการของผมที่ยังต้องไ
Storytellers
บัติ-ใจ-สู้  สามคำที่อยากแนะนำตัวเองให้ทุกคนได้รู้จัก  “บัติ”  มาจากชื่อจริงชื่อ  สมบัติ  แก้วเนื้ออ่อน  “ใจ”  มาจากสิ่งที่เริ่มทำในชีวิตส่วนใหญ่มักเริ่มต้นมาจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นผ่านใจ  ถ้าใจอยากทำ  ยังไงก็จะทำต่อไปจนสำเร็จให้ได้  ส่
Storytellers
ต่างคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การเดินทางคือการซื้อประสบการณ์ที่ได้รับเงินทอนเป็นความสุข เป็นคำพูดที่มีความจริงเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากแต่บางครั้งเงินทอนที่ได้รับอาจจะมาในรูปแบบที่โหดร้ายได้เหมือนกัน เพราะการเดินทางไปในแต่ละที่มักจะได้ประการณ์ที่ไม่เหมือนกัน และนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์ที่ไม่รู้ว่า
Storytellers
          ผมได้เข้าร่วมโครงการ Storytellers in journey ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ผมได้ออกเดินทางไปเรียนรู้อะไรใหม่ตามที่ต่างๆ และผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังบ้านปลาบู่ จังหวัดหมาสารคาม เพื่อไปดูการจัดการธุรกิจแบบ Social Enterprise เพราะผมได้รู้มาว่าที่นั้นมีการทำธุรกิจแบบ