Skip to main content

ปีที่ผ่านมา เหนือสายน้ำเชี่ยวกรากสายหนึ่ง ความทรงจำเกี่ยวกับแม่น้ำได้พาให้เดินทางไปสู่ห้วงยามหนึ่งของชีวิต ห้วงยามที่ทำให้ต้องจดจำไม่เคยลืม เพราะใครบ้างจะลืมประสบการณ์เฉียดตายของตัวเองได้ ในความทรงจำนั้น ภาพแม่น้ำแห่งบ้านเกิดผุดพรายขึ้นมา คล้ายภาพขาวดำหม่นมัวที่พาผมเดินทางกลับไปสู่ดินแดนแห่งความหวาดกลัวอันกว้างใหญ่ไพศาล ด้วยเรือคือความหวั่นไหว...

ใช่แล้ว ตอนหัดว่ายน้ำครั้งแรก ผมเกือบจมน้ำตาย เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนให้รู้ว่า ความรู้สึกของคนใกล้ขาดใจตายเป็นอย่างไร นี่คือภาพความทรงจำในอดีต แต่ภาพความทรงจำครั้งใหม่ได้เกิดขึ้น หลังจากผมเดินทางมาถึงเมืองริมฝั่งน้ำเหนือสุดในล้านนา

เรื่องมีอยู่ว่า...

ผมมาเมืองริมฝั่งน้ำในช่วงต้นฤดูฝนปี ๔๖ ฝนบนฟ้าโปรยสายลงมาหนักหน่วง จากบ่ายจนถึงยามสายของอีกวัน หลังจากดวงอาทิตย์จมอยู่กับความมืดเบื้องหลังเมฆสีดำโผล่พ้นขอบเมฆส่องแสงออกมา ฟ้าหลังฝนก็กลับมางดงามเป็นสีฟ้า ไม่ต่างอะไรกับความหม่นเศร้าได้จางหายไปจากดวงใจอันบอบช้ำ

หลังฝนหยุดตก ตะวันคล้อยค่ำลง ผมนั่งอยู่ริมฝั่งน้ำเฝ้ามองฉากชีวิตของใครหลายคนบนท่วงทำนองของสายน้ำที่กำลังเดินทางไปสู่ปลายทาง เรือใหญ่ ๒ ลำบรรทุกนักท่องเที่ยวกำลังเดินทางกลับจากหลวงพระบางวิ่งตามกันมา ตรงท่าเรือคนแบกของกำลังจะเดินทางกลับบ้าน หลังการทำงานแลกเงินจำนวนไม่มากของพวกเขาเสร็จสิ้นลง จังหวะชีวิตของผู้คนที่เคลื่อนไหวไปตามฉากแต่ละฉากของชีวิต จึงเป็นเหมือนท่วงทำนองของสายน้ำอันบรรเลงโดยนักดนตรีแห่งฤดูกาล

เมื่อสองวันก่อนหลังจากมาถึงเมืองริมแม่น้ำ ผมได้เห็นยามเช้าแห่งชีวิตของผู้คนแตกต่างกันออกไป ยามเช้าของบางเช้า คนหาปลาบางคนก็ออกเรือไหลมองหาปลา ส่วนคนขับเรือรับจ้างก็กำลังทดสอบเครื่องยนต์เรือ พ่อค้าแม่ค้าเปิดร้านขายของ รถขนของจอดเรียงรายอยู่ข้างถนน แถวพระสงฆ์เดินกลับเข้าประตูวัด หลังการโปรดสัตว์ในตอนเช้าจบสิ้นลง ยามเช้าเช่นนี้ บางคนก็เร่งร้อนเร่งรีบ เพื่อให้ทันเวลาทำงานตามเข็มนาฬิกา ในจำนวนของผู้คนที่เร่งรีบ คนแบกของตรงท่าเรือดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มคนกลุ่มเดียวที่เร่งรีบมากที่สุด เพราะพวกเขาต้องเร่งรีบ เพื่อไปให้ทันเรือสินค้า แน่ละในความเป็นจริงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หลายคนล้วนเร่งรีบ เพื่อกิจธุระการงานของตัวเองแทบทั้งสิ้น

ขณะนั่งมองฉากชีวิตของผู้คนอยู่ริมฝั่งน้ำ เวลาแต่ละนาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้า ดวงตะวันยามเย็นพาดผ่านขอบฟ้าทำมุม ๓๕ องศากับพื้นดิน เงาของต้นจามจุรีทอดทาบลงบนพื้นดิน หลังทอดอารมณ์ลอยไปกับสายน้ำ ผมก็หวนคิดถึงความทรงจำเกี่ยวกับแม่น้ำสายนี้ ความทรงจำลางๆ บอกกับผมว่า แท้จริงแล้ว แม่น้ำสายนี้มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาหิมะอันไกลโพ้นบนหลังคาโลก ต้นกำเนิดของแม่น้ำคือต้นธารของตำนานเล่าเรื่องการกำเนิดแม่น้ำ 

เมื่อพูดถึงแม่น้ำสายนี้ หากไม่กล่าวถึงนาคก็ดูเหมือนความเป็นไปในแม่น้ำสายนี้ขาดอะไรบางอย่าง ผู้คนที่พึ่งพาอาศัยแม่น้ำสายนี้ต่างเชื่อกันว่า ‘นาค’ มีอยู่จริง แต่ความมีอยู่จริง บางครั้งนาคก็ถูกเรียกให้แตกต่างกันออกไปตามลักษณะของภูมิประเทศ คนจีนโพ้นทะเลเรียกว่า ‘มังกร’ ส่วนคนท้ายน้ำทั้งลาว-ไทยเรียกว่า ‘พญานาค’

นอกจากพวกเขาจะมีความคิด ความเชื่อคล้ายกันหลายเรื่องแล้ว คนในลุ่มน้ำนี้บางกลุ่มยังเชื่อว่า บรรพบุรุษของพวกเขาเป็นนาค 

ในตำนานของลาวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนาคเอาไว้ว่า เย็นวันหนึ่งมีหญิงสาวคนหนึ่งได้ไปว่ายน้ำในทะเลสาบหนองแสใกล้บ้าน และเธอได้สัมผัสสิ่งหนึ่งที่เธอเองคิดว่าเป็นซุงลอยน้ำ หลังจากเธอได้สัมผัสวัตถุต้องสงสัยในวันนั้น หลายเดือนต่อมาเธอก็ตั้งท้องและให้กำเนิดทารกเพศชาย หลังจากเด็กชายลืมตาขึ้นมาดูโลกได้ไม่นาน พญานาคตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น และกล่าวอ้างว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของตนเอง พอเด็กคนนั้นเติบโตขึ้น เขาก็กลายเป็นผู้นำเผ่าที่พาผู้คนอพยพเข้ามาอยู่ในประเทศลาว ด้วยความเชื่อนี้ ผู้ชายในลาวบางคนจึงนิยมสักรูปนาคไว้ตามร่างกาย

ชาวกัมพูชาก็มีความเชื่อเช่นกันว่า บรรพบุรุษของพวกเขาคือนาค ชาวกัมพูชาจึงมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับนาคชื่อว่า ‘พระทองนาคนาง’

ส่วนคนไทยก็มีความเชื่อไม่ได้แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นก่อนผู้ชายจะได้บวชในพระพุทธศาสนา มีบทบัญญัติในพระไตรปิฎกว่า คนที่จะบวชต้องไปอยู่วัด เพื่อท่องคำขอบวชให้ได้เสียก่อน คนที่ไปอยู่วัด ชาวชนบททั่วไปเรียกว่า ‘ไปเป็นนาค’

ส่วนคนไทลื้อบริเวณหนองแส- ตือเจียง ในเขตสิบสองพันนา เรียกคนด้านท้ายน้ำที่พวกเขาพบเจอว่า ‘นาค’ เช่นกัน

หากผมไม่กล่าวจนเกินเลยมากนัก นาคกับแม่น้ำสายนี้ต่างเป็นสิ่งคู่กันมานาน และแม่น้ำสายใดจะมีตำนานเรื่องนาคได้เท่ากับแม่น้ำสายนี้ แม่น้ำที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ชื่อว่า ’แม่น้ำโขง’ สายน้ำสายหนึ่งที่เป็นเหมือนพรมแดนแผ่นดิน

ความลึกล้ำตลอดความยาว ๔,๙๐๙ กิโลเมตรของแม่น้ำ ดูเหมือนว่ายังเป็นปริศนาเฝ้ารอการค้นพบว่า สะดือของสายน้ำลึกเท่าใด อยู่ที่ไหน เช่นกันในความลึกล้ำของสายน้ำล้วนมีความลึกลับซ่อนอยู่ โดยเฉพาะความลึกลับในคืนวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ คืนที่ลูกไฟมหัศจรรย์พุ่งขึ้นจากสายน้ำ คนท้องถิ่นแถบนั้นทั้งลาว-ไทยบอกว่า ลูกไฟเหล่านี้คือบั้งไฟที่พญานาคจุดขึ้นมาจากใต้บาดาล เพื่อเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา

หากพูดถึงบั้งไฟพญานาค หลายคนคงเคยได้ฟังเรื่องเล่าปรัมปราเกี่ยวกับการปรากฏกายของนาคต่อหน้าสิทธารัตถะ ผู้เป็นปฐมบทของพุทธศาสนา การปรากฏตัวของนาคเข้ามาเกี่ยวโยงในศาสนาได้ยังไง เรื่องนี้มีเรื่องเล่าปรัมปราว่า ชาติภพของมหาบุรุษผู้นี้ เขาเคยเกิดในตระกูลนาคชื่อว่า พระภูริทัต พอสิ้นชีพจึงเกิดมาเป็นสิทธารัตถะ และเป็นมหาศาสดาของศาสนาพุทธในลำดับต่อมา จากการจุติของภพชาติอันเกี่ยวเนื่องกันกับนาค เราจึงได้เห็น ได้ฟังเรื่องราวของนาคกับศาสนาพุทธมาจนบัดนี้

ก่อนเดินทางมาเยือนแม่น้ำสายนี้ เพื่อนของผมเล่าให้ฟังว่า แม่น้ำสายน้ำนี้ไหลเป็นเส้นแบ่งพรมแดนพม่า-ลาว-ไทย ถ้าไม่กล่าวให้เกินเลยมากนัก แม่น้ำสายนี้ก็เป็นเหมือนเส้นพรมแดนแผ่นดิน แม้ว่า แม่น้ำจะถูกขีดเพื่อเป็นเส้นแบ่งพรมแดนประเทศ แต่ภายใต้เส้นแบ่ง มันเป็นเพียงเส้นแบ่งบางๆ อันถูกห่อหุ้มด้วยนิยามของคำว่า ‘รัฐชาติ’ และนิยามอันนี้เองความเป็นเครือญาติของผู้คนจึงถูกตัดขาดจากกันสิ้นเชิง ในแต่ละปีเดือนของแม่น้ำ ผู้คนริมฝั่งน้ำต่างข้ามไปมาหาสู่กัน หากพูดเรื่องพรมแดนแล้ว แม่น้ำไม่เคยแบ่งพรมแดนของคนออกจากกัน มีเพียงคนด้วยกันเท่านั้นแบ่งคนออกจากกัน

ทุกพื้นที่ที่แม่น้ำไหลผ่าน ผู้คนริมฝั่งน้ำต่างได้ใช้ประโยชน์แตกต่างกันออกไป บางคนก็หาปลา บางคนก็ปลูกผัก บางคนก็ขับเรือรับจ้าง ในบรรดาผู้คนที่ได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้ ดูเหมือนว่าคนหาปลาจะเป็นสัญลักษ์อยู่คู่กับแม่น้ำมาเนิ่นนาน โดยเฉพาะบริเวณสบรวก คนหาปลาบางคนได้อาศัยพื้นที่ตรงปากน้ำวางเบ็ด วางมองจับปลา ส่วนคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ใช้จอดเรือรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ตรงจุดนี้ แม่น้ำไหลเป็นเส้นแบ่งพรมแดนประเทศถึงสามประเทศจึงมีชื่อเรียกว่า ‘สามเหลี่ยมทองคำ’

เรื่องราวของสามเหลี่ยมทองคำในอดีตที่ผู้คนได้รู้จักล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับยาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายแทบทั้งสิ้น แต่ความเป็นจริงแล้ว สามเหลี่ยมทองคำยังมีสิ่งให้ค้นหามากกว่าความเป็นพื้นที่ค้าขายยาเสพติดอันยิ่งใหญ่

ในปัจจุบันเรื่องราวยาเสพติดแห่งสามเหลี่ยมทองคำค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน การหายไปของเรื่องราวในอดีตที่สามเหลี่ยมทองคำก็คงไม่ต่างกับการหายไปของคนหาปลาที่สบรวกเช่นกัน ๓-๔ ปีที่ผ่านมาทันทีที่โครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือ เพื่อขนส่งสินค้าจากจีนตอนใต้มาถึงเชียงแสนแล้วเสร็จลง คนหาปลาก็เห็นเรือลำใหญ่น้ำหนักบรรทุกเป็นร้อยต้นคืบคลานมาตามสายน้ำ คลื่นของเรือใหญ่ได้ดูดกลืนเรื่องราวของเรือหาปลาลำเล็กไปเสียสิ้น คลื่นจากเรือใหญ่ได้พัดพาเรื่องราวของปลา และคนหาปลาให้จมหายไปกับสายน้ำ คนหาปลาหลายคนหาปลาไม่ได้ บางคนก็ตัดสินใจทิ้งเครื่องมือหาปลาบ่ายหน้าไปหาเรือลำใหญ่ เพื่อแลกกับค่าจ้างที่จะได้รับหลังจากแบกของลงเรือลำใหญ่ ไม่มีใครรู้ว่าขณะก้าวเดินแต่ละก้าวของคนหาปลาบนพื้นของเรือลำใหญ่ ภายใต้ดวงใจเท่าหนึ่งกำปั้นของเขา เขาจะเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียงใด

หลังเรือใหญ่สัญจรหลายเที่ยวมากขึ้น แม่น้ำเคยสงบเงียบก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนไป หลังแม่น้ำแปรเปลี่ยน วิถีทางของคนหาปลาอันเต็มไปด้วยเรื่องเล่า และตำนานจึงยุติลงพร้อมกับเรือหาปลาบางลำกลายเป็นที่ปลูกผักสวนครัว ห้วงยามเช่นนี้คนหาปลาจึงได้เพียงแต่ถอยร่นออกจากวิถีแห่งการพึ่งพาแม่น้ำไปทีละคนสองคน

แน่ล่ะ น้ำในแม่น้ำย่อมมีขึ้น-ลงเป็นจังหวะของมัน ชีวิตของคนก็เช่นกัน ล้วนมีขึ้น-ลงมีจังหวะของการโลดเต้นแตกต่างกัน บางคนหาปลาตั้งแต่หนุ่มจนแก่เฒ่ายังหาปลาอยู่เช่นเดิม บางคนขับเรือรับจ้างก็ยังขับอยู่เช่นเดิม สายน้ำมีลีลา ชีวิตคนก็เช่นกัน หลายชีวิตที่กล่าวมา พวกเขาล้วนมีจังหวะชีวิตโลดแล่นบนนาวาชีวิตแตกต่างกันตามแต่จังหวะชีวิตของใครของมัน

กล่าวถึงแม่น้ำสายนี้แล้ว ในหน้าน้ำหลาก น้ำจะเป็นสีเหลืองขุ่น และไหลเชี่ยวกรากรุนแรง เสียงโครมครามของสายน้ำจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อโถมเข้าสู่แก่งหิน เสียงสายน้ำโถมเข้าหาแก่งหินสามารถฉุดห้วงหัวใจของคนอ่อนไหวให้เดินทางไปสู่ความหวาดกลัวได้ดีเป็นยิ่งนัก

แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่าสายน้ำจะโถมเข้าหาแก่งหิน และส่งเสียงดังน่ากลัวปานใด แต่คนหาปลาผู้มาพร้อมกับเรือหาปลาลำเล็กบนสายน้ำเชี่ยวกราก พวกเขาก็ยังคงทำงานเหมือนเช่นเคยเป็นมา ขณะเรือเล่นไปบนสายน้ำเชี่ยวกราก ไม่มีใครสามารถรู้ได้แน่ชัดว่า พวกเขาจะหวาดกลัวต่อสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าหรือไม่ หากเปรียบเทียบคนหาปลากับผมแล้ว ผมสามารถบอกได้ว่า ถ้าใจไม่กล้าพอก็อย่าได้หวังว่าการนั่งอยู่บนเรือเหนือสายน้ำเชี่ยวจะมีความสุข

หากว่าแม่น้ำเบื้องหน้าผมคือ สายน้ำแห่งชะตากรรมอันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวแล้ว นาวาอารมณ์ที่ค่อยๆ จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งแห่งสำนึกภายในก็คงเป็นจังหวะชีวิตหนึ่งของสายน้ำเช่นกัน

เมื่อตอนผมนั่งอยู่บนเรือเหนือสายน้ำเชี่ยว หัวใจที่เคยใหญ่เท่ากำปั้นของตัวเอง หดแคบลงเหลือเท่ามดแดงตัวหนึ่งเท่านั้น สองมือเกาะกุมแคมเรือไม่ยอมปล่อย แม้ว่ามันจะดูเป็นเรื่องตลกขบขันสำหรับคนอื่นก็ตามที แต่ผมก็ยินดีจะทำเช่นนั้น

เมื่อเครื่องยนต์เรือค่อยผ่อนเบาเครื่องลงก่อนจะถูกเร่งความเร็วผ่านสายน้ำหมุนวน หัวใจของผมก็ไม่ได้ต่างกัน ทุกครั้งที่หัวเรือบ่ายหน้าเข้าหาแก่งหรือน้ำวน หัวใจของผมเหมือนมันจะเต้นช้าลง แต่พอเรือพ้นออกมาจากแก่งและสายน้ำหมุนวนแล้ว การเต้นของหัวใจก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ผมจำได้ว่า ในสมัยเป็นเด็ก ผมอยากมีเรือวิเศษสักลำที่สามารถเดินทางไปตามที่ต่างๆ ได้ตามใจปรารถนา แต่เมื่อโตขึ้นมาและได้มาล่องเรือในแม่น้ำสายนี้ ความคิดเรื่องของการมีเรือวิเศษได้หายไปอย่างสิ้นเชิง คงไม่ต้องเสียเวลามาอธิบายเพิ่มเติมว่า ทำไมผมจึงทิ้งความฝันนั้นไปเสีย

หลังกลับจากล่องเรือคราวนั้น ในลมดึกของคืนหนึ่ง ผมได้นั่งดูภาพถ่ายหลายภาพ และเมื่อภาพใบหนึ่งกำลังจะผ่านตาไป ผมก็หยิบภาพใบนั้นขึ้นมาเพ่งพิจารณา ไม่นานนักเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับคนในภาพถ่ายก็วนเวียนเข้ามาในความรู้สึก

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
หากท่วงทำนองของสายน้ำในฤดูฝนคือท่วงทำนองของเพลงร๊อคที่โหมกระหน่ำดุเดือดด้วยเสียงกระเดื่องกลองสลับกับเสียงเบสหนักๆ ปนกับเสียงร้องอันแหลมคม และสูงปรี้ดของนักร้อง สำหรับท่วงทำนองของสายน้ำในหน้าแล้งที่อยู่ในฤดูหนาว ท่วงทำนองของสายน้ำอันปกคลุมไปด้วยหมอกหนาวคงเป็นเสียงเพลงบูลล์หม่นเศร้า และในช่วงหน้าแล้ง ท่วงทำนองของสายน้ำคงเป็นท่วงทำนองของเพลงแคนอันเศร้าสร้อยอ้อยอิ่ง ชวนให้คิดถึงบรรยากาศของท้องทุ่ง และดินแตกระแหงของผืนดินอีสาน ฤดูแต่ละฤดูที่ผ่านไป หากแม่น้ำพูดได้ น้ำคงอยากบอกอะไรกับมนุษย์ผู้ได้ชื่อว่าใช้ประโยชน์จากแม่น้ำมากที่สุด อย่างน้อยคนที่ผิดหวังพลาดหวัง…
สุมาตร ภูลายยาว
ในชีวิตผมถือว่า สองปีที่ผ่านมา ผมโชคดีไม่น้อยที่มีโอกาสได้ไปยังสถานที่ที่ตัวเองไม่คาดคิดว่าจะได้ไป สถานที่ที่ว่านั่นคือ ‘สันเขื่อน’ และจุดสำรวจที่จะมีการสร้างเขื่อนบนแม่น้ำโขงในตอนล่าง ไล่ตั้งแต่ปากแบ่ง หลวงพระบาง ไซยะบุรี ปากลาย ปากชม และบ้านกุ่ม จำนวนพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมดแถบทุกพื้นที่ได้มีการสำรวจศึกษาความเป็นไปได้ของพื้นที่ในการก่อสร้างเขื่อนหมดแล้วการไปในแต่ละครั้ง บางทีก็ต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพื้นที่โดยการปลอมตัวเป็นนักท่องเที่ยวผู้อยากรู้อยากเห็น และที่สำคัญต้องตีสนิทกับคนท้องถิ่น เพื่อจะได้เดินทางไปสู่เป้าหมายง่ายขึ้น ในจำนวนพื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมด หากไม่นับรวมปากชมแล้ว…
สุมาตร ภูลายยาว
-ห้องพัก ๒๐๑, เฮือนพักเพียงจัน,หลวงพระบาง- สายฝนที่โปรยสายลงมาอย่างหนักตั้งแต่ตอนกลางคืนหายไปเมื่อตอนเช้าตรู่ ฟ้ากลับมาเป็นสีฟ้าใสอีกครั้ง หลังจากผู้คนของเมืองตื่นจากหลับใหลในอ้อมกอดของบ้านพักอบอุ่น ความเคลื่อนไหวจึงปรากฏ ถนนแต่ละสายผู้คนเริ่มพลุกพล่านโดยเฉพาะส่วนที่เป็นตลาด หลายครั้งที่มาถึงเมืองนี้ในการดำรงอยู่ของเมืองยังคงมีเรื่องราวให้น่าค้นหาในมุมมองอันหลากหลายมากขึ้น การมาถึงเมืองนี้ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันย่อมมีเรื่องเล่าแตกต่างกันออกไปด้วย การมาหลวงพระบางในครั้งนี้ก็เช่นกัน เรามาถึงในตอนเกือบ ๓ ทุ่ม สายฝนยังตกลงมา…
สุมาตร ภูลายยาว
ลมหนาวพัดข้ามยอดเขามา ตอซังข้าวลู่ลงแนบพื้นดิน น้ำในแม่น้ำหมันแห้งขอดลงตามฤดูกาล ถัดจากแม่น้ำขึ้นไปเป็นภูเขา แม่น้ำหมันมีต้นกำเนิดจากภูโลมโลอันเป็นเทือกเขาของเทืือกเขาเพชรบูรณ์ สายน้ำเล็กๆ ที่เป็นเส้นเลือดใหญ่ของคนอำเภอด่านซ้ายไหลเอื่อยช้าคล้ายคนเพิ่งหายจากการป่วยไข้ แม่น้ำหมันช่วงที่ไหลผ่านอำเภอด่านซ้ายไปจนถึงบ้านปากหมัน ตรงที่แม่น้ำหมันเดินทางไปบรรจบกับแม่น้ำเหืองมีความยาวทั้งสิ้น ๖๖ กิโลเมตร ตลอดริมสองฝั่งแม่น้ำจะมีต้นไผ่จำนวนมากขึ้นอยู่เป็นระยะ ต้นไผ่-แม่น้ำหมัน-คนริมฝั่งน้ำมีความสำคัญต่อกันจนแยกขาดจากกันไม่ได้
สุมาตร ภูลายยาว
หลังได้รับมอบหมายให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินภาพวาดของเด็กๆ ที่ประกอบไปด้วยเด็กจากช่วงชั้นต่างๆ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ของโรงเรียนบ้านคกเว้า ตำบลหาดคำภีร์ อำเภอปากชม จังหวัดเลย ข้าพเจ้าเองแบ่งรับแบ่งสู้ในตอนแรก เพราะโดยส่วนตัวแล้วการเป็นกรรมการประเภทนี้มีเงื่อนไขหลายอย่าง สำคัญกรรมการควรมีความรู้ทางศิลปะมาบ้าง เพื่อให้ผลการตัดสินออกมาดูน่าเชื่อถือ แต่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ข้าพเจ้าไม่มีความรู้ทางศิลปะเอาเสียเลย อย่างมากก็พอรู้ว่ารูปไหนสวยไม่สวย ซ้ำร้ายเรื่องของทฤษฏีสีแล้ว ข้าพเจ้าไม่รู้เอาเสียเลย แม้จะเคยลองวาดรูปอยู่บ้าง แต่ก็งูๆ ปลาๆ…
สุมาตร ภูลายยาว
โศกนาฏกรรมสองฝั่งน้ำ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสายน้ำเรื่องหนึ่งที่ผู้เฒ่าปกากะญอ มักเล่าให้ลูกหลานฟังอยู่เสมอ เรื่องเล่าเรื่องนี้มีอยู่ว่า ‘นานมาแล้วมีเจ้าเมืององค์หนึ่งจะตึกแค-กั้นน้ำ เพื่อจับปลาในแม่น้ำสาละวิน ให้ลูกที่อยากกิน ปลาตัวนี้ใหญ่มาก ส่วนหัวของปลาอยู่โจโหละกุย-วังน้ำใหญ่อยู่ในเขตสาละวินตอนกลาง ลำตัวของปลายาวลงไปตามลำน้ำ ส่วนหางอยู่ที่แจแปนทีลอซู แต่ก็มีเรื่องที่ทำให้ชาวบ้านชาวเมืองตกอกตกใจ เพราะหากว่าเลือดหรือน้ำมันจากปลาตัวนี้ไหลลงพื้นดินเมื่อใด แผ่นดินก็จะลุกเป็นไฟ เมื่อชาวบ้านทราบข่าวก็เกิดความกังวลว่า เมื่อน้ำท่วมบ้านแล้วไม่รู้ว่าจะหนีไปอยู่ที่ไหน…
สุมาตร ภูลายยาว
การพัฒนาบนคราบน้ำตาคนชายขอบ ในอดีตอันยาวไกลของแม่น้ำสายนี้เคยไหลอย่างอิสระมาตลอด แต่แม่น้ำนานาชาติสายสำคัญแห่งนี้อาจมิได้ไหลอย่างอิสระต่อไปอีกแล้ว เพราะปัจจุบันแม่น้ำสายนี้ได้ถูกผลักดันให้เข้าไปอยู่ในแผนพัฒนาต่างๆ แผนพัฒนาที่สำคัญ คือแผนพัฒนาพลังงานไฟฟ้า โดยเฉพาะกับประเทศไทย แม่น้ำสาละวินกลายเป็นแม่น้ำยุทธศาสตร์สำคัญสายหนึ่งที่น้ำในแม่น้ำจะถูกนำมาแปรเป็นกระแสไฟฟ้า ภายใต้วาทะกรรมของนักพัฒนาที่ว่า ‘พื้นที่ชายขอบของประเทศมีคนอยู่น้อย และผู้ที่ได้รับผลกระทบย่อมมีส่วนน้อยเช่นกัน’
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้คนแห่งสาละวิน  สาละวิน ถือเป็นสายน้ำแห่งกลุ่มชาติพันธุ์อย่างแท้จริง เพราะสองฟากฝั่งลุ่มน้ำสาละวิน ตั้งแต่เทือกเขาหิมาลัยลงมาจนถึงอ่าวเมาะตะมะ ในเขตหุบเขาอันไกลโพ้นในประเทศจีนก็มีกลุ่มชาติพันธุ์อาศัยอยู่ไม่น้อยกว่า ๑๔ กลุ่ม โดยส่วนใหญ่เป็นชาวนู ลีซู และตู๋หลง เมื่อล่องตามน้ำลงมาจนถึงพรมแดนพม่า-จีน พม่า-ไทยก็มีกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่มากมายไม่ต่ำกว่า ๑๖ กลุ่ม เช่น นู ลีซู ไทยใหญ่ กะยา กะยัน กะเหรี่ยง และมอญ กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ล้วนมีภาษา ตัวอักษร วรรณคดี ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีของตนเอง ในบรรดากลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอยู่หลากหลายบนลุ่มน้ำแห่งนี้ กลุ่มยินตาเล…
สุมาตร ภูลายยาว
สาละวินบนนิยามของความหลากหลาย สาละวิน บนเส้นทางงานวิจัยชาวบ้าน งานวิจัยนี้เป็นการศึกษาครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน ตลอดแนวพรมแดนไทย-พม่า โดยได้มีการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในประเด็นพันธุ์ปลา เครื่องมือหาปลาพื้นบ้าน การทำเกษตร พรรณพืชในป่า และสังคมวัฒนธรรมของชาวปกาะกญอ เพื่อนำมาอธิบายความสลับซับซ้อนของระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพในลุ่มน้ำสาละวิน และวิถีชีวิต เศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรมของชุมชนที่ตั้งอยู่บนฐานของระบบนิเวศดังกล่าว ตลอดจนพิธีกรรม และความเชื่อของชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ผลการศึกษาพบว่า แม่น้ำสาละวิน ตลอดพรมแดนไทย-พม่า มีระบบนิเวศที่สลับซับซ้อน อาทิ แก่ง วังน้ำ หาดทราย…
สุมาตร ภูลายยาว
ระบบนิเวศลุ่มน้ำสาละวิน ระบบนิเวศลุ่มน้ำสาละวิน ถือว่า มีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากแม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำนานาชาติสายสุดท้ายในภูมิภาคนี้ที่ยังไม่ได้ถูกล่ามโซ่ด้วยเขื่อน นักนิเวศวิทยาได้จัดให้แม่น้ำสาละวินเป็นศูนย์กลางของการกระจายพันธุ์ไม้สักของโลก พื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง มีระบบนิเวศสลับซับซ้อนเนื่องจากเป็นพื้นที่ต่อเนื่องระหว่างเขตชีวภูมิศาสตร์ย่อยอินโดจีนกับพื้นที่ต่อเนื่องจากชีวภูมิศาสตร์สิโนหิมาลายันหรือเขตชีวภูมิศาสตร์ย่อยอินเดีย แต่ก็เป็นที่น่าเสียดายว่า เกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา การศึกษาระบบนิเวศวิทยาของแม่น้ำสาละวิน มีอยู่น้อยมาก…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สหราชอาณาจักรได้คืนอิสรภาพให้กับพม่า ภายหลังพม่าได้รับอิสรภาพ ในปี ๒๔๙๐ นายพลอู่อองซาน ผู้นำพม่าในขณะนั้นก็ถูกสังหารเสียชีวิต การล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิงของสัญญาปางโหลง จึงเกิดขึ้น เมื่อคำมั่นในสัญญาปางโหลงไม่เป็นผล ชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ จึงได้จับอาวุธลุกขึ้นสู้กับรัฐบาลทหารพม่า เพื่อแยกตัวเป็นรัฐอิสระและปกครองตนเอง ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสาละวิน จึงเกิดกองกำลังปลดปล่อยขึ้นหลายกลุ่ม เขตรอยต่อพรมแดนไทย-พม่าริมฝั่งแม่น้ำสาละวิน ด้านตะวันตก เป็นดินแดนที่กล่าวได้ว่า กฎหมายอาจไม่มีความสำคัญ ทุกชีวิตที่ยังมีลมหายใจ จึงอยู่ภายใต้กฎของปืน และความเหลื่อมล้ำในการดำเนินชีวิต…
สุมาตร ภูลายยาว
พ่อตู้เริญได้เล่านิทานเรื่องนี้ให้ผมฟังขณะเรานั่งหย่อนอารมณ์ในบ้านของแก เพื่อรอฝนหายจากฟ้า เดือนตุลาคมแล้ว ฝนยังมิจากจางเลย ลมหนาวมิมีทีท่าว่าจะพัดมา สายฝนเทลงมาจั่กๆ พ่อตู้เริญต้องเล่านิทานเรื่องนี้ด้วยเสียงดัง เพื่อจะให้ผมได้ยินถนัด ผมกดเครื่องบันทึกเสียงเพื่อบันทึกเสียงการเล่านิทานของพ่อตู้เอาไว้ เพราะคิดว่าจะเก็บเอามาเล่าต่อให้คนอื่นได้ฟังด้วย พ่อตู้เริญเล่าว่า... นานมาแล้ว ยุคสมัยก่อนการเกิดขึ้นของพุทธศาสนา องค์อินทร์ผู้เป็นนายของทุกสิ่ง และทรงสร้างทุกสิ่งในจักรวาลได้นั่งตรวจยามสามตา เพื่อตรวจดูทุกสรรพสัตว์ใตอานัติของตนเอง แล้วในญาณนั้นก็ปรากฏการเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา…