จางฮเยซอง เป็นทนายความที่ได้รับการคัดเลือกให้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะของทนายความแห่งรัฐ ( Public Defender ) เพราะพูดความจริงต่อคณะกรรมการสัมภาษณ์ว่า เธออยากเป็นทนายความที่ได้รับเงินเดือนประจำจากรัฐ อย่างที่ไม่ต้องทำงานหนักอย่างอัยการและไม่ต้องกังวลเรื่องรายรับที่ไม่แน่นอนจากการที่เป็นทนายความอิสระ
แม้เธอจะมีฉายาว่าประจำตัวในวงการยุติธรรมว่า "ทนายสองนาที" ที่ว่าความให้แก่จำเลยเป็นแบบแผนตายตัวรับสารภาพอย่างเดียวกันในทุกคดี ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นชื่อเสียงในด้านลบก็ตาม แต่ความจริงที่เธอบอกนั้น เป็นเสียงที่เข้าไปถึงความคิดของคณะกรรมการ จนตัดสินใจเลือกรับเธอเข้ามาปฏิบัติหน้าที่นั้น
โดยที่เพื่อนร่วมงานซึ่งได้รับเลือกให้เป็นทนายความของรัฐ คือ ชากวอนอู ผู้ที่ตัดสินใจเข้ามารับหน้าที่นี้ เนื่องจาก ประสบการณ์ชีวิตที่เรียนรู้จากข้อผิดพลาดในการทำหน้าที่เป็นนักสืบ จากการที่จับผู้ต้องสงสัยผิดตัว ซึ่งทนายความแห่งรัฐที่รับว่าความให้จำเลย ได้พิสูจน์ความจริงได้ในศาลว่า จำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ด้วยความผิดพลาดของเขาที่จับกุมผิดคน
ทั้งจากเฮซองและชากวอนอูที่มีทัศนะคติในฐานะทนายแห่งรัฐที่แตกต่างกัน ได้ร่วมค้นหาความจริงระหว่างทำหน้าที่ในคดีฆาตรกรรมคดีหนึ่ง ซึ่งจำเลยร้องขอทนายความแห่งรัฐนั้น เป็นผู้กระทำความผิดฐานฆ่าคนตายในคดีหนึ่งจางฮเยซองได้แสดงตัวเป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุ ที่เพิ่งพ้นโทษจากคดีดังกล่าวออกมาแล้วได้ฆาตกรรมแม่ของจางฮเยซอง เพื่อแก้แค้นที่จางฮเยซองได้เบิกความในศาลเมื่อสมัยที่เธอยังเป็นเด็กมัธยมปลาย
ด้วยจุดยืนของหลักวิชาชีพทนายความแห่งรัฐ คือ การรับว่าความแก้ต่างให้กับจำเลยในข้อหาที่มีโทษร้ายแรง โดยทำหน้าที่ค้นหาความจริงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของจำเลย ที่อัยการเป็นผู้เสนอความผิดและการกำหนดโทษให้ศาลพิจารณา
การยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้บริสุทธิ์ ด้วยการค้นหาความจริงในเหตุการณ์ซึ่งอัยการไม่ได้นำเสนอต่อศาลอย่างเปิดเผยนั้น เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้จำเลยได้ต่อสู้ข้อกล่าวอ้างของตนเองได้อย่างเต็มที่ด้วยการพิสูจน์ความจริงในคดีอาญาที่มีหลักการสำคัญว่า ศาลต้องรับฟังความจริงที่ถูกนำเสนอจากทั้งสองฝ่ายอย่างระมัดระวัง เพื่อให้สามารถตัดสินลงว่าจำเลยได้กระทำความผิดตามที่อัยการนำเสนอหรือไม่ และการเสนอให้จำเลยต่อศาลเหมาะสมเพียงใด
มินจุนกุก ฆาตกรที่จงใจฆ่าพ่อของพัคซูฮาด้วยการจัดฉากเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ ได้ฆ่าแม่ของจางฮเยซองเพื่อแก้แค้นนั้น ชากวอนอูได้รับทำหน้าที่เป็นทนายความให้ ซึ่งก่อให้เกิดเป็นเรื่องผิดใจกันขึ้นในสำนักงานทนายความแห่งรัฐ ด้วยเพราะในคดีฆาตกรรมแม่ของจางฮเยซอง เขาได้ทำหน้าที่ความแห่งรัฐด้วยการทำลายหลักฐานทั้งหมดของอัยการได้สำเร็จจนยกฟ้อง และทำให้มินจุนกุกเดินหน้าแก้แค้นเอาชีวิตของจางฮเยซองและพักซูฮาต่อไป
มินจุนกุกได้จัดฉากฆาตกรรมตนเองขึ้นเพื่อจัดฉากให้พักซูฮารับโทษ จางฮเยซองได้ทำหน้าที่ทนายความแห่งรัฐจนพิสูจน์ได้ว่า มินจุนกุกยังมีชีวิตอยู่และจัดฉากฆาตกรรมขึ้น และเมื่อมินจุนกุกถูกนำตัวขึ้นพิจารณาความผิดที่จัดฉากพักซูฮา เขาได้จงใจของให้ชากวอนอูเป็นตัวแทนของเขาอีกครั้ง
ฆาตกรได้ไว้วางใจให้ชากวอนอูทำหน้าที่ให้ตนอีกครั้ง เนื่องจากเขาเป็นทนายความคนแรกที่ยอมรับฟังเรื่องราวทั้งหมดที่นำมาสู่การฆาตกรรมพ่อของพักซูฮา และนำมาสู่การแก้แค้นคนที่เกี่ยวข้องกับคดีนั้นทั้งหมด
กระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่นำมาสุ่การเปิดเผยความจริงเบื้องหลังการกระทำความผิดร้ายแรงต่อสังคมโดยรวมนั้น จะสามารถเป็นไปตามหลักการทางกฎหมายอาญาทุกประการเมื่อทั้งทนายความ อัยการ และผู้พิพากษา ร่วมกันค้นหาความจริงและพิจารณาการลงโทษอย่างเหมาะสม
การค้นหาความจริงของทนายความแห่งรัฐ ด้วยข้อกำหนดเฉพาะในทางวิชาชีพ ได้ทำให้เสียงของความจริงที่ถูกละเลยของจำเลย ถูกนำเสนอขึ้นด้วยการรับฟังความจริงของผู้ที่ถูกกล่าวหาอย่างตั้งใจ
ทั้งจางฮเยซองและชากวอนอู รวมถึงอัยการ ผู้พิพากษา รวมถึงผู้เสียหายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับมินจุนกุกในทุกคดี ได้เรียนรู้ว่า การรรับฟังความจริงจากจำเลยที่อาจถูกสังคมพิพากษาไปก่อนล่วงหน้าว่าเป็นคนร้ายนั้น คือความสำคัญของการมีวิชาชีพทนายความแห่งรัฐ ที่ต้องยึดถือหลักการของวิชาชีพที่อาจจะเป็นที่ "ขัดใจ" กับความรู้สึกของสังคมที่อ่อนไหวกับคดีร้ายแรงสะเทือนขวัญ
จนทำให้ความจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของจำเลยที่กล่าวหานั้น มุ่งแต่ผลที่ให้ได้มาซึ่งการแก้แค้นลงโทษที่ร้ายแรงสาสมกับผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด จนละเลย "ที่มา" หรือ "พฤติการณ์" ที่เกี่ยวข้องกับคดีความนั้นทั้งหมดไป
เสียงของผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นเสียงของความเงียบจนแสบแก้วหู ซึ่งถูกละเลยไม่รับฟังนั้น ทนายความแห่งรัฐได้ช่วยยกมันขึ้นมาเพื่อแสดงให้ศาลมีความจริงรอบด้าน และมีการเปิดความจริงทั้งหมดอย่างเป็นทางการและเป็นสาธารณะด้วยขั้นตอนรับฟังตามกฎหมายที่ละเอียดถี่ด้วย สำหรับการกำหนดโทษที่เหมาะสมกับจำเลยถ้ามีความผิดจริง โดยพิจารณาประกอบกับที่มาของการกระทำความผิดนั้นๆ หรือต้องยกฟ้องคำฟ้องที่เสนอจากอัยการเพราะรับฟังได้ไม่เพียงพอที่จะตัดสินว่า จำเลยนั้นมีความผิดจริง
คดีอาญาโดยทั่วไปที่เป็นที่สนใจของประชาชน เสียงบางเสียงอาจถูกทำให้ดังขึ้นจนทำให้เสียงของความจริงในข้ออื่นๆ ถูกลดความหมายลง เนื่องจากการนำเสนอข่าวซึ่งเป็นที่จับจ้องหรือสนใจจากสื่อมวลชนที่จะนำเสนอประเด็นต่อสาธารณะ
เสียงอื้ออึงที่ดังขึ้นจากการนำเสนอถ้อยคำจากผู้ที่เกี่ยวกับคดีในบางด้าน ไม่ใช้ความจริงทั้งหมดของคดี และอาจทำให้ความจริงแห่งคดีน้นถูกบิดเบี้ยวไปด้วยการที่ความจริงทั้งหมดของจำเลยถูกละเลย ไม่ถูกนำเสนอเปิดเผยขึ้นในกระบวนการพิจารณาของศาล
ความจริงที่เกี่ยวกับคดีร้ายแรงจะได้ยินก็ต่อเมื่อการตั้งใจฟังเสียงทุกเสียงที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านดีแล้ว และสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมที่ทุกคนต้องการและต่างเรียกร้องด้วยกันทั้งสิ้นนั้น จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราได้ยินเสียงนั้นหรือไม่
เพราะการไม่รับฟังเสียงแห่งความจริง ด้วยการปักใจเชื่อตามอคติที่แต่ละคนมีถือไว้ คือการจงใจแกล้งหูหนวก เพราะไม่ได้อยากยินความจริงที่เป็นความจริงก็เท่านั้นเอง
เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน กระแสความเคลื่อนไหว #metoo ในเกาหลีใต้ ได้มาถึงจุด "พีค" ของการชุมนุมและรณรงค์เรื่องการยุติความรุนแรงและการคุมคามทางเพศในเกาหลีใต้ เพราะนักการเมืองดาวรุ่งในฝั่งพรรคประชาธิปไตย, อัน ฮี-จุง ถูกเปิดเผยพฤติกรรมการกระทำความรุนแรงและล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้ใต้บังคับบัญชา คือ คิม จิ-อั