"จร้า" เรื่องสั้นการเมือง

                                                                                                 คำนำ

 

      ... จร้าาาาาาาาาาาา าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา  าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา จร้า าาาาาาาาาาาา 

 

 

 

 

                                                                                              เรื่องสั้น  "จร้า" 

                                                                                      

 

 

...ขยอ เป็นหญิงสาวจากเมียนม่า เข้ามาทำงานเป็นเด็กในร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศลึกลับแห่งนี้ ด้วยเหตุที่เธอพูดไทยไม่ได้ ฟังไทยไม่ออก ญาติของเธอจึงกำชับนักกำชับหนาว่า เวลาเจ้านายคนไทยพูดอะไร แม้จะฟังไม่ออกก็ให้พูดรับคำไว้ก่อน "จร้า" ทุกครั้ง ต้องพูดทุกครั้ง และนี้เป็นสิ่งที่ ขยอ จำได้ขึ้นใจเสมอ

 

หลักจากได้มาทำงานในร้านอาหารแห่งนี้ เพราะความที่เป็นสาวหน้าตาดี เธอจึงมีเพื่อนร่วมงานที่เป็นไทยและเทศเขามาพูดคุยด้วยเสมอเวลาที่มีโอกาส ในส่วนของเพื่อนที่เป็นเมียนม่าด้วยกัน เธอก็พูดภาษาบ้านเกิดเป็นปกติ แต่ถ้าเป็นคนไทยเข้ามาพูดด้วย เธอก็จะรับด้วยคำว่า “จร้า” ทุกครั้งโดยไม่ตอบโต้เป็นอื่นแต่อย่างได แต่ขยอหารู้ไม่ว่า บางครั้งเพื่อนคนไทยที่มาพูดกับเธอนั้น พวกเขาได้นำเอาเรื่องเลวร้ายของนายจ้างมาเล่าให้เธอฟัง ก็ไม่ใช่ประสงค์คิดร้ายอะไรต่อเธอ แต่เพราะตัวเจ้านายผู้ชายมีนิสัยเจ้าชู้ และชอบล่วงเกินหญิงสาวหน้าตาดีอยู่เป็นนิจ โดยเฉพาะหญิงสาวจากเมียนม่าอย่าง ขยอ ส่วนเจ้านายผู้หญิงก็มีจิตใจร้ายกาจ ชอบหักเงินและไล่ลูกจ้างออกจากร้านอย่างไม่มีเหตุผล

 

ในทุก ๆ วันที่ขยอทำงานอยู่ในร้านอาหารแห่งนี้ เรื่องราวเลวร้ายต่าง ๆ ของเจ้านายได้ถูกนำมาเล่าให้ฟังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ขยอไม่เคยเข้าใจอยู่ดี แม้แต่คำว่า “จร้า” ที่หลุดออกไปจากปากของเธอทุกครั้งเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ เธอก็ยังไม่เข้าใจความหมายของมันด้วยซ้ำ ก็เหมือนกับที่เธอทำงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่เช้ายันค่ำ เธอไม่เคยเข้าใจว่าเช่นกันว่า แท้จริงการทำงานหนักขนาดนี้ สมควรจะต้องได้รับค่าแรงเท่าไหร่ จริง ๆ เธอไม่เคยเข้าใจอะไรในประเทศนี้เลยตั้งแต่วันแรกจนวันนี้ที่เธอยังอยู่

 

แต่แล้วโชคร้ายก็มาถึงเธอจนได้ เมื่อวันหนึ่งเพื่อนหญิงชาวไทยที่เช็ดจานอยู่กับเธอกำลังเมามันกับการเอาเรื่องเลวร้ายของเจ้านายให้มาเล่าให้ขยอฟัง จริง ๆ ก็เหมือนกับการระบายความรู้สึกนั่นแหละ แล้วพอดีว่าขยอเป็นคนที่ทุกคนชื่อมั่นว่า สิ่งที่ใครต่อใครได้เล่าให้ขยอฟังจะไม่หลุดไปถึงหูของพวกเจ้านาย

 

“ตัวผัวนะ แอบโกงเงินเมียไปเที่ยวผู้หญิง เมียก็น้อยหน้าเสียเมื่อไหร่ เที่ยวเลี้ยงหนุ่ม ๆ ไว้ตั้งหลายคน ทีนี้พอเงินขาดมือเพราะความระยำตำบอนของตัวเองก็มาเที่ยวไล่หักเงินลูกจ้าง ลดค่าแรงบ้าง ไล่ออกบ้าง ที่อยู่มาจนทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะน้ำพักน้ำแรงของลูกจ้างรึ แทนที่จะเห็นใจกันบ้าง กลับทำกับเรายังกับทาสในเรือนเบี้ย”

 

“จร้า” พอจบคำของผู้เล่า ก็เหมือนเช่นเคยที่ขยอต้องรับด้วยคำว่า “จร้า” ตามที่ญาติของเธอสั่งสอนเอาไว้ แต่ทันใดนั้นเอง

 

“อีส้ม! อีสัสระยำ มึงกล้าด่ากูลับหลังรึ ไป ๆ มึงไม่พอใจก็ออกไปจากร้านของกู ไม่ต้องทำงาน กูไม่จ่ายเงินเดือนมึงด้วย”

 

พอส้มหญิงสาวที่ทำงานเยี่ยงทาสในร้านอาหารแห่งนี้เช่นกันได้ยินแบบนั้น เธอก็ทิ้งจานในมือดังโครม! แล้วสะบันตูเดินจากไปโดยทิ้งท้ายไว้ว่า “มึงกดขี่ลูกจ้างแบบนี้ บริหารงานแบบนี้ ใช้จ่ายเงินแบบนี้ อีกไม่นานหรอก ร้านอาหารของมึงจะฉิบหาย!”

 

พอส้มเดินออกจากร้านไป เจ้านายก็หันควับมาทางขยอทันที

 

“อีขยอ มึงรู้เห็นเป็นใจให้อีส้มมาด่ากู เวลามันด่ากูให้มึงฟัง มึงก็รับด้วยคำว่า “จร้า ๆ” ทุกคำ อีสัส! กูจะเอาตำรวจมารากคอมึงไปเข้าคุก”


พูดจบเจ้านายใจยักษ์ที่มีแววตาเหมือนสัยว์เดรัจฉานก็เดินออกจากร้านไป ขับรถไปที่สถานีตำรวจ แจ้งข้อหาว่าขยอลักขโมยเอาทองคำของเธอไป ตอนนั้นขยอยังไม่รู้ว่าเจ้านายจะทำอะไร แต่เธอก็พอที่จะดูออกจากสีหน้าและน้ำเสียง เธอรู้ได้ในทันทีว่า ความโชคร้ายได้มาถึงเธออย่างไม่อาจหลีกหนีได้อีกแล้ว เธอทรุดลงกับเก้าอี้แล้วจินตนาการถึงสิ่งที่เธอจะต้องพบเจอต่อไปอีกไม่ช้านี้ ดาวตาเหม่อลอยคิดถึงพ่อแม่และลูกชายตัวเล็ก ๆ ที่บ้าน ที่เธอเพิ่งคลอดมาได้ยังไม่ครบปี เธอเหม่อมองออกไปบนท้องถนน บนท้องฟ้า เลยไปถึงบ้านเกิดของเธอที่เมียนม่า น้ำในตาไหลซึม ริมฝีปากสั่นระริก พลางเอ่ยคำ ๆ หนึ่งออกมาแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ “จร้า”

กระโถนฉี่ของ เฟอร์นันดา เดล คาร์ปิโอ

ฯลฯ ฉันคิดว่า เราควรจะต้องพักเรื่องซีเรียสของแกไว้เสียบ้าง เพราะมันทำให้ฉันอึดอัดราวกับใส่เสื้อกันหนาวสไตล์เกาหลีออกไปเดินกลางแดดของวันที่สี่ หลังจากที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้นตั้งแต่วันที่สอง