Skip to main content

ข้อถกเถียงว่าด้วยเรื่องของประเด็น 1. สู้หรือซ้อม 2. ชัยภูมิ ไม่ใช่รายแรก เดือนที่แล้วก็มีเหตุวิสามัญแบบนี้ 3. เงินจากขายยาบ้าหรือกาแฟ 4. ขนยาหรือโดนยัด 5. กล้องวงจรปิดดทำไมไม่เปิด 6. ลาหู่ และผลกระทบในช่วงสงครามยาเสพติด-โดนคุกคามหนักถึงชีวิต และ 7. ชาวบ้านกับ จนท. ทะเลาะกันบ่อยจนไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่เรื่องที่ทำกินยันโพสต์คลิปในเฟซบุ๊ก

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทหารวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส นักกิจกรรมชาวลาหู่ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพฤติการณ์การเสียชีวิตของชัยภูมิจากทั้งทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมไปถึงพยานในเหตุการณ์หลายปาก

1. สู้หรือซ้อม

จากคำให้การของเจ้าหน้าที่ ระบุว่า ทหารเรียกตรวจค้นรถ Honda Jazz ที่ชัยภูมิ เดินทางมาโดยมีพงศนัยเป็นคนขับ ทหารอ้างว่าตรวจพบยาบ้าจำนวนราว 2,800 เม็ด ชัยภูมิพยายามขัดขืนการจับกุม โดยหยิบมีดจากหลังรถพยายามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ และวิ่งหลบหนีไปในป่า เมื่อเจ้าหน้าที่ตามไปพบว่า ชัยภูมิ ก็กำลังจะปาระเบิดชนิดขว้างสังหารใส่ จึงได้ทำการวิสามัญโดยยิงเข้าที่ตัวผู้ตาย 1 นัด

ขณะที่ ไทยพีบีเอส ได้สัมภาษณ์พยานในที่เกิดเหตุ ระบุว่า ในช่วงที่เกิดเหตุชาวบ้านเห็นเหตุการณ์ ตอนที่ชาวบ้านจะเข้าไปใกล้ๆ เจ้าหน้าที่บอกว่า "ไม่ต้องเข้าใกล้ มันไม่มีอะไร มันยังไม่ตาย" และมีคำให้การพยานแวดล้อมสถานที่เกิดเหตุยืนยันว่าได้ยินเสียงปืน 3 นัด โดย 2 นัดแรกเกิดขึ้นก่อนที่ ชัยภูมิ จะวิ่งไปในที่จุดที่ถูกยิงเสียชีวิต ต่อมาได้ยินเสียงปืนอีก 1 นัด และเห็นชัยภูมิล้มลง พยานแวดล้อมรายหนึ่งให้ข้อมูล ว่า "ชาวบ้านเห็นเยอะแยะ อยู่ในรถลากเขาออกมาซ้อม เหยียบหน้าเขาไว้ แล้วยิงขู่สองนัด พอหลุดจากที่ทหารซ้อม พอหลุดไป ก็วิ่งหนี พอวิ่งหนี ทหารก็ไล่ยิง แล้วไม่ให้ชาวบ้านเข้าใกล้ด้วย"

2. ไม่ใช่รายแรก เดือนที่แล้วก็มีเหตุวิสามัญแบบนี้

คือต้องบันทึกด้วยว่า พฤติการณ์การวิสามัญฆาตกรรมในพื้นที่ ไม่ได้เกิดกับ “ชัยภูมิ ป่าแส” เป็นครั้งแรก เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา มีเหตุวิสามัญ “อาเบ แซ่หมู่” อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่อ้างว่า ได้ตรวจยาเสพติดและติดตามจับกุม แต่ “อาเบ” ได้ขัดขวางการจับกุมด้วยการหลบหนี และพยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ด้วยการขว้างระเบิดใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่วิสามัญ แต่ปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าต่อกรณีการเสียชีวิตนี้ 

3. เงินจากขายยาบ้าหรือกาแฟ

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ทีผ่านมา เดลินิวส์ รายงานคำแถลงของผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ โต้กระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดยระบุตอนหนึ่งว่า เส้นทางการเงินของ ชัยภูมิ ก็ไม่ธรรมดา มีเงินจำนวนมากโอนเข้าทุกอาทิตย์ ซื้อรถเงินสด ไม่มีการโอน รถดังกล่าวเป็นของนางแสงหล้า ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีค้ายาเสพติดที่กำลังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ อีกทั้ง ชัยภูมิ ก่อนตาย 1 วันก็พาสาว 4 คนพร้อมเพื่อนชาย 1 คนไปเลี้ยงเที่ยว กินใช้จ่ายเงินหนาตลอดเวลา ถามว่าเด็กอายุขนาดนี้ ไม่มีงานทำ พ่อเสียชีวิต แม่สติไม่สมประกอบ ไม่มีงานทำ พี่ชายก็เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญมีชื่อในบัญชีดำ เด็กอายุขนาดนี้เอาเงินที่ไหนมาใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือย แม้ฉากหน้าจะเป็นนักอนุรักษ์ และอื่นๆ แต่หลังฉากก็เป็นอีกอย่าง อยากให้ทุกคนได้เห็นความจริง ชัยภูมิ นั้นเคยถูกตำรวจล่อซื้อยา มีหลักฐานครบทุกอย่างแต่หลบหนีการจับกุมไปได้ และในคดีนั้นทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานและกำลังจะออกหมายจับอยู่แล้ว โลกโชเชียลทุกอย่างใช่จะเป็นความจริงเสมอ ขอให้ประชาชนเสพสื่อออนไลน์แบบมีสติ ให้ความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ด้วย

แต่ 25 มี.ค.60 กรรมการสิทธิได้ลงพื้นที่เกิดเหตุและบ้านชัยภูมิหลังมีการร้องเรียนโดยเฉพาะประเด็นพี่ชายบุญธรรมของชัยภูมิที่ออกมาไฟว์เรื่องนี้ถูกข่มขู่ เอากระสุนไปวางหน้าบ้าน โดย เตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะประธานอนุกรรมการด้านสถานะบุคคล สิทธิกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง กล่าวอีกว่า ข้อมูลที่ได้ พบว่า ชัยภูมิ ทำธุรกิจกาแฟเพื่อสุขภาพ ร่วมกับพี่ที่อุปการะเขา ดังนั้นบัญชีของเขาจะมีเงินเข้ามาบ่อยๆ แต่ไม่ถึงหลักหมื่น เป็นแค่หลักพัน เป็นรายได้จากการขายกาแฟ แต่ถ้าผบช.ภาค 5 มีหลักฐานก็ขอให้เปิดเผยข้อมูลต่อสังคม ส่วนเรื่องระเบิดคนในพืนที่ก็ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน ดังนั้นเรื่องเอาระเบิดไปปาคงไม่น่าถูกต้อง

4. ขนหรือโดนยัด

วอยซ์ ทีวี ได้นำเสนอบทสัมภาษณ์คนจากกลุ่มชาติพันธุ์ลีซอที่เห็นเหตุการณ์ โดยหลังจากนาทีสังหารชัยภูมิ หญิงผู้เห็นเหตุการณ์อ้างว่า เห็นทหารเปิดกระโปรงรถ ยัดยาบ้าลงไป รวมถึงนำมีดไปถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน

ขณะที่ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 กล่าวถึงประเด็นถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีการยัดยาว่า “ส่วนที่มีการอ้างว่าเห็นเหตุการณ์ เชิญมาให้ข้อมูลเลยเรายินดี แต่อย่าไปพูดเอาเอง ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปมีแต่บ้องกัญชาก็ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ทหารคงไม่ลงทุนไปหายามายัดใคร จำนวน 2,800 เม็ด มูลค่าประมาณ 2.8 แสนบาท จะลงทุนไปเพื่ออะไร”

5. กล้องวงจรปิดทำไมไม่เปิด

25 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง พร้อมตัวแทนเจ้าหน้ที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวคืบหน้าการคลี่คลายคดีวิสามัญฆาตกรรม ชัยภูมิ ป่าแส โดยประเด็นสำคัญที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ คือการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิดที่ด่านตรวจค้น ซึ่งเมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.สมพงษ์ แจ้งจำรัส รองแม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบกรณีนี้ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จะเปิดเผยภาพดังกล่าว ขณะที่วันนี้ ผู้บัญชาการกองกำลังผาเมือง ตอบเพียงสั้น ๆ ว่าอยู่ระหว่างดำเนินการ

ซึ่งประเด็นนี้มีการล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ทหารเปิดเผยกล้องวงจรปิดอย่างที่กล่าวอ้าง ซึงขณะนี้มีประมาณ 2,800 คนแล้ว และหลังจากความล่าช้าของการเปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้คนตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ใจเย็น ทั้งที่กระแสกำลังตีกลับ หรืออีกข้อสังเกตคือไม่มีภาพจริงๆ

6 ลาหู่และผลกระทบในช่วงสงครามยาเสพติด-โดนคุกคามหนักถึงชีวิต

ในกรณีนี้ สีละ จะแฮ ประธานสมาคมชาวลาหู่ ให้สัมภาษณ์ไว้ที่ประชาไทตอนหนึ่งกล่าวว่า ชาติพันธุ์ลาหู่นั้นเป็นเพียงหนึ่งในกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีถิ่นฐานตามชายแดนไทย - พม่า ที่ได้รับผลกระทบในชีวิตและทรัพย์สินจากนโยบายทางการเมืองของรัฐบาลกรุงเทพฯ ในช่วงที่มีการปราบปรามยาเสพติดด้วยนโยบาย “สงครามต่อต้านยาเสพติด” ของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อช่วง พ.ศ. 2546 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินของชาวลาหู่ที่มีถิ่นฐานในบริเวณที่มีการขนยาเสพติดข้ามแดนชุกชุม

รายงานจาก Human Rights Watch ระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้ใช้มาตรการรุนแรงในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตั้งแต่ช่วง พ.ศ. 2546 เรื่อยไปจนถึง พ.ศ. 2549 ภายหลังการกระทำรัฐประหารรัฐบาลทักษิณ โดยผู้เสียชีวิตหลายรายเป็นประชากรของชนพื้นเมืองในภาคเหนือ ซึ่งรายงานระบุว่า เป็นผู้ที่มีความขัดแย้งกับเจ้าหน้าที่รัฐบ่อย ผู้เสียชีวิตถูกระบุเอาไว้ใน “บัญชีดำ” จากทางรัฐในฐานะผู้ต้องสงสัยในคดีค้ายาเสพติด รายงานระบุว่าผู้ “[ผู้เสียชีวิต]หลายรายถูกฆ่าตรงด่านตรวจ หรือไม่ก็หลังจากถูกเรียกไปรายงานตัวที่สถานีตำรวจหรือค่ายทหารในท้องที่ไม่นาน”

7 ชาวบ้านกับ จนท. ทะเลาะกันบ่อยจนไม่ไว้วางใจ ตั้งแต่เรื่องที่ทำกินยันโพสต์คลิปในเฟซบุ๊ก

ในชุมชนบ้านกองผักปิ้งของ ชัยภูมิ ป่าแส ก็มีความบาดหมางกับทางเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจเรื่อยมา ไม่ว่าจะเป็นกรณีทหารบุกรุกพื้นที่ทำกินของชาวบ้านเพื่อปลูกป่า ทั้งยังใช้กำลังเข้าทำร้ายชาวบ้านที่จะใช้พื้นที่ดังกล่าวทำการเกษตรเมื่อ พ.ศ. 2548 (อ่านที่นี่) รวมไปถึงเหตุการณ์ทหารตบตีทำร้ายชาวบ้านกองผักปิ้ง และแจ้งความไมตรี จำเริญสุขสกุล พี่ชายบุญธรรมของชัยภูมิ เนื่องจากเจ้าตัวโพสท์เฟซบุ๊กเล่าเรื่องราวดังกล่าว

ความทรงจำของชุมชนที่ผูกติดอยู่กับการถูกใช้ความรุนแรงจากภาครัฐดังกล่าวนำไปสู่รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างทหารและชนพื้นเมืองในลักษณะที่ไม่ไว้วางใจกัน ชาวบ้านยังรู้สึกว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจมักมีท่าทีก้าวร้าวเมื่อพวกตนใส่ชุดพื้นเมืองหรือแสดงอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ออกมา

ประธานสมาคมชาวลาหู่ ยังได้ให้ข้อมูลว่า มีเหตุขัดแย้งระหว่างชาวลาหู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารเป็นระยะ ประธานสมาคมชาวลาหู่ได้ให้ข้อมูลว่า ในหน้าเพาะปลูกจะมีชาวลาหู่ถูกดำเนินคดีเป็นจำนวนมากเนื่องจากไปทำการเกษตรในพื้นที่ปัจจุบันกลายเป็นป่าสงวนหรืออุทยาน บางทีทหารก็ทำร้ายชาวบ้าน โดยระบุว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ใช้กำลังทำร้ายชาวบ้านจนต้องเข้าโรงพยาบาล

ประธานสมาคมชาวลาหู่ให้ความเห็นว่า ไม่ไว้ใจทหาร ตำรวจ บางทีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหารและตำรวจก็เข้ามาสร้างปัญหามากกว่าแก้ปัญหา รู้สึกว่าทหารตำรวจไม่สามารถพึ่งพาได้ ในขณะที่ชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์รู้สึกว่าได้พึ่งพระเมตตาของในหลวงพระองค์ก่อน

สำหรับคดีนี้ หลายภาคส่วนก็เรียกร้องให้รัฐดำเนินการสอบสวนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม รวมทั้งเยียวยาผู้เกี่ยวข้อง โดยสิ่งสำคัญคือการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน (การฆ่านอกระบบกฎหมาย) เหมือนในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยมีตัวแทนจากฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับการไว้วางใจ เข้าไปเพื่อร่วมการค้นหาข้อเท็จจริง ที่ไม่จำกัดอยู่เพี่ยงเจ้าหน้าที่รัฐ เนื่องจากคดีแบบนี้ รัฐเป็นจำเลยในสังคมด้วย

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : 

เกิดเหตุทหารวิสามัญนักกิจกรรมชาวลาหู่อายุ 17 ปี อ้างตรวจพบยาเสพติด-วัตถุระเบิด และขัดขืนการจับกุม https://prachatai.com/journal/2017/03/70641

ปมฆ่า “ชัยภูมิ ป่าแส” ความจริงยังไม่ปรากฏ–เหตุการณ์ในอดีตสะท้อนโดนรัฐกดขี่ยาวนาน https://www.prachatai.com/journal/2017/03/70699

กสม.ลงพื้นที่ วิสามัญฯ 'ชัยภูมิ ป่าแส' พาพี่ชาย ขึ้นโรงพักลงบันทึกประจำวัน หลังถูกขู่ https://prachatai.com/journal/2017/03/70746

ประยุทธ์ยันยังไม่มีข้อสรุปคดีวิสามัญฯ ชัยภูมิ พบแคมเปญล่าชื่อขอ 'แม่ทัพภาคที่ 3' เปิดภาพวงจรปิด https://prachatai.com/journal/2017/03/70734

พยานนาทีวิสามัญฯ โผล่เพิ่ม เผย 'ชัยภูมิ' มือเปล่าโดนยัดยา มทภ.3 ยันภาพจากกล้องยิงป้องกันตัว http://prachatai.org/journal/2017/03/70713

กสม. แจงเงินของ 'ชัยภูมิ' มาจากธุรกิจกาแฟ จี้ผบช.ภาค 5 หากมีหลักฐานก็เปิดต่อสังคม http://prachatai.org/journal/2017/03/70757
 

บล็อกของ เทวฤทธิ์ มณีฉาย

เทวฤทธิ์ มณีฉาย
อย่าเพิ่งไปกดประชาชนที่ถูกกดจนไม่ไปใช้สิทธิ ว่าเขา 'นอนหลับทับสิทธิ' อย่าเพิ่งไปสร้างความชอบธรรมให้ประชามติแบบเผด็จการของไทย โดยการยกเอาประชามติของอังกฤษมาเทียบผมขออนุญาตทำ 'ความเห็นแย้ง' ท่านที่ยกเอาประชามติของอังกฤษมาเทียบกับไทย รวมทั้งยกวาทกรรม 'นอนหลับทับสิทธิ' มาลงโทษซ้ำประชาชนที่ 'เลือก' ไม่ไปใช้สิทธิ (เบื้องต้น) ดังนี้
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
จากโครงสร้างผลการตอบในนิด้าโพลเกี่ยวกับประชามติ พบ เป็นไปได้ที่คนเปลี่ยนใจจาก "ไปใช้สิทธิแต่ไม่มีมติไปทางใดทางหนึ่งอยางชัดเจน" เป็น "ยังไม่ตัดสินใจ"  หลังสถานการณ์การปราบปรามผู้เคลื่อนไหวเกี่ยวกับประชามติอย่างหนัก
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
"สื่อที่อิสระย่อมเป็นได้ทั้งสื่อที่ดีและสื่อที่เลว แต่ถ้าหากปราศจากเสรีภาพ สื่อ นั้นจะไม่ได้เป็นอะไรเลย นอกจากการเป็นสื่อที่เลว"
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
รวมคำอธิบายอารมณ์-นิสัยตัวเองของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า เป็นคนอารมณ์ดี เป็นคนตลก ใจร้อน ขี้โมโห น้อยใจ เสียใจ กล้าหาญ ตอบไปเรื่อย เป็นมนุษย์ปุตุชนธรรมดาคนหนึ่ง สุภาพเรียบร้อย อ่อนน้อม ฯลฯ 
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถามนักข่าวปมดำเนินคดี 14 นักศึกษานักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ในศาลทหาร ว่า ทำผิดรัฐธรรมนูญตรงไหนไหม คำตอบคือ ผิด มาตรา 4 รัฐธรรมนูญ ชั่วคราว 2557 รัฐธรรมนูญที่คณะท่านเขียนมาเลยครับ #จบข่าว  
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
ต้นไม้พิษย่อมให้ผลไม้พิษ และผลไม้พิษย่อมเป็นผลไม้พิษไม่ว่ามันจะเคลือบด้วย "ประชามติ" กี่ชั้น / ผู้มีบทบาทในการร่างส่วนมากโน้มเอียงไปทางฝั่งฝ่ายเดียว / เนื้อหาที่ร่างออกมามีหลายอย่างที่มีปัญหา / หากผ่านก็จะน้ำท่วมปาก / คสช.ได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง มีแนวโน้มว่าจะทำและถ้าทำก็จะผ่าน แต่ไม่ผ่านก็เท่ากับต่ออายุ คสช. 
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
‘ซีพี-เซเว่นฯ’ ไม่ได้มีแค่เจ้าสัว แต่ยังมีคนงานและ SMEs รวมอยู่ด้วย หากการบอยคอตมีพลังคนที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจเหล่านั้นก็จะซวยด้วย ปัญหาผูกขาดอยู่ที่ระบบไม่ใช่เจ้าสัวคนใดคนหนึ่ง เสนอ ผลักดัน กม.การแข่งขันทางการค้าให้ฟังก์ชั่น ตั้งสหภาพแรงงานและเก็บภาษีทรัพย์สินมากขึ้น ฯลฯ
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
ขณะที่เรายังไม่มีเสรีภาพ แต่องค์กรสื่อรณรงค์ 'เสรีภาพบนความรับผิดชอบ' จะกลายกระบวนการเซ็นเซอร์สร้างสังคมที่ขาด ‘วิจารณญาณ’ หรือไม่? พร้อมสำรวจประเด็นการจำกัดเสรีภาพสื่อหลังรัฐประการ ประกาศ คสช. ฉบับที่ 97, 103 วิจารณ์ คสช.ก็ต้องโดยสุจริต การปิด PEACE TV และ ร่าง รธน. ฉบับใหม่
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
การนำพลเมืองขึ้นศาลทหาร ขัดกับรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ของ คสช. เอง ก่อให้เกิดความซ้ำซ้อน เหลือศาลเดียวไม่เปิดโอกาสให้แก้มือ และที่สำคัญเป็นการนำคู่กรณีมาเป็นคนตัดสิน ขาดความเป็นอิสระ ทำลายหลักประกันความยุติธรรม
เทวฤทธิ์ มณีฉาย
10 ข้อโต้แย้งข้อเสนอบอนไซด้วยอคติสัดส่วนหญิงชาย 50:50 ในรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ใช่ว่าหญิงจะปกป้องผู้หญิง และไม่ใช่ว่าชายจะไม่สนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ