Skip to main content

บล็อกกาซีน ประชาไท

เมธัส บัวชุม
อาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ เพื่อนโทรมาชวนผมไปฟังการสัมมนาที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่จัดขึ้นเนื่องในงานธรรมศาสตร์วิชาการ เรื่อง “ก้าวต่อไปของการเมืองภาคประชาชนไทยหลังการเลือกตั้งทั่วไป 2550” เพื่อนบอกว่ามีคุณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณจอน อึ๊งภากรณ์ คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นพ.เหวง โตจิราการ คุณรสนา โตสิตระกูลผมได้ยินรายชื่อแล้วรู้สึกสนใจโดยเฉพาะคุณจาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองคุณภาพที่หาได้ยากยิ่งในแวดวงการเมืองไทยปัจจุบัน แต่สุดท้ายแล้ว ผมก็ผิดหวัง คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่มาร่วมวงสัมมนาแต่อย่างใด คุณศิโรฒม์ คล้ามไพบูลย์ นำเสนอการวิเคราะห์อย่างเป็นวิชาการ อย่างไรก็ตาม ฟังแล้วรู้สึกเหมือนเป็นการ “หลอกด่า” ขบวนการภาคประชาชน เช่น ความคิดเรื่องการรับเหมาทำแทน การที่บรรดา “เอ็นจีโอ” สถาปนาเป็น “ตัวแทน” ของภาคประชาชนอย่างอัตโนมัติโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครเลือกตั้ง การอ้างอิงชนชั้นล่างแต่ประเด็นที่ใช้ในการเคลื่อนไหวกลับเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของคนชั้นกลาง การปิดกั้นผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มไว้ในนามของผลประโยชน์แห่งชาติคุณหมอเหวง โตจิราการ นับวันยิ่งเข้มข้นหนักหน่วง นับวันยิ่งเป็น “ซ้าย” ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผมคิดว่าดี ผมอยากให้มีคนแบบคุณหมอเหวง โตจิราการ เยอะ ๆ เพราะจะได้ช่วยเพิ่มพลังแห่งการวิพากษ์วิจารณ์แบบถอนรากถอนโคนที่กำลังขาดแคลนตอนหนึ่งคุณหมอเหวง โตจิราการ พูดถึงทีวีสาธารณะว่ามันไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลรัฐประหารที่แทรกแซงสื่อมาโดยตลอด ทั้งคนที่ได้รับการแต่งตั้งให้เข้ามาดูแลจัดการก็เป็น “คนของรัฐประหาร” ที่ไม่ได้รับการยอมรับซึ่งไม่มีทางจะทำให้คลื่นโทรทัศน์กลายเป็นผลประโยชน์สาธารณะได้ผมเห็นด้วยว่า ทีวีสาธารณะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ มันเป็นโกหกคำโตของนักวิชาการที่นำเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ และไม่คำนึงถึงพร้อม และความเป็นไปได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าทีวีสาธารณะเป็นเกมการต่อสู้ทางการเมืองอีกเกมหนึ่ง ที่มีนักวิชาการคอยกำกับให้อยู่ในวาทกรรมว่าด้วยผลประโยชน์สาธารณะ
ชาน่า
ช่วงพักร้อนสามเดือนที่ผ่านมาได้ไปงานเปิดตัวหนังสือของเพื่อนที่ เอสพลานาด ทางทีมงานและสำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ ได้มอบหนังสือเล่มนี้ ...   “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง  ซึ่งเขียนและดัดแปลงมาจากวิทยานิพนธ์ของ คุณวารุณี แสงกาญจนวนิช   อ่านแล้วต้องขอยกนิ้วให้ ว่าเป็นอีกหนังสือคุณภาพที่อ่านแล้วโดนฮ่ะ  ได้สาระและความรู้อีกหลายเรื่องราวที่เรายังไม่เคยรู้มาก่อน ชีวิตจริงของชาน่านั้นเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นกะเทย แต่ที่ต้องแต่งสาวเป็นพรางชมพู ก็เพราะไม่อยากให้ทางบ้านรู้ (อันที่จริงคือไม่อยากให้คุณแม่ทราบ แค่คนเดียวเท่านั้นที่แคร์ความรู้สึก ที่เหลือประชากรทั่วจักรวาลไม่เคยคิดที่จะปิดบังเลยเจ้า)  ถามว่าเคยคิดอยากจะแปลงเพศหรือไม่  เมื่อก่อนเคยคิด แต่ทุกวันนี้ ความคิดนั้นเปลี่ยนไปซึ่งมีหลายองค์ประกอบ อาจจะเป็นเพราะแก่เกินแปลงร่างกระมังคะ   แต่ถ้าแต่งสาวเมื่อไหร่แล้วชอบเป็นการส่วนตัวเชียวล่ะลองอ่านเรื่องจริงของเค้าหรือเธอ ที่ผ่านเป็นตัวหนังสือ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์  แม้เวลาการพิมพ์จะผ่านไปสองสามปีแต่คุณค่าของหนังสือไม่เคยเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเลย ชีวิตของสาวประเภทสองที่แปลงเพศนั้นจะเป็นเช่นไรใครจะรู้ดีเท่ากับตัวเธอเอง  หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอด ปอกเปล่าเล่าเปลือยอย่างไม่กั๊ก  ซึ่งคนในหนังสือนั้นล้วนเป็นคนจริง เรื่องจริง เจาะลึกลากใส้คนเราแม้จะเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาได้  หลายคนเถียงว่าทำไมจะเลือกเพศเกิดไม่ได้  หาโครโมโซมให้หมอกำหนดเพศก็เลือกเพศของลูกได้แล้ว นั่นก็จริงแต่บางครั้งเพศที่เกิดมาแล้วก็ขัดแย้งกับความต้องการของเจ้าของหัวใจ และวิญญาณ  (ซึ่งบังคับกันไม่ได้)  ถ้าจะให้เลือกระหว่างการเปลี่ยนจิตฝังใจกับเปลี่ยนร่างกาย อย่างหลังนั้นยังง่ายกว่าซะอีกในปัจจุบันของคนที่มีแรงกล้าที่คิดจะเปลี่ยนร่าง แปลงเพศให้สอดคล้องกับความต้องการทางจิตคำนำของผู้เขียนบอกให้เรารู้ว่า *  “จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ ต้องการฉายภาพสะท้อนและถ่ายทอดข้อเท็จจริงของ  “ครรลองชีวิต”  เบื้องหลังชีวิต และความเป็นมาเป็นไปของ “ชาย” ที่ผ่านการผ่าตัดเปลี่ยนเพศเป็น “หญิง” หรืออาจเรียกว่า ชายที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศทางร่างกาย “โดยกำเนิด”  ไปสู่เพศ “หญิง” ที่จิตใจนั้น พร่ำ  “กำหนด”........”ศัลยกรรมการแปลงเพศ จึงเข้ามามีบทบาทต่อพวกเค้าหรือเธอ   แม้มันจะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของ “มนุษย์” ในการคิดค้น ความก้าวหน้า วิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ช่วยให้พวกเธอนั้นได้ทำตามฝัน สักครั้งของชีวิตในชาตินี้    จากผลการวิจัย  ในต่างประเทศ  มีสาวประเภทสองต้องการเปลี่ยนเพศ โดยมีปริมาณดังนี้  ** อเมริกาเท่ากับ 1 : 100,000   ประเทศเยอรมัน 1 : 42,000  ประเทศสวีเดน 1 : 37,000  ประเทศอังกฤษ 1 : 34,000   ประเทศออสเตรเลีย  1 :24,000   ประเทศเนเธอร์แลนด์1 : 11,900  ส่วนในประเทศไทยยังไม่มีการสำรวจอย่างเป็นทางการ แต่เกรงว่าตัวเลขก็คงจะไม่ทิ้งห่างจากต่างประเทศนัก  หรือคุณว่าไงเหตุผลหลักของการแปลงร่าง ...  หรือแปลงเพศ นั้น เกิดจากความไม่สอดคล้องระหว่างเพศและจิตใจฮ่ะ  เกิดในร่างชายแต่ใจเป็นหญิง  แม้แพทย์จะบอกว่าเป็นความเจ็บป่วยทางจิตประเภทหนึ่ง  ถึงแม้จะพยายามรักษาโรคด้วยวิธีการทางจิตบำบัดแต่ก็ไม่สำเร็จ   จนหลายคนยอมรับกับการเปลี่ยนแปลงร่างกายให้สอดคล้องกับจิตยังง่ายกว่าค่ะ จึงเป็นที่มาของการแปลงเพศ  แต่กว่าจะแปลงร่างและเพศได้นั้นก็ไม่ใช่ แค่คลิ๊กปุ๊บแปลงปั๊บ เหมือนไอ้มดแดง  หากต้องผ่านกรรมวิธีกระบวนการหลายขั้นตอน เช่น  อันดับแรกจะต้องผ่านการทดสอบสภาพทางจิตว่าต้องการจริง ๆ หรือแค่อารมณ์ชั่ววูบ  การใช้ฮอร์โมนทดแทน และการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศตรงข้ามอย่างเต็มเวลา เพื่อทดสอบว่าผู้จะได้รับการผ่าตัดมีความพร้อมหรือไม่* วัตถุประสงค์ของการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ๑. เพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายให้สอดคล้องกับเพศทางจิต๒. เพื่อเปลี่ยนลักษณะภายนอก เช่น เต้านม อวัยวะเพศ รูปร่าง และใบหน้า ต่าง ๆ ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับเพศที่ต้องการมากที่สุด โดยอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ๓. เพื่อเอื้ออำนวยให้ผู้ที่ได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติชนเกณฑ์ขั้นต่ำในการวินิจฉัยบุคคลที่จะเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศ เช่นมีอายุครบตามกฎหมายของประเทศตนมีการใช้ฮอร์โมนทดแทนอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 12 เดือนประสบความสำเร็จในการทดลองดำเนินชีวิตแบบเพศที่จะเปลี่ยนเป็นเวลา 12 เดือนได้รับการอธิบายในเรื่องเงือนไขและค่าใช้จ่าย  ค่ารักษาพยาบาล ปัญหาหลังการผ่าตัดเป็นต้นกระบวนการผ่าตัดเปลี่ยนเพศจากชายเป็นหญิงนั้น สลับซับซ้อนอย่างเช่น  สร้างช่องคลอด ตัดลูกอัณฑะออก ลูกออกไม่พอ องค์ก็ต้องออกด้วยนะคะ  องค์ที่ว่านั้นคือ องคชาติ  เมื่อตัดแล้วก็ต้องเพิ่มเติมสร้างคลิตอริส อันนี้ขออธิบายหลายคนบอกว่า พอแปลงเพศแล้วจะไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือจะไม่ถึงจุดนั้น หมอก็ไม่ยอมน้อยหน้าขอตัดแต่งเพิ่มเติม โดยเอาเลือดและเส้นประสาท ซึ่งไวต่อการกระตุ้นให้ถึงจุดนั้น (ไม่ใช่จุดนัดฝันนะเค๊อะ)  มาสร้างเป็นคลิตอริส  ที่ลืมไม่ได้คุณหมอหัดใหม่ห้ามลืมก็คือ ต้องสร้างรูเปิดของท่อปัสสาวะ  ไม่งั้น...ลำบาก หารูออกไม่ได้แย่เลยค่ะ  ขั้นตอนสุดท้ายก็ต้องสร้างแคม  ไม่ใช่เว็บแคมนะคุณ ต้องสร้างแคมนอก แคมในให้เหมือนจริงมากที่สุดร้อยเกือบทั้งร้อยเมื่อถึงขั้นผ่าตัดแปลงเพศแล้ว  สาว ๆ ทั้งหลายจะต้องผ่าตัดทำศัลยกรรมอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การเสริมจมูก จิ้มคาง ผ่าตัดรูปหน้าไม่ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู หรือว่าสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัดกราม ดึงแนวผมให้ต่ำลง รวมทั้งการเหลาลูกกระเดือกให้บางลง  คุณหมอทำได้ค่ะหลังการผ่าตัดแล้วก็ต้องเป็นคนไข้ ได้รับการดูแลจากหมอ  นอกจากนี้แล้วตัวเองก็ยังต้องดูแลช่องคลอด(ใหม่)  ถ้าจะกล่าวว่าช่องคลอดก็คงไม่ถูกต้องนักเพราะหาได้มีโอกาสคลอดใครออกในส่วนนั้น แต่รู้กันว่าคือช่อง....  ชาน่าขอเรียกว่า ช่องเพศ(ใหม่) ละกัน พวกเธอจะต้องใช้เทียนแท่งเหลาเป็นรูปอวัยวะเพศชาย หรืออาจเป็นแท่งซีลีโคนนุ่ม หรือเครื่องขยายช่องคลอด  ซึ่งจะต้องสอดใส่ ใหม่ ๆ วันละสองสามครั้ง  แทบจะทำหลังอาหาร ครั้งละ 30 นาที ต้องทำเช่นนี้เป็นเวลา 6 เดือน  ศัพท์แสลงเค้าเรียกกันว่า  ต้อง “โม”   (อ่านว่า โม เฉย ๆ ไม่ใช่นะโม  พิมพ์ไม่ผิดหรอกค่า  ฮา ฮา )    ช่วงนี้ก็สำคัญมิใช่น้อย เพราะถ้าหากคุณไม่โม ช่องแคบของคุณอาจจะหด หรือ ตื้นตัน เหมือนกับการเจาะหู หนะค่ะยังต้องหาอะไรมาทิ่มแทงตลอดไม่งั้น แน่นอน.... “รู” ตันคำถามที่หลายคนอาจจะคิด หรือคิดไม่ถึงว่า หลังผ่าตัดแล้วเมื่อไหร่จึงจะสามารถ ทำกิจกรรมเข้าจังหวะได้  (ร่วมเพศ) โดยทั่วไปแล้วสามารถเริ่มต้นทดลองขับขี่ได้ ในสัปดาห์ที่ 6  หากมีอะไรผิดพลาด สามารถติดต่อศูนย์ถ่วงล้อ เปล่าค่ะเปรียบเปรย ติดต่อคุณหมอผู้ทำการผ่าตัด อย่างเช่น ฉีกขาด เลือดไหล  จะได้แก้ไขทันท่วงทีของตัดแต่ง บางรายทำได้เนียนจนหาที่ติไม่ได้ แต่บางรายก็ผิดเพี้ยนบ้างนิดหน่อยโดยจะพบได้อย่างเช่น  เวลานั่งปัสสาวะ รูปัสสาหันข้าง ดันหน้า เวลาฉี่แทบรดหน้าประตูห้องน้ำ หรือสายยางน้ำพ่นทางซ้ายบ้าง ขวาบ้างตามจังหวะ  บางรายพอมีอารมณ์ทางเพศ อวัยวะของเธอแข็งโป๊ก ทั้ง ๆ ที่ของผู้หญิงจะนุ่มนิ่มอย่างแตกต่าง....ผลหลังการผ่าตัดแล้ว โดยส่วนมากจะพอใจในระดับสูงทีเดียว เพราะได้เป็นอยู่อย่างเต็มรูปแบบว่า “ฉันก็เป็นผู้ฉิง  ....เต็มตัวแล้ว”    การใช้ชีวิตและกิจวัตรประจำวันก็คือ หญิง ทั้งกายและหัวใจหละค่ะมีหลายรายที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว  โดยรูปลักษณ์ภายนอก ไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าเคยเป็น ผู้ชาย มาก่อน แต่บางคนก็ยังมีเค้าโครงร่างเหมือนผู้ชายอยู่บ้างอย่างเสียไม่ได้    ส่วนตัวชาน่าเคยสัมภาษณ์  ช่างแต่งหน้าจาก  เดอะ ไฮนิส สตูดิโอ ทองหล่อ  เธอบอกว่า  “เจ็บมากเลย  ก็เหมือนกับตัดชิ้นส่วนอวัยวะของเรา ใครบอกว่าไม่เจ็บไม่จริงหรอก” เธอเล่าให้ฟังว่า  “แม้จะผ่าตัดแปลงแล้วบางครั้งผู้ชายก็ยังนิยมเข้าประตูหลังของบ้านอยู่ดีล่ะ”    ชาน่าเคยทราบข่าวจากรุ่นพี่คนหนึ่งที่เรียนมัธยมปลายด้วยกันที่ ร.ร.ดำรงราษฎร์สงเคราะห์ เชียงราย เธอตัดสินใจ แปลงเพศแต่ข่าวที่อนาจเยี่ยงนักคือเธอเสียชีวิตในระหว่างการผ่าตัดแปลงเพศ เพราะเสียเลือดมาก หัวใจวาย ตายก่อนสมร่างหญิงสวย ซึ่งก่อนที่เธอจะแปลงเพศเธอเอวบางร่างเล็กสวยงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว น่าเสียดายและเสียใจแทนพ่อแม่ด้วยจริง ๆ ค่ะ*  “ถึงวันนี้ก็บอกได้เลยว่า เราตายได้แล้ว ตายได้แล้วจริง ๆ เพราะเราเป็นผู้หญิงแล้ว ชีวิตไม่ต้องการอะไรมากกว่าได้เป็นสิ่งที่ตัวเองอยากเป็น ถึงแม้คนอื่นจะรับไม่ได้ก็ตาม”  เสียงของ แจน หนึ่งในสาวประเภทสองที่ผ่าตัดแปลงเพศ ที่ถูกสัมภาษณ์ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกเป็นเพศไหน ตามกำเนิด หรือเพิ่งจะกำหนด(เพศ)  สิ่งที่เราจะต้องเผชิญและอยู่กับความเป็นจริงนั้นสำคัญที่สุด  คนทุกคนมีทางเลือก หากคุณเลือกที่จะเป็นใครสักคนในชาตินี้หรือชาติหน้า (ถ้าเลือกได้) ก็ขอเป็นคนที่สอดคล้องกับความต้องการทางภาวะจิตใจ  แม้สิ่งที่เลือกนั้น “จะกลับก็กลับไม่ได้ ไปก็ไปไม่ถึง”  แต่หนึ่งสิ่งที่อยู่ในใจเราเสมอคือ  เลือกที่จะเป็นสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม  นำเสนอเรื่องแปลง(เพศ)ร่าง ส่งตรงจากเกาะ Barbados,West Indies Eastern Caribbean .* ข้อมูล จากหนังสือ  “ตัดทิ้ง” ชีวิตจริงของสาวประเภทสอง, วารุณี แสงกาญจนวนิช สำนักพิมพ์ สร้างสรรค์บุ๊คส์, สิงหาคม 2548* กราบขอบพระคุณ สำนักพิมพ์สร้างสรรค์บุ๊คส์ สำหรับหนังสือเล่มนี้ที่มอบให้อย่างเป็นทางการ
Music
     จำได้ว่าเทปเพลงที่ผมได้ฟังเป็นม้วนสุดท้ายคือเทปรวมเพลงของ Bob Dylan ซึ่งผมไปอัดเอามาจากคนอื่นอีกที  ผมฟังมันจากเครื่องเล่นเทปพกพา (Walkman-ของปลอมเท่านั้น) แบบเปิดลำโพงได้ รถที่ผมใช้นั้นเครื่องเล่นเทปมันพังไปตั้งแต่ช่วงที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ช่วงหนึ่งผมจึกมักจะเอา Walkman ตัวนี้มาวางเปิดไว้ในรถแทน และเวลาเดินทางด้วยรถทัวร์หรือรถไฟก็มักจะติดเจ้าเครื่องเล่นนี้เสียบหูฟัง ฟังเทปที่ว่านี้ไปขณะเดินทางทุกครั้ง จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็น เทป Cassette คู่การเดินทางของผมไม่ว่าจะในระยะใกล้หรือระยะไกลเลยก็ว่าได้คุณภาพเสียงจากเครื่องเล่นของผมในตอนนั้น เรียกได้ว่าเอาไปเทียบกับการฟังจาก CD หรือแม้แต่การฟังจากไฟล์เสียงไม่ได้เลยทีเดียว (ในกรณีที่เทียบกับไฟล์เสียงที่คุณภาพ สัก 128 KB/s ขึ้นไป) แต่ผมไม่ได้เป็นคนที่จริงจังกับคุณภาพเสียงขนาดพวก Audiophile เสียงร้องของ Bob Dylan เองก็สาก ๆ เป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว  ดนตรีเขาก็ไม่ซับซ้อนมากขนาดต้องหาความต่างจากคุณภาพเสียงที่สำคัญคือ ความรู้สึกตอนที่ได้ฟังเสียงคุณภาพต่ำ สลับกับเสียงเครื่องยนต์รอบข้างขณะขับรถกลับบ้านนั้น มันเป็นความรู้สึกดี ๆ ที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดยากได้มาก จนกระทั่งว่าถ้าคุณภาพเสียงมันดีกว่านี้ คงไม่ได้อารมณ์ในแบบเดียวกันเรื่องของการอัดเพลงลง Cassette นี้ชวนให้ผมนึกถึงสิ่งที่เรียกว่า MixtapeMixtape คือการนำเอาบทเพลงจากศิลปินคนเดียวหรือต่างศิลปินก็ได้ มารวบรวมเป็นอัลบั้ม อัดลงเทปคาสเซทท์ โดยเรียงลำดับ Track ต่าง ๆ ตามใจตนเอง มีบางส่วนที่อาจจะมีลักษณะเอาดนตรีประเภทเดียวกันมาใส่ไว้ด้วยกัน บ้างก็เอาดนตรีเนื้อหาใกล้กันหรือสอดคล้องกันมารวมเป็นคอนเซปต์อัลบั้มในแบบของตัวเอง ใครที่มีความสามารถในด้านเครื่องมือเครื่องไม้ก็อาจจะดัดแปลงซาวน์เสริมเข้าไปในขั้นตอนต่าง ๆ ตามแต่เห็นเหมาะสมกับเรื่องนี้คนที่จริงจังกับเรื่อง Mixtape บางคน จะถือว่าการเรียบเรียง Track ลงอัลบั้มเป็นเรื่องเชิงสุนทรียรสเลยทีเดียว ว่าแล้วก็นึกถึง ร็อบ ตัวเอกในนิยายและภาพยนตร์เรื่อง High Fidelity ที่มักจะชอบจัด 5 อันดับเพลงให้กับอะไรต่าง ๆ ในชีวิตถ้าพูดให้ใกล้ตัวเข้ามามากกว่านี้หน่อย สำหรับบางคนที่เกิดในยุคเทปอัดเฟื่องฟู คงต้องได้พบเจอ Mixtape ในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งก็คือการอัดเทปรวมเพลงรัก ส่งให้กันนั่นเอง (อันนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่ดีหรือความทรงจำที่อยากจะลืมก็ไม่อาจทราบได้ :P)นอกจากนี้ เทปอัดยังทำให้เกิดวัฒนธรรม Bootleg และ Tape Trading ตามมา เรื่องของ Tape Trading นั้นผมเกิดไม่ทัน และไม่มักคุ้นมันสักเท่าไหร่ แต่ได้ยินว่ามันมีคุณูปการต่อดนตรีใต้ดินมาก ๆ(ไม่นับเทปพีค็อก ที่คงตรึงตราอยู่ในความทรงจำของหลาย ๆ คนอยู่แล้ว)ขณะที่ Bootleg นั้นมันคือการบันทึกเสียงจากการแสดงสดอย่างไม่เป็นทางการ (ซึ่งต่างจาก Live album ซึ่งออกมาจากต้นสังกัดอย่างเป็นทางการ) รวมถึง "เพลงหายาก" (Rarity) ซึ่งหมายถึงพวก Demo งานที่ยังไม่สมบูรณ์ (แต่รั่วไหลออกมาก่อน) , งานที่ศิลปินไม่ได้วางแผนจะปล่อยออกมา อะไรพวกนี้เป็นต้นซึ่งดูเหมือนว่าวัฒนธรรมการบันทึกเสียงนี้เสี่ยงต่อกฏหมายลิขสิทธิ์เอาการ แต่ในขณะเดียวกันบางศิลปินก็กลับอนุญาตให้ผู้เข้าชมอัดเสียงกันได้ตามสบาย เช่นวง The Grateful Dead , Nickel Creek , The Decemberists , John Mayer , Jack Johnson ฯลฯขณะที่บางคนมองเป็นวิกฤต แต่ตันสังกัดหัวธุรกิจก็มองมันเป็นโอกาส แทนที่จะปล่อยให้ผู้ฟังทำแจกทำขายกันเอง ทางต้นสังกัดก็ทำการเลยออก Bootleg ของตัวเองอย่างเป็นทางการ (Official Bootleg) ให้กับศิลปินที่พอมีหน้ามีตามาขายเองเสียเลยตัวผมเติบโตผ่านยุคที่ CD เข้ามาแทนเทปคาสเสทท์ และในปัจจุบันนี้เอง Digital media กำลังปันพื้นที่กับ CD อย่างสนุกสนาน (ในความรู้สึกผมนะ คนอื่นอาจจะไม่สนุกเท่าไหร่ เพราะส่วนตัวผมเสพย์ดนตรีทั้งทาง CD และไฟล์เพลง นอกจากนี้ก็คิดว่า CD จะยังไม่ตายง่าย ๆ) วัฒนธรรมการ Mixtape อาจจะกลายเป็นการ WriteCD ซึ่งทำได้สะดวกรวดเร็วกว่าการอัดเทปแบบเป็นเพลง ๆ ไป โปรแกรมเล่นเพลงในคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะโปรแกรมไหนก็มีระบบจัด Playlist ได้อิสระง่ายดาย อารมณ์ไหนก็เลือกเอาได้แต่ถ้าหากลองได้สำรวจความรู้สึกอันละเอียดอ่อนมนุษย์ดูแล้วล่ะก็ ความรู้สึกของการได้ WriteCD ให้ใครบางคน (อย่าเพิ่ง ! อย่าเพิ่งเอาเรื่องลิขสิทธิมาขัดอารมณ์โรแมนติกสิ เดี๋ยวค่อยไปเถียงกันทีหลัง) หรือการได้ส่งไฟล์เพลงให้ใครบางคน มันก็ต่างกับ ความรู้สึกตอนที่เราได้อัดเทปอยู่ลึก ๆยังไงก็น่าลองหยุดทำความเข้าใจตัวเองกันสักนิดก็ดีว่า ความรู้สึกเก่า ๆ ตอนที่เรากดไอ่ปุ่มที่มีจุดแดง ๆ บนเครื่องอัดเทป แล้วนั่งดูรีลมันหมุนไปนั้น เป็นความรู้สึกที่ดีกว่าตอนที่เรานั่งฟังเสียงวี้ ๆ จากการเบิร์นซีดี จริงน่ะหรือ หรือมันเป็นแค่อุปาทานของเราเองเป็นธรรมดาที่เวลาเราเกิดความรู้สึกแบบหวนรำลึกหาอดีต (Nostalgia) แล้ว ภาพความเลวร้ายของ "อดีต" จะดูเลือน ๆ ไป สิ่งที่เด่นชัดกว่าคือด้านดี ๆ ของมัน ทำให้ยึดติดไปเองว่าอดีตมันดีกว่าปัจจุบัน ดีกว่าอนาคตการฝันถึงอดีตชั่วยามมันดีที่ช่วยปลุกปลอบหัวใจให้คลายความหมองหม่นไปบ้าง แต่สิ่งที่น่ากลัวคือการยึดมั่นถือมั่นจนอยากที่จะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิม แล้วปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงยังไม่รู้ว่าโลกจะหมุนไปไกลถึงแค่ไหนอีก เวลาเราก้าวไปข้างหน้า มันจะต้องมีอะไรหล่นหายไปรายทางเสมอ ความรู้สึกเก่า ๆ พวกนั้นเราอาจไม่ได้กลับคืนมา แต่มันก็ดีไม่ใช่หรือเวลาที่เราได้แค่คิดถึงมันผมเคยยึดติดอดีตและอะไรเก่า ๆ อยู่เหมือนกัน แต่เวลาที่ผันผ่านไปจะทำให้เราเรียนรู้ว่า สิ่งที่มันหล่นหายไป สิ่งเราคิดถึงมันอาจจะเป็นแค่ภาพมายาฉุดเราไว้ สำหรับสิ่งที่จะมีขึ้นในวันข้างหน้าขอเพียงแค่เรามีส่วนร่วมกำหนดมัน เราอาจจะได้พบเจอสิ่งที่ดีกว่าก็ได้บางคนอาจจะเกิดทันยุคของแผ่นเสียง Vinyl ที่มันเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมดนตรีอย่างแยกไม่ออก ก่อนที่จะห่างหายไปตามยุคสมัย แล้วในตอนนี้มันก็กลับมาอีกครั้ง ต่างกันตรงที่กลับมาด้วยความเป็น Rarity และเป็นสินค้าสำหรับนักสะสมทุกวันนี้ Cassette เองก็ยังคงมีใช้กัน เพียงแต่ไม่แพร่หลาย และวัฒนธรรมที่มากับมันคงถูกโอนถ่ายไปสู่ CD ไปสู่ Digital media โดยเปลี่ยนคุณลักษณะให้เข้ากับความสะดวกรวดเร็วของตัวมันเองแล้ว สักวันหนึ่งแม้แต่ CD เองก็อาจจะกลายเป็นวัฒนธรรมกลุ่มย่อย (Subculture) ที่มีกลุ่มคนอีกหยิบมือหนึ่ง รักษาและสะสมมันไว้ด้วยใจรักเช่นเดียวกับ Vinyl และ เทปคาสเสทท์ ก็ได้มันคงไม่ได้ตายไปร้อยเปอร์เซนต์ มันเพียงแค่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น และน่าสนุกหากได้คิดว่า วัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่มากับการเผยแพร่ดนตรีรูปแบบใหม่ในยุคต่อไปจะมีลักษณะเป็นเช่นไรแม้ผมจะไม่มีเครื่องเล่นคาสเสทท์นั้นแล้ว แต่เสียงร้องแหบ ๆ ของ Bob Dylan จากเทปอัดม้วนนั้นยังคงตรึงอยู่ในใจผมเสมอ มีเพลงโปรดผมเพลงนึงที่ผมมักเปิดฟังเวลาเสียกำลังใจ เนื้อหาของมันที่เปล่งมาจากลำโพง Lo-fi เสียงแตก ๆ นั้น ยังคงย้ำเตือนอยู่เสมอว่า "The Time They are A-Changin' "..."เวลานั้นหรือคือการเปลี่ยนแปลง"  "The line it is drawnThe curse it is castThe slow one nowWill later be fastAs the present nowWill later be pastThe order isRapidly fadin'.And the first one nowWill later be lastFor the times they are a-changin'"- The Time They are A-changin' 
Hit & Run
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง"ไปตายให้หนอนแดกเถอะ..ไป๊"ผมกำลังหาคำพูดที่ถ่ายทอดความคิดของคนบางคนที่มีอำนาจในบ้านเมืองนี้ แม้อำนาจของเขาจะยึดโยงจากการเลือกตั้งด้วยการกากบาทของเรา กระนั้นก็เถอะ..เท่าที่รู้สึกได้ เขาอาจกำลังอยากบอกกับคุณด้วยถ้อยคำแบบนี้ อาจเป็นการบอกกล่าวที่ซ่อนถ้อยความหิวกระหายมาช้านานแล้ว ตั้งแต่อำนาจถูกกระชากไปจากมือ และที่เขาบอกแบบนี้ได้ อาจเป็นเพราะเขากำลังมองคุณเป็นเพียง ‘มดปลวก' อันอ่อนแอ ไม่มีประโยชน์โดยเฉพาะถ้าคุณป่วยหรือไม่สบาย มันจะยิ่งสะท้อนความอ่อนแอไร้ประโยชน์เสียยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด มากไปกว่านั้น หากโชคร้าย อาการป่วยขยายตัวไปสู่ความเรื้อรังจนไม่มีทางรักษาให้หายขาดหรืออาจต้องใช้ค่ารักษาที่แพงแสนแพง คนพวกนี้อาจมองชีวิตของคุณเป็น ‘ความไร้ค่า' ไปเลย หากโลกนี้ใช้เฉพาะความคิดด้วยตรรกะและสมองอันชาญฉลาดทางทุนนิยมแล้ว คนป่วยเรื้อรังก็คือผู้สร้างรายจ่ายมากมายมหาศาล แต่ไม่ได้สร้างรายได้อะไรคืนกลับเลยสำหรับคนที่ ‘ป่วยเรื้อรัง' แล้ว ชีวิตที่เหลือจะได้ถูกสังคมแบบนี้ ‘ตีตรา' ว่าคงทำได้แค่การนอนซมอยู่เตียง หรืออย่างมากก็เดินกระโดกกระเดกไปมาได้สัก 2-3 เมตร พูดง่ายๆ คือชีวิตก็แค่หายใจทิ้งไปวันๆ ดังนั้น ในโลกแบบนี้อาจมีคำตอบแบบหนึ่งไว้แล้ว การอยู่ไปโดยไม่นำเงินเข้ามา พวกนักสิทธิมนุษยชนหรือพวกองค์กรพัฒนาเอกชนจะไปเรียกร้องให้ดูแลทำไม ที่มาบอกให้ทำ ‘ซีแอล' (สิทธิเหนือสิทธิบัตรยา หรือ Compulsory Licensing) เพื่อให้ยามีราคาถูกลง แล้วเม็ดเงินการลงทุนหลายๆ ล้านของบรรษัทยาที่จะเข้ามาในประเทศล่ะ มันจะหายไป คิดบ้างหรือไม่ ?? แน่นอน ประเทศไทยในระบบการเลือกตั้งคือรัฐที่ฉลาดและคิดได้ถึงเงื่อนไขในโลกแบบนี้ งานสำคัญในวันแรกของรัฐบาลใหม่ที่มี ‘ไชยา สะสมทรัพย์' นั่งบัลลังก์รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจึงหนีไม่พ้นเรื่องทบทวนการทำซีแอลนั่นเอง ถ้าสำเร็จทุกอย่างก็จะดำเนินต่อไปตามกลไกทางตลาด เรื่องจริงที่มองข้ามไม่ได้ การทำซีแอลอาจเป็นเรื่องที่ต้องมองกันในหลายมิติ การทบทวนอาจเป็นเรื่องที่ดีและมีประเด็นที่ต้องถกเถียงกันอย่างจริงจังจากหลายๆ ฝ่ายเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ดีและลงตัว แต่สิ่งที่สะท้อนแนวโน้มว่ามันคงไม่เป็นไปอย่างนั้นหรอก การพูดคุยกันด้วย ‘เหตุผล' คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ บนทัศนคติที่ค่อนข้างลบมาตั้งแต่ต้น เรื่องของความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ปากของคนบางคนอาจจะพูดส่งเดชไปได้ด้วยความคะนองปากว่าถ้าเป็นหนักเรื้อรังแบบนี้ก็ "น่าจะตายเสียดีกว่า" แต่ถ้าเป็นปากของคนระดับรัฐมนตรีล่ะ..ผลที่ตามมามันต่างกันมากมายอย่างไรก็ตาม ภายใน 2 วัน ของการทำงานของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ มีคำพูดที่หลุดปากพูดในลักษณะคล้ายกันหรือสื่อความไปในทางนั้นจากผู้ใหญ่ระดับสูงในกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งทั้งสื่อและภาคประชาชนที่เข้าไปติดตามและท้วงติงการทบทวนการทำซีแอลต่างนำความที่ได้ยินออกมาพูดกันให้ทั่วประมาณว่า "ถ้าข้อมูลยอดคนเป็นมะเร็งที่มีในประเทศมีเป็นแสนคนจริง แต่เขาได้รับข้อมูลมาเพียงหลักหมื่น ก็ให้ตายเสีย แล้วยอดมะเร็งนับแสนคงจะลดเหลือเพียงหมื่นสองหมื่นคน"เมื่อเขาว่าอย่างนั้น สำหรับประชาชนอย่างเราๆ ท่านๆ ฟังแล้ว ใจอ่อน เข่าระทวยและหวิววาบๆ..สุดท้ายแล้วไอ้ประเด็นที่เขาบอกว่าจะทบทวนซีแอลเพื่อให้นโยบายในอนาคตเดินต่อไปได้นั้น เขากำลังทำกันอยู่บนฐานคิดและทัศนคติแบบใดกันแน่หรือมันอาจจะหมายความไปได้ว่า รัฐเราจะใจดีถ้าคุณ ‘มีเงิน' พอ ใครมีเงินก็จ่ายค่ายืดชีวิตมาจะอะลุ้มอล่วยต่อชีวิตให้ แต่ถ้าไม่มีจ่าย ยอดคนป่วยจะลดลงไปเองตามอัตรการตาย ค่าเผาผีโรยดอกไม้จันทน์ มันไม่แพงหรอกถ้าเทียบแล้วกับค่ายาราคาแพงที่จะไปเรียกร้องให้รัฐดูแล! นอกจากนี้ อีกหลายหูยังได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่ในกระทรวงท่านเดิมพูดถึงยาต้านไวรัสของผู้ติดเชื้อว่า ถ้าไม่มีกินก็ให้กินดอกไม้จันทน์แทน..สาธุเถอะ! แล้วแบบนี้จะฝากผีฝากไข้กันได้ไหม หลังจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรและผลกระทบจะมีหรือไม่ยังไม่รู้ แต่เพื่อป้องกันไว้ก่อนประชาชนอย่างเราคงต้องบอกตัวเองว่า ‘ห้ามป่วย !' เพราะเดี๋ยวจะต้องตายให้กลายเป็นอาหารของหนอนอย่างว้าเหว่ ผู้ใหญ่ระดับคุมนโยบายในกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งดูเหมือนจะมีแนวคิดและแนวทางที่จะใส่ใจคุณน้อยลงแล้ว และชีวิตคุณอาจต้องถูกนำไปคำนวนด้วยตัวเลข แต่หากคุณ ผม หรือเราทุกคน ถ้าป่วยแล้วจะกลายเป็นคนอ่อนแอและไร้ค่าจริงหรือ สำหรับผมยังมีคำถามในใจ ? ในขณะที่คุณกำลังยืนเหม่อ อาจถูกรถเมล์แหกโค้งมาชนจนตายโหงไปก่อนป่วยตายก็ได้ แต่ในรอบลมหายใจเดียวกัน ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีบางคนกลับดำเนินชีวิตอย่างคนปกติทั่วไป มีลูกมีหลาน มีครอบครัว และดูแลกันและกันได้ยาต้านไวรัสที่ราคาแสนแพง สำหรับผู้ติดเชื้อคือ ‘ความหวัง' ที่ช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปได้อย่างราบรื่นขึ้น ทุกวันนี้คนแข็งแรงแต่ติดเชื้ออย่าง ‘เมจิก จอห์นสัน' ยังคงมีมากมาย‘เมจิก จอห์นสัน' เป็นนักบาสเก็ตบอลระดับเทพของเอ็นบีเอจนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 50 ผู้เล่นยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์บาสเก็ตบอลเอ็นบีเอ เขาประกาศตัวเองว่าได้รับเชื้อเอชไอวีในปี 2534 หรือประมาณ 18 ปีมาแล้ว และเคยหวนกลับคืนสู่วงการบาสเก็ตบอลได้อย่างแข็งแกร่งด้วยกำลังใจที่ดีเยี่ยม ในปี 2545 เขาสามารถร่วมทีมบาสเก็ตบอลสหรัฐเพื่อแข่งขันโอลิมปิกในนาม ‘ดรีมทีม' ได้อย่างเป็นที่ประทับใจจนกลายเป็นตำนานร่วมกับ ‘ไมเคิล จอร์แดน' ในปี 2547 เขาร่วมกับ ‘เหยาหมิง' นักบาสเก็ตบอลเอ็นบีเอรุ่นใหม่ขวัญใจชาวจีน เล่นบาสเก็ตบอลกัน กอดกัน และรับประทานอาหารร่วมกัน เพื่อรณรงค์ให้ความรู้เรื่องเอชไอวีแก่คนจีน ขณะนั้นเขาได้รับเชื้อมาหลายปีแล้ว ปัจจุบันเขาก่อตั้งมูลนิธิเมจิกจอห์นสัน และเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับสูงคนหนึ่งของสหรัฐ ซึ่งถ้าคิดเพียงในช่วงเวลา 10 ปี สำหรับคุณหรือผม คนรอบข้างอาจจะตายไปด้วยโรคเฉียบพลันอะไรสักอย่างไปหลายคนแล้ว หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งบางคน แม้จะนอนอยู่บนเตียง แต่สำหรับคนข้างหลัง การต่อสู้กับโรคด้วยความอดทนเข้มแข็งคือความแข็งแกร่งที่ถ่ายทอดไปสู่คนรอบข้างให้กล้าที่จะเดินและเผชิญเรื่องราวอันโหดร้าย เช่น การมีรัฐมนตรีเฮงซวยปากไม่ดีได้อย่างเชื่อมั่น ขณะเดียวกัน การที่เขายังมีลมหายใจยังหมายถึงความไม่อ้างว้างของการที่ยังมองเห็นกันและกันและสามารถห่วงใยกันได้มองแบบนี้แล้ว หรือความหมายของคำว่าชีวิตสำหรับผู้บริหารประเทศที่มีอำนาจตัดสินใจทางนโยบายและเกี่ยวข้องกับชีวิตและสุขภาพของเราทุกคนกลับทำให้ความรู้สึกอ้างว้าง มืดทะมึนและไร้ความหวังได้ตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ดูเหมือนว่าชีวิตที่กำหนดค่าด้วยเงินดูจะมีความหมายกว่าชีวิตที่มีลมหายใจเสียอีกคนเราถ้าคิดได้เพียงว่าไม่มียาก็ให้กินดอกไม้จันทน์แทน บางทีคนแบบนั้นต่างหากที่มันก็น่าจะไปตายให้หนอนแดกซะเดี๋ยวนี้เลย !  
Cinemania
ซาเสียวเอี้ยการไล่ตีแมลงสาบบนฝาบ้าน อาจเป็นเกมสนุกสนานอย่างหนึ่ง และเพียงสายลมเย็นจากพัดลมมือสองที่เป่าไล่ความร้อนในค่ำคืนอบอ้าวอาจเป็นถึง ‘รางวัลชีวิต' ของสองพ่อลูกผู้ยากจน...ผู้อาศัยอยู่ในโลกแห่งความแร้นแค้นทั้งหมดที่่ว่ามา-อาจฟังไม่ต่างจากสงครามชีวิตสุดรันทด (บัดซบ!) แต่เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของ ‘โจวซิงฉือ' ไอ้สิ่งที่ควรจะเศร้า...กลับทำให้เราหัวเราะออกมาได้000ถึงแม้ว่าหน้าหนังของ CJ7 จะถูกโฆษณาว่าเป็นแนว Sci-fi แต่ ‘ใจความสำคัญ' ที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ ‘ความลี้ลับ' ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ก็ต้องบอกว่า นี่คือหนังครอบครัวแนว Comedy-Drama ที่ให้ ‘สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก' เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องโดยบังเอิญเท่านั้นเองตัวละครแบบ ‘ลูกกระจ๊อก' ‘ลูกไล่' หรือ ‘ไอ้ขี้แพ้' ตามสไตล์หนังโจวซิงฉือ ยังอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มีการเฉลี่ยน้ำหนักให้ดาราหน้าใหม่ที่มาแสดงเป็น ‘ลูกชาย' ในเรื่องด้วยชีวิตของ ‘อาตี้' (โจวซิงฉือ) ไม่รุ่งโรจน์สดใส เขาอาจจะตายไปโดยไม่อาจเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจาก ‘กรรมกรก่อสร้าง' ผอมแห้งแรงน้อย และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะอาตี้ไม่ได้เรียนหนังสือตอนเป็นเด็ก เขาจึงตั้งความหวังว่า ‘เสี่ยวตี้' (ซูเจียว) ลูกชายคนเดียวที่มี จะมีอนาคตที่ดีกว่า อาตี้ทำงานหนัก ควบทั้งกะเช้ากะดึก เพื่อจะส่งเสียให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนเอกชน ‘ดีๆ' และการที่โรงเรียนเอกชน ‘ดีๆ' ส่วนใหญ่เก็บค่าเล่าเรียน ‘แพงๆ' ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาเงินที่อาตี้หามาได้ก็หมดไปกับค่าเล่าเรียน ค่าเครื่องแบบ ค่าหนังสือ ฯลฯ ของเสี่ยวตี้ และครั้งไหนที่ไม่มีเงินซื้อของใหม่ อาตี้จะไป ‘ช็อปปิ้ง' ที่ภูเขาขยะเพื่อหาข้าวของที่ยังพอจะใ้ช้การได้มาซ่อมแซมให้ลูกชายวันหนึ่งเสี่ยวตี้ดื้อดึงจะให้พ่อซื้อของเล่นราคาแพงเหมือนอย่างที่เคยเห็นของเพื่อนในโรงเรียน ผลก็คืออาตี้ต้องไปคุ้ยภูเขาขยะเพื่อหาของเล่น (ที่คนอื่นทิ้งแล้ว) มาปลอบใจลูกชาย แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่เขาหยิบมาคือ ‘อะไรบางอย่าง' ที่เดินทางมาจากนอกโลกพร้อมยานอวกาศรูปทรงประหลาดๆ ลำหนึ่ง...‘ของเล่น' ที่อาตี้เก็บมาให้ลูกชาย กลายเป็นของแปลกที่น่าสนใจสำหรับเสี่ยวตี้ เพราะต่อมา ของเล่นชิ้นนั้นก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดตัวเขียวหยุ่นๆ หัวกลมๆ มีขนฟู และตาโตๆ เหมือนลูกหมา การอยู่ร่วมกับสัตว์ประหลาดที่ว่าก็กลายเป็นประสบการณ์สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตสองพ่อลูกผู้ยากไร้ในภายหลัง...000ผลงานก่อนหน้า อย่าง Kung Fu Hustle หรือ Shaolin Soccer ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทั้งที่ตอนนั้นโจวซิงฉือเพิ่งจะมีผลงานกำกับเอง, เขียนบทเอง และแสดงเองอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง แต่มุขเสียดสีสังคมอย่างแสบสันต์ด้วยการหยิบเอาตำนานจอมยุทธ์มาล้อเลียนกับฉากหลังอันปั่นป่วนของฮ่องกงยุคต่างๆ (ยุคอันธพาลครองเมืองและยุคโลกาภิวัตน์) เพื่อบอกเล่าถึงการต่อสู้ของชนชั้นล่างที่ต้องรวมตัวกันปกป้องชุมชนของตัวเองอย่างแข็งขัน เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสังคมตะวันออกมีประสบการณ์ร่วมอยู่บ้าง ทั้งจากหนังจีนกำลังภายใน หนังสือ และวัฒนธรรมที่บ่มเพาะกันมานาน เมื่อจับมารวมกับมุขตลกหน้าตายของโจวซิงฉือ มันก็กลายเป็นสูตรของหนังที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเย็นอะไรทั้งที่ภาพลักษณ์ของโจวซิงฉือ ไม่ใช่ Action Hero อย่าง ‘เฉินหลง' หรือ ‘หลีเหลียนเจี๋ย' (Jet Li) แต่เพราะเขาคือ ‘ผู้แพ้' ที่พากเพียร หรือไม่ก็เป็นพวกขี้โม้ กะล่อน เอาัตัวรอดไปวันๆ และอาจเป็นได้ว่า ความไม่เอาไหนเหล่านั้น คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนดูหลายคนสนุกกับการเอาใจช่วยเขามากกว่าเวลาที่ได้ดูการแสดงของนักแสดงดังๆ ที่เก่งกาจเรื่องศิลปะการต่อสู้ระดับเทพแต่การกลับมาพร้อม ‘หนังไซ-ไฟ' ของโจวซิงฉือครั้งนี้ อาจเรียกว่าเป็นความพยายามที่จะ ‘ฉีกแนว' ครั้งสำคัญ...น่าเสียดาย...ที่บรรยากาศมันไม่ได้แตกต่างจากผลงานหลายๆ เรื่องที่เขาเคยผ่านมาแล้วจริงอยู่--ความน่ารักของ ‘เสี่ยวตี้' และ CJ7 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ‘ซีเจ' ยังมีพลังมากพอที่จะทำให้คนดูหนังรู้สึกเพลิดเพลินจำเริญใจไปกับหนัง และต้องยกให้เป็นความลงตัวของสเปเชียลเอฟเฟกต์และนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งแสดงได้ดีจนไม่อยากเชื่อว่าเด็กผู้ชายหน้าทะเล้นคนนั้น แท้จริงแล้วเป็น ‘เด็กผู้หญิง' วัย 10 ขวบ และอนิเมชั่นสามมิติที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสัตว์ประหลาดสีเขียวขนฟูนั้นก็ดูน่ารักน่าชังจริงๆแต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม หลายต่อหลายฉากที่ผ่านตาใน CJ7 หลายต่อหลายคนเคยเห็นมามากแล้วในหนังของโจวซิงฉือหลายๆ เรื่อง ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ทำให้เราหัวเราะหรือร้องไห้กับมันได้น้อยลง ฉากที่ควรจะขำ คนดูหลายๆ คนก็ยังขำ และฉากไหนที่ออกมาเพื่อเรียกน้ำตา ก็ยังทำให้หลายคนต้องควานหากระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้ามาใช้งานอยู่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่หายไปคือเสน่ห์ของ ‘ตลกร้าย' ที่ทำให้เรารู้สึกเศร้าใจไปพร้อมๆ กับการระเบิดเสียงหัวเราะออกมาวิธีเอาตัวรอดของหนุ่มบ้านนอกซื่อๆ ที่พยายามจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งค์ผู้มีอิทธิพลซึ่งโจวซิงฉือเคยวิพากษ์ไว้ในหนังเรื่อง Kung Fu Hustle มีความแหลมคมสะใจที่ได้เห็นสังคม ‘กินคน' ถูกท้าทาย ที่ๆ อำนาจมืดและอำนาจทุนกดขี่ผู้คนจากบนลงล่าง และอำนาจรัฐก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในที่สุดก็ถูกล้มล้างโดยชาวบ้านใน ‘ตรอกเล้าหมู' ที่แสนจะอุดอู้และสกปรก ส่วนประเด็นที่พูดถึงใน CJ7 คือการ ‘ยกระดับทางสังคม' ซึ่งน่าจะมีเรื่องราวให้เอามาเสียดสีได้เยอะทีเดียว แต่ (อาจจะ) ด้วยความที่ต้องการให้หนังเรื่องนี้เป็น ‘หนังครอบครัว' โจวซิงฉือจึงเลือกวิธีที่ค่อนไปในทาง ‘สั่งสอน' และ ‘เทศนา' โดยยกให้ ‘การศึกษา' เป็นคำตอบของเรื่องทั้งหมดหลายๆ ฉากใน CJ7 อาตี้สอนลูกให้ขยันเรียน, ซื่อสัตย์, อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะการศึกษาคือ ‘ความหวัง' ที่จะทำให้คนยากจนหลุดพ้นไปจากความแร้นแค้น แ่ต่ค่านิยมแบบนี้ก็ไปผลิดอกออกผลเป็นการแก่งแย่งแข่งขันตะเกียกตะกายเื่พื่อเข้าไปเรียนในโรงเรียนดีๆ และสิ่งที่อาตี้สอนบทเรียนให้ลูกไม่ได้ก็คือว่า เด็กๆ ควรจะทำอย่างไรเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสภาพที่การ (ได้รับความ) เคารพศักดิ์ศรี--มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่นิยมวัตถุมากกว่าอะไรที่เป็นนามธรรม อย่างเช่น ความอ่อนน้อม ความมีน้ำใจ และความยุติธรรมแต่ถึงจะบ่นว่ายังไงก็ตามที โดยส่วนตัวแล้วก็ยังเห็นว่า CJ7 เป็นหนังที่ดีและดูสนกอีกเรื่องหนึ่งซึ่งใครๆ ก็ดูได้ เพราะอย่างน้อยที่สุด สิ่งหนึ่งที่โจวซิงฉือถ่ายทอดออกมาในหนัง (แทบจะ) ทุกเรื่องก็ยังไม่หายไปไหน นั่นคือ ‘ความหวัง' ว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเดิม... 
โอ ไม้จัตวา
ฟังดูน่ากลัวนะ อะไรมันจะขนาดนั้น ไม่ใช่อะไรค่ะ วันอาทิตย์วันหยุดอยู่กับบ้าน กิจวัตรหนึ่งก็คือนอนดูหนังในเคเบิ้ลทีวี ซึ่งเขาจะจัดหนังได้น่ากลัวมากในวันอาทิตย์  สำหรับเราแล้ววันอาทิตย์ควรเป็นวันสบาย ๆ ชิว ๆ  แต่เปิดทีวีเจอแต่หนังผี  อย่างเมื่อคืน เปิดเรื่องมาบนเครื่องบิน โอ๊...ชอบ หนังวิกฤติบนเครื่องบิน เนื่องจากเป็นคนกลัวความสูง แต่ชอบดูหนังเกี่ยวกับเครื่องบิน จี้เครื่องบิน เครื่องบินตก ดูแล้วก็เก็บไปจินตนาการเวลาขึ้นเครื่อง ว่าถ้าเป็นเราเจอแบบนี้เราต้องทำอย่างไร  เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากหนังว่างั้น
ถนอม ไชยวงษ์แก้ว
บุญญฤทธิ์ ตุลาพันธ์พงศ์นามนี้เป็นที่รู้จักกันมานาน และยังเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในวงการสื่อมวลชนภาคเหนือตอนบน ในฐานะนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอาวุโสของจังหวัดเชียงใหม่ในปัจจุบัน แต่โดยส่วนตัวแล้ว ผมรู้จักเขามานาน ก่อนที่เขาจะเป็นนักหนังสือพิมพ์เสียอีกนั่นคือ รู้จักเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่มเอวบางร่างน้อย จากดินแดนแห่งขุนเขาและม่านหมอกอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ ที่เดินทางจากบ้านเกิดหน้าที่ว่าการอำเภอ ไปบวชเรียนเป็นเณรอยู่ที่วัดธรรมมงคล ถนนสุขุมวิท ต.บางจาก อ.พระโขนง กรุงเทพฯ ภายใต้ร่มเงาพุทธธรรมของท่านอาจารย์วิริยังค์ ซึ่งเป็นพระนักปฏิบัติชื่อเสียงโด่งดัง สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พระอาจารย์สายอรัญญวาสี ซึ่งวัดนี้ เป็นวัดที่ผมมักจะวนเวียนเข้า ๆ ออก ๆ ไปอาศัยซุกหัวนอนและกินข้าวอยู่กับพระที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ หลายกุฏิและหลายองค์ เวลาผมตกงาน ในช่วงวัยหนุ่มที่ผมร่อนเร่พเนจรจากภาคเหนือ ไปแสวงหาความหมายของชีวิตในเมืองหลวงของประเทศในขณะนั้น และเขาเป็นพระเณรองค์หนึ่งที่ผมสนิทสนมด้วย
การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์
ราศีเมษ Aries (13 เมย.-13 พค.)                ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้  The Empress ค่ะ ไพ่ของราชินีที่พรั่งพร้อมด้วยความรัก ความสุข ความสะดวกสบายในชีวิต คุณอาจได้พบคู่ที่เกื้อหนุนฐานะความเป็นอยู่ หรือมีคนเข้ามาให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่างๆ หรืออาจเป็นคุณเอง ที่เข้าไปอุปถัมภ์ช่วยเหลือคนอื่น มีส่วนร่วมหรือเกี่ยวข้องกับการหมั้นหมาย การสมรส หรือจัดการทรัพย์สินต่างๆ ของคู่รักด้วยค่ะ เดี๋ยวเราค่อยไปดูไพ่ใบอื่นๆ กันอีกครั้งนะคะความรัก ความสัมพันธ์  อัศวินดาบค่ะ ไพ่ใบนี้ หมายถึงการต่อสู้ ความมุ่งมั่นก้าวไปข้างหน้า พลังใจที่เข้มแข็งเพื่อเอาชนะอุปสรรค นั่นหมายถึงสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก แต่อาจเป็นได้ทั้งคำเตือนหรือคำแนะนำ ให้คุณมุ่งไปสู่เป้าหมาย ความสัมพันธ์มีเรื่องให้จัดการ ฝ่าฟัน นั่นล่ะค่ะ ก็อยู่ที่ว่า คุณนั้นจะควบคุมสิ่งต่างๆ ได้ดีแค่ไหนสถานการณ์การเงิน  The Moon ยังคงเป็นไพ่ใบเดิมจากอาทิตย์ที่แล้ว หมายถึงการเกี่ยวข้องกับภาพลวงตา คุณอาจจะเจอปัญหาทางการเงินที่มืดมัวพอสมควรค่ะ มีเรื่องล่าช้า หรือผิดหวัง คาดเดาไม่ได้ หรือให้เสียความรู้สึกพอสมควร ระวังปัญหาการถูกหลอกลวง การทรยศหักหลัง การวิเคราะห์อะไรไม่ออก เป็นช่วงตีบตันทางการเงินชั่วขณะธุรกิจ การงาน     9 เหรียญ ไพ่ในตำแหน่งนี้ ทำให้วิเคราะห์ย้อนไปได้ถึงไพ่ใบแรก คุณคงจะได้รับการสนับสนุนเรื่องการงานจากบุคคลที่มีความรัก หรือเสน่หาคุณเป็นพิเศษในช่วงนี้ อาจเป็นเจ้านาย หรือผู้ที่มีฐานะความเป็นอยู่ ตำแหน่งต่างๆ สูงกว่าคุณค่ะ และสิ่งที่คุณได้รับนั้น เป็นนิมิตหมายที่ดีไปในทางข้างหน้า อาจเป็นการปรับตำแหน่ง เพิ่มเงินเดือน หรือโอกาสของความก้าวหน้าด้านการเงินในอนาคตค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 5 ดาบค่ะ ปัญหาที่จะเกิดขึ้น และคุณต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ เมื่อดูจากหน้าไพ่แล้ว เป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องความรักหรือความสัมพันธ์ค่ะ แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องระหว่างคุณ 2 คนเท่านั้น อาจมีคนอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง หรือเป็นปัจจัยที่คุณนั้นไม่สามารถทำอะไรได้มาก ต้องยอมยุติศึกอย่างจำใจชั่วคราวค่ะคำแนะนำจากไพ่  8 ถ้วย ดูเหมือนไพ่จะยืนยันในเรื่องของความรักพอสมควรค่ะ หรืออาจหมายถึงความรู้สึก อารมณ์ ที่คุณมีต่อใครบางคน (หรือเป็นกลุ่ม) ก็ได้ ขอให้คุณตัดใจ และก้าวออกจากสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้ ขอให้ยอมรับในเส้นทางของตัวเองค่ะ มีบางอย่างที่ยากลำบากกว่านี้ แต่มันก็ดีกว่าคุณจะทนอยู่กับสิ่งที่มืดมนไปมากกว่านี้ ราศีพฤษภ Taurus (14 พค.-13 มิย.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   มหาดเล็กเหรียญค่ะ ไพ่ใบนี้ มักจะเกี่ยวข้องกับการเงินก้อนเล็กๆ หรือกระแสการเงินที่มาจากเด็กๆ คนอายุน้อย โครงการธุรกิจต่างๆ ในช่วงเริ่มต้น การได้ทุนมาหมุนเวียนพอคล่องตัว แต่ไม่ใช่เงินก้อนใหญ่มากค่ะความรัก ความสัมพันธ์  7 เหรียญค่ะ เป็นไพ่ของการตั้งต้น เก็บออม ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นมาพอสมควร มีความมั่นคงเป็นพื้นฐาน ไพ่ใบนี้มักจะแนะนำให้ปรองดอง และปรับตัวเข้าหากัน นึกถึงสิ่งดีๆ ที่มีร่วมกันมาจากอดีต และควรให้ยืนยงต่อไปในอนาคตค่ะ ด้วยความสัมพันธ์นี้ เป็นรากฐานที่สำคัญมากทีเดียวสำหรับคุณสถานการณ์การเงิน 6 ดาบค่ะ ถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการเงินมาก่อน ไพ่แสดงถึงจังหวะที่จะคลี่คลายออกไปช้าๆ แต่ว่าคุณเองไม่สามารถเร่งรัดอะไรได้มากไปกว่านี้ แต่ถ้าก่อนหน้านี้ คุณไม่มีปัญหาอะไร เตือนให้ระวังถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ยืดเยื้อต่อไปในอนาคต ความหมายที่สำคัญของไพ่ใบนี้คือ “ความล่าช้าที่ไม่อาจแก้ไขได้” ค่ะ    ธุรกิจ การงาน     10 ถ้วย ไพ่ใบนี้ มักจะแสดงถึงความสุขในครอบครัว การได้พบคู่แท้ หรือคู่ร่วมสร้างฐานะด้วยกัน เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งนี้ หมายถึงความสุขในทีทำงาน การทำงานแบบครอบครัว การวางรากฐานที่สำคัญต่อเนื่องไปในอนาคต ทั้งนี้ทั้งนั้น มันอาจจะไม่ราบรื่นไปเสียทุกอย่าง แต่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรในช่วงนี้ จะมีความหมายกับคุณมากในวันข้างหน้า ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ความสุขทางจิตใจของคุณและเพื่อนร่วมงาน เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น มหาดเล็กถ้วย ความคิดที่อ่อนไหว การก่อเกิดของความอารมณ์ ความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกแย่ หรือสับสน หรืออารมณ์แปรปรวนเป็นพักๆ มีเรื่องน้อยใจคน อย่างนี้เป็นต้น เป็นสภาวะอารมณ์ที่เหมือนระลอกคลื่นเล็กๆ เกิดๆ ดับๆ ขอให้คุณรู้เท่าทันอารมณ์ตรงนี้นะคะคำแนะนำจากไพ่  9 ดาบ คุณจะมีเรื่องวิตกกังวล คิดมาก ปวดหัว กลุ้มใจ และนั่นเป็นสิ่งที่อารมณ์คุณปรุงแต่งขึ้นมา ขอให้คุณพาตัวเองออกจากมุมอับทางอารมณ์เหล่านั้นให้ได้ค่ะราศีเมถุน Gemini (14 มิย.-14 กค.) ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้  8 ดาบ คุณจะได้พบกับสถานการณ์ที่ตีบตัน และอาจจะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คุณคิดค่ะ มีเรื่องทำให้ขยับเคลื่อนไหวลำบาก ปัญหารุมล้อมเข้ามา เดี๋ยวเราไปดูกันต่อนะคะ ว่าจะเป็นเรื่องอะไรความรัก ความสัมพันธ์  10 คทา ถึงจุดหนึ่ง สำหรับหลายๆ คน ความรัก ความสัมพันธ์ กลายเป็นเรื่องของภาระ ความรับผิดชอบ การแบกสิ่งต่างๆ เอาไว้ค่อนข้างเกินกำลัง ไพ่ใบนี้อาจแสดงถึงคู่รักที่มากเกินไป หรือน้ำหนักของปัญหาที่ทับลงมาบนไหล่ของคุณ มีความเหนื่อยล้าที่คุณอาจประมาทว่ารับมือไหว แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่ได้ส่งผลดีมากนัก เป็นการเตือนให้ประเมินกำลังในการแบกสิ่งต่างๆ ไว้ด้วยนะคะสถานการณ์การเงิน  8 คทา การเงินของคุณสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับการงานค่ะ เงินสดคุณอาจจะมีไม่มาก และต้องระวังการขาดสภาพคล่องหากลงทุนทำธุรกิจ แต่ว่าแผนการในอนาคตของคุณจะเป็นไปได้ด้วยดี มีโอกาสที่ดี คุณจะหวังได้ถึงกระแสการเงินข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นี่เป็นไพ่ของความขยัน อดทน และ “งานเดินเงินดี” ไม่มีงาน ไม่มีเงินค่ะคุณธุรกิจ การงาน   Strength คุณจะต้องใช้ความเข้มแข็งเป็นอย่างมากในการควบคุมหรือบังคับตัวเองให้ทำงาน (โอ้ จริงหรือ) หรือไปสู่เป้าหมายที่คุณต้องการค่ะ ไพ่ใบนี้ ไม่ได้แสดงว่าคุณขยัน แต่มันหมายถึงคุณอาจจะโอ้เอ้ เถลไถล หรือขี้เกียจเป็นพิเศษต่างหาก :-) แต่ยังดีที่รู้ตัวนะคะ ฉะนั้นแล้ว ก่อนที่คุณจะตั้งเป้าไปควบคุมใคร ขอให้คอนโทรลตัวเองก่อนนะคะ    คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  The Magician สิ่งที่ดูเหมือนจะดี สดใส ทางออกในการแก้ปัญหาชีวิตต่างๆ คำแนะนำที่ดูอลังการผาดโผน คำชี้แนะจากผู้หวังดี ฯลฯ ไพ่บอกคุณอย่างเรียบง่ายมากว่า อย่าเชื่อในสิ่งลวงตา ในเสียงกระซิบ หรือลางสังหรณ์ต่างๆ แม้แต่คำแนะนำจากการพยากรณ์ครั้งนี้!?! โปรดระวังเป็นพิเศษ คนเก่ง ฉลาด มีพรสวรรค์ในการพลิกแพลงสิ่งต่างๆ อาจหลอกลวงคุณได้ หรือไม่ตั้งใจหลอก แต่สถานการณ์จะพาไปสู่จุดที่ทำให้คุณลำบากในภายหลังคำแนะนำจากไพ่  3 ถ้วย เพื่อนและหมู่มิตรจะเป็นสิ่งสำคัญของคุณในเวลานี้ อย่าอยู่ตามลำพังมากเกินไป ไปปาร์ตี้ หรือใช้เวลากับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในงานรื่นเริง งานฉลองต่างๆ จะทำให้จิตใจคุณรื่นเริง อีกนัยหนึ่งหมายถึงคุณมีพื้นฐานชีวิต ที่จะมีความสุข ความรื่นเริงอยู่แล้ว หากมีเรื่องกลุ้ม เรื่องเศร้า มันก็จะคงอยู่ไม่นานหรอกค่ะ ราศีกรกฎ Cancer (15 กค.-16 สค.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   1 ดาบค่ะ หมายถึงการต้องสู้กับอุปสรรคต่างๆ อย่างจริงจัง การตัดสินใจในเรื่องที่สำคัญ และความสำเร็จที่จะได้มาด้วยความยากลำบาก แต่ว่าจะมีความภาคภูมิใจอย่างมากค่ะ เมื่อวันนั้นมาถึงความรัก ความสัมพันธ์   The Star ไพ่ใบนี้ แสดงถึงนิมิตหมายที่ดีในอนาคต คือไพ่ของความหวัง ความฝัน จินตนาการและความปรารถนาที่จะเป็นจริง คุณอาจได้พบรัก หรือมีความสัมพันธ์กับคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน เป็นเพื่อนที่ดีมาก่อน หรือเป็นเพื่อนในเวลานี้ ความสัมพันธ์นี้จะนำคุณไปสู่ความสุขระดับลึกทางจิตวิญญาณ การเป็นเพื่อนที่มั่นคง การร่วมกันทำในสิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมค่ะสถานการณ์การเงิน  5 เหรียญ การเงินของคุณไม่ค่อยดีนัก ในช่วงนี้ อาจมีปัญหาบางอย่างทำให้การเงินรั่วไหล มีช่องโหว่ที่มองไม่เห็น หรือรู้สึกขาดแคลนกว่าที่เคยเป็น แต่ในบางตำรานั้น ไพ่ใบนี้ไม่ได้หมายถึงความยากจนเชิงวัตถุเสมอไป แต่จะเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางใจ สิ่งที่ไม่อาจเติมเต็มเท่าที่ต้องการ หรือการถูกรบกวนความมั่นคงค่ะธุรกิจ การงาน   10 ดาบ ในช่วงสัปดาห์นี้ คุณทำใจให้เข้มแข็งนะคะ จะเจอเรื่องยุ่งๆ แย่ๆ หรือมีความตึงเครียดที่ถ้าคุณไม่เตรียมพร้อมให้ดี จะรู้สึกอยากตายได้ จะมีปัญหาที่คุณหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่น่าสนใจคือ ไพ่ใบนี้ เกี่ยวข้องกับคนเป็นกลุ่ม หมู่คณะ แสดงว่าปัญหาการงานของคุณ จะมาจากหลายที่หลายทาง หรือจากความคิดเห็นที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน ทำให้คุณยากจะต้านทานได้จริงๆ ค่ะ            คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  The High Priestess สัญชาตญาณเร้นลับในตัวคุณ นั่นหมายถึงความกังวล หวาดระแวง หรือการเชื่อในลางสังหรณ์ต่างๆ ของตัวเอง มันอาจจะผิดก็ได้ค่ะ ด้านหนึ่ง เตือนถึงความไม่สมดุลของสมองและอารมณ์ การจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เป็นเรื่องเร้นลับพอสมควร!?!คำแนะนำจากไพ่  ราชาคทา คุณจะจัดการสิ่งต่างๆ ลุล่วงไปได้ด้วยดี ขอให้ใช้ศักยภาพตัวเองให้เต็มที่ คุณจะมีผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการในเรื่องการงานและอื่นๆ อีกมาก ไม่ว่าสถานการณ์อื่นมีแนวโน้มอย่างไร สบายใจได้ว่าถึงที่สุดแล้ว คุณจะประสบความสำเร็จตามที่ต้องการเสมอค่ะราศีสิงห์ Leo (17 สค.-16 กย.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   4 ถ้วย ไพ่หมายเลขสี่นั้น เกี่ยวข้องกับความมั่นคง แต่ในรูปถ้วยนั้น สัมพันธ์กับเรื่องของอารมณ์และจิตใจ บางครั้งจึงหมายถึงความสงบมั่นคงที่มากเกินไป หรือมีทางเลือกมากขึ้น แต่กลับไม่พอใจอะไรสักอย่าง หรือมีความคิดที่ลังเล เลือกอะไรไม่ได้ความรัก ความสัมพันธ์    อัศวินดาบ ยังเป็นไพ่ใบเดิมเหมือนสัปดาห์ที่แล้วค่ะ มีเรื่องที่คุณต้องใช้ความเข้มแข็งในการฝ่าฟันไปข้างหน้า ถือว่าความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นนัก อุปสรรคนี้ อาจเกิดจากคุณสองคน หรือคนอื่นที่เข้ามามีอิทธิพลก็ได้ หรือบางทีเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ในเฉพาะส่วนอารมณ์ความรู้สึกเท่านั้น แต่เป็นการจัดการในชีวิตด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกันสถานการณ์การเงิน 2 เหรียญ เลขสองนั้น เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ การเป็นคู่ตรงข้าม หรือคู่ขนานกันค่ะ ในตำแหน่งการเงิน หรือความสัมพันธ์กับวัตถุ แสดงถึงช่วงเวลาที่จะต้องปรับตัวอย่างหนัก หรือจัดการถ่ายเทสิ่งต่างๆ ให้ได้สมดุล การหมุนเงิน โยกเงิน หรือจัดการการเงินให้เข้าที่เข้าทาง เป็นช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อย แต่ก็จะนำผลที่ดีมาให้คุณจนได้ในท้ายที่สุดธุรกิจ การงาน   ราชินีดาบค่ะ ในช่วงนี้ คุณจะเจอเรื่องหนักๆ ในการทำงานหน่อยนะคะ อาจเป็นการตัดสินใจที่นอกเหนือจากตัวเองขึ้นไป หรือมีผู้ควบคุมคุณอีกชั้นหนึ่ง หรือต้องหาตัวช่วย เพื่อที่จะฝ่าฟันปัญหาต่างๆ ให้ราบรื่นไปได้ค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 1 คทาค่ะ หมายเลขหนึ่งสัมพันธ์กับการเริ่มต้น การเป็นเอกเทศในตนเอง คำเตือนในที่นี้ อาจเน้นไปที่การงานเป็นสำคัญ ไม่ว่าช่วงนี้คุณจะเริ่มต้นทำอะไรก็ตาม ขอให้รอบคอบให้มาก การริเริ่มโครงการต่างๆ อาจประสบปัญหาที่คุณคาดไม่ถึงค่ะคำแนะนำจากไพ่ อัศวินคทา ตรงตัวมากเลยค่ะ ขอให้คุณมุ่งหน้าไปตามถนนที่คุณต้องการ ด้วยความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ ความกระตือรือร้น อนึ่ง คุณอาจมีโชคจากการเดินทาง การผจญภัย การย้ายที่อยู่อาศัยค่ะ ราศีกันย์ Virgo (17 กย.-16 ตค.) ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้  มหาดเล็กคทาค่ะ หมายถึงการมีกิจกรรมใหม่ๆ ข่าวดี การริเริ่มสิ่งใหม่ๆ หรือได้เกี่ยวข้องกับเด็ก คนอายุน้อยกว่า ซึ่งจะนำสิ่งดีๆ มาให้คุณค่ะความรัก ความสัมพันธ์   The Emperor ไพ่ของความเข้มแข็ง สถานภาพที่มั่นคง ความรักหรือความสัมพันธ์ที่ก้าวสู่ความยั่งยืนในอนาคต อาจมีการตกลงอย่างเป็นทางการในเรื่องความสัมพันธ์ หรือชีวิตความเป็นอยู่ แต่ในบางคนนั้นอาจมีรูปแบบการปกครองหรือดูแลกันเข้มงวดเป็นพิเศษ อีกด้านหมายถึงได้รับการสนับสนุนจากบุคคลที่รัก เพื่อความมั่นคงบางประการในชีวิตสถานการณ์การเงิน  Justice ไพ่ใบนี้ เกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับความรอบคอบ ถี่ถ้วน การจัดการแบบมืออาชีพ การใช้ผู้เชี่ยวชาญ หรือยุ่งเกี่ยวกับกฎหมาย รัฐ ราชการต่างๆ ถ้าคุณมีปัญหาทางการเงิน จะได้รับการวินิจฉัยอย่างยุติธรรม หรือปัญหาของคุณจะถูกปัดเป่าจากผู้ที่เป็นมืออาชีพ แต่ในเวลาเดียวกัน หากคุณทำอะไรไม่ถูกต้อง ตรงไปตรงมา ก็จะพบกับคำพิพากษาที่ยุติธรรมเช่นกันค่ะธุรกิจ การงาน   The Hermit คุณจะมีเรื่องที่ต้องประเมินในใจตนเอง อาจจะเป็นอนาคตทางการงาน สิ่งที่กำลังทำอยู่ หรือแผนการใดๆ ก็ตาม บางทีคุณอาจจะเพิ่งเสร็จจากงานหนัก ต้องการการพักผ่อน ต้องการความสงบใจ หรือก้าวลึกลงไปในจิตใจตนเอง ลงบันไดที่ทอดยาวไปค้นหาห้องที่คุณต้องการจริงๆ ค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  6 ถ้วย ไพ่ใบนี้เกี่ยวข้องกับอดีตเป็นสำคัญ บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่สร้างความทุกข์ปนสุขให้คุณ อาจหมายถึงการยึดติดกับอดีต การไม่กล้าก้าวข้ามไปสู่สิ่งใหม่ๆ หรือฝังใจกับประสบการณ์บางอย่าง บางครั้ง คุณอาจจะกังวลต่อความรักหรือเมตตา ของขวัญ ของฝาก ที่มีคนยื่นให้ จงไตร่ตรองให้ดีในเรื่องนี้คำแนะนำจากไพ่  5 ถ้วย คุณไม่ได้อะไรทุกอย่างจริงๆ ค่ะ มีบางอย่างที่ต้องจำใจยอมรับ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหยุดเศร้าโศกต่อสิ่งที่ล่วงไปแล้ว หรือสูญเสียไป หันกลับมาดูข้างหลัง มองสิ่งที่ยังเหลืออยู่ แล้วคุณจะพบสิ่งที่เปิดฟ้าให้คุณราศีตุลย์ Libra (17 ตค.-15 พย.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   1 เหรียญ การมาถึงของเงินก้อนใหม่ๆ การเริ่มต้นที่ดีทางการเงิน หรือทุนในการริเริ่มธุรกิจ โครงการต่างๆ ค่ะความรัก ความสัมพันธ์   7 ถ้วย หมายเลขเจ็ดนั้นถือเป็นเลขนำโชคค่ะ แต่ในไพ่ถ้วยนั้น หมายถึงสิ่งดีๆ ที่ดูมีจำนวนมาก จนอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้ คุณกับคู่รักอาจมีความฝันบางอย่างร่วมกัน หรือมองไปในอนาคตร่วมกันด้วยความฝันบรรเจิดมาก แต่ว่า มันอาจจะเป็นภาพลวงตาเสียครึ่งหนึ่ง อีกอย่างนั้น คือการที่ความรัก ความสัมพันธ์ ความปรารถนาของคุณเองไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงนักค่ะสถานการณ์การเงิน The World ไพ่ใบนี้แสดงถึงความสมบูรณ์ของชีวิตที่มีความหมายมาก คุณอาจจะได้เงิน และใช้มันไปหมดแล้ว ซึ่งนั่นแหละเป็นสิ่งที่สำคัญของคุณ หรือคุณอาจมีการใช้จ่ายที่ส่งผลอย่างมากต่ออนาคตภายภาคหน้า เหมือนคนที่ทุ่มลงทุนจนเงินสดหมดตัว แต่สิ่งที่ได้คือหลักทรัพย์อันมั่นคง อีกอย่างคือการได้รับความสนับสนุนเป็นอย่างมากจากครอบครัว ไม่ว่าคุณต้องการเงินหรือน้อย ก็จะมีคนช่วยเหลือคุณค่ะธุรกิจ การงาน   3 คทา เป็นไพ่ที่ดีมากๆ ใบหนึ่ง ในเรื่องของการงาน คุณจะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น และอีกขั้น การเดินทาง หรือพบปะผู้คนใหม่ๆ ให้ผลดีมาก คุณอาจได้ขยายขอบเขตงานออกไป หรือว่ามีคู่ค้าคู่ขายที่ทำให้รู้สึกถึงโชคลาภ อย่างไรก็ดี บางครั้งไพ่ใบนี้สัมพันธ์กับช่องว่างในการก้าวไปข้างหน้า จากจุดที่คุณกำลังยืนอยู่ คือการรอคอยไงล่ะ (เขียนเข้าใจยากไปไหมเนี่ย :-))คำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น 5 คทา การทะเลาะเบาะแว้งในหมู่เพื่อนร่วมงาน หรือคนที่คุณกำลังทำธุรกิจ ร่วมโครงการต่างๆ ด้วย แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ มักจะเป็นความเห็นไม่ลงรอยกัน เรื่องจุกจิกที่บั่นทอนความตั้งใจต่างๆ ขอให้ดูแลจิตใจตัวเองเป็นพิเศษค่ะ อะไรเลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวค่ะคำแนะนำจากไพ่ ราชินีถ้วย คุณมีความรู้สึกที่อ่อนไหวเป็นอย่างมาก ในส่วนลึกมีความเปราะบาง ต้องการการทนุถนอมหรือโอบอุ้มดูแล แต่ก็นั่นเอง สิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องที่จะแสดงออกมา คุณก็ได้แต่หวังว่าใครสักคน (หรือคนที่คุณต้องการ) จะมองเห็น คำแนะนำคือ อย่าเก็บสิ่งต่างๆ ไว้ในใจแต่ลำพังเลย อาจไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป ความชัดเจนและตรงไปตรงมา อาจให้ประโยชน์กับคุณมากค่ะราศีพิจิก Scorpio (16 พย.-15 ธค.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   The Chariot ค่ะ จะเป็นช่วงเวลาที่คุณต้องการชัยชนะอย่างรุนแรง หรือว่ามุ่งมั่นจะไปสู่เป้าหมายปลายทางของตัวเอง (ใครขวาง จงถอยไป) ต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังใจเป็นพิเศษค่ะความรัก ความสัมพันธ์   อัศวินถ้วย คุณอาจมีรักใหม่ หรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ หรือได้เกี่ยวข้องกับคนที่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของคุณเป็นพิเศษ มีความรักความชอบที่จะทำสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่บุคคลอันเป็นที่รักมากเป็นพิเศษสถานการณ์การเงิน 10 เหรียญค่ะ หมายเลขสิบนั้น เกี่ยวข้องกับกลุ่มคน สิ่งที่เป็นหมู่คณะ และความสำเร็จ เมื่ออยู่ในตำแหน่งนี้ แสดงถึงการเงินก้อนใหญ่ หรือการได้รับความสนับสนุนอย่างมากจากคนหลายๆ ฝ่าย เช่น เพื่อนฝูง ทีมงาน หรืออาจเป็นครอบครัวคุณเอง การใช้เงินในสิ่งที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว อสังหาริมทรัพย์ และผลสำเร็จจากสิ่งที่คุณทำมาก่อนหน้านี้ค่ะธุรกิจ การงาน   2 คทาค่ะ ไพ่ใบนี้มักจะแสดงถึงคู่คิด มิตรคู่ใจในเรื่องการงาน มีเพื่อนร่วมงานที่ดี แต่บางครั้งก็แสดงถึงความคิดที่ต้องการความชัดเจน ว่าจะยืนหยัดหรือก้าวไปทางไหน หรือการตั้งต้นทำอะไรบางอย่าง ที่เป็นการขยับขยายจากเดิม ยิ่งใครทำธุรกิจส่วนตัว ไพ่จะบอกถึงสถานการณ์ที่กำลังก้าวหน้าไปอีกขั้น การมีผู้ช่วยหรือทีมงานที่ดีค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  The Devil ไพ่ปรารถนาแห่งซาตานค่ะ หมายถึงความทะยานอยาก ความโลภ ความหมกมุ่นหลงใหล หรือพันธนาการที่สลัดไม่ได้ และอาจหมายถึงความโกรธที่คุกรุ่นในจิตใจ ความรุ่มร้อนที่จะเผาตัวคุณเองด้วยค่ะคำแนะนำจากไพ่ The Hanged Man จงยอมเสียสละบางอย่างบางอย่าง จะเป็นการอุทิศ บริจาค หรือให้ทานก็ตามแต่สถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น สิ่งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด เท่าที่คุณจะยอมให้มันเกิดขึ้นได้ คุณจะมีอิสระจากพันธนาการข้างต้น (ไพ่ปีศาจ) เมื่อยอมรับว่าต้องสูญเสีย เหมือนคำที่ว่า พึงยอมเสียทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ พึงยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิตค่ะราศีธนู Sagittarius (16 ธค.-13 มค.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   The Tower ค่ะ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน หรือสิ่งซึ่งอาจสั่นคลอนคุณเป็นอย่างมากจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ จะเป็นสถานการณ์หรือความรู้สึกก็ได้ทั้งสองอย่าง อาจเกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเกิดขึ้นพร้อมกันก็เป็นไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ได้นำมาซึ่งเรื่องแย่ๆ เสมอไปนะคะ บางคนได้พบเรื่องน่าอกสั่นขวัญแขวน แต่แล้วก็เป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งดีๆ อย่างคาดไม่ถึง หรือหมายถึงการผ่าตัด เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งถ้าไม่ยอมให้ผ่านไป สิ่งใหม่ๆ ก็จะมาไม่ถึงค่ะความรัก ความสัมพันธ์  6 เหรียญค่ะ คุณจะได้รับความเมตตา กรุณา หรือสิ่งดีๆ จากบุคคลอันเป็นที่รัก หรือมีผู้ให้ความช่วยเหลือคุณในยามคับขัน หรือคุณอาจได้จ่ายออกยังสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น ซึ่งผลการกระทำนั้นไม่หายไปไหนค่ะ จะกลับมาสู่คุณเสมอสถานการณ์การเงิน  4 เหรียญ ไพ่ใบนี้สัมพันธ์กับความมั่นคง ซึ่งอาจหมายถึงจิตใจที่ต้องการความมั่นคงเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด จนบางครั้งเราเรียกไพ่ใบนี้ว่า ไพ่ของความตระหนี่ถี่เหนียว การมัธยัสถ์ การเก็บเงินแบบไม่ยอมให้กระเด็น การไม่กล้าทุนทำอะไร แต่เป็นไพ่ของคนมีเงินนะคะ ไม่ใช่ไม่มี จะเรียกว่าเป็นไพ่ของความยึดติดก็ว่าได้ ด้านหนึ่ง จึงแสดงถึงความกังวลในเรื่องเงินค่ะ (คิดไปเอง)ธุรกิจ การงาน   The Sun เจิดจ้ามากค่ะ การงานแจ่มใส มีลู่ทางที่ดี ได้งานที่สนุกสนานเบิกบาน หรือคุณชอบมากเป็นพิเศษ ได้อยู่ในกลุ่มคนที่รื่นเริง มีความคิดสร้างสรรค์ ทำอะไรกับเยาวชน เด็ก ได้ผลดีมากๆ ค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  Wheel of Fortune ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลง จังหวะชีวิตของคุณส่วนใหญ่อาจจะหมุนไปราบรื่นดี แต่บางครั้งกงล้อนี้อาจติดขัดได้ ขอให้คุณเตรียมพร้อมกับสิ่งซึ่งไม่อาจคาดเดา แต่ก็ไม่หนีไปจากหลักสัจธรรม คือ ต้น กลาง ปลาย เมื่อกงล้อหมุนไปจนสุด คุณก็จะต้องกลับมาที่เดิม ก็อยู่ที่ว่าคุณมองต้นหรือปลาย เป็นจุดตั้งต้นของคุณคำแนะนำจากไพ่ 4 คทา ไพ่ใบนี้สัมพันธ์อย่างมากกับความมั่นคง เน้นที่เรื่องการงาน การเข้าหุ้นทำงานเป็นทีม การวางรากฐานต่างๆ ขอให้คุณลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยความหนักแน่น มั่นใจ รากฐานดี สิ่งอื่นๆ ก็ย่อมมั่นคงไปเองค่ะราศีมังกร Capricorn (14 มค.-12 กพ.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   มหาดเล็กดาบค่ะ สถานการณ์ที่ปรวนแปร สิ่งที่เอาแน่นอนไม่ได้ ความกระตือรือร้นซึ่งแฝงความเหน็ดเหนื่อย เป็นสิ่งที่ล้อมรอบตัวคุณในอาทิตย์นี้ค่ะความรัก ความสัมพันธ์  9 ถ้วยค่ะ ไพ่หมายเลขเก้านั้น ถือเป็นลำดับก่อนสุดท้าย ก่อนการเข้าสู่จุดหมายหรือเส้นชัย ในเรื่องความรักความสัมพันธ์ จึงเหมือนมาถึงโค้งสุดท้ายก่อนเปิดม่าน คุณอาจต้องเตรียมการสิ่งต่างๆ ให้ดี มีเรื่องที่เป็นความลับ  มีคู่รักหลายคน หรืออยู่ระหว่างการเลือก การตัดสินใจ ที่ยังไม่ต้องการเปิดเผย หมายถึงการรายล้อมด้วยคนน่าสนใจด้วยค่ะสถานการณ์การเงิน  3 เหรียญ จะมีรายได้พิเศษค่ะ หรือได้เงินจากงานพิเศษ สิ่งที่นอกเหนือไปจากพื้นฐานชีวิตคุณธุรกิจ การงาน   1 ถ้วยค่ะ โอ้ คุณจะมีงานใหม่ หรือมีความสุข ความพึงพอใจ ความอิ่มเอมทางอารมณ์ มีเรื่องดีๆ ค่ะ หรือได้ตบแต่งที่ทำงานใหม่ ใช้บ้านเป็นที่ทำงาน   ได้ทำงานกับคนที่รัก ฯลฯ ค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ราชินีเหรียญ หมายถึงความกังวลค่ะ ในเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับการเงิน หรือความมั่นคงทางใจบางอย่าง เป็นความไม่สงบใจน่ะค่ะ    คำแนะนำจากไพ่  7 คทา คุณจะพบอุปสรรคที่ดาหน้าเข้ามาตลอดเวลา แต่คุณจะฝ่ามันไปได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็ง การยืนอย่างมั่นคงบนสถานการณ์ปรวนแปร คือสิ่งที่เป็นคำไขเฉพาะของคุณราศีกุมภ์ Aquarius (13 กพ.-13 มีค.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   Temperance ค่ะ หมายถึงการปรับสมดุล การใช้ไหวพริบในการแก้ไขสถานการณ์ การยืนบนสิ่งที่เลื่อนไหลไม่อาจคาดเดา โชคชะตาชีวิตที่หักเห สิ่งที่หวังอาจไม่ได้ สิ่งที่ไม่ได้หวังจู่ๆ ก็มาถึง โดยรวมๆ หมายถึงการเตรียมพร้อมรับมือสิ่งต่างๆ ให้ดีที่สุดค่ะความรัก ความสัมพันธ์  The Lovers ไพ่ใบนี้ มักจะหมายถึงหมายเลือกที่สำคัญในชีวิตค่ะ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความรัก ความสัมพันธ์ การจัดวางชีวิตที่ต้องสัมพันธ์กับคนอื่น บางครั้งหมายถึงการแต่งงาน (หรือหย่าร้างก็ได้) การย้ายบ้าน การเปลี่ยนแปลงอาชีพการงานที่รัก ฯลฯ ดูเหมือนว่าคุณจะมีสิ่งที่ต้องเลือก และอาจจะอยู่ระหว่างการเลือก หรือไม่แน่ คุณอาจจะเลือกไปแล้ว แต่ยังมีการเลือกลำดับต่อไปซ้อนอยู่ในนั้นอีกที โอ้สถานการณ์การเงิน  Judgement ข่าวดีเรื่องการเงินค่ะ หรือโอกาสใหม่ที่คุณได้รับมา บางครั้งแสดงถึงการตัดสินใจที่ถูกต้อง การก้าวต่อไปข้างหน้า ละทิ้งอดีต หรือนำประสบการณ์ในอดีตมาเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ สิ่งต่างๆ ที่คุณทำกำลังสะท้อนผลอันเที่ยงตรงออกมา สิ่งสำคัญก็คือ ขอให้คุณใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดนะคะธุรกิจ การงาน   The Hierophant ไพ่พระใบนี้ หลายครั้งหมายถึงองค์ความรู้ที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน การเรียน การศึกษาที่ใช้ประโยชน์ในชีวิตได้อย่างแท้จริง ในการทำงานของคุณ แสดงถึงมีผู้ใหญ่ช่วยเหลือ หรือคำแนะนำที่ดี โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตน และที่สำคัญคือการพัฒนาจิตใจคู่ไปกับสติปัญญา และยังหมายถึงตำแหน่งที่ดี มั่นคงด้วยค่ะคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ราชินีคทา คุณอาจจะกระตือรือร้นอย่างมาก ที่จะจัดการสิ่งต่างๆ ให้เป็นไปตามเป้าหมาย แต่คุณอย่าลืมว่า คนเราจะควบคุมทุกๆ อย่าง 100 % ไม่ได้ และถึงแม้คุณเองจะมีศักยภาพมากๆ แต่คนรอบข้าง เพื่อนร่วมงาน หรือบริวารของคุณอาจตามคุณไม่ทันก็ได้ ถึงที่สุด ก็อาจจะต้องชะลอฝีเท้าหรือปรับวิธีการเพื่อบรรลุเป้าหมาย ใจเย็นๆ นิดนะคะคำแนะนำจากไพ่ 4 ดาบ ขอให้คุณหาเวลาหย่อนใจ ทำใจให้สงบ หยุดพักเพื่อฟื้นฟูหรือผ่อนคลายจากความตึงเครียดต่างๆ ไพ่ใบนี้มักแสดงว่าคุณมาถึงจุดที่เหนื่อยเกินไปแล้วราศีมีน Pisces (14 มี ค.-12 เมย.)ไพ่ใบแรกของคุณสัปดาห์นี้   6 คทาค่ะ ไพ่ของความสำเร็จ หลังการรอคอยมานาน ถ้าคุณมีงานอะไรที่ทำมาก่อนหน้านี้ไม่ลุล่วงเสียที ตอนนี้เกือบบรรลุเส้นชัยแล้วค่ะ อีกนิดเดียวเท่านั้น แต่ถ้าคุณเริ่มริเริ่มทำอะไรในช่วงนี้ โปรดรออีกระยะค่าความรัก ความสัมพันธ์   9 คทา หมายเลขที่เก้าคือโค้งสุดท้ายก่อนไปสู่ความสมบูรณ์ ไพ่ตำแหน่งนี้อาจแสดงถึงสภาพที่ยังคาราคาซังบางอย่าง ความรักความสัมพันธ์ที่ยังไม่นิ่งพอ แต่จะก้าวหน้าหรือถอยหลังก็ยังตอบไม่ได้ และในระหว่างนี้ จิตใจคุณอาจระส่ำระสาย แฝงความหึงหวง ความกังวล หรือเหมือนความอดทนจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม  อาจเป็นแค่ความคิดเท่านั้น ไม่ใช่สถานการณ์สถานการณ์การเงิน  7 ดาบ ไพ่ใบนี้ ในเวลาที่กลับหัวมักจะเตือนถึงการโจรกรรม การลักลอบ สิ่งที่ไม่ถูกต้องทางกฎหมายต่างๆ แต่ในเวลาตั้งตรง  มักสะท้อนถึงการจัดการแบบซิกแซ็ก การใช้เทคนิคในเรื่องการเงิน ไหวพริบที่จะแก้ไขปัญหา การมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาดในการกระทำสิ่งต่างๆ นอกแบบแผน ค่านิยม เช่น การมองการณ์ไกล แล้วจัดการไปตามที่แผนตัวเองคิด ซึ่งอาจเป็นความลับสำหรับผู้อื่นธุรกิจ การงาน   2 ดาบ ระวังปัญหาในการสื่อสาร ความขัดข้องของเทคโนโลยีที่ใช้ในการทำงาน อุปสรรคจากคำพูด ความไม่เข้าใจ การปกป้องตัวเองของคู่สนทนา ความคิดเห็นขัดแย้งที่จะเป็นจุดตั้งต้นของการต่อสู้อันไม่ควรเกิดขึ้นคำเตือนหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้น  Death ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึงค่ะ มันอาจช้าหรือเร็ว แต่คุณจะได้พบกับสิ่งนั้นอย่างแน่นอน อาจมีการสิ้นสุดลงของบางสิ่งบางอย่าง หรือเป็นความสูญเสีย เพื่อก้าวสู่ชีวิตใหม่ในอนาคต    คำแนะนำจากไพ่ ราชาเหรียญ จงใช้ทรัพย์สินของคุณให้เป็นประโยชน์ บางครั้งไพ่ใบนี้หมายถึงการแบ่งปันความมั่งคั่ง หรือบริหารทรัพย์สินอย่างคนที่เป็น “นาย” ไม่ใช่ “ทาส”
กวีประชาไท
๑อาจขณะหนึ่งคล้ายสุนทรีย์อันวิสุทธิ์ ร่องทางกระแสธารอันวกวนประกาศความนัยนั้นไม่พลาดผิดทุ่มเทไปเท่าไรมาช้านาน ดื่มด่ำเรื่องราวและโลกพร้อมเคลื่อนทางวางวิถีแท้สัจจะ   เข้าใจในปรากฏการณ์สดใหม่  ครุ่นคิด จากนี้ทางที่ทอดยาว๒หรือทั้งหมดง่ายดายเพียงนั้น หากเพียงเท่านั้นภาพภายในวาวแวว    เพราะเพื่อวางตัวตนบนวิถีโลก มนุษย์อาจเพียงเพิ่มสีสันในภาพเลือนราง ยิ่งไม่อาจหลงใหลในผลสำเร็จ รับรู้เผชิญหน้าความมั่นใจ ความท้อทน  ๓สุนทรียภาพคือความงามและโทรมทรุด                เห็นความจริงในคลื่นแห่งมายา๔แม้ไม่มีอะไรง่ายดายเกินไปนักขอให้ก้าวทุกก้าวที่ดุ่มเดิน กลางคลื่นมวลมนุษย์อันสับสนคล้ายการสืบค้นประสบสำเร็จการณ์กรุ่นกำจายชีวิตอันหอมหวานทั้งหมดแล้วก้าวผ่านสู่อารยะคุกเข่านอบน้อมต่อสถานะมั่นใจในวาระเรียนรู้ทุกเรื่องราวเห็นความยิ่งใหญ่แผ่นดินสุดห้วงหาวก้าวเดินแต่ละก้าวงดงามแล้วใช่ลุ่มหลงเพ้อฝันบรรเจิดเพริดแพร้วอาจเพียงลมหอบแผ่วพัดผ่านทางท่ามกลางสุข โศก รื่นรมย์ อ้างว้างไว้เสริมส่วนที่เปราะบางของตัวตนเมื่อในจริงมีเท็จจากเหตุและผลเข้าใจแท้เล่ห์กลของอัตตาในวิถีอันวิสุทธิ์แสวงหาเฝ้ามองมันซึ่งหน้าเพื่อกล้าเผชิญจึงทำความรู้จักอย่างมิใช่ผิวเผินพร้อมรับการเชื้อเชิญชีวิต โลก จักรวาลนาโก๊ะลี
ชนกลุ่มน้อย
เขาอยู่ด้วยกันสามคน  คนผอมบอบบางสูบยาสูบแทบตลอดเวลา  นั่งซึมเหม่อกับที่ได้คราวละนานๆ  กวาดสายตามองเลื่อนลอย เรื่อยเปื่อย  คนร่างมะขามข้อเดียว ดูแข็งแรงอยู่บนความเฉื่อยเนือย  เคลื่อนไหวเชื่องช้า  คนสุดท้ายร่างสันทัด  ดูแคล่วคล่องว่องไวที่สุด รู้จักงาน  ขยันทำงาน  เคลื่อนไหวไปมาแทบไม่หยุดหย่อนทั้งสามคนมาจากเมืองผาอาน  ข้ามน้ำสาละวินมาถึงป่าสาละวิน  ออกเดินลัดป่าเขา  รับจ้างไปตามหมู่บ้าน  ตามแต่ใครจะมีงานให้ทำ จนมาถึงป่าแม่น้ำเงานักรบยามหนีทัพ  ก็ดูไม่ต่างไปจากชาวบ้านปกติทั่วไปเขามาถึงป่าแม่เงาอย่างไม่คาดคิด   การเดินทางทำให้เกิดการพบปะพูดคุย  คนเร่ร่อนตามป่าเขาพร้อมจะไปที่ไหนก็ได้  เรื่องอาหาร ที่หลับที่นอนเป็นเรื่องไม่ต้องพูดถึง  ขอเพียงให้ปลอดภัย  รอดพ้นจากมือไม้เจ้าหน้าที่  พวกเขาจะได้ไม่ต้องไปติดคุก  หรือถูกส่งเข้าศูนย์อพยพในลำดับต่อไปวันที่ผมไปพบพวกเขา  เป็นช่วงเวลาเพาะปลูกข้าว  นาข้าวลงจอบกันอย่างเดียว  ไม่มีรถจักรไถนา  หรือแรงงานสัตว์   จอบต่อจอบพลิกหน้าดิน  แล้วหย่อนเมล็ดข้าวลงไปเราแปลกหน้าต่อกันในช่วงแรก   ผมรู้ชื่อพวกเขาในเวลาต่อมา  ล้วนเป็นชื่อของสัตว์  คนผอมสูงชื่อโถ่(นก)  คนมะขามข้อเดียวชื่อกะชอ(ช้าง)  คนสุดท้ายชื่อซอมีญอ(แมว)  สีหน้าแววตาพวกเขาคล้ายๆกัน  แววตาบาดเจ็บ  เพียงแต่รอยยิ้มเจื่อนๆเท่านั้น  ทำให้พวกเขาดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง  พร้อมเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ทุกเมื่อนักรบ ไม่คิดถึงการรบแล้วคิดถึงอื่นใด   ผมอยากรู้ความรู้สึกพวกเขา  ซอมีญอพูดภาษาไทยได้บ้าง เป็นคนตอบว่า ไม่ได้คิดอะไร  อยู่ไปเรื่อยๆ  ไม่ได้กลับไปแล้วมั้ง   ผมถามต่อว่า  พวกเขาไม่มีความหวังแล้วหรือ"รบไปก็เท่านั้น  ไม่รู้จะจบกันเมื่อไหร่""มาทำงานอย่างนี้  มาเพื่อจะกลับไปอีกครั้งมั้ย" ผมถาม"อยู่อย่างนี้  ไม่ต้องคิดอะไร  มีงานก็ทำไป ไม่มีก็ไม่ต้องทำ" ซอมีญอพูดแล้วเป่าควันยาสูบแรงๆงานในนาเพาะปลูก อยู่กับการหว่านเมล็ด  สับๆขุดๆทั้งวัน  มือเคยจับปืนมาจับจอบ  เท้าเคยเดินระแวงระวังไปตามแนวรบ  มาย่ำบนดินเพาะปลูก   ไม่ต้องห่วงว่าศัตรูจะจู่โจมเข้ามาตอนไหน หนทางนักรบหนีทัพดูขี้ขลาด ไม่กล้าสู้  แต่หนทางของคนเพาะปลูกไม่อธิบายเช่นนั้นอย่างแน่นอนการปลูกเต็มไปด้วยการดิ้นรนต่อสู้  หนักเหนื่อย  สู่หนทางสงบ สันติ ร่มเย็น  พวกเขาได้รับสัมผัสเช่นนี้อยู่ตลอดเวลา  ที่นากลางป่าลึก  มีเถียงนาเพียงหลังเดียว  สร้างขึ้นมาเพื่อกันแดดกันฝนในช่วงเพาะปลูกส่วนพวกเขา  สร้างเพิงพักขึ้นมาอีกหลังหนึ่ง  ตั้งอยู่โดดเดี่ยวริมขอบป่า ท้ายแปลงนา   เป็นทั้งที่กิน ที่นอน  ในเพิงพักไม่มีอื่นใดเลย  นอกจากหม้อหุงข้าว  กองไฟ  ถ้วยชามสังกะสีสามสี่ใบ  ช้อน มีด ..กระบอกไม้ไผ่ตั้งวางเรียงแถว  ทั้งกระบอกน้ำ  และกระบอกเก็บถนอมอาหารผมร่วมปลูกข้าวกับพวกเขาด้วย  มันเป็นการทำงานที่น่าแปลกใจอีกครั้งหนึ่ง  ที่ดูเหมือนว่า  เราต่างหนีอะไรบางอย่าง  มาอยู่ในดินแดนอันไกลแสนไกล  ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคิดอะไร  แต่สำหรับผม  ผมเห็นวิกฤติชีวิตบางอย่าง  เห็นการเดินทางแสวงหาบางอย่างพวกเขาหนีสงคราม  หนีการสู้รบ  หนีทัพ  ไม่อยากรบ  แล้วผมหนีอะไรมาหรือ?ดินแดนที่น่าอยู่ต้องเดินทางไกลถึงเพียงนี้หรือ?  สุดท้ายมาพบกันที่เมล็ดข้าวเปลือก  รอบๆตัวเต็มไปด้วยไข้ป่าเชื้อไข้มาลาเรียพวกเขาไม่นอนกางมุ้ง  มีเพียงกองไฟที่สว่างอยู่ค่อนคืน  หลังเวลาทำงาน  พวกเขาก็ง่วนอยู่กับการทำอาหารกินเอง  ผักหญ้าที่หาได้ตามป่า  จากริมฝั่งแม่น้ำเงา  แต่วิชาเอาตัวรอดในป่า  ดูเหมือนพวกเขาชำนาญเหลือเกินเช้าวันหนึ่ง  พวกเขาเทบางอย่างออกมาจากกระบอกไม้ไผ่  กลิ่นเปรี้ยวๆ สีเหลืองๆ น้ำข้นๆ  อยู่ในหม้อพร้อมยกขึ้นบนเตาไฟ"เห็ดหมัก" ซอมีญอบอก "ใส่กบลงไป ใส่น้ำข้าว ใส่เกลือ หมักไว้"มันเป็นอาหารป่าที่ดูมีขั้นตอนการทำ  สอดคล้องกับความเป็นจริงใกล้ตัว  พะเลอโดะบอกว่า  นี่เป็นวิธีการถนอมอาหารที่ใช้กันตามป่าทั่วไป  ไม่มีตู้เย็น  ก็ต้องเก็บหมักเอาไว้ หรือไม่ก็ตากแห้ง  ผมร่วมลิ้มชิมรสเห็ดหมักกบกับน้ำซาวข้าวด้วย   กลิ่นหมักข้ามคืน  พอใส่เครื่องเทศลงไป  กลับกลายเป็นอีกกลิ่น  ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเหลืออยู่เลยผมไม่เห็นว่าพวกเขาจะหลุดพ้นไปจากวิถีนักรบ  เพียงแต่อาวุธในมือเขาเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง  จากปืนเป็นเมล็ดข้าว  จากสนามเพลาะเป็นสนามชีวิตตามนาไร่ซอมีญอเล่าว่า  เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ชีวิตตามปกติ เหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ  พอโตจับปืนได้  เขาก็ออกมาฝึกยิงปืน  เขาไปเป็นกองกำลังติดอาวุธ  เขารู้แต่เพียงว่า  ต้องออกไปล่าคนฆ่าพ่อเขาให้ได้  มีทางเดียวเท่านั้น  จึงเป็นทหารในกองทัพ นั่นเป็นเส้นทางกรำศึกอันยาวนาน  ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นอุดมการกู้ชาติหรือไม่  เพียงแต่เขาเกิดมาสู่ดินแดนล่า  ก็ต้องเอาตัวรอดต่อไปให้ได้  และการเอาตัวรอดของเด็กหนุ่ม  ก็ไม่พ้นเรื่องการจับปืนยืนขึ้นป้องกันตัวเอง  โถ่ดูจะเป็นคนเงียบที่สุด  เฉื่อยเนือยที่สุด  ดูเขาเบื่อๆกับชีวิตที่เป็นไปเหลือเกิน  กะชอเป็นช้างสมชื่อ  เขาเป็นแรงงานสำคัญ  ทั้งงานในนาและงานออกหาอาหาร  ส่วนซอมีญอดูราวกับผู้บังคับกองร้อย  ขรึมและมีบุคลิกสั่งการ  ทำโน่นหยิบนี่ในงานที่ออกแรงกันจริงๆจังๆเท่านั้น  เว้นแต่ช่วงทำอาหาร  เขาก่อไฟขลุกอยู่ข้างกองไฟจนแทบไม่ห่างเสร็จจากปลูกข้าวก็ลงถั่วเหลือง  ลงพริก  ทำรั้วกันวัวควาย  เป็นแปลงเพาะปลูกที่ดูสวยงามอีกแห่งหนึ่งตั้งแต่ผมผ่านมายังป่าแม่เงา   ดูราวหน่วยจรยุทธขนาดย่อม ที่อยู่ระหว่างการเก็บสะสมสะเบียง เพื่อมุ่งสู่สงครามใหญ่อีกครั้งหนึ่งชีวิตตามป่าเขา  หลบลี้หนีสายตาใครต่อไครได้ง่ายดาย  ที่สำคัญนั้น  เป็นดินแดนยืดหยุ่นต่อการมีชีวิตอยู่   ให้อยู่กันต่อไปได้  ไม่แตกหักสืบค้นไล่ตามกันอย่างเข้มข้น  ตามป่าเขายังเต็มไปด้วยคนยากลำบาก  ไม่รู้หัวนอน  ไม่รู้จะเอาอย่างไรกับชีวิต  แต่ถึงที่สุดพวกเขาก็อยู่ด้วยกันได้  หากเสียงเรือดังใกล้เข้ามาครั้งใด  พวกเขาจะหยุดงานทุกอย่าง  ฟังพร้อมกัน  จนกว่าเสียงเรือจะหายไป  พวกเขาก็เริ่มกุมด้ามจอบทำงานต่อไป การใช้ชีวิตอย่างระแวดระวัง และพร้อมจะหนี  นั่น  เป็นศิลปะการอยู่รอดที่สั่งสมกันมานานปีเพียงแต่วันนี้  พวกเขาไม่อยู่ในสนามรบ  ถึงอย่างไร ที่แห่งนี้ก็ใช่จะอยู่ไกลจากวิถีกระสุนปืน  การเตรียมตัวให้พร้อมหนี  เป็นสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกนักรบพลัดถิ่นผมไม่รู้ว่า  พวกเขาต้องหนีกันอีกนานเท่าไหร่  หรือต้องหนีกันชั่วชีวิต  ไม่มีใครรับผิดชอบดูแลพวกเขาได้ทุกช่วงจังหวะเวลา  พวกเขามีสัญชาตญาณหลบหนีอยู่เต็มเปี่ยมพวกเขาผ่านทางมาปลูกข้าว  มีรายได้เล็กๆน้อยๆ  แลกกับชีวิตความเป็นอยู่ไปวันๆ        
กิตติพันธ์ กันจินะ
1นันกับฝน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยอีกไม่กี่เดือนก็จะจบการศึกษาแล้ว เขาทั้งสองเป็นเด็กต่างอำเภอที่ได้ย้ายมาเรียนในตัวเมืองของจังหวัดแห่งหนึ่งในภาคเหนือทั้งสองคนพบกันครั้งแรกตอนเข้า ม.4 ตอนนั้นเป็นจุดตั้งตนให้เขาและเธอได้รู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์เรื่อยมาจนเป็นแฟนกัน และจากนั้นนันกับฝนจึงตัดสินใจย้ายหอมาอยู่ด้วยกัน อาศัยห้องเดียวกัน ตอนเรียน ม.5 ตอนที่มีอะไรกันครั้งแรก นันใช้ถุงยางอนามัย เพียงเพราะยังไม่อยากรับผิดชอบผลกระทบที่จะตามมาจากการมีอะไรโดยไม่ได้ป้องกัน เขาไม่ได้ให้ฝนคุมกำเนิดด้วยการทานยาคุมกำเนิดเพราะกลัวผลข้างเคียง ที่จะเกิดขึ้น แต่เลือกใช้ถุงยางอนามัยทุกๆ ครั้ง พอเรียนจบ ม.6 ทั้งสองสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน นันเรียนด้านสังคมศาสตร์ ส่วนฝนเรียนวิทยาศาสตร์ ทั้งสองคนบอกกับพ่อแม่ของตัวเองว่าอยู่หอกับเพื่อน เวลาที่พ่อแม่ของใครมาหาที่หอ อีกคนจะไปนอนหอเพื่อน เพื่อไม่ให้พ่อแม่ทราบว่าอยู่ด้วยกันตามปกติแล้ว นันจะเป็นคนดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายค่าห้อง ส่วนฝนดูแลเรื่องอาหารการกินและเครื่องใช้ต่างๆ ทั้งสองคบกันมาหลายปี นันและฝน รู้ดีว่า ทั้งสองต่างสนใจใคร่สวาทในตัวของกันและกัน ตอนที่พบกันครานั้น เรื่องราวบนเตียงนอนเกิดขึ้นหลายหน แต่ทว่าในความสนุก ความสุขจากการมีเซ็กส์ ก็เป็นไปด้วยความปลอดภัยทุกครั้งผมเจอทั้งสองคนเมื่อไม่นานมานี้ เพราะฝนรู้จักกับเพื่อนของผม ซึ่งเขาได้ปรึกษาผมว่า เขาจะไม่ใช้ถุงยางอนามัยแล้ว เพราะคิดว่าอยากจะลองมีอะไรกันแบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยและอยากให้ฝนทานยาคุมเพื่อคุมกำเนิด แต่ทั้งสองกลัวผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น จึงได้มาถามไถ่ ปรึกษาผมให้ข้อมูลไปตามที่ตนรู้ แต่ก็เป็นเพียงการให้ข้อมูลที่รอบด้าน มากที่สุด แต่สุดท้ายก็ให้เป็นการตัดสินใจร่วมกันของทั้งสองเองว่าจะเอายังไง นันบอกว่า ตอนที่ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อตอนเรียนมัธยมเพราะกลัวพลาด กลัวฝนจะท้อง แต่ตอนนี้ทั้งสองใกล้จะจบแล้ว และคิดว่างานการที่ทำอยู่ก็สามารถจะรับผิดชอบตัวเองได้ จึงอยากเปลี่ยนวิธีการ และคิดว่าหากจะท้องก็ไม่กลัว เพราะทั้งสองก็พร้อมที่จะมีลูก หากมันเกิดการผิดพลาดมาผมบอกเขาทั้งสองว่า แม้ว่ายาคุมกำเนิดจะป้องกันการท้องได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันการรับเชื้อเอชไอวี หรือแม้แต่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้  2ฟ้ากับแป้ง เพิ่งเรียนอยู่ ม. 6 ฟ้ากับแป้งเป็นแฟนกัน คบกันมา 2 ปี ฟ้ากับแป้งอยู่หอคนละที่ ไม่ได้พักด้วยกัน เพราะหอแป้งเป็นหอหญิงล้วน ส่วนของฟ้าเป็นหอรวม ฟ้าไม่กล้ามีอะไรกับแป้ง เพราะกลัวว่าแป้งจะไม่รัก เขาทำได้อย่างมากก็เพียงจับมือและจูบ ทุกครั้งที่แป้งมาหาฟ้าที่ห้อง ท้องสองนอนกอดกัน จูบกันนัวเนียบนเตียงนานหลายชั่วโมงผมแปลกใจไม่ได้ที่จะถามว่าทำไมถึงทำได้ เมื่อผมเจอฟ้า ตอนวันเสาร์ที่ผ่านมา เขาบอกว่า เขาไม่อยากมีอะไร เพราะมีไปก็แค่นั้น เขาอยากจะมีอะไรกับแป้งตอนที่แต่งงานกัน ตอนนี้ ทำได้แค่จูบและกอดก็เพียงพอแล้วอารมณ์ไม่พาไปเหรอ? – ผมถามฟ้าบอกว่า พาไปเหมือนกัน บางครั้งก็อยากจะมีอะไรแบบสอดใส่ แต่ก็หยุดไว้ได้เมื่อคิดถึงผลที่จะตามมาตอนนี้ทั้งสองยังคบคบกัน พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็รับรู้ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร3ลุงคนหนึ่ง อายุ 50 กว่าแล้ว แกมีเซ็กส์ครั้งแรก ตอนอายุ 16 ตอนนั้นเป็นช่วงที่แกทำมาหากินด้วยการเลี้ยงวัวและควาย แกเล่าให้ผมฟังว่า เมื่อก่อนตอนอยากมีอะไร มันหาที่จะไปมีอะไรกันยาก เพราะบ้านเรือนเมื่อก่อนมีน้อย จะทำอะไรก็ต้องไปที่ลับตาคนตอนนั้นแกกับผู้หญิงแฟนกัน ก็ไปเลี้ยงวัวควายตามประสา แล้วจังหวะอะไรก็ดลใจ ทั้งคู่เลยมีอะไรกัน ที่ทุ่งนา และนับตั้งแต่นั้นมาทั้งสองก็แอบซ่อนผู้ใหญ่มามีอะไรกัน จน 3 ปี ให้หลัง มีคนมาเห็นข้างกองฟาง จึงไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และทั้งสองก็ต้องแต่งงานกันตามประเพณีทุกวันนี้แกยังคงเล่าเรื่องกองฟางของแกให้ฟังอยู่เสมอ คุยไป ยิ้มไป...4นันกับฝน บอกกับผมว่า สมัยนี้ถ้าไม่มีหอ วัยรุ่นก็สามารถมีอะไรกันได้ ทุกที่ หากเขาอยากจะมีอะไรจริงๆ มันจึงทำให้ผมคิดถึงเพื่อนบางคนที่ชอบมีอะไรในห้องน้ำ, สวนสาธารณะ, บนรถ, ห้องเรียน เป็นต้นด้วยฟ้ากับแป้ง บ่นเสมอว่า คนมักคิดว่าทั้งคู่มีอะไรกัน ทั้งที่ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพียงเพราะเห็นสองคนเดินจับมือกันอยู่บ่อยๆ มีเพื่อนหลายคนเคยตั้งคำถามที่สำคัญต่อผู้ใหญ่คือ ผู้ใหญ่กลัวเด็กมีเพศสัมพันธ์ไปทำไม ยิ่งสมัยที่มีโรงเรียนแล้วเอาคนต่างเพศ คือ ชายกับหญิง (ในเชิงสรีระนะครับ) มาอยู่ด้วยกัน ในช่วงวัยอยากรู้ อยากเห็น โดยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีข้อมูล ความรู้เรื่องเพศศึกษามาสอน ยิ่งไม่ต้องคิดอะไรครับว่าจะห้ามให้เด็กมีอะไรกันได้ ก็เพราะยิ่งไม่มีข้อมูลเรื่องเพศที่รอบด้านเท่าใด วัยรุ่นคงไม่สามารถประเมินพฤติกรรมเสี่ยงของตนได้เท่านั้น พฤติกรรมทางเพศที่ไม่ปลอดภัย การท้อง แท้ง การไม่สามารถจัดการอารมณ์ของตนได้ จึงเกิดปรากฏขึ้น ยิ่งมีข่าวว่าจะมีการจัดระเบียบหอพักแล้ว ยิ่งทำให้ชวนคิดว่าจะแก้ไข ไม่ให้วัยรุ่นมีอะไรกันได้หรือไม่ เพราะถึงไม่มีที่ห้องพักหรือหอ หากเขาต้องการที่จะมีอะไรกันแล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะเขาสามารถหาที่ทางให้กับตัวเองได้อยู่แล้วและแม้ว่าเขาจะอยู่ด้วยกันฉันท์สามี ภรรยา ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหาอะไร หากเขาสามารถที่จะรับผิดชอบต่อเรื่องต่างๆ ที่จะเกิดขึ้น และมีความปลอดภัยและรับผิดชอบกับชีวิตทางเพศของตนมาถึงตรงนี้ ข้อเสนอที่น่าจะเป็นไปได้คือ การสร้างการเรียนรู้เรื่องเพศศึกษาให้เกิดขึ้นสังคมอย่างเป็นจริง ให้ทั่วถึงกับวัยรุ่นทุกๆ คน ทั้งที่เรียนและไม่ได้เรียนในโรงเรียนเมื่อถึงตอนที่วัยรุ่น อยู่หอ อยู่บ้าน อยู่กับแฟน อยู่กับคู่นอน หรืออะไรก็ตาม ข้อมูลที่รอบด้านก็จะอยู่กับตัวเขา เพื่อให้เขาได้เลือกที่จะกำหนดชีวิตของตัวเอง ...
แสงพูไช อินทะวีคำ
วันที่ผมรู้สึกอบอุ่นมาก ก็คงหนีไม่พ้นงานพบปะของคอลัมนิสต์ประชาไท.....ที่เชียงใหม่เพราะผมไม่ได้นึกว่าจะมีโอกาสมาเจอเพื่อนสหาย นักเขียนไทยมากหลายเอาขนาดนี้ ส่วนมากก็คงเป็นคนเชียงใหม่....รอยยี้ม...เสียงหัวเราะ....ไม่ได้ต่างกันแม๋นิดเดียว....อาจจะต่างภาษา...แต่เรื่องนี้ก็ไม่แปลก เพราะเผ่าพันธุ์ต่างๆ ล้วนมีภาษาที่เป็นตัวของตัวเอง....สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจที่มีต่อกัน และเป็นสิ่งนี้เองที่บ่งบอกถึง “มิตรภาพ”  ซึ่งสื่อออกมาได้จากภาพที่ผมเก็บไว้

แท็กล่าสุด

แท็กยอดนิยม