Skip to main content

สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน

ทันทีที่แสงสุดท้ายลับจากฟ้า กองไฟจึงถูกจุดขึ้น สายลมพัดโชยมาครั้งใด เปลวไฟจากกองไฟก็วูบไหวไปตามแรงลม รอบกองไฟคนกลุ่มใหญ่กำลังสนุกสนานด้วยเสียงร้องลำทำเพลง นอกจากเสียงร้องเพลงแล้ว ดูเหมือนว่าเสียงแคนจะดังกลบเสียงดนตรีชนิดอื่น หลังเสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็วางแคนลงด้านข้างแล้วหันไปหยิบห่อยาเส้นจากพกข้างเอวขึ้นมาโรยลงบนใบตองกล้วยสีน้ำตาลเข้ม จากนั้นก็ใช้มือม้วนตองกล้วยเข้าหากัน หลังเสร็จพ่อเฒ่าผุยยื่นมือไปจับเอาท่อนฟืนมาจุดกับด้านปลายของบุหรี่ เปลวไฟแดงวาบขึ้นมาจากด้านปลายบุหรี่แล้วควันสีขาวหม่นก็ลอยล่องผ่านความมืดขึ้นไปยังท้องฟ้า

หลังสูดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ พ่อเฒ่าผุยก็ดึงบุหรี่ออกมาจากปากแล้วพูดขึ้น

กูว่าอีกไม่นานหรอก พวกมึงคงพากันลืมความเก่าความหลังกันหมด โดยเฉพาะเสียงแคน เสียงลำ แคนนี่มันไม่ได้มีไว้ให้คนรุ่นเก่าอย่างกูเป่าอย่างเดียวดอกบักหลาน คนรุ่นพวกมึงถ้าสนใจจริงก็เป่ากันได้ แต่พวกมึงนี่ไม่ได้สนใจเลยไปฟังแต่เพลงอะไรไม่รู้ แม้แต่หมอลำก็ไม่เป็นเหมือนก่อน ลำไปลำมาจะพากันลงต่ำอยู่เรื่อยๆ เอาแต่เรื่องใต้สะดือมาเป็นกลอนลำ

พอพูดจบพ่อเฒ่าผุยหยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเนิบช้าสลับกับรวดเร็วสนุกสนาน เสียงแคนในจังหวะเนิบช้าอ้อยอิ่งฟังแล้วช่างเศร้าสร้อยเสียเต็มประดา เหมือนว่าคนเป่าอยู่ในห้วงอารมณ์ของความเศร้า ขณะบางคนเมื่อได้ฟังพร้อมจะร้องไห้

พระจันทร์ผ่าครึ่งซีกสีเหลืองนวลกระจ่างตาอยู่บนท้องฟ้า ดาวเหนือกระพริบแสงครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงไก่ขันดังแว่วมาจากหมู่บ้าน และอีกฝั่งของสายน้ำ ดวงดาว และดวงจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เวลากลางคืนกำลังใกล้ผ่านพ้น


ทุกครั้งที่เสียงแคนเงียบลง พ่อเฒ่าผุยจะได้รับรับแก้วเหล้าที่ชายหนุ่มนั่งอยู่เบื้องหน้าส่งให้ รับมาแล้วก็ยกขึ้นจรดกับริมฝีปากก่อนจะกลืนลงคอรวดเดียวหมด น้ำในแก้วใสเหมือนตาตั๊กแตนค่อยๆ ผ่านลำคอจนหายไปอยู่ในกระเพาะ แม้ว่าจะคุ้นเคยกับรสชาติ แต่ก็ชวนให้ร้อนวูบวาบตามลำคอ หลังเหล้าไปนอนนิ่งในกระเพาะ พ่อเฒ่าผุยก็ยื่นมือไปหยิบเนื้อปลาปิ้งที่เพิ่งยกออกมาจากกองไฟใส่เข้าไปในปาก


พ่อเฒ่าอย่ากินเหล้ามากนัก เดียวไม่มีใครมาเป่าแคนให้พวกผมฟัง
ไม่ต้องมาแช่งกู พวกมึงอยากให้กูตายกันนักหรือไง ถ้ากูตายไปจริงๆ แล้วพวกมึงจะรู้สึก
พูดเล่นเฉยๆ พ่อเฒ่า พวกผมอยากฟังเสียงแคนอยู่เลยไม่อยากให้กินเหล้าเยอะ
สิ้นเสียงคำพูดของชายหนุ่มคนนั้น เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น หลังเสียงหัวเราะเงียบลง พ่อเฒ่าผุยก็ถามคนที่นั่งล้อมวงรอบกองไฟว่า

มีใครรู้ไหมว่าลายแคนก่อนหน้านี้เป็นลายอะไร
พวกผมไม่ใช่หมอแคนไม่รู้หรอกพ่อเฒ่า แต่ถ้าถามเพลงสตริง เพลงเพื่อชีวิตนี่พอรู้หลังพูดจบคนหนุ่มหลายคนพากันหัวเราะ
กูคิดแล้ว พวกมึงไม่รู้เรื่องอย่างนี้หรอก เพราะพวกมึงพากันลืมโคตรเหง้า ลืมสาแหรกทางวัฒนธรรมของตัวเองไปหมด

หลังพูดจบ พ่อเฒ่าผุยนั่งนิ่ง และเพ่งมองออกไปยังความมืดข้างหน้า เหมือนกำลังครุ่นคิดเรื่องราวอะไรบางอย่าง...


หลายปีมาแล้วที่เสียงหัวเราะของคนต่างรุ่นแห่งหมู่บ้านไม่ได้ดังขึ้นตรงริมแม่น้ำแห่งนี้ เนื่องเพราะคนในหมู่บ้านต่างเร่งรีบหาอยู่หากิน ยิ่งคนหนุ่มคนสาว นับวันพวกเขายิ่งออกจากหมู่บ้านไปดิ้นรนทำมาหากินต่างถิ่นมากขึ้นทุกวัน แม้ว่าหมู่บ้านจะอยู่ไกลซอกหลีก เงินยังเป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยไปกว่าอย่างอื่นสำหรับทุกคน


ช่วงแห่งการจากบ้าน หลายคนไม่รู้ว่าแม่น้ำใกล้หมู่บ้านที่พวกเขาเคยลงอาบ เคยหาปลา และเก็บผักริมน้ำมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง บางคนรู้แต่เพียงว่าปีที่ผ่านมาน้ำในแม่น้ำแห้งขอดลง ซ้ำร้ายในบางวัน น้ำก็ขึ้น-ลงเหมือนน้ำทะเล ปกติน้ำจะขึ้นมากในช่วงเข้าพรรษา และแห้งลงในช่วงหน้าแล้ง แต่ปีนี้น้ำในแม่น้ำกลับเปลี่ยนแปลง ทั้งที่เป็นหน้าแล้ง น้ำกลับเอ่อขึ้นมาเหมือนหน้าฝน เพราะน้ำขึ้น-ลงไม่เป็นเวลานี่เอง ในปีที่ผ่านมาคนปลูกผักตามหาดทรายต้องเผชิญกับภาวะของความเจ็บช้ำ เพราะผักที่ปลูกโดนน้ำท่วมเสียหายไปไม่ใช่น้อย


เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ยิ่งดึกวงเหล้าริมฝั่งน้ำคนยิ่งเหลือน้อย บางคนทนง่วงไม่ไหวขอตัวกลับบ้านพักผ่อน สำหรับคนที่กลับบ้านไม่ได้ก็อาศัยนอนในเพิงพักของคนหาปลาใกล้ๆ สำหรับหลายคนที่เมามายเสียเต็มประดาจนหาทางกลับบ้านไม่เจอ เรือที่จอดอยู่ตรงท่าน้ำกลายเป็นเรือนนอนแทนบ้าน


พระจันทร์คล้อยต่ำลงเรื่อยๆ เสียงไก่ขันตอนค่อนแจ้งดังแว่วมา พ่อเฒ่าผุยจับแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง ท่วงทำนองของลายแคนนี้พวกหมอลำเรียกว่า
ลายแคนล่องของ อันหมายถึงการลำลา หากว่าหมอแคนคนเป่าแคนลายนี้เมื่อใดก็หมายความว่า การแสดงทั้งหมดใกล้เสร็จสิ้นลงแล้ว 

ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า แคนถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในโลกเมื่อใด และลายแคนแต่ละลายก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดขึ้นมาจากแรงบันดาลใจอันใด แต่ลายแคนแต่ละลายได้รับการสืบสานจากคนรุ่นต่อรุ่น


เรื่องราวการสืบสายลายแคน พ่อเฒ่าผุยเคยบอกว่า ถ้าคนใดจะเรียนเป่าแคน คนนั้นต้องมีขันตั้ง--ยกครูเสียก่อน ค่ายกครูสำหรับครูบางคนก็แพง แต่สำหรับบางคนเพียงเหล้าขาวหนึ่งขวดก็เกินพอ ค่ายกครูมีไว้พอเป็นพิธี แต่นัยยะสำคัญอยู่ตรงที่ว่า อาจารย์กับลูกศิษย์จะทำข้อตกลงกันเบื้องต้นว่า ถ้าต้องการอยากเป่าแคนเป็นต้องตั้งใจเรียน ถ้าไม่ตั้งใจเรียนอาจารย์จะไม่สอน เพราะการสืบสายลายแคน คนจริงเท่านั้นถึงจะสืบทอด และสืบสานกันต่อไปได้


ลายแคนแต่ละลายมีที่มาต่างกัน คุณลักษณะของเส้นเสียงจึงต่างกันไปด้วย การนำลายแคนแต่ละลายมาใช้จึงเป็นไปตามลำดับอย่างมีขนบแบบแผน อย่างลายแคนลมพัดพร้าวนั้นแสดงออกถึงความม่วนซื่นสนุกสนาน ถ้าเป่าไปจีบสาวแล้วจะสนุกสนานกว่าเป่าให้พวกผู้ชายด้วยกันฟังหลายเท่า ยิ่งในช่วงมีงานบุญ เหล่าบรรดาหมอแคนจึงไม่พลาดที่จะหอบหิ้วเอาแคนของตัวเองทั้งแคน ๗ แคน  ๘ ออกมาเป่าบรรเลงให้คนได้เสพอรรถรสแห่งเสียงของแคนตัวเอง


สายน้ำหลั่งไหลไปเช่นใด ฤดูกาลก็ผ่านไปเช่นนั้น เมื่อมีวันเข้าพรรษา ก็มีวันออกพรรษา และช่วงวันออกพรรษาใกล้เดินทางมาถึง พระหนุ่มบางรูปหัวใจเต้นตึกตัก เพราะวันลาสิกขาใกล้เดินทางมาถึง บางรูปที่บวชก่อนเบียดยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เพราะหลังลาสิกขาแล้วจะได้เบียดในช่วงหน้าหนาวพอดี 


เสียงค้อน
กระทบไม้ และเสียงคนพูดคุยถามไถ่หาสิ่งของดังมาจากสันดอนทรายตรงริมฝั่งน้ำอยู่เป็นระยะ ช่วงนี้งานไหลเรือไฟใกล้เข้ามาเท่าใด ทุกคนต้องลงมือลงแรงกันอย่างรีบเร่ง เพื่อช่วยกันสร้างเรือไฟ เพราะเรือไฟที่จะไหลในช่วงวันออกพรรษาต้องทำให้เสร็จก่อนวันงาน ยิ่งปีนี้จะมีการประกวดยิ่งต้องเร่งทำให้เสร็จเร็วขึ้นกว่าเดิม ข่าวว่าปีนี้ผู้คนจากทั่วสารทิศจะหลั่งไหลมาดูการประกวดไหลเรือไฟ และมาชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่ริมฝั่งน้ำจะมากกว่าปีที่ผ่านมา เรือไฟที่เคยทำแบบธรรมดาตามประเพณี ในปีนี้ต้องแต่งดาให้สวยงามกว่าเดิม

พ่อเฒ่าผุยเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการคัดเลือกจากคนในหมู่บ้านให้เป็นนักแสดงร่วมขบวนแห่เรือไฟ หน้าที่ของแกคือเป่าแคนให้จังหวะกับเหล่านางรำตลอดค่ำคืนแห่งการไหลเรือไฟ 


เมื่อได้รับหน้าที่ พ่อเฒ่าผุยก็กลับมานั่งพิจารณาแคนหลายเต้าของตัวเอง แต่ดูไปดูมาแกกลับรู้สึกว่าแม้จะมีแคนอยู่มากเพียงใด แต่ยังไม่มีเต้าไหนเสียงดีพอออกงานได้ ในห้วงเวลานั้นแกก็คิดถึงแคนเสียงดีของเสี่ยวเก่าผู้อยู่แขวงคำม่วน แล้วหมายกำหนดการเดินทางไปแขวงคำม่วนก็ปรากฏขึ้นในห้วงคำนึง


ยามบ่ายของวัน ขณะหลายคนกำลังสาละวนอยู่กับการทำเรือไฟ ไม่ไกลจากท่าน้ำแห่ง   นั้น คนหาปลา ๓
-๔ คนกำลังไหลมองอยู่ ไม่นานนักคนหาปลากลุ่มนั้นก็กลับเข้าฝั่งพร้อมกับปลาตัวใหญ่ ทุกคนต่างวางมือจากการทำงาน และเดินมามุงดู
พวกเราจะทำอะไรกับปลาตัวนี้ดีจะต้มหรือว่าลาบ ช่างบางคนเอ่ยขึ้นเมื่อเพ่งมองปลาใหญ่ชั่วครู่
จะทำอะไรกินก็ได้ทั้งนั้น แต่ปลาชนิดนี้คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนบอกไว้ว่าห้ามไม่ให้กินตับของมัน โดยเฉพาะคนป่วยนี้กินไม่ได้เด็ดขาด ตับมันมีพิษพ่อเฒ่าผุยออกความเห็น
ปลาอะไรนี่พ่อเฒ่า เหมือนปลาเทโพเลยเด็กหนุ่มวัยไม่เต็ม ๑๘ เอ่ยถาม
ปลาเลิม

เมื่อการมุงดูปลาใหญ่ผ่านไปไม่นาน ปลาตัวนั้นก็ถูกนำไปชำแหละทำอาหารแบ่งปันกันกิน อาหารการกินในวันนี้ถือว่าสมบูรณ์กว่าวันอื่นๆ มีทั้งต้มยำปลา ลาบปลา ห่อหมก รวมทั้งหลามใส่กระบอกไม้ไผ่ ทุกชิ้นส่วนของปลาถูกนำมาทำอาหารจนหมด ยกเว้นตับ เพราะความเชื่อที่ว่าตับของปลาเลิมนี้มีพิษ ตับจึงถูกขุดหลุมฝังอย่างดี


ตะวันคล้อยต่ำลงไปเรื่อยๆ เครื่องมือทำงานหลายชิ้นถูกเก็บเข้าที่อีกครั้ง เวลาแห่งการงานอันเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าแต่เปี่ยมด้วยความสุขเสร็จสิ้นลงอีกวัน หลังทุกคนวางมือจากงาน วงเหล้าวงเดิมถูกตั้งขึ้นมาเช่นเดิม แล้วเรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาเลิมก็ถูกนำกลับมาเล่าอีกครั้ง


ปลานี้กูไม่เห็นนานแล้ว คิดว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่วันนี้ก็ได้เห็น นอกจากจะได้เห็นยังได้กินด้วย สมัยก่อนปลาเลิมนี่ไม่ใช่หาง่ายๆ กว่าจะได้ก็เสียเหงื่อพอสมควร เพราะต้องใช้เบ็ดดวงใหญ่เอาไม้ไผ่ ๓-๔ ลำเป็นคันเบ็ดจึงจะเอาปลาเลิมอยู่ เหยื่อเบ็ดนี่ใช้ลูกปลาก่าตัวเกือบ ๒ กิโลเป็นอย่างต่ำพ่อเฒ่าคำมี คนหาปลาวัยไม้ใกล้ฝั่งเอ่ยขึ้น

เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับอาหารมื้อเย็น มหรสพริมฝั่งน้ำก็เริ่มขึ้นพร้อมกับการเดินทางมาของเสียงแคน เสียงพิณ เสียงลำ เหล้าขาวต้มกลั่นหอมกรุ่นถูกรินแจกจ่ายกันเช่นเดิม แม้ว่าลมหนาวของปลายฤดูฝนจะพัดมาเพียงใด แต่ความหนาวเย็นก็ถูกดับลงด้วยความร้อนจากกองไฟที่ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา


พ่อเฒ่าผมได้ยินคนบ้านใต้บอกว่า ปีนี้เขาได้แคนเสียงดีมา เขาจะเอาแคนมาประชันกับพ่อเฒ่า--พ่อเฒ่าคิดว่ายังไง
เรื่องแคนนี่แข่งกันไม่ได้หรอก เพราะไม่มีใครตัดสินว่าใครเป่าแคนได้ดีกว่าใคร แต่กูยืนยันว่าปีนี้พวกมึง และเหล่านางรำได้สนุกสนานกันเต็มที่แน่
พ่อเฒ่าผุยพูดจบแกก็หยิบแคนขึ้นมาเป่าอีกครั้ง เสียงแคนเริ่มขึ้นในจังหวะเนิบช้า และรุนแรงรวดเร็วขึ้นตามลำดับ เหมือนกระแสน้ำยามหน้าฝนที่พุ่งไปกระทบกับฝั่ง และแก่งหินกลางลำน้ำ


พ่อเฒ่า เขาว่าสุดยอดของลายแคนคือ ลายสุดสายแนนใช่หรือเปล่าเด็กหนุ่มช่างสงสัยเอ่ยถาม
ก็คงเป็นอย่างนั้นแหละ แต่กูว่าว่าลายแคนสุดสายแนนนั้น คนเป่าแคนเป่าได้ทุกคน แต่ถ้าเป็นลายแคนทางบ้านเรา มันต้องเป็นลายแบบผู้ไทหรือที่เขาเรียกว่า ลายแคนทางลาว หมอแคนบ้านเราเป่าได้ดีกว่าหมอคนบ้านอื่นทีเดียว
พ่อเฒ่าผุยบอกกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

ดวงจันทร์ใกล้วันเพ็ญลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า เสียงแคนสลับเสียงพิณ เสียงลำยังคงสร้างความสนุกสนานให้กับคนที่อยู่ริมน้ำแห่งนั้น แต่ในความสนุกสนานไม่มีใครรู้ได้ว่าในใจของพ่อเฒ่าผุยคิดอะไรอยู่ 

เสี่ยวเอย เฮาคึดว่ามื้ออื่นโตคงสิเอาแคนเสียงดีจากเมืองท่าแขกมาส่งเฮาทันเด้อ
พ่อเฒ่าผุยเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับหันหน้าไปมองพระธาตุศรีโคตรตะบองที่อยู่ทางฝั่งซ้ายพระธาตุพนม ก่อนจะหยิบแคนขึ้นมาเป่าในจังหวะเศร้าสร้อยอ้อยอิ่งอีกครั้ง...

 

 

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
จากประวัติศาสาตร์ที่มีการบันทึกทั้งเป็นอักษร และไม่มีอักษร การสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ และทำกิจกรรมอย่างอื่นมีมาหลายร้อยปีแล้ว หากนึกถึงเขื่อนหลายคนอาจนึกถึงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นลำน้ำ และเมื่อนึกถึงเขื่อน เรานึกถึงอะไรเกี่ยวกับเขื่อนบ้าง แน่ละบางคนอาจตอบว่าไฟฟ้า บางคนอาจตอบว่าสถานที่ท่องเที่ยวรวมไปถึงน้ำเพื่อการเกษตร แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมนึกถึงไปเมื่อพูดถึงเขื่อน คือเรื่องราวเล็กๆ ในบริเวณสร้างเขื่อน ทั้งเรื่องของป่าไม้ ที่ดิน สัตว์ป่า และรวมไปถึงเรื่องราวของผู้คนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ก่อการสร้างเขื่อน “ทองปาน”…
สุมาตร ภูลายยาว
เราต่างรู้ชัดแจ้งเห็นจริงว่า บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก อันมีสันฐานเป็นทรงกลมคล้ายผลส้มใบนี้มีน้ำมากกว่าพื้นดิน แต่สิ่งหนึ่งที่เราหลายคนอาจไม่รู้คือ เรื่องการแบ่งพรมแดนแผ่นดินโดยใช้แม่น้ำเป็นเส้นแบ่ง คนในยุคสมัยก่อนคิดได้ยังไงว่า แม่น้ำส่วนไหนเป็นของประเทศใด เพราะธรรมชาติแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา    ในเอเชียของเรามีแม่น้ำหลายสายที่ถูกขีดแบ่งเป็นเส้นพรมแดน ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบ่งหมู่บ้านกับหมู่บ้าน ตำบลกับตำบล จังหวัดกับจังหวัด และประเทศกับประเทศ และบ่อยครั้งที่การแบ่งแม่น้ำออกเป็นพรมแดน คนที่อยู่ริมน้ำไม่เคยได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง…
สุมาตร ภูลายยาว
“มื้ออื่นไปแต่เช้าเด้อ เดี๋ยวพ่อสิไปเอิ้นดอก” ถ้อยคำสุดท้ายของชายวัย ๖๐ กว่าที่นั่งอยู่ในบ้านดังแว่วออกมา ขณะเรากำลังเดินจากกระท่อมของพ่อเฒ่ามา หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปไม่นาน หมู่บ้านจมอยู่ในความมืด ถ้าเป็นเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนในตอนเย็นเช่นนี้หมู่บ้านจะเงียบกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนในหมู่บ้านยังไม่ได้เดินทางกลับมาจากไร่
สุมาตร ภูลายยาว
หลังมุ่งแก้ปัญหาการขาดน้ำใช้ในฤดูแล้งมาตลอดระยะเวลา ๒ ปี ชาวบ้านหลวงบางส่วนจึงมุ่งหน้าเดินทางขึ้นสู่ภูเขา เพื่อไปสู่ขุนห้วย ผู้ชายบางคนถือมีด บางคนถือจอบ ผู้หญิงหาบเครื่องครัวทั้งพริก ถ้วย ชาม เดินตามทางเดินเล็กๆ มุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน เสียงดังมาจากเบื้องหน้าให้เร่งฝีเท้าในการเดินทางขึ้นอีก เพราะเป้าหมายใกล้ถึงแล้วชาวบ้านเหล่านี้เดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมายใดกัน เมื่อขบวนเดินทางพ้นจากที่ราบอันเป็นไร่ข้าวโพดไปแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ขุนห้วยอันเป็นต้นกำเนิดของห้วยหลวง ที่ขุนห้วยมีชาวบ้านบางส่วนเดินล่วงหน้าไปรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อขบวนใหญ่เดินมาสมทบในภายหลัง พิธีการบูชาเทพแถนผีป่าผีน้ำก็เริ่มขึ้น…
สุมาตร ภูลายยาว
ลำเซียงทาล่องไหลมาเนิ่นนาน.....ทานทน ฝน-ร้อน-หนาวปล่อยไอหมอกขาวลอยล่องสู่ท้องฟ้าเมฆมหึมาก่อฝน....เหนือโป่งขุนเพชรในหุบห้วยล้วนร่องธารที่ผ่านมาเวลานาฑีไม่มีใครรู้เพียงกระพริบไหวของสายตาแห่งหมู่เมฆลมโยกเยกฝนใหญ่โปรยปรายลำเซียงทามาจากหุบห้วยใหญ่ไหลล่องผ่านปี-เดือนไผ่ไหวเหนือสายน้ำลำเซียงทายามลมผ่านผิวปลิดปลิวเคว้งคว้างพลิ้วไหวอ่อนโยนลำเซียงทาโอบอุ้ม-อุ่นเอื้อโป่งขุนเพชร,เทพสถิตย์, ชัยภูมิ ,๒๕๔๗
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำเกิดมาจากสายฝน-สายฝนเกิดจากแม่น้ำ นานมาแล้วต้นกำเนิดของแม่น้ำ และสายฝนมาจากที่เดียวกัน ทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยง เช่นเดียวกับแม่น้ำสายใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในแถบอีสานใต้ แม่น้ำสายนี้ชื่อว่า ‘แม่น้ำมูน’ มีต้นกำเนิดจากสายน้ำเล็กๆ บริเวณเขาแผงม้า จังหวัดนครราชสีมา หลังจากนั้นก็ไหลเรื่อยผ่านสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ก่อนไหลลงบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บริเวณแม่น้ำสองสีในอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ลำน้ำสายยาวได้หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่หลายปีตลอดการไหลของแม่น้ำมีเรื่องราวหลายเรื่องเกิดขึ้น…
สุมาตร ภูลายยาว
ฉันเคยสงสัยอยู่ว่า คนเราเมื่อเดินทางไกลข้ามคืนข้ามวัน เราล้วนได้รับความเหนื่อยล้า แต่เมื่อไปถึงปลายทาง เราจะสลัดทิ้งความเหนื่อยล้าได้ยังไง คำถามเช่นนี้ไม่เคยเป็นคำตอบเลยสำหรับฉัน เพราะบ่อยครั้งที่เริ่มต้นเดินทางไกล–อันหมายถึงระยะทาง ทุกครั้งเมื่อถึงจุดหมาย ฉันหวังเพียงได้เอนตัวลงพักพอหายเหนื่อยแล้วค่อยคลี่คลายชีวิตไปสู่ทิศทางอย่างอื่น แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดที่วูบเข้ามา ความจริงการจะทำเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะกับการเดินทางครั้งนี้ หลังรถโดยสารปรับอากาศสายเชียงใหม่-อุบลราชธานี พาผู้โดยสารออกเดินทางยาวนานถึง ๑๗ ชั่วโมงจอดสงบนิ่งลงที่ท่ารถห่างออกมาจากตัวเมือง…
สุมาตร ภูลายยาว
พ่อเฒ่าฟาน ดิน กัน แห่งหมู่บ้านทรีอาน (หมู่บ้านแห่งสันติ) หมู่บ้านริมแม่น้ำซมฮอง (แม่น้ำแดง) เส้นเลือดใหญ่ของชาวฮานอยยืนตระหง่านบนหัวเรือ หากไม่มีการถามไถ่คงยากที่จะคาดเดาอายุของพ่อเฒ่าได้ ปีนี้พ่อเฒ่าอายุ ๖๔ แล้ว ขณะพ่อเฒ่ายืนตระหง่านตรงหัวเรือ สายลมหนาวของเดือนมกราคมยังคงพัดมาเย็นเยือก ในสายลมหนาวนั้นมีฝนปนมาเล็กน้อย พ่อเฒ่าบอกว่า ฝนตกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคมที่ฮานอยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือความหนาว เพราะปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี ๕๑ ความหนาวเย็นที่พัดมาขนาดหนักเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ๓ ครั้ง ว่ากันว่าอากาศที่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะโลกเรามันร้อนขึ้นในเรือมีผม และเพื่อนร่วมทางอีก ๒ คน…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังการเดินทางอันเหนื่อยล้าด้วยการล่องเรือข้ามวันข้ามคืนในแม่น้ำโขงสิ้นสุดลง ผมพบว่าตัวเองกลายเป็นคนติดการฟังเป็นชีวิตจิตใจ บางครั้งในยามเย็นที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ (ขออภัยที่ไม่ใช้จักรยาน เพื่อการประหยัดพลังงาน) ไปซื้อกับข้าว ผมพบว่า รถเข็นขายอาหารสำเร็จรูปจำพวกแกงถุงของลุงรัญเจ้าเก่าในซอยวัดโป่งน้อยมีเรื่องเล่าหลายเรื่องให้ผมต้องนิ่งฟังเรื่องเล่าหลายเรื่องที่ผู้ซื้อนำมาเล่าให้พ่อค้าฟัง และหลายเรื่องเช่นกันที่พ่อค้าได้นำมาเล่าให้ลูกค้าฟัง บางเรื่องที่ผมได้ยิน ผมก็เลยผ่านเลยไป แบบว่าฟังพอผ่านๆ แต่บางเรื่องต้องนำกลับมาคิดต่อ…
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำโขงถือว่าเป็นแม่น้ำแห่งพรมแดนสายสำคัญที่ไหลเป็นเส้นแบ่งของหลายประเทศมีผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้  ในจำนวนของคนริมสองฝั่งแม่น้ำโขงมีคนจำนวนไม่น้อยรับรู้ได้ว่า วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่น้ำสายที่พวกเขาคุ้นเคย ฤดูหนาวแม่น้ำสีคล้ายน้ำโอวันติลไหลเอื่อยๆ เหมือนคนหายใจรวยรินใกล้สิ้นลมหายใจเต็มที แม่น้ำไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็นมา เมื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ชาวบ้านห้วยลึก หมู่ ๔ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายที่ได้อาศัยประโยชน์จากแม่น้ำมาหลายชั่วอายุคนจึงได้รวมตัวกันทำพิธีสืบชะตาให้กับแม่น้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
“สาละวินไม่มีคน” คือคำพูดของบรรดานักพัฒนาผู้แสวงหากำไรบนหนทางของการพัฒนาลุ่มน้ำแห่งนี้ได้ยกขึ้นมาบอกกล่าวจนชินหู แต่หากได้ลงมาล่องเรือเลียบเลาะสายน้ำชายแดนแห่งนี้ จะพบว่าแม่น้ำนานาชาติสายที่ยาวที่สุดในภูมิภาคอุษาคเนย์ที่ยังคงไหลอย่างอิสระแห่งนี้เป็นบ้าน เป็นชีวิตของผู้คนมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าตลอดสองฝั่งน้ำงานวิจัยปกากญอ “วิถีแม่น้ำและผืนป่าของปกากญอสาละวิน” ได้จัดทำโดยนักวิจัยชาวบ้าน ปกากญอ หรือชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงจาก ๕๐ หย่อมบ้านในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวินบนพรมแดนไทย-พม่า เขต อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน…
สุมาตร ภูลายยาว
ลมหนาวพัดข้ามมาจากขุนเขา บางคนบอกว่าลมหนาวพัดมาจากไซบีเรีย ซึ่งสังเกตได้จากการดูนกอพยพหนีหนาวมา บางคนก็บอกว่าลมหนาวพัดมาจากเทือกเขาสูงของประเทศจีน เมื่อลมหนาวมาเยือน เพียงต้นฤดูหนาวเช่นนี้ก็สามารถสัมผัสได้ทางผิวกายที่เริ่มแห้งลงเรื่อยๆ และป่าเริ่มเปลี่ยนสีพร้อมผลัดใบไปกับลมแล้งในความหนาวเย็นนั้น เขาเดินทางรอนแรมฝ่าสายน้ำอันเชี่ยวกรากของหน้าแล้งไปตามลำน้ำสายหนึ่งที่อยู่สุดเขตแดนประเทศไทยด้านตะวันตก เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเขาต้องมายังที่แห่งนี้ เพราะในส่วนลึกของหัวใจของเขามันไม่ได้เรียกร้องให้เขาเดินทางมายังที่แห่งนี้เลย ในห้วงแห่งกาลเวลาอย่างนี้ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น‘สบเมย’…