Skip to main content

พ่อตู้เริญได้เล่านิทานเรื่องนี้ให้ผมฟังขณะเรานั่งหย่อนอารมณ์ในบ้านของแก เพื่อรอฝนหายจากฟ้า เดือนตุลาคมแล้ว ฝนยังมิจากจางเลย ลมหนาวมิมีทีท่าว่าจะพัดมา สายฝนเทลงมาจั่กๆ พ่อตู้เริญต้องเล่านิทานเรื่องนี้ด้วยเสียงดัง เพื่อจะให้ผมได้ยินถนัด ผมกดเครื่องบันทึกเสียงเพื่อบันทึกเสียงการเล่านิทานของพ่อตู้เอาไว้ เพราะคิดว่าจะเก็บเอามาเล่าต่อให้คนอื่นได้ฟังด้วย


พ่อตู้เริญเล่าว่า...

นานมาแล้ว ยุคสมัยก่อนการเกิดขึ้นของพุทธศาสนา องค์อินทร์ผู้เป็นนายของทุกสิ่ง และทรงสร้างทุกสิ่งในจักรวาลได้นั่งตรวจยามสามตา เพื่อตรวจดูทุกสรรพสัตว์ใตอานัติของตนเอง แล้วในญาณนั้นก็ปรากฏการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา เมื่อได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด องค์อินทร์จึงมีบัญชาไปยังสรรพสัตว์ในอานัติของตนเองให้มาร่วมประชุมกันโดยพร้อมเพรียง


เมื่อสรรพสัตว์ได้รับคำสั่งดังนั้นต่างก็แต่งดาข้าวของเครื่องใช้ เพื่อเดินทางไปหาองค์อินทร์ แต่การเดินทางของสรรพสัตว์อันประกอบไปด้วยสัตว์นานาชนิดใช้เวลาในการเดินทางต่างกัน เมื่อทราบเหตุการดังนั้นองค์อินทร์ก็เนรมิตให้สัตว์จำนวนมากเหล่านั้นเดินทางมาถึงภายในวันเดียวคล้อยหลังเมื่อเหล่าสรรพสัตว์ในอานัติเดินทางมาพร้อมเพรียงกันแล้ว องค์อินทร์ก็ออกนั่งยังห้องโถง และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า

พวกสัตว์ทั้งหลาย! ข้าเรียกพวกเจ้ามาวันนี้เพื่อจะบอกกล่าวบางเรื่องราว และขอความเห็นจากพวกเจ้า”

องค์อินทร์ว่ามาเลยไม่ต้องเกรงใจพวกข้า” เจ้านกขุนทองเอ่ยขึ้น


พวกเจ้าตั้งใจฟังให้ดี พอดีข้าตรวจยามสามตาดูจึงได้เห็นว่า จากนี้ไปไม่นานโลกจะได้มีศาสนาพุทธกำเนิดขึ้นมา ข้าจึงอยากให้พวกเจ้าช่วยกันสืบต่อพระศาสนาให้มีอายุยืนยาว และข้าอยากให้พวกเจ้าช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไร”

ไม่ยากหรอกองค์อินทร์ เราก็ช่วยกันเป็นอาหารให้กับผู้ทรงศีลผู้เป็นตัวแทนของศาสนา เพื่อท่านจะได้เผยแพร่คำสอน และศาสนาจะได้มีอายุยืนยาว” เจ้าช้างพูดขึ้น

ข้าเห็นด้วยกับเจ้าช้าง แล้วใครจะอาสาละ”

ข้านี่แหละขันอาสา เพราะข้าตัวใหญ่คงเลี้ยงผู้ทรงศีลได้หลายคน และหลายวัน” เจ้าช้างพูดขึ้นมาก่อนสัตว์อื่นๆ

ไม่ได้หรอก เจ้าตัวใหญ่การฆ่าเจ้าจะเป็นปาบมาก เจ้าไปทำอย่างอื่นดีกว่า”


สรรพสัตว์นานาชนิดต่างแย่งกันอาสา เพื่อสืบต่อพระศาสนา แต่องค์อินทร์ก็ยังไม่พอใจที่จะให้ใครเป็นผู้สืบต่อพระศาสนา ขณะองค์อินทร์กำลังงวยงงสงสัยและคิดไม่ตก เจ้าปลาก็ได้จังหวะพูดขึ้นมาว่า

องค์อินทร์ท่านลืมข้าไปแล้วหรือ ข้านี่ออกลูกแต่ละทีเป็นจำนวนมาก ลูกของลูกข้าอีกละ ข้านี้แหละจะอาสาสืบต่อพระศาสนาเอง”

ใช่! เจ้าปลามันมีเหตุผล ตั้งแต่นี้ต่อไปข้าขอบัญชาให้เจ้าเป็นสัตว์ผู้จะมาช่วยสืบต่อพระศาสนา และเจ้าจงปฏิบัติหน้าที่นี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”


หลังจากรับคำขององค์อินทร์แล้ว ปลาก็เดินทางกลับสู่แม่น้ำ และไปเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้กับฝูงปลานานาชนิดฟัง


เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้พ่อตู้เริญก็หยุดดื่มน้ำ และบอกกับผมว่านิทานจบแล้ว ผมงุนงนอยู่ครู่หนึ่งกับตอนจบของนิทาน เมื่อเห็นอาการของผม พ่อตู้เริญก็บอกว่า หลานลองเอาไปคิดดูนะว่าคำสอนในพระพุทธศาสนามีหลายช่วงที่พูดถึงปลา และในทางความเชื่อของผู้คนริมฝั่งน้ำก็มีปลาบางชนิดที่คนจับได้ต้องนำไปทำบุญ คนสมัยก่อนจะมีงานบุญก็หาปลานี้แหละมาเตรียมเอาไว้ทำอาหารไปทำบุญ


หลังกลับมาจากอำเภอปากชม ผมก็ลองนำเอานิทานของพ่อตู้เริญมาขยายความต่อด้วยการไปตามหาหนังสือที่พูดถึงเรื่องราวของปลากับพระพุทธศาสนา และไปตามวัดที่มีรูปภาพ แล้วผมก็ได้พบว่า นิทานที่พ่อตู้เริญเล่านั้นมีเค้าโครงความจริงอยู่ไม่ใช่น้อย รวมทั้งภาพเขียนตามวิหาร ศาลาโรงทานของบางวัดมีรูปปลาเกี่ยวเนื่องอยู่ในนั้นด้วย...





ภาพวาดแสดงวิถีชีวิตของคนในชุมชนลุ่มน้ำมูนที่แสดงให้เห็นถึงปลากับการสืบต่อพระพุทธศาสนา โดยในภาพชาวบ้านได้จัดงานบุญที่ริมฝังแม่น้ำมูนโดยการเอามามาทำอาหารเลี้ยงพระ


ที่มาภาพ; ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้าน บ้านน้ำส้าง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี

วาดโดย: ครึ้ม


บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
วารสารวรรณศิลป์บนแผ่นดินลาว ลมหนาวและความร้อนแล้งโชยผ่านยอดขุนเขาด้านทิศตะวันตกแห่งเมืองหลวงของราชอาณาจักรล้านนามาแผ่วๆ แล้วฤดูกาลแห่งความเหน็บหนาวก็เดินทางมาอีกครั้งพร้อมกับลมสายลมนั้น
สุมาตร ภูลายยาว
สี่พันดอน: บ้านของคนและปลา เมื่อเอ่ยถึงสี่พันดอนเชื่อว่าหลายคนที่เคยไปเยือนคงจินตนาการถึงได้ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยไปเยือนคงงุนงงไม่น้อยว่าหมายถึงอะไร คำว่า ‘สี่พันดอน’ เป็นชื่อเรียกเกาะ ดอนต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแม่น้ำโขงในเขตเมืองโขง แขวงจำปาสัก ภาคใต้ของประเทศลาว ดินแดนแห่งนี้ได้ถูกเรียกขานว่า สี่พันดอน เพราะเต็มไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ที่มีจำนวนมากมายเรียงรายอยู่ในแม่น้ำโขงที่มีความกว้างกว่า ๑๔ กิโลเมตร เกาะต่างๆ เริ่มขึ้นที่เมืองโขงและยาวลงไปจนถึงชายแดนลาว-กัมพูชาที่บ้านเวินคามกับเมืองสตรึงเตร็ง ในจำนวนเกาะที่มีอยู่มากมาย เกาะใหญ่ที่สุดชื่อ ‘ดอนโขง’ คำว่า ‘ดอน’…
สุมาตร ภูลายยาว
เจ้าม้าศึกสีเทา ๒,๒๐๐ ซีซี ทะยานไปตามทางลูกรังสีแดงเบื้องหลังฝุ่นคลุ้งตลบ หากมีรถวิ่งตามมาคงบอกได้คำเดียวว่า ‘ขอโทษ’ ก่อนจะถึงทางแยกเสียงโทรศัพท์ของผู้ไปถึงก่อนก็บอกให้ตรงมาตามทางอย่าได้เลี้ยวซ้ายเป็นอันขาด เพราะนั่นหมายถึงการหลงทางจะเกิดขึ้น
สุมาตร ภูลายยาว
การเดินทางเที่ยวนี้มีผู้หญิงนำ เช้านี้เป็นอีกวันที่ตื่นเช้ากว่าวันอื่น แต่หากว่าเมื่อเทียบกับชาวบ้านทั่วไปแล้ว ถือว่ายังสาย โดยเฉพาะกับพ่อค้าแม่ค้าการตื่นนอนตอน ๖ โมงเช้านั้นถือว่าสายมากแล้ว เช้านี้กว่าจะเปิดเปลือกตาตื่นช่างหนักหนาสาหัส ราวกับว่าเปือกตาทั้งสองข้างถูกปิดทับไว้ด้วยเทปกาวชั้นดี หลังล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ สมองยังคงงุนงง อาจเป็นเพราะช่วงนี้พักผ่อนไม่ค่อยพอ รวมทั้งมีเรื่องหลายเรื่องให้ได้คิด แต่เพราะงานที่ทำจึงต้องบังคับตัวเองให้ลุกจากที่นอน
สุมาตร ภูลายยาว
จะแกคนเลี้ยงวัวผู้ไม่เคยขุ่นมัวในหัวใจ ผมจำได้ว่าพบชายคนนี้ครั้งแรกเมื่อเข้าไปบ้านสองพี่น้อง เขาดูแปลกกว่าคนอื่นในหมู่บ้าน เพราะเขาเป็นผู้ชายคนเดียวในหมู่บ้านที่ไว้ผมยาว เค้าโครงใบหน้าของเขาราวกับถอดแบบออกมาจากหัวหน้าชนเผ่าของอินเดียนแดง
สุมาตร ภูลายยาว
การงานของชีวิตที่ตกค้าง ฝนเทลงมาอีกวันแล้ว...เสียงสังกะสีดังราวกับมีก้อนหินนับล้านร่วงลงมาใส่ เย็นวันนี้มีเรื่องราวให้ขบคิดมากมาย กลับมาจากการประชุมที่เคร่งเครียด อันนับว่าเป็นการงานส่วนหนึ่งของชีวิต เล่นเอาเหนื่อยสายตัวแทบขาด แล้วยังมีงานอะไรที่ยังไม่ได้ทำอีกไหมนี่
สุมาตร ภูลายยาว
บันทึกในค่ำคืนที่เปลี่ยนผ่านกับนิทรรศการที่ไม่ได้จัด สายฝนของเดือนกันยายนโปรยสายลงมาทั้งวัน เราออกเดินทางจากเชียงของมาแต่ตอนเช้าด้วยรถคันเล็ก บนกระบะทางตอนท้ายบรรทุกเอกสารต่างๆ รวมทั้งนิทรรศการมาเต็ม รถต้องจดหลายครั้ง เพื่อห่มผ้ายางกันฝนให้ของบนกระบะรถ เราผ่านมากว่าครึ่งทาง ฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ซ้ำร้ายยังตกลงมาหนักกว่าเดิม รถวิ่งทำความเร็วได้ไม่มากนัก ทั้งที่ความเป็นจริงแม้ฝนจะไม่ตก มันก็ไม่เคยวิ่งได้เร็วกว่าที่วิ่งอยู่เท่าใดนัก
สุมาตร ภูลายยาว
เมฆสีดำเหนือฟ้าด้านตะวันออกส่งสายฝนลงมาตั้งแต่เช้าจนล่วงบ่าย แม่น้ำเป็นสีชานมเย็น เศษขยะ ขอนไม้ ท่อนไม้ และต้นไม้ลอยมากับสายน้ำ และไหลไปตามแรงเฉื่อยของกระแสน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
เช้านี้เหมือนกับทุกเช้าในช่วงนี้พ่อท่อน ยาแก้วเดินทอดน่องในสวนบนดอนทรายริมฝั่งแม่น้ำโขงเพื่อดูแปลงมะเขือราว ๔ ไร่ ในใจพ่อท่อนเองไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้แม้ว่าจะถึงช่วงเวลาในการเก็บแล้ว สาเหตุที่ทำให้พ่อท่อนไม่อยากเก็บมะเขือในตอนนี้ เพราะราคามะเขือต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ปีนี้มะเขือหนึ่งหมื่น (๑๒ กิโลกรัม) ขายส่งจากสวนได้เงิน ๑๒ บาท
สุมาตร ภูลายยาว

รถตู้วิ่งไปบนถนนลาดยางมะตอยที่บางช่วงเป็นหลุมเป็นบ่อ ถนนสายนี้เป็นเส้นทางจากจังหวัดกระแจะไปอำเภอสามบอ เพราะถนนไม่ค่อยดีนัก ระยะทาง ๓๕ กิโลเมตรต้องใช้เวลาเกือบ ๑ ชั่วโมงจึงถึงจุดหมาย เมื่อรถตู้ทั้ง ๓ คันจอดสงบนิ่งลงตรงประตูหน้าวัด ผู้โดยสารในรถตู้ก็พากันทยอยลงจากรถ เบื้องล่างของถนนเป็นแม่น้ำสายใหญ่ คนท้องถิ่นเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า ‘โตนเลของ-แม่น้ำของ-โขง’ แม้ยังไม่สายมากนัก แต่แสงแดดก็ส่องประกายร้อนแรงเหนือสายน้ำ ฟ้ากว้างเปล่าแปนเป็นสีฟ้าไกลสุดสายตาหยั่งถึง บนสายน้ำเรือหลายลำจอดลอยลำอยู่ ใกล้กับเรือตรงโคนต้นจามจุรีมีเด็ก ๓-๔ คนนั่งอยู่ ถัดจากโคนต้นจามจุรีไปมีเรือลำหนึ่งลอยลำอยู่…
สุมาตร ภูลายยาว
จากพื้นที่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน ผู้คนสองฝั่งได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำที่มีความยาว ๔,๙๐๔ กิโลเมตรสายนี้ไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ล้าน ลักษณะการใช้ประโยชน์ก็แตกต่างกันออกไปตามแต่สภาพของพื้นที่ ในช่วงที่ไหลผ่านประเทศไทยตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึงจังหวัดอุบลราชธานี ก็มีผู้คนไม่จำนวนไม่น้อยได้ใช้ประโยชน์ในด้านแตกต่างกันออกไป ผู้ใหญ่ใช้หาปลา และใช้พื้นที่ตามหาดทรายที่โผล่พ้นน้ำ และริมฝั่งทำการเกษตร เด็กๆ ใช้เป็นห้องเรียนสำหรับฝึกหาปลา และว่ายน้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
  ผาชันเป็นหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ริมแม่น้ำโขงอยู่ในเขตอำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี หมู่บ้านแห่งนี้มีเรื่องราวน่าสนใจหลายอย่าง เริ่มแรกเดิมทีก่อนเดินทางไปถึง ผมจินตนาการถึงหมู่บ้านแห่งนี้ในรูปแบบต่างๆ และพอเดินทางไปถึงบ้านผาชันเป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ในหน้าฝน ผมก็พบว่า ในฤดูฝนหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นเกาะขนาดย่อมๆ ชาวบ้านบอกว่า "ในฤดูฝน น้ำจากห้วยจะไหลจนท่วมสะพาน และถนนที่เข้าสู่หมู่บ้าน การเดินทางเข้าหมู่บ้านต้องใช้เรือข้ามลำห้วยแล้วไปต่อรถ" ร่องรอยของคำพูดปรากฏให้เห็นเมื่อผมเดินทางเข้าสู่หมู่บ้าน รถข้ามสะพานที่น้ำในลำห้วยเริ่มปริ่มอยู่ใต้สะพาน…