คีฮามยอน ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เด็ก เพราะผลจากการที่ครอบครัวของเขากลายเป็นแพะรับบาปของสังคม จากการรายงานข่าวที่จงใจใส่ร้ายพ่อของเขาว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดร้ายแรง
พ่อของฮามยอนเป็นนักดับเพลิงที่ต้องจบชีวิตลงในกองเพลิงซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เจ้าของพื้นที่ไม่ต้องการรับผิด จึงใช้อำนาจอิทธิพลทางการเงินและการเมือง บีบให้สถานีโทรทัศน์โดยนักข่าวชื่อดังของยุค ทำข่าวและรายงานพิเศษที่ระบุลงไปว่า ความผิดทั้งหมดเกิดจากพ่อของฮามยอน พ่อของเขาไม่ได้ทำหน้าที่ดับเพลิง แต่ได้หนีเอาตัวรอด และหายตัวไปจากครอบครัว โดยชายผู้ป่วยเป็นโรคพิน็อคคิโอ ยืนยันว่า เขายังเป็นพ่อของฮามยอนกลับมาบ้านหลังจากเกิดเหตุระเบิด ซึ่งนักข่าวรายนี้ได้ฉวยใช้เขาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความน่าเชื่อถือในเรื่องป้ายสีที่เขียนบทโยนบาปให้พ่อของฮามยอน
ไม่มีโอกาสที่จะพิสูจน์ความจริงในเหตุการณ์ที่เหลือแต่เถ้าถ่าน สังคมก็รุมลงทัณฑ์จนแม่ของเขาตัดสินใจฆ่าตัวตายไปพร้อมกับเขาและพี่ชาย เพื่อหนีบาปกับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้น
ฮามยอนรอดชีวิตมาได้ และเติบโตในสังคมชนบทด้วยครอบครัวอุปถัมภ์ ส่วนพี่ชายของเขาก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยการที่ไม่ได้เข้าไปในแผนการฆ่าตัวตายของแม่ และชะตากรรมของคนทั้งสองก็ขาดจากกันในฐานะพี่น้องอยู่หลายสิบปี
ชอยอินฮา เป็นเด็กสาวที่โตมาโดยพ่อเลี้ยงเดี่ยวกับปู่ที่ความจำเลอะเลือน และมีความฝันเพียงอย่างเดียวนั้นคือการออกจากความเป็นชาวเกาะ ไปอยู่โซลกับแม่ พ่อของเธอกีดกันทุกทาง ไม่ให้เธอมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ไม่ว่าจะทางใดก็ตามกับแม่ของเธอ การมีโทรทัศน์ในบ้านจึงเป็นเรื่องต้องห้าม เพราะจะทำให้ชอยอินฮาเห็นหน้าแม่ของเธอทุกวันในรายการข่าวประจำวัน ในฐานะของผู้ประกาศข่าวชื่อดังที่มีอิทธิพลต่อสังคม
ฮามยอนโตมาในฐานะอาของอินฮา เพราะวันที่เขารอดชีวิตและลอยคอในทะเลนั้น ปู่ของเขาพบเข้าในสถานการณ์ที่คล้ายกับวันที่อาจริงๆ ของเธอถูกกลืนหายไปในทะเล ปู่ของเขาเลยทึกทักเอาว่า อาที่หายตัวไปในวัยเดียวกับฮามยอนนั้นได้กลับมาแล้ว
ทั้งสองเติบโตมาด้วยกันกับครอบครัวที่มีความสัมพันธ์ปะหลาด ที่พยายามเออออไปตามสิ่งที่ปู่ทึกทักเอาว่าเขาคือลูกชายคนรองของบ้าน บทบาทสมมุติจึงเกิดขึ้นเฉพาะต่อหน้าที่ทุกคนใช้เวลาร่วมกันเท่านั้น ส่วนความจริงเบื้องหลังของทั้งฮามยอนและอินฮาได้แบ่งปันกันตามเวลาที่เติบโต
วันที่ทั้งสองเข้าสู่วัยทำงาน อินฮาเลือกเป็นนักข่าวเพราะต้องการสร้างโอกาสในการได้ใกล้ชิดกับผู้เป็นแม่ ที่กลายเป็นผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ ส่วนฮามยอนก็ตัดสินใจเป็นนักข่าว เพื่อให้เป็นเครื่องมือในการทวงคืนความจริงกับความตายของพ่อและการป้ายสีจากนักข่าวที่รายงานด้วยการสร้างเรื่องขึ้นมา ซึ่งนักข่าวคนนั้นก็คือแม่ของอินฮานั่นเอง
อินฮาเชื่อมาโดยตลอดว่าแม่ของเขาเป็นนักข่าวที่รายงานแต่ความจริงให้กับสังคมจนกลายเป็นผู้บริหารสถานี และเธอเชื่อว่า โรคพิน็อคคิโอของเธอจะช่วยทำให้เธอเป็นนักข่าวที่ดีได้ เพราะคนเป็นโรคพิน็อคพิโอ ไม่สามารถพูดโกหกได้ เนื่องจากจะมีอาการแสดงออกมาที่ทำให้คนทั่วไปจับได้ว่า กำลังพูดโกหก
สุดท้าย ละครก็จบแบบมีความสุข ฮามยอนได้ใช้ความฉลาดและมาตรฐานทางจริยธรรมของนักสื่อสารมวลชน เผยความจริงเรื่องในอดีตได้และแม่ของอินฮาก็รับสารภาพและผลจากการกระทำในอดีตของตัวเองได้
สำหรับใครหลายๆ คน การพูดถึงอิทธิพลของสื่อมวลชนกับการกำหนดสร้างความจริงให้สังคม เป็นเรื่องที่พูดขึ้นมาเมื่อใดก็พบแต่ความเบื่อหน่าย เพราะการยกประเด็นขึ้นมา มักจะเกิดตามหลังเหตุการณ์ที่มีบุคคลต้องรับผลร้ายจากการรายงานข่าวที่ต้องตกเป็นจำเลยของสังคม ภายใต้สถานการณ์ที่สังคมต้องการแพะมาใช้ลงโทษ เพื่อตอบสนองความมั่นคงในทางจิตใจที่เผชิญหน้ากับเรื่องราวสะเทือนขวัญที่ต้องหาใครสักคนมารับผิดชอบให้ได้ในทันที
นับแต่เหตุการณ์ระเบิดในหลายจังหวัดเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ชื่อของบุคคลหลายคนถูกเผยแพร่โดยสื่อมวลชนบางรายในฐานะผู้ต้องสงสัยว่าก่อเหตุนั้น และอารมณ์ของสังคมที่ไร้วุฒิภาวะก็ได้พุ่งเป้าพิพากษาทันที โดยไม่สนใจว่าถูกพิสูจน์ความจริงมามากน้อยแค่ไหนว่าบุคคลเหล่านั้นมีความเกี่ยวข้องแน่แฟ้นและมีความน่าเชื่อถือหนักแน่นว่าเป็นสมควรเป็นผู้ต้องสงสัย
ในภาวะไม่ปกติที่สั่นคลอนความมั่นคงในทุกมิติ ชื่อของบุคคลในฐานะผู้ต้องสงสัยที่ปรากฎในสื่อสารมวลชน กลายเป็นใบอนุญาตให้กระบวนการยุติธรรมที่ไม่เป็นธรรมเท่าไหร่ ยิ่งสามารถเพิ่มอำนาจอำเภอใจกระทำต่อบุคคลเหล่านั้นได้มากขึ้นไปอีก
ชีวิตของคนคนหนึ่ง เปลี่ยนไปตลอดกาล เพียงเพราะสื่อมวลชนที่ตอบสนองความต้องการจะลงโทษของสังคมไร้วุฒิภาวะมากมายเท่าใดคงนับไม่ถ้วน และความเสียหายเหล่านั้นก็ยังคงเป็นเพียงเรื่องการป้ายสีอย่างสามัญที่สื่อมวลชน ซึ่งเป็นคนป้ายสีนั้นลอยตัวไม่เกี่ยวข้องอยู่เสมอๆ และสังคมก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรจากความผิดพลาดเช่นเดียวกันนี้ด้วย พร้อมที่จะเชื่อถือข่าวสารได้ทันทีโดยอคติ
สื่อมวลชนที่อ้างว่ารายงานความจริงเพื่อสังคมกลายเป็นความสะอิดสะเอียดในชีวิตอย่างเรื่องเดียวกันกับว่ากระบวนการยุติธรรมโดยเฉพาะตามกฎหมายในประเทศนี้ ดำเนินการถูกต้องและเป็นธรรมแล้วอย่างที่สุดนั่นเอง
เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน กระแสความเคลื่อนไหว #metoo ในเกาหลีใต้ ได้มาถึงจุด "พีค" ของการชุมนุมและรณรงค์เรื่องการยุติความรุนแรงและการคุมคามทางเพศในเกาหลีใต้ เพราะนักการเมืองดาวรุ่งในฝั่งพรรคประชาธิปไตย, อัน ฮี-จุง ถูกเปิดเผยพฤติกรรมการกระทำความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้ใต้บังคับบัญชา คือ คิม จิ-อั