อะไรที่ทำให้ดนตรีมีสถานะในการทำร้ายกันได้บ้าง ผมว่าอย่างน้อยที่สุดต้องเข้าใจก่อนว่า ดนตรีไม่ใช่แค่เสียง
เสียงคือคลื่นความถี่ที่มนุษย์ได้ยิน (อาจถี่สูงมากหรือต่ำมากจนเกือบไม่ได้ยินแต่ก็ยังอาจมีผลต่อกายภาพของหู) แต่เสียงที่เป็นดนตรี คือความถี่ทางวัฒนธรรม
ดนตรีคือเสียงที่จัดระบบให้มีความหมายในสังคม คลื่นความถี่เฉยๆ อาจไม่ได้จัดระบบจนถือกันว่าเป็นดนตรี เหมือนเราต้องแยกเสียงเฉยๆ ออกจากเสียงที่เป็นภาษา หรือไกลกว่านั้นคือ แยกวัตถุที่เอามากองตรงหน้าแล้วเอาใส่ปาก ออกจากอาหารที่เป็นวัตถุสภาวะที่ถูกจัดระบบให้มีความหมาย
ฉะนั้นความถี่ที่ถูกใช้เป็นอาวุธ อย่างที่รัฐไทยก็มีเครื่องมือนี้ เป็นคลื่นเสียงรบกวนในเชิงกายภาพ ต่างกับดนตรีที่ดนตรีมีลักษณะเชิงสัญญะ คือมีความหมาย
ดังนั้น เวลาบอกว่าดนตรีเป็นอาวุธ คือเป็นอาวุธในเชิงสัญญะมากกว่าในเชิงกายภาพ ดนตรีที่เป็นอาวุธอาจเป็นดนตรีที่มีเนื้อเพลงหรือไม่มีก็ได้
โดยทั่วไป ดนตรี (music) ที่มีเนื้อร้อง (lyric) เป็นเพลง (song) ดนตรีกว้างกว่าเพลง ดนตรีบางประเภทไม่เป็นเพลงในความหมายของการไม่มีเนื้อร้อง
ทีนี้ ดนตรีเป็นอาวุธได้อย่างไรบ้าง อันนั้นขึ้นกับสังคมจัดระบบดนตรีอย่างไร แล้วดนตรีนั้นเป็นอาวุธของใคร
ดนตรีบางประเภทมีอำนาจบังคับผู้คน อย่างดนตรีในพิธีกรรม เช่น พิธีที่รัฐกำหนดว่า ดนตรีแบบนี้ขึ้นมาแล้วทุกคนต้องแสดงความเคารพ อย่างเพลงชาติ เพลงสรรเสรญพระบารมี ดนตรีบางประเภทกำหนดแนวการใช้อย่างตายตัว
ดนตรีของผู้มีอำนาจอาจถูกใช้เป็นอาวุธได้ในความหมายที่ว่า ใช้บังคับ หรือมีอำนาจยังคับผูกติดกับดนตรีนั้น เช่น เพลงชาติ ที่แม้ไม่มีกฎหมายกำหนดให้ต้องยืนเคารพเพลงชัดเจน แต่ก็คล้ายกับจะมีสภาพบังคับทางกายภาพ
แต่ดนตรีของผู้ด้อยอำนาจก็ถือว่าเป็นอาวุธของการต่อต้านอำนาจ ซึ่งมีตั้งแต่อาวุธของชนชั้น ของคนต่างรุ่น ของชาติพันธ์ุ ของเพศแตกต่าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอาวุธในเชิงสัญญะมากกว่า อาจไม่มีสภาพบังคับแบบดนตรีบางอย่างของผู้มีอำนาจ แต่อาจมีอำนาจเชิงการกระทำแบบวัจนภาษา (speech act) เหมอืนคำด่า ที่ทำร้ายจิตใจจนกระทบร่างกายได้
ส่วนใครจะรังเกียจดนตรีบางอย่างในเชิงกายภาพอย่างไรนั่นอีกเรื่องหนึ่ง เช่น ไม่ชอบเสียงสูงของโอเปร่าเสียงเซอปราโน ไม่ชอบเสียงดังของเพลงร็อค ไม่ชอบความเร็วรัวๆ ของแรพ