เสียงที่ไม่มีใครได้ยิน นำมาสู่คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ทำให้ผู้คนในเมืองซุงวอนตกอยู่ในบรรยากาศของความหวาดกลัว ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจเอง ที่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวนี้ด้วย
ค่ำคืนหนึ่ง มีผู้ถูกฆาตกรรมจากคนร้ายรายเดียวกันถึงสองราย รายแรกคือภริยาของสารวัตรผู้มีชื่อเสียงของเมืองซุงวอน ส่วนรายต่อมาคือตำรวจสายตรวจในท้องที่ที่กำลังจะสิ้นสุดหน้าที่ในราชการตามวาระ
เสียงของผู้เคราะห์ร้ายทั้งสองถูกบันทึกไว้ในศูนย์รับแจ้งเหตุร้าย แต่ด้วยการอำพรางคดีโดยผู้มีอิทธิพล ทำให้เสียงเหล่านั้นถูกทำลายไปในส่วนที่จะสามารถสาวไปถึงผู้กระทำผิดนั้นได้
คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญถูกทำให้เป็นปริศนาอยู่ถึงสามปี
ควางควอนจู ตำรวจหญิงที่สูญเสียผู้เป็นพ่อจากการไล่จับผู้ร้ายที่ฆาตกรรมหญิงสาวรายหนึ่ง ได้กลับมาหลังจากไปเรียนการวิเคราะห์เสียงจากต่างประเทศ และตั้งทีมตำรวจพิเศษเฉพาะกิจขึ้น ชื่อทีมว่า "นาทีชีวิต" เพื่อให้ตำรวจสามารถเข้าช่วยเหลือเหยื่อหรือผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกลักพาตัวหรือนำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้หลักอาชญวิทยาที่วางไว้ว่า เมื่อได้รับแจ้งเหตุร้ายแรงจากผู้ที่โทร.เข้ามาขอความช่วยเหลือจากศูนย์ ภายใน 10 นาที ตำรวจต้องสามารถเข้าถึงหรือติดตามผู้เคราะห์ร้ายได้ ก่อนที่จะเกินอันตรายถึงชีวิต
การทำงานของทีมนาทีชีวิตประกอยด้วยตำรวจฝีมือฉกาจ ทั้งฝ่ายเทคโนโลยี ฝ่ายสอบสวน และฝ่ายสืบสวน คดีลักพาตัวหรือคดีคนหายได้รับการช่วยเหลือและแก้ไขได้ทันท่วงทีจากทีมนาทีชีวิต
ความสามารถพิเศษของควางควอนจู คือการได้ยินเสียงที่ละเอียดกว่าคนทั่วไป ทำให้เธอสามารถวิเคราะห์และคาดเดาเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุระหว่างการสื่อสารกับศูนย์และเหยื่อได้แม่นยำสูง และด้วยฝีมือการติดตามและจับกุมคนร้ายของ มูจินฮยอก ทำให้หลายคดียุติลง
ไม่เพียงแต่เท่านั้น มูจินฮยอกผู้สูญเสียภริยาไปจากเหตุฆาตกรรมสยองขวัญ ที่ถูกฆาตกรใช้ของแข็งทุบกระโหลกจนแหลกเหลวกลางถนน ได้เข้าถึงความจริง จากการทำงานร่วมกับทีมนาทีชีวิต จากคดีที่เกิดขึ้นสืบเนื่องต่อๆ มา
สุดท้าย ทั้งควางควอนจูและมูจินฮยอก ได้เข้าถึงข้อความจริงในที่สุดว่าฆาตกรที่พรากเอาชีวิตพ่อและภริยาไปนั้นคือใคร
ฆาตกรเป็นผู้มีบุคลิกบกพร่อง เป็นผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่ได้รับการรักษา สำนึกคิดที่บิดเบี้ยวของเขา ได้ทำให้เขาเป็นฆาตกรที่เล่นกับชีวิตของผู้คนด้วยการฆ่า และเป็นการฆ่าด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม เพื่อตอบสนองความคิดที่บิดเบี้ยวนั้น เติมเต็มชีวิตที่ขาดพร่องด้วยความบันเทิงชนิดที่ใช้ชีวิตของคนที่ถูกตีราคาว่าต่ำกว่าตัวนั้นเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนชีวิต
เราอาจจะไม่เคยใส่ใจเสียงที่ร้องขอความช่วยเหลือใดๆ จากเหยื่อ จนกว่าเรานั้นจะเป็นเหยื่อเสียเอง จากการลักพาตัว การกระทำทรมานเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูล การจับกุมคุมขังโดยอำนาจอำเภอใจ หรือการฆาตกรรมจากเหตุต่างๆ
การส่งเสียงออกไปยังผู้คนที่พร้อมให้ความช่วยเหลือและรับฟังในทุกๆ คำพูดหรือทุกๆ การเคลื่อนไหวในเหตุการณ์คับขัน คือสิ่งที่ละครเรื่องนี้ได้สร้างขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับผู้คนในสังคม
เราอาจต้องการเจ้าพนักงานของรัฐ เครื่องมือที่ทันสมัย และหัวใจแห่งความเป็นธรรมที่จะรับฟังเสียงของเหยื่อที่ตกในภาวะขับขันถึงชีวิตให้มากขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ชีวิตของใครต้องถูกทำลายลงไป
คดีฆาตกรรมอาจจะสะเทือนขวัญแก่เราเพียงชั่วครู่ แต่หากคนใกล้ตัวเรากลายเป็นเหยื่อเพราะไม่มีใครที่จะสามารถรับฟังเสียงที่เขาส่งออกมาเพื่อขอความช่วยเหลือของเขาได้ในวิกฤตนาทีแห่งชีวิตนั้น เราจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต และเรียกร้องให้การสูญเสียที่เกิดขึ้นกับตนนั้น เป็นกรณีสุดท้าย
แต่มันจะยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอๆ และจะคงดำรงอยู่ต่อไป หากว่าแม้แต่เราเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เพียงที่จะคิดเปิดใจรับฟังทุกๆ เสียงที่ขอความช่วยเหลือ แม้ว่าเสียงนั้นจะเบาเพียงไร และถูกส่งออกมาจากที่อันตรายเพียงใด
เหยื่อก็จะยังคงมีอยู่ และเราเองก็คือเหยื่อด้วยเช่นกัน