Skip to main content

สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน

ทันทีที่แสงสุดท้ายลับจากฟ้า กองไฟจึงถูกจุดขึ้น สายลมพัดโชยมาครั้งใด เปลวไฟจากกองไฟก็วูบไหวไปตามแรงลม รอบกองไฟคนกลุ่มใหญ่กำลังสนุกสนานด้วยเสียงร้องลำทำเพลง นอกจากเสียงร้องเพลงแล้ว ดูเหมือนว่าเสียงแคนจะดังกลบเสียงดนตรีชนิดอื่น หลังเสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็วางแคนลงด้านข้างแล้วหันไปหยิบห่อยาเส้นจากพกข้างเอวขึ้นมาโรยลงบนใบตองกล้วยสีน้ำตาลเข้ม จากนั้นก็ใช้มือม้วนตองกล้วยเข้าหากัน หลังเสร็จพ่อเฒ่าผุยยื่นมือไปจับเอาท่อนฟืนมาจุดกับด้านปลายของบุหรี่ เปลวไฟแดงวาบขึ้นมาจากด้านปลายบุหรี่แล้วควันสีขาวหม่นก็ลอยล่องผ่านความมืดขึ้นไปยังท้องฟ้า

หลังสูดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ พ่อเฒ่าผุยก็ดึงบุหรี่ออกมาจากปากแล้วพูดขึ้น

กูว่าอีกไม่นานหรอก พวกมึงคงพากันลืมความเก่าความหลังกันหมด โดยเฉพาะเสียงแคน เสียงลำ แคนนี่มันไม่ได้มีไว้ให้คนรุ่นเก่าอย่างกูเป่าอย่างเดียวดอกบักหลาน คนรุ่นพวกมึงถ้าสนใจจริงก็เป่ากันได้ แต่พวกมึงนี่ไม่ได้สนใจเลยไปฟังแต่เพลงอะไรไม่รู้ แม้แต่หมอลำก็ไม่เป็นเหมือนก่อน ลำไปลำมาจะพากันลงต่ำอยู่เรื่อยๆ เอาแต่เรื่องใต้สะดือมาเป็นกลอนลำ

พอพูดจบพ่อเฒ่าผุยหยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเนิบช้าสลับกับรวดเร็วสนุกสนาน เสียงแคนในจังหวะเนิบช้าอ้อยอิ่งฟังแล้วช่างเศร้าสร้อยเสียเต็มประดา เหมือนว่าคนเป่าอยู่ในห้วงอารมณ์ของความเศร้า ขณะบางคนเมื่อได้ฟังพร้อมจะร้องไห้

พระจันทร์ผ่าครึ่งซีกสีเหลืองนวลกระจ่างตาอยู่บนท้องฟ้า ดาวเหนือกระพริบแสงครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงไก่ขันดังแว่วมาจากหมู่บ้าน และอีกฝั่งของสายน้ำ ดวงดาว และดวงจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เวลากลางคืนกำลังใกล้ผ่านพ้น


ทุกครั้งที่เสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยจะได้รับรับแก้วเหล้าที่ชายหนุ่มนั่งอยู่เบื้องหน้าส่งให้ รับมาแล้วก็ยกขึ้นจรดกับริมฝีปากก่อนจะกลืนลงคอรวดเดียวหมด น้ำในแก้วใสเหมือนตาตั๊กแตนค่อยๆ ผ่านลำคอจนหายไปอยู่ในกระเพาะ แม้ว่าจะคุ้นเคยกับรสชาติ แต่ก็ชวนให้ร้อนวูบวาบตามลำคอ หลังเหล้าไปนอนนิ่งในกระเพาะ พ่อเฒ่าผุยก็ยื่นมือไปหยิบเนื้อปลาปิ้งที่เพิ่งยกออกมาจากกองไฟใส่เข้าไปในปาก


พ่อเฒ่าอย่ากินเหล้ามากนัก เดียวไม่มีใครมาเป่าแคนให้พวกผมฟัง
ไม่ต้องมาแช่งกู พวกมึงอยากให้กูตายกันนักหรือไง ถ้ากูตายไปจริงๆ แล้วพวกมึงจะรู้สึก
พูดเล่นเฉยๆ พ่อเฒ่า พวกผมอยากฟังเสียงแคนอยู่เลยไม่อยากให้กินเหล้าเยอะ
สิ้นเสียงคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น หลังเสียงหัวเราะเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็ถามคนที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟว่า

มีใครรู้ไหมว่าลายแคนก่อนหน้านี้เป็นลายอะไร
พวกผมไม่ใช่หมอแคนไม่รู้หรอกพ่อเฒ่า แต่ถ้าถามเพลงสตริง เพลงเพื่อชีวิตนี่พอรู้หลังพูดจบคนหนุ่มหลายคนพากันหัวเราะ
กูคิดแล้ว พวกมึงไม่รู้เรื่องอย่างนี้หรอก เพราะพวกมึงพากันลืมโคตรเหง้า ลืมสาแหรกทางวัฒนธรรมของตัวเองไปหมด

หลังพูดจบ พ่อเฒ่าผุยนั่งนิ่ง และเพ่งมองออกไปยังความมืดข้างหน้า เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องราวอะไรบางอย่าง...


หลายปีมาแล้วที่เสียงหัวเราะของคนต่างรุ่นแห่งหมู่บ้านไม่ได้ดังขึ้นตรงริมแม่น้ำแห่งนี้ เนื่องเพราะคนในหมู่บ้านต่างเร่งรีบหาอยู่หากิน ยิ่งคนหนุ่มคนสาว นับวันพวกเขายิ่งออกจากหมู่บ้านไปดิ้นรนทำมาหากินต่างถิ่นมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าหมู่บ้านจะอยู่ไกลซอกหลีก เงินยังเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นสำหรับทุกคน


ช่วงแห่งการจากบ้าน หลายคนไม่รู้ว่าแม่น้ำใกล้หมู่บ้านที่พวกเขาเคยลงอาบ เคยหาปลา และเก็บผักริมน้ำมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง บางคนรู้แต่เพียงว่าปีที่ผ่านมาน้ำในแม่น้ำแห้งขอดลง ซ้ำร้ายในบางวัน น้ำก็ขึ้น-ลงเหมือนน้ำทะเล ปกติน้ำจะขึ้นมากในช่วงเข้าพรรษา และแห้งลงในช่วงหน้าแล้ง แต่ปีนี้น้ำในแม่น้ำกลับเปลี่ยนแปลง ทั้งที่เป็นหน้าแล้ง น้ำกลับเอ่อขึ้นมาเหมือนหน้าฝน เพราะน้ำขึ้น-ลงไม่เป็นเวลานี่เอง ในปีที่ผ่านมาคนปลูกผักตามหาดทรายต้องเผชิญกับภาวะของความเจ็บช้ำ เพราะผักที่ปลูกโดนน้ำท่วมเสียหายไปไม่ใช่น้อย


เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ยิ่งดึกวงเหล้าริมฝั่งน้ำคนยิ่งเหลือน้อย บางคนทนง่วงไม่ไหวขอตัวกลับบ้านพักผ่อน สำหรับคนที่กลับบ้านไม่ได้ก็อาศัยนอนในเพิงพักของคนหาปลาใกล้ๆ สำหรับหลายคนที่เมามายเสียเต็มประดาจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ เรือที่จอดอยู่ตรงท่าน้ำกลายเป็นเรือนนอนแทนบ้าน


พระจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงไก่ขันตอนค่อนแจ้งดังแว่วมา พ่อเฒ่าผุยจับแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง ท่วงทำนองของลายแคนนี้พวกหมอลำเรียกว่า
ลายแคนล่องของ อันหมายถึงการลำลา หากว่าหมอแคนคนเป่าแคนลายนี้เมื่อใดก็หมายความว่า การแสดงทั้งหมดใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว 

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า แคนถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในโลกเมื่อใด และลายแคนแต่ละลายก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจอันใด แต่ลายแคนแต่ละลายได้รับการสืบสานจากคนรุ่นต่อรุ่น


เรื่องราวการสืบสายลายแคน พ่อเฒ่าผุยเคยบอกว่า ถ้าคนใดจะเรียนเป่าแคน คนนั้นต้องมีขันตั้ง--ยกครูเสียก่อน ค่ายกครูสำหรับครูบางคนก็แพง แต่สำหรับบางคนเพียงเหล้าขาวหนึ่งขวดก็เกินพอ ค่ายกครูมีไว้พอเป็นพิธี แต่นัยยะสำคัญอยู่ตรงที่ว่า อาจารย์กับลูกศิษย์จะทำข้อตกลงกันเบื้องต้นว่า ถ้าต้องการอยากเป่าแคนเป็นต้องตั้งใจเรียน ถ้าไม่ตั้งใจเรียนอาจารย์จะไม่สอน เพราะการสืบสายลายแคน คนจริงเท่านั้นถึงจะสืบทอด และสืบสานกันต่อไปได้


ลายแคนแต่ละลายมีที่มาต่างกัน คุณลักษณะของเส้นเสียงจึงต่างกันไปด้วย การนำลายแคนแต่ละลายมาใช้จึงเป็นไปตามลำดับอย่างมีขนบแบบแผน อย่างลายแคนลมพัดพร้าวนั้นแสดงออกถึงความม่วนซื่นสนุกสนาน ถ้าเป่าไปจีบสาวแล้วจะสนุกสนานกว่าเป่าให้พวกผู้ชายด้วยกันฟังหลายเท่า ยิ่งในช่วงมีงานบุญ เหล่าบรรดาหมอแคนจึงไม่พลาดที่จะหอบหิ้วเอาแคนของตัวเองทั้งแคน ๗ แคน  ๘ ออกมาเป่าบรรเลงให้คนได้เสพอรรถรสแห่งเสียงของแคนตัวเอง


สายน้ำหลั่งไหลไปเช่นใด ฤดูกาลก็ผ่านไปเช่นนั้น เมื่อมีวันเข้าพรรษา ก็มีวันออกพรรษา และช่วงวันออกพรรษาใกล้เดินทางมาถึง พระหนุ่มบางรูปหัวใจเต้นตึกตัก เพราะวันลาสิกขาใกล้เดินทางมาถึง บางรูปที่บวชก่อนเบียดยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เพราะหลังลาสิกขาแล้วจะได้เบียดในช่วงหน้าหนาวพอดี 


เสียงค้อน
กระทบไม้ และเสียงคนพูดคุยถามไถ่หาสิ่งของดังมาจากสันดอนทรายตรงริมฝั่งน้ำอยู่เป็นระยะ ช่วงนี้งานไหลเรือไฟใกล้เข้ามาเท่าใด ทุกคนต้องลงมือลงแรงกันอย่างรีบเร่ง เพื่อช่วยกันสร้างเรือไฟ เพราะเรือไฟที่จะไหลในช่วงวันออกพรรษาต้องทำให้เสร็จก่อนวันงาน ยิ่งปีนี้จะมีการประกวดยิ่งต้องเร่งทำให้เสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม ข่าวว่าปีนี้ผู้คนจากทั่วสารทิศจะหลั่งไหลมาดูการประกวดไหลเรือไฟ และมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ริมฝั่งน้ำจะมากกว่าปีที่ผ่านมา เรือไฟที่เคยทำแบบธรรมดาตามประเพณี ในปีนี้ต้องแต่งดาให้สวยงามกว่าเดิม

พ่อเฒ่าผุยเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในหมู่บ้านให้เป็นนักแสดงร่วมขบวนแห่เรือไฟ หน้าที่ของแกคือเป่าแคนให้จังหวะกับเหล่านางรำตลอดค่ำคืนแห่งการไหลเรือไฟ 


เมื่อได้รับหน้าที่ พ่อเฒ่าผุยก็กลับมานั่งพิจารณาแคนหลายเต้าของตัวเอง แต่ดูไปดูมาแกกลับรู้สึกว่าแม้จะมีแคนอยู่มากเพียงใด แต่ยังไม่มีเต้าไหนเสียงดีพอออกงานได้ ในห้วงเวลานั้นแกก็คิดถึงแคนเสียงดีของเสี่ยวเก่าผู้อยู่แขวงคำม่วน แล้วหมายกำหนดการเดินทางไปแขวงคำม่วนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง


ยามบ่ายของวัน ขณะหลายคนกำลังสาละวนอยู่กับการทำเรือไฟ ไม่ไกลจากท่าน้ำแห่ง   นั้น คนหาปลา ๓
-๔ คนกำลังไหลมองอยู่ ไม่นานนักคนหาปลากลุ่มนั้นก็กลับเข้าฝั่งพร้อมกับปลาตัวใหญ่ ทุกคนต่างวางมือจากการทำงาน และเดินมามุงดู
พวกเราจะทำอะไรกับปลาตัวนี้ดีจะต้มหรือว่าลาบ ช่างบางคนเอ่ยขึ้นเมื่อเพ่งมองปลาใหญ่ชั่วครู่
จะทำอะไรกินก็ได้ทั้งนั้น แต่ปลาชนิดนี้คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนบอกไว้ว่าห้ามไม่ให้กินตับของมัน โดยเฉพาะคนป่วยนี้กินไม่ได้เด็ดขาด ตับมันมีพิษพ่อเฒ่าผุยออกความเห็น
ปลาอะไรนี่พ่อเฒ่า เหมือนปลาเทโพเลยเด็กหนุ่มวัยไม่เต็ม ๑๘ เอ่ยถาม
ปลาเลิม

เมื่อการมุงดูปลาใหญ่ผ่านไปไม่นาน ปลาตัวนั้นก็ถูกนำไปชำแหละทำอาหารแบ่งปันกันกิน อาหารการกินในวันนี้ถือว่าสมบูรณ์กว่าวันอื่นๆ มีทั้งต้มยำปลา ลาบปลา ห่อหมก รวมทั้งหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ ทุกชิ้นส่วนของปลาถูกนำมาทำอาหารจนหมด ยกเว้นตับ เพราะความเชื่อที่ว่าตับของปลาเลิมนี้มีพิษ ตับจึงถูกขุดหลุมฝังอย่างดี


ตะวันคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ เครื่องมือทำงานหลายชิ้นถูกเก็บเข้าที่อีกครั้ง เวลาแห่งการงานอันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมด้วยความสุขเสร็จสิ้นลงอีกวัน หลังทุกคนวางมือจากงาน วงเหล้าวงเดิมถูกตั้งขึ้นมาเช่นเดิม แล้วเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาเลิมก็ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้ง


ปลานี้กูไม่เห็นนานแล้ว คิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่วันนี้ก็ได้เห็น นอกจากจะได้เห็นยังได้กินด้วย สมัยก่อนปลาเลิมนี่ไม่ใช่หาง่ายๆ กว่าจะได้ก็เสียเหงื่อพอสมควร เพราะต้องใช้เบ็ดดวงใหญ่เอาไม้ไผ่ ๓-๔ ลำเป็นคันเบ็ดจึงจะเอาปลาเลิมอยู่ เหยื่อเบ็ดนี่ใช้ลูกปลาก่าตัวเกือบ ๒ กิโลเป็นอย่างต่ำพ่อเฒ่าคำมี คนหาปลาวัยไม้ใกล้ฝั่งเอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเย็น มหรสพริมฝั่งน้ำก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการเดินทางมาของเสียงแคน เสียงพิณ เสียงลำ เหล้าขาวต้มกลั่นหอมกรุ่นถูกรินแจกจ่ายกันเช่นเดิม แม้ว่าลมหนาวของปลายฤดูฝนจะพัดมาเพียงใด แต่ความหนาวเย็นก็ถูกดับลงด้วยความร้อนจากกองไฟที่ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา


พ่อเฒ่าผมได้ยินคนบ้านใต้บอกว่า ปีนี้เขาได้แคนเสียงดีมา เขาจะเอาแคนมาประชันกับพ่อเฒ่า--พ่อเฒ่าคิดว่ายังไง
เรื่องแคนนี่แข่งกันไม่ได้หรอก เพราะไม่มีใครตัดสินว่าใครเป่าแคนได้ดีกว่าใคร แต่กูยืนยันว่าปีนี้พวกมึง และเหล่านางรำได้สนุกสนานกันเต็มที่แน่
พ่อเฒ่าผุยพูดจบแกก็หยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเริ่มขึ้นในจังหวะเนิบช้า และรุนแรงรวดเร็วขึ้นตามลำดับ เหมือนกระแสน้ำยามหน้าฝนที่พุ่งไปกระทบกับฝั่ง และแก่งหินกลางลำน้ำ


พ่อเฒ่า เขาว่าสุดยอดของลายแคนคือ ลายสุดสายแนนใช่หรือเปล่าเด็กหนุ่มช่างสงสัยเอ่ยถาม
ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ แต่กูว่าว่าลายแคนสุดสายแนนนั้น คนเป่าแคนเป่าได้ทุกคน แต่ถ้าเป็นลายแคนทางบ้านเรา มันต้องเป็นลายแบบผู้ไทหรือที่เขาเรียกว่า ลายแคนทางลาว หมอแคนบ้านเราเป่าได้ดีกว่าหมอคนบ้านอื่นทีเดียว
พ่อเฒ่าผุยบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ดวงจันทร์ใกล้วันเพ็ญลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เสียงแคนสลับเสียงพิณ เสียงลำยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับคนที่อยู่ริมน้ำแห่งนั้น แต่ในความสนุกสนานไม่มีใครรู้ได้ว่าในใจของพ่อเฒ่าผุยคิดอะไรอยู่ 

เสี่ยวเอย เฮาคึดว่ามื้ออื่นโตคงสิเอาแคนเสียงดีจากเมืองท่าแขกมาส่งเฮาทันเด้อ
พ่อเฒ่าผุยเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองพระธาตุศรีโคตรตะบองที่อยู่ทางฝั่งซ้ายพระธาตุพนม ก่อนจะหยิบแคนขึ้นมาเป่าในจังหวะเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งอีกครั้ง...

 

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
  ผมได้รู้ข่าวว่าไฟฟ้าที่บ้านดับก็ตอนอยู่บนดอยบ้านห้วยคุ ข่าวสารที่ส่งมาบอกเพียงว่า หลังจากผมและเธอออกจากบ้านมาได้ ๒ วันหลอดไฟที่อยู่ข้างนอกก็ดับลง ทั้งที่มันเพิ่งได้รับการติดตั้ง คนส่งสารยังบอกอีกว่า เขาได้ไปดูที่มิเตอร์ไฟฟ้าของบ้านแล้วปรากฏว่า สายไฟที่ต่อกับมิเตอร์ถูกดึงออกด้วยมือนิรนาม เมื่อสนทนากันอยู่นานสองนาน คนส่งสารผู้ใจดีก็บอกหมายเลขโทรศัพท์ของการไฟฟ้า หลังผู้แจ้งสารหมดสิ้นหน้าที่ ต่อไปจากนี้คงเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดำเนินการต่อ ผมและเธอเรามองหน้ากัน ต่างคนต่างตั้งคำถามในใจ เกิดอะไรขึ้นกับบ้านที่เราเช่าอยู่มาเกือบครึ่งปี? ผมถามเธอก่อนหลังความเงียบมาเยือนเราสองคนได้ไม่นาน"นั่นสิ…
สุมาตร ภูลายยาว
บนเทือกเขาสูงอันไกลโพ้นในดินแดนที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นหลังคาโลก บนเทือกเขาสูงกว่า ๕,๐๐๐ ฟุตจากระดับน้ำทะเลถูกปกคลุมด้วยหิมะเย็นจัด หลังการปกคลุมของหิมะ หลายร้อยหลายพันปี เมื่อความร้อนชื้นของอากาศมาเยือน หิมะจึงถูกหลอมละลายจนก่อเกิดเป็นต้นธารของแม่น้ำอันยิ่งใหญ่สายหนึ่งของโลก ในตอนบน แม่น้ำสีเขียวมรกตอันเกิดจากการละลายของหิมะสายนี้อุดมไปด้วยความหนาวเย็น แม่น้ำได้ไหลจากต้นกำเนิดบนที่สูงลงสู่ด้านต่ำตามกฏแรงโน้นถ่วงของโลกผ่านซอกหุบเขาอันสลับซับซ้อน ผ่านผืนแผ่นดินอันอุดมไปด้วยความแตกต่างทางสังคม วัฒนธรรม และลัทธิการเมืองการปกครอง ทุกพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน…
สุมาตร ภูลายยาว
[๑]เมษายน ๒๕๔๗...แสงแดดใกล้ลับขอบฟ้า คนหาปลาบางกลุ่มกำลังเตรียมตัวเอาเรือเข้าฝั่ง เพื่อกลับคืนสู่บ้านผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากการหาปลามาตลอดทั้งวัน การหาปลาเป็นกิจวัตรปกติของคนริมฝั่งแม่น้ำโขงมาเนิ่นนาน แต่ในยามเย็นวันนี้ไม่เป็นเหมือนยามเย็นของวันอื่นๆ ที่ผ่านมา ช่วงนี้ริมฝั่งแม่น้ำโขงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะข่าวการเดินทางมาของปลาบึก ปลาใหญ่ที่คนหาปลาขนานนามให้ว่า ‘ปลาเทพเจ้าแห่งลำน้ำโขง’ พี่รงค์ จินะราช คนหาปลาบ้านหาดไคร้ได้เอาเรือออกไปไหลมองในแม่น้ำโขงบริเวณดอนแวงตามปกติ มองที่ไหลไปตามกระแสน้ำเป็นมองขนาดเล็ก พอมองไหลไปปะทะกับสิ่งมีชีวิตใต้น้ำ ชั่วพริบตานั้นฟองอากาศขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนผิวน้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
เสียงผู้คนส่งเสียงเชียร์เรือยาวในแม่น้ำดังไปทั่วริมฝั่ง งานแข่งเรือเริ่มขึ้นในวันสาขารล่อง--ประมาณวันที่ ๑๔ เมษายน เบื้องล่างเหนือสายน้ำ เรือ ๒ ลำกำลังขับเคี่ยวกันอย่างหนัก ไม่นานนักเรือที่มีฝีพายใส่เสื้อสีแดงก็ทะยานเข้าเส้นชัยหลังเรือลำนั้นเข้าเส้นชัยแล้ว การแข่งเรือรอบคัดเลือกจึงสิ้นสุดลง พรุ่งนี้จะเป็นวันตัดสินว่า เรือของคุ้มบ้านไหน จะได้ลอยลำเฉิดฉายเข้าเส้นชัย เสียงเพลงเฉลิมฉลองทั้งปราชัย และมีชัยดังมาเป็นระยะ เมื่อผู้คนเริ่มทยอยกลับบ้าน ชายชราก็ลุกจากเสื่อที่ปูนั่ง และเดินออกมาจากริมน้ำคืนสู่บ้าน ก่อนจะเดินมาถึงบันไดทางขึ้นวัด ชายชราก็ก็หยุดคุยกับใครบางคนตรงเชิงบันได“เด็กบ้านเรามันไม่สู้…
สุมาตร ภูลายยาว
ตะวันสายแดดส่องฟ้า เรือหาปลากับชายชรากำลังเดินทางออกจากท่า เพื่อหาปลาอีกครั้ง ในแสงแดดยามสาย ชายชรากำลังสลัดคราบไคร้ที่เกาะติดเบ็ดออก เพื่อทำความสะอาดให้มันกลับมาพร้อมใช้งานอีกครั้งสายน้ำลดระดับลงอีกครั้งหลังโถมถั่งในหน้าฝน สายน้ำเชี่ยวกรากกลับกลายเป็นแผ่วเบา และลดความเกรี้ยวกราดลง วันนี้ไม่แตกต่างจากหลายวันในช่วงเริ่มต้นฤดูหนาว ชายชรายังคงดำเนินชีวิตไปตามปกติในครรลองของคนกับเรือเหนือสายน้ำอันกล่าวได้ว่าคือสายชีวิตของชายชราด้วยสายลมแห่งเดือนมกราคมพัดมาเยือกเย็น ริมฝั่งน้ำตรงกระท่อมหาปลา ชายชรานั่งเงียบงันอยู่ข้างกองไฟ ๒ วันมาแล้วยังหาปลาไม่ได้ ช่วงนี้จึงมีเพียงกุ้งติดฟดริมฝั่งน้ำเท่านั้น…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังจากวันแรกจนถึงวันนี้ ผมลองนับเดือน นับปีดูแล้ว ผมมาอยู่เมืองชายแดนริมแม่น้ำแห่งนี้ ล่วงเข้าไป ๕ ปีแล้ว ใน ๕ ปีของการใช้ชีวิต แน่ล่ะย่อมแตกต่างจาก ๗๖ ปีของชายชราอย่างสิ้นเชิง แต่สิ่งที่ผมได้เห็นไม่ต่างกับชายชราเลยแม้แต่น้อยแม้จะนานกี่ชั่วอายุคน ผู้คนริมฝั่งน้ำยังคงพึ่งพาแม่น้ำสายนี้ในด้านต่างๆ อยู่เช่นเดิม คนหาปลายังคงหาปลา แม้ว่าจะได้ปลาน้อยลงก็ตามที คนขับเรือรับจ้างก็ยังคงขับเรืออยู่เช่นเดิม แม้ว่าจะมีข่าวการเกิดขึ้นของสะพานข้ามแม่น้ำก็ตามที คนแบกของตรงท่าเรือก็ยังคงทำหน้าที่แข็งขันกว่าเดิม แม้จะแบกของได้น้อยลง…
สุมาตร ภูลายยาว
ในยามเย็น หลังแสงตะเกียงสว่างขึ้น ความสว่างของแสงไฟตะเกียงก็ตัดกับท้องฟ้ามืดครึ้มไร้ดวงดาวแต้มขอบฟ้า ดูเหมือนว่ายามนี้สายฝนต้นฤดูมาถึงแล้ว ในที่ไกลออกไปฟ้าแลบแปลบปลาบ ทุกครั้งที่ฟ้าแลบ ความสว่างที่เกิดขึ้นเพียงสั้นๆ ทำให้ฟ้าสีดำดูน่ากลัว ไม่นานนักหลังฟ้าร้องเข้ามาใกล้ สายฝนปานฟ้ารั่วก็โถมถั่งลงมายามนี้ปลาหลายชนิดอพยพขึ้นเหนือ เพื่อวางไข่ จะเหลือเพียงปลาบางชนิดเท่านั้นอพยพขึ้นมาช่วงน้ำลด ในช่วงนี้ คนหาปลาไหลมองก็จะเริ่มยุติการหาปลาลง เพราะน้ำในแม่น้ำเป็นน้ำใหญ่หาปลาลำบาก ช่วงน้ำใหญ่นี่เองถือว่าธรรมชาติได้จัดการมนุษย์…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาถึงบ้าน ผมหวนคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่แกเล่าให้ฟัง ห้วงอารมณ์นั้น ผมคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่ง หนังสือเล่มนี้เล่าถึงการรอนแรมออกทะเล เพื่อตกปลาของชายแก่คนหนึ่ง การเดินทางออกทะเลของชายชราในหนังสืออาจแตกต่างกับการเดินทางออกสู่แม่น้ำของชายชราแห่งโลกของความจริงอยู่บ้าง แต่ในวิถีของชายเฒ่าทั้งสองคน มีเรื่องราวทั้งเหมือน ทั้งแตกต่างรวมอยู่ด้วยกัน การเดินทางไปสู่วิถีของการเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจจะไม่ต่างกันมากนักในการกระทำ แต่เป้าหมายในการออกเรือ เพื่อเป็นนักล่าของชายทั้งสองอาจแตกต่างกัน คนหนึ่งออกเรือไปล่าเพื่อความสุขตามคิดความเชื่อของตัวเอง แต่อีกคนหนึ่ง…
สุมาตร ภูลายยาว
แสงแดดยามบ่ายคลี่ม่านกระจายโอบไล้ยอดไม้ แรงลมพัดยอดไม้เอนไหว ดอกไม้ป่าสีขาวของฤดูฝนกำลังร่วงหล่นลงพื้นดิน แม้ว่าดอกไม้จะจากไป แต่ธรรมชาติก็ได้มอบความเขียวชะอุ่มของผืนป่ามาทดแทนเช่นกันยามบ่ายขณะหลายคนยังวุ่นอยู่กับงาน ผมเดินเตร็ดเตร่ตามถนนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังอ่านป้ายก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของชายชรา ผมมองหาเจ้าของบ้านอยู่นอกรั้วในใจยังหวั่นอยู่ว่าจะได้พบเจ้าของบ้านหรือเปล่า เมื่อมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็เห็นชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองไม้ไผ่ข้างห้องครัวผมร้องเรียกชายชราอยู่นอกรั้ว เมื่อได้ยินเสียงเรียก แกก็เงยหน้าขึ้นมาดู และเรียกผมเข้ามาในบ้าน…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังกลับมาจากเมืองริมแม่น้ำในครั้งนั้น ไม่นานผมก็เดินทางมาเมืองริมแม่น้ำอีกครั้งพร้อมกับความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อน...ความทรงจำเมื่อ ๒ เดือนก่อนเกิดขึ้นบนแม่น้ำสายนี้ ผมจำได้ว่าช่วงนั้นเป็นฤดูฝน น้ำปริ่มฝั่งหมุนวนน่ากลัว ผมได้พบชายชราอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันนาน ชายชรานั่งอยู่บนเรืออีกลำหนึ่ง ซึ่งวิ่งสวนทางกับเรือที่ผมโดยสารมา เมือเรือวิ่งสวนทางก็ได้ยินเสียงทักทายของคนขับเรือทั้งสอง แม้ว่าจะฟังสำเนียงการสนทนาไม่รู้เรื่องทั้งหมด แต่ก็พอจับใจความได้ว่าคนขับเรือทั้งสองคุยกันเรื่องอะไร บนนาวาชีวิตกลางสายน้ำของชะตากรรม…
สุมาตร ภูลายยาว
สายโขงยังตัดไม่ขาด สายสวาทตัดขาดอย่างไรตัดบัวก็ยังไว้ใย ตัดน้ำใจยังมีเมตตาค่อยอิง ค่อยอาศัยกัน เอาไว้รักกันในวันข้างหน้ามาเถิด มาเถิดแก้วตา รำวงดีกว่าร่าเริงหัวใจ รำวงดีว่าร่าเริงหัวใจ....เสียงเพลงแหบพร่าลอยตามสายลมไกลออกไป จนเงียบหายไปกับโค้งขอบฟ้ากลางคืน นานครั้งชายชราจะร้องเพลง แต่บทเพลงที่ชอบร้องสม่ำเสมอคือเพลงนี้ ค่ำคืนนี้อากาศหนาวเย็นลง ชายชราจึงก่อกองไฟ เพื่อผ่อนเบาความหนาว เนิ่นนานที่กองไฟสว่างไสว แต่เมื่อฟืนที่กองสุมไว้ในตอนเย็นใกล้หมด แสงไฟก็สลัวลง เปลวไฟมีอยู่น้อยนิดเหมือนจะมอดดับลงทุกครั้งยามสายลมพัดเข้ามา พอสายลมพัดผ่านไป แสงไฟก็สว่างขึ้นมา หลังแสงไฟสว่าง…
สุมาตร ภูลายยาว
ภาพของชายชราวัย ๗๕ ปี กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่บริเวณระเบียงกระท่อมแจ่มชัดขึ้นเมื่อเข้าไปใกล้ กุ้งสีชมพูขนาดนิ้วก้อยหลายสิบตัวนอนนิ่งอยู่ในจานเบื้องหน้าของชายชรา ถัดจากจานกุ้งไปเป็นถ้วยน้ำพริกปลาร้าที่กินเหลือจากเมื่อวานรายการอาหารที่กล่าวมาทั้งหมดคืออาหารมื้อเย็นสำหรับชายชรา     ลูกแมวสองตัว ตัวหนึ่งสีน้ำตาล ตัวหนึ่งสีขาว หมอบคลอเคลียอยู่ด้านข้าง นานครั้งมันจะเดินมาหยอกล้อเล่นกัน พอหยอกล้อกันจนหนำใจมันก็กลับไปนอนนิ่งอยู่ที่เดิม บนท้องฟ้าอาทิตย์อัสดงลงไปไม่นานนัก ท้องฟ้าที่เคยกระจ่างเป็นสีฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำหลังจากอิ่มหนำสำราญ…