Skip to main content

เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด

\\/--break--\>
ภาพท้องทุ่งเขียวชอุ่มหลังจากสิ้นฤดูปักดำข้าวกล้า ต่อจากนั้นท้องทุ่งสีเขียวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่ามรอบรับหน้าหนาวที่กำลังเดินทางมาเยือน ในฤดูหนาวการวิ่งว่าวกำลังจะเริ่มขึ้น ว่าวปักเป้าตัวนั้น ผมยังจำได้ดี เพราะต้องใช้เวลาเลี้ยงควายแทนพ่ออยู่ถึงครึ่งค่อนวันจึงจะได้มา


พ่อมักมีข้อเสนอสำหรับผมเสมอเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ผมต้องการอยากจะได้สิ่งใด และต้องการให้พ่อทำสิ่งนั้นให้ ผมยังจำภาพของพ่อที่เดินถือมีดขึ้นไปตรงปลายนา เพราะตรงนั้นมีป่าไผ่ขนาดใหญ่ พ่อไปตัดไม้ไผ่มาลำหนึ่ง แล้วนำมาเหลาขึ้นโครงเป็นว่าวอย่างง่ายๆ แต่ดูประณีต หลังจากได้โครงแล้ว พ่อก็จัดการติดกระดาษหนังสือพิมพ์ลงไปบนโครงว่าว กาวที่พ่อใช้ติดกระดาษหนังสือพิมพ์กับโครงว่าวไม้ไผ่คือมะตูมแก่จัดลูกหนึ่ง พ่อบอกว่ายางมะตูมแก่จัดเหนียวและทนกว่ากาว ที่สำคัญเราไม่ต้องเสียเงินซื้อกาว


เมื่อกระดาษหนังสือพิมพ์ถูกนำไปติดกับโครงไม้ไผ่เสร็จเรียบร้อย ว่าวปักเป้าขนาดไม่ใหญ่มากก็พร้อมจะเฉิดฉายอยู่เหนือท้องทุ่งสีทอง ผมรับว่าวมาจากมือของพ่อแล้วเอาเชือกที่มีอยู่มัดติดกับเชือกด้านหน้าของว่าว จากนั้นก็พาว่าววิ่งไปตามคันนา ว่าวต้องลมค่อยสูงขึ้นๆ ยามที่ว่าว อยู่บนท้องฟ้ามันจะแกว่งไปแกว่งมา เมื่อได้ลมดีแล้ว ว่าวจะไม่เหินลงพื้นดินมันจะลอยอยู่อย่างนั้น บางทีอาจถึงข้ามคืน


ในขณะที่บางวันผมเบื่อการวิ่งว่าว พ่อมักจะทำปี่ซังข้าวให้เป่า ผมจะเป่าอยู่อย่างนั้นจนบางครั้งแม่รำคาญต้องไล่ให้ไปเป่าที่อื่น


หน้าหนาวสำหรับวัยเยาว์เช่นพวกเราแล้วมันสำคัญยิ่ง เพราะบางวันแม่จะจับให้อาบน้ำ ตอนที่อาบน้ำแม่มักจะใช้ตอซังข้าวที่พอหาได้นั่นแหละมาถูไปตามตัวของผม เพื่อขจัดคราบขี้ไคล้ ด้วยผิวที่แห้งแตก เมื่อโดนถูอย่างแรงความเจ็บแสบก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ


ยามกลางคืนที่อาการหนาว ในตอนที่เราไม่ได้นอนอยู่ที่บ้าน เพราะต้องออกไปนอนอยู่ทุ่งนา ด้วยว่าการเดินทางไป-กลับจากบ้านและนาเป็นเรื่องเสียเวลา การนอนอยู่ที่ทุ่งนา และใช้ห้างนาเป็นบ้านจึงดูสะดวกสบายกว่า ทุกครั้งเมื่อฤดูนี้มาถึง ผมพบว่าโรงเรียนกำลังปิดเทอมพอดี


ยามค่ำคืนที่อากาศหนาว พ่อจะก่อไฟให้เราผิงพร้อมๆ กับการก่อไฟไล่ยุงให้ควายที่นอนอยู่ไม่ไกลจากห้างนา ควายตัวนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสมบัติอันมีค่าที่สุดสำหรับครอบครัวเรา แต่วันหนึ่งเมื่อเสร็จสิ้นหน้านา พ่อก็ตัดสินใจขายควายไป ในตอนนั้นที่ผมรู้ข่าว ผมดีใจมาก เพราะจะได้ไม่ต้องเลี้ยงมันอีกต่อไป ผมเองไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมพ่อตัดสินใจขายทั้งๆ ที่พ่อรักมันพอๆ กับรักผม แต่ผมได้ยินชาวบ้านคุยกันว่า พ่อขายควายซื้อรถไถนา


เมื่อได้รถไถนามา ผมดีใจมาก เพราะส่วนหนึ่งตัวผมเองไม่ต้องเลี้ยงควายอีกต่อไป แต่คนที่ไม่ดีใจกลับเป็นพ่อ เพราะบ้านเราต้องมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นทั้งค่าซ่อมบำรุงรถ ทั้งค่าน้ำมันรถ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ตามมา ช่วงนี้ผมเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกันมากขึ้น


ก่อนเสร็จสิ้นหน้านา ผมว่าเด็กบ้านนอกหลายคนคงชื่นชอบกับช่วงเวลานี้ เพราะเราจะได้กินขนม และจะได้เล่นขี่ม้าก้านกล้วย สะพานปืนก้านกล้วยไล่ยิงกันไปตามที่ต่างๆ ช่วงเวลาเช่นนี้หมายถึงงานบุญกฐินกำลังเริ่มต้นขึ้น


ม้าก้านกล้วยที่ด้านปลายหางมีใบตองกล้วยติดอยู่นิดหน่อย ส่วนปืนก้านกล้วยนั้นวัดกันที่เสียงดัง ถ้าของใครเสียงดังกว่า คนนั้นต้องได้เป็นหัวหน้า ยามนี้พวกเราเด็กๆ ไม่ต่างอะไรจากคาวบอยผู้อยู่บนหลังม้าตัวที่มีฝีเท้าดีออกเดินทางค้นหาแผ่นดินใหม่ และช่วงชิงเอามา โดยมีลานหน้าบ้านเป็นสมรภูมิรบ


เวลายิ่งผ่านไปจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ทุกครั้งเวลาที่คิดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ไร น้ำตาจะเอ่อเบ้าตาทุกครั้ง บางทีเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เหล่านั้น ผมอยากกลับบ้าน แต่บางทีผมก็ไม่อยากกลับ เพราะบ้านที่เป็นอดีตในจินตภาพของผมจากไปแล้ว ตอนนี้มีแต่บ้านที่เป็นปัจจุบันซึ่งสังคมของหมู่บ้านทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปหมด ไม่หลงเหลือภาพฝันของวันเยาว์เอาไว้อีกแล้ว มาก้านกล้วยถูกแทนที่ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ ปืนก้านกล้วยถูกแทนที่ด้วยปืนจริงที่ยิงกันตายจริงๆ และแว่วว่าคนในหมู่บ้านก็ใช้ปืนยิงกันตายเพิ่มขึ้น แม้แต่เพื่อนในวัยเยาว์ของผมที่เราใช้ปืนก้านกล้วยยิงใส่กันทั้งวัน แต่เขาไม่เคยตายอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้เขาตายไปแล้วด้วยการถูกยิงจากปืนจริงอันเป็นฝีมือของเพื่อนเล่นในวัยเยาว์ที่ใช้ปืนก้านกล้วยไล่ยิงกัน


ผมออกเดินทางจากบ้านมาหลายปีแล้ว และยังพยายามบอกกับตัวเองเสมอว่า ผมเป็นคนพเนจรที่ยังคิดถึงบ้านอยู่ตลอดเวลา แต่ในความคิดถึงนั้น ผมมิอาจกลับบ้านได้อีกแล้ว แม้ถนนทุกสายต่างนำคนพเนจรคืนสู่บ้าน ใช่ว่าผมจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของบ้านเกิดจนไม่อยากเดินทางกลับไป แต่ทุกครั้งที่เดินทางไปบนถนนสายใหม่ ผมพบว่ามันเป็นถนนสายเดิมที่แปรเปลี่ยนจากทางลูกรังเป็นถนนลาดยาง และมีรถวิ่งมากขึ้นทุกวัน ผู้คนก็มากขึ้น ทั้งรถทั้งคนต่างพากันเดินทางสู่จุดหมายปลายทางของตัวเอง และบนถนนบางเส้น ผมยังคงนั่งนิ่งอยู่บนรถสักคัน


ถนนทุกสายแม้จะมีปลายทางต่างกัน แต่มีจุดเริ่มต้นที่เดียวกันคือ บ้านเกิดและเช่นกัน ถนนทุกสายล้วนนำคนพเนจรผู้เร่ร่อนแรมทางคืนสู่บ้านเกิด แต่หากว่าคนพเนจรเหล่านั้น เขายินดีเดินทางย่ำกลับไปบนเส้นทางเดิมหรือเปล่า คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเอง...

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
  ผมได้รู้ข่าวว่าไฟฟ้าที่บ้านดับก็ตอนอยู่บนดอยบ้านห้วยคุ ข่าวสารที่ส่งมาบอกเพียงว่า หลังจากผมและเธอออกจากบ้านมาได้ ๒ วันหลอดไฟที่อยู่ข้างนอกก็ดับลง ทั้งที่มันเพิ่งได้รับการติดตั้ง คนส่งสารยังบอกอีกว่า เขาได้ไปดูที่มิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านแล้วปรากฏว่า สายไฟที่ต่อกับมิเตอร์ถูกดึงออกด้วยมือนิรนาม เมื่อสนทนากันอยู่นานสองนาน คนส่งสารผู้ใจดีก็บอกหมายเลขโทรศัพท์ของการไฟฟ้า หลังผู้แจ้งสารหมดสิ้นหน้าที่ ต่อไปจากนี้คงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดำเนินการต่อ ผมและเธอเรามองหน้ากัน ต่างคนต่างตั้งคำถามในใจ เกิดอะไรขึ้นกับบ้านที่เราเช่าอยู่มาเกือบครึ่งปี? ผมถามเธอก่อนหลังความเงียบมาเยือนเราสองคนได้ไม่นาน"นั่นสิ…
สุมาตร ภูลายยาว
บนเทือกเขาสูงอันไกลโพ้นในดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหลังคาโลก บนเทือกเขาสูงกว่า ๕,๐๐๐ ฟุตจากระดับน้ำทะเลถูกปกคลุมด้วยหิมะเย็นจัด หลังการปกคลุมของหิมะ หลายร้อยหลายพันปี เมื่อความร้อนชื้นของอากาศมาเยือน หิมะจึงถูกหลอมละลายจนก่อเกิดเป็นต้นธารของแม่น้ำอันยิ่งใหญ่สายหนึ่งของโลก ในตอนบน แม่น้ำสีเขียวมรกตอันเกิดจากการละลายของหิมะสายนี้อุดมไปด้วยความหนาวเย็น แม่น้ำได้ไหลจากต้นกำเนิดบนที่สูงลงสู่ด้านต่ำตามกฏแรงโน้นถ่วงของโลกผ่านซอกหุบเขาอันสลับซับซ้อน ผ่านผืนแผ่นดินอันอุดมไปด้วยความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม และลัทธิการเมืองการปกครอง ทุกพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน…
สุมาตร ภูลายยาว
[๑]เมษายน ๒๕๔๗...แสงแดดใกล้ลับขอบฟ้า คนหาปลาบางกลุ่มกำลังเตรียมตัวเอาเรือเข้าฝั่ง เพื่อกลับคืนสู่บ้านผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการหาปลามาตลอดทั้งวัน การหาปลาเป็นกิจวัตรปกติของคนริมฝั่งแม่น้ำโขงมาเนิ่นนาน แต่ในยามเย็นวันนี้ไม่เป็นเหมือนยามเย็นของวันอื่นๆ ที่ผ่านมา ช่วงนี้ริมฝั่งแม่น้ำโขงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะข่าวการเดินทางมาของปลาบึก ปลาใหญ่ที่คนหาปลาขนานนามให้ว่า ‘ปลาเทพเจ้าแห่งลำน้ำโขง’ พี่รงค์ จินะราช คนหาปลาบ้านหาดไคร้ได้เอาเรือออกไปไหลมองในแม่น้ำโขงบริเวณดอนแวงตามปกติ มองที่ไหลไปตามกระแสน้ำเป็นมองขนาดเล็ก พอมองไหลไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ชั่วพริบตานั้นฟองอากาศขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนผิวน้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
เสียงผู้คนส่งเสียงเชียร์เรือยาวในแม่น้ำดังไปทั่วริมฝั่ง งานแข่งเรือเริ่มขึ้นในวันสาขารล่อง--ประมาณวันที่ ๑๔ เมษายน เบื้องล่างเหนือสายน้ำ เรือ ๒ ลำกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ไม่นานนักเรือที่มีฝีพายใส่เสื้อสีแดงก็ทะยานเข้าเส้นชัยหลังเรือลำนั้นเข้าเส้นชัยแล้ว การแข่งเรือรอบคัดเลือกจึงสิ้นสุดลง พรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินว่า เรือของคุ้มบ้านไหน จะได้ลอยลำเฉิดฉายเข้าเส้นชัย เสียงเพลงเฉลิมฉลองทั้งปราชัย และมีชัยดังมาเป็นระยะ เมื่อผู้คนเริ่มทยอยกลับบ้าน ชายชราก็ลุกจากเสื่อที่ปูนั่ง และเดินออกมาจากริมน้ำคืนสู่บ้าน ก่อนจะเดินมาถึงบันไดทางขึ้นวัด ชายชราก็ก็หยุดคุยกับใครบางคนตรงเชิงบันได“เด็กบ้านเรามันไม่สู้…
สุมาตร ภูลายยาว
ตะวันสายแดดส่องฟ้า เรือหาปลากับชายชรากำลังเดินทางออกจากท่า เพื่อหาปลาอีกครั้ง ในแสงแดดยามสาย ชายชรากำลังสลัดคราบไคร้ที่เกาะติดเบ็ดออก เพื่อทำความสะอาดให้มันกลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้งสายน้ำลดระดับลงอีกครั้งหลังโถมถั่งในหน้าฝน สายน้ำเชี่ยวกรากกลับกลายเป็นแผ่วเบา และลดความเกรี้ยวกราดลง วันนี้ไม่แตกต่างจากหลายวันในช่วงเริ่มต้นฤดูหนาว ชายชรายังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติในครรลองของคนกับเรือเหนือสายน้ำอันกล่าวได้ว่าคือสายชีวิตของชายชราด้วยสายลมแห่งเดือนมกราคมพัดมาเยือกเย็น ริมฝั่งน้ำตรงกระท่อมหาปลา ชายชรานั่งเงียบงันอยู่ข้างกองไฟ ๒ วันมาแล้วยังหาปลาไม่ได้ ช่วงนี้จึงมีเพียงกุ้งติดฟดริมฝั่งน้ำเท่านั้น…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังจากวันแรกจนถึงวันนี้ ผมลองนับเดือน นับปีดูแล้ว ผมมาอยู่เมืองชายแดนริมแม่น้ำแห่งนี้ ล่วงเข้าไป ๕ ปีแล้ว ใน ๕ ปีของการใช้ชีวิต แน่ล่ะย่อมแตกต่างจาก ๗๖ ปีของชายชราอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นไม่ต่างกับชายชราเลยแม้แต่น้อยแม้จะนานกี่ชั่วอายุคน ผู้คนริมฝั่งน้ำยังคงพึ่งพาแม่น้ำสายนี้ในด้านต่างๆ อยู่เช่นเดิม คนหาปลายังคงหาปลา แม้ว่าจะได้ปลาน้อยลงก็ตามที คนขับเรือรับจ้างก็ยังคงขับเรืออยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะมีข่าวการเกิดขึ้นของสะพานข้ามแม่น้ำก็ตามที คนแบกของตรงท่าเรือก็ยังคงทำหน้าที่แข็งขันกว่าเดิม แม้จะแบกของได้น้อยลง…
สุมาตร ภูลายยาว
ในยามเย็น หลังแสงตะเกียงสว่างขึ้น ความสว่างของแสงไฟตะเกียงก็ตัดกับท้องฟ้ามืดครึ้มไร้ดวงดาวแต้มขอบฟ้า ดูเหมือนว่ายามนี้สายฝนต้นฤดูมาถึงแล้ว ในที่ไกลออกไปฟ้าแลบแปลบปลาบ ทุกครั้งที่ฟ้าแลบ ความสว่างที่เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ทำให้ฟ้าสีดำดูน่ากลัว ไม่นานนักหลังฟ้าร้องเข้ามาใกล้ สายฝนปานฟ้ารั่วก็โถมถั่งลงมายามนี้ปลาหลายชนิดอพยพขึ้นเหนือ เพื่อวางไข่ จะเหลือเพียงปลาบางชนิดเท่านั้นอพยพขึ้นมาช่วงน้ำลด ในช่วงนี้ คนหาปลาไหลมองก็จะเริ่มยุติการหาปลาลง เพราะน้ำในแม่น้ำเป็นน้ำใหญ่หาปลาลำบาก ช่วงน้ำใหญ่นี่เองถือว่าธรรมชาติได้จัดการมนุษย์…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาถึงบ้าน ผมหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่แกเล่าให้ฟัง ห้วงอารมณ์นั้น ผมคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เล่าถึงการรอนแรมออกทะเล เพื่อตกปลาของชายแก่คนหนึ่ง การเดินทางออกทะเลของชายชราในหนังสืออาจแตกต่างกับการเดินทางออกสู่แม่น้ำของชายชราแห่งโลกของความจริงอยู่บ้าง แต่ในวิถีของชายเฒ่าทั้งสองคน มีเรื่องราวทั้งเหมือน ทั้งแตกต่างรวมอยู่ด้วยกัน การเดินทางไปสู่วิถีของการเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจจะไม่ต่างกันมากนักในการกระทำ แต่เป้าหมายในการออกเรือ เพื่อเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจแตกต่างกัน คนหนึ่งออกเรือไปล่าเพื่อความสุขตามคิดความเชื่อของตัวเอง แต่อีกคนหนึ่ง…
สุมาตร ภูลายยาว
แสงแดดยามบ่ายคลี่ม่านกระจายโอบไล้ยอดไม้ แรงลมพัดยอดไม้เอนไหว ดอกไม้ป่าสีขาวของฤดูฝนกำลังร่วงหล่นลงพื้นดิน แม้ว่าดอกไม้จะจากไป แต่ธรรมชาติก็ได้มอบความเขียวชะอุ่มของผืนป่ามาทดแทนเช่นกันยามบ่ายขณะหลายคนยังวุ่นอยู่กับงาน ผมเดินเตร็ดเตร่ตามถนนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังอ่านป้ายก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของชายชรา ผมมองหาเจ้าของบ้านอยู่นอกรั้วในใจยังหวั่นอยู่ว่าจะได้พบเจ้าของบ้านหรือเปล่า เมื่อมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็เห็นชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองไม้ไผ่ข้างห้องครัวผมร้องเรียกชายชราอยู่นอกรั้ว เมื่อได้ยินเสียงเรียก แกก็เงยหน้าขึ้นมาดู และเรียกผมเข้ามาในบ้าน…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาจากเมืองริมแม่น้ำในครั้งนั้น ไม่นานผมก็เดินทางมาเมืองริมแม่น้ำอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อน...ความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อนเกิดขึ้นบนแม่น้ำสายนี้ ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเป็นฤดูฝน น้ำปริ่มฝั่งหมุนวนน่ากลัว ผมได้พบชายชราอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันนาน ชายชรานั่งอยู่บนเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งวิ่งสวนทางกับเรือที่ผมโดยสารมา เมือเรือวิ่งสวนทางก็ได้ยินเสียงทักทายของคนขับเรือทั้งสอง แม้ว่าจะฟังสำเนียงการสนทนาไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็พอจับใจความได้ว่าคนขับเรือทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร บนนาวาชีวิตกลางสายน้ำของชะตากรรม…
สุมาตร ภูลายยาว
สายโขงยังตัดไม่ขาด สายสวาทตัดขาดอย่างไรตัดบัวก็ยังไว้ใย ตัดน้ำใจยังมีเมตตาค่อยอิง ค่อยอาศัยกัน เอาไว้รักกันในวันข้างหน้ามาเถิด มาเถิดแก้วตา รำวงดีกว่าร่าเริงหัวใจ รำวงดีว่าร่าเริงหัวใจ....เสียงเพลงแหบพร่าลอยตามสายลมไกลออกไป จนเงียบหายไปกับโค้งขอบฟ้ากลางคืน นานครั้งชายชราจะร้องเพลง แต่บทเพลงที่ชอบร้องสม่ำเสมอคือเพลงนี้ ค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็นลง ชายชราจึงก่อกองไฟ เพื่อผ่อนเบาความหนาว เนิ่นนานที่กองไฟสว่างไสว แต่เมื่อฟืนที่กองสุมไว้ในตอนเย็นใกล้หมด แสงไฟก็สลัวลง เปลวไฟมีอยู่น้อยนิดเหมือนจะมอดดับลงทุกครั้งยามสายลมพัดเข้ามา พอสายลมพัดผ่านไป แสงไฟก็สว่างขึ้นมา หลังแสงไฟสว่าง…
สุมาตร ภูลายยาว
ภาพของชายชราวัย ๗๕ ปี กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บริเวณระเบียงกระท่อมแจ่มชัดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ กุ้งสีชมพูขนาดนิ้วก้อยหลายสิบตัวนอนนิ่งอยู่ในจานเบื้องหน้าของชายชรา ถัดจากจานกุ้งไปเป็นถ้วยน้ำพริกปลาร้าที่กินเหลือจากเมื่อวานรายการอาหารที่กล่าวมาทั้งหมดคืออาหารมื้อเย็นสำหรับชายชรา     ลูกแมวสองตัว ตัวหนึ่งสีน้ำตาล ตัวหนึ่งสีขาว หมอบคลอเคลียอยู่ด้านข้าง นานครั้งมันจะเดินมาหยอกล้อเล่นกัน พอหยอกล้อกันจนหนำใจมันก็กลับไปนอนนิ่งอยู่ที่เดิม บนท้องฟ้าอาทิตย์อัสดงลงไปไม่นานนัก ท้องฟ้าที่เคยกระจ่างเป็นสีฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำหลังจากอิ่มหนำสำราญ…