ชินยองจู เชื่อมั่นว่าความจริงจะพิชิตความเท็จได้ ในฐานะของลูกสาวของพ่อและในฐานะนักสืบของประชาชน การพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในข้อกล่าวหาที่พ่อของเธอต้องตกเป็นฆาตกรด้วยพยานหลักฐานและคำเบิกความที่เสนอต่อศาล จะเป็นเสียงที่ดังและทรงพลังพอที่จะทำให้ กระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่ดำเนินกระบวนพิจารณาโดยผู้พิพากษาที่มีชื่อเสียงเรื่องความเที่ยงธรรมของยุคจะมีคำตัดสินที่ทำให้พ่อของเธอเป็นผู้บริสุทธิ์และพ้นจากข้อกล่าวหาที่ตนไม่ได้ก่อขึ้น
อีดงจุน ผู้พิพากษาหนุ่มซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความเที่ยงธรรม ที่เป็นความหวังของความยุติธรรมแห่งสมัย ได้พิพากษาว่าพ่อของชินยองจู เป็นฆาตกรที่สมควรได้รับโทษประหารชีวิต เพราะเห็นแก่เงินของเพื่อนจึงได้ฆ่าทิ้งเสีย เพื่อให้หนี้ระงับไป
ความจริงในคดีกลายเป็นเพียงเสียงกระซิบที่แผ่วเบา เมื่ออีดงจุนเคาะไม้บนบัลลังก์เป็นครั้งที่3 หลังได้อ่านคำพิพากษาที่ตนไม่ได้เขียนขึ้นเองจบลง
คดีฆาตกรรมที่ปกปิดการกระทำด้วยการหาแพะรับบาปด้วยการสมคบคิดกันของผู้ใช้อำนาจทางกฎหมายนำมาสู่ราคาจ่ายที่สูงจนประเมินค่าไม่ได้ สำหรับการทำให้ความจริงเป็นเพียงเสียงกระซิบนั้น
ชินยองจูต้องใช้ทักษะในทางฐานะนักสืบ ด้วยวิธีการนอกกฎหมายทุกอย่างเท่าที่จะนึกขึ้นได้ สำหรับการมูลค่าในการยืนยันความจริงถึงความบริสุทธิ์ที่มีอยู่ที่สูงจนประเมินค่าไม่ได้ เพราะการทำให้ความจริงไม่เป็นเพียงเสียงกระซิบที่ไร้ความหมายในกระบวนการยุติธรรมของรัฐ เป็นวิธีการเดียวที่จะทำให้เธอได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนจ่ายอย่างมหาศาลในความปกติสุขของครอบครัวที่พังลงไปแล้ว คือการบอกความจริงกับสังคมที่รับรู้คำพิพากษาของศาลเป็นการทั่วไปว่า พ่อเธอคือเหยื่อและเธอได้รับความเสียหายอย่างที่จะไม่มีการเยียวยาอย่างไรสามารถชดเชยให้แก่เธอได้
อีดงจุนเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่ง ที่ทำงานเป็นผู้พิพากษา อาจตัดสินใจทำอะไรลงไปโดยขัดสำนึกจากมโนธรรมที่เขายึดถือมาตลอดชีวิตได้ ด้วยภาวะที่ถูกทำให้เชื่อว่า ความกล้าหาญทางจริยธรรมในความเป็นผู้พิพากษาไม่อาจคุ้มกันชีวิตของเขาได้อีกต่อไป ด้วยความจำนนที่ยอมเชื่องอยู่ไปตามข้อเสนอที่ดูเหมือนต้องรับเท่านั้น ในฐานะเครื่องช่วยชีวิตอย่างสุดท้ายที่เขามี
ความจริงที่อาจทำให้แผ่วผิวลงไป ไม่ได้ทำให้ความจริงนั้นหายไป คนที่สมคบคิดกันขึ้นในการทำให้ความจริงเงียบเสียงจนแสบแก้วหูนั้น ต่างก็ต้องร่วมจ่ายอย่างที่ประเมินค่าไม่ได้ สำหรับความพยายามเช่นนั้น
ผู้พิพากษาที่เคยโดนเด่นในวิชาชีพ กลายมาเป็นผู้เขยของหัวหน้าสำนักงานทนายความที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ชีวิตหลังสมรสทางพฤตินัยที่นำเขาสู่ก้าวแรกในฐานะประธานบริหารสำนักงานกฎหมายแทแบก ทำให้เขาซึ้งใจได้ขึ้นมาว่า การจำนนที่จะรักษาให้ความจริงยังดำรงอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ทำให้เขาสูญเสียสิ่งใดได้มากเท่ากับการพยายามพูดความจริงเพื่อรับผิดชอบในการกระทำของตนเองที่ทำลงไปเพราะเชื่อว่า การทรยศตัวเองเพียงครั้งเดียวกัน เป็นเรื่องที่ยอมรับได้
อีดงจุนต้องยอมรับการสมรสลวงเพื่อให้พ่อของตนที่เป็นแพทย์ประจำตัวประธานาธิบดี ไม่ถูกตรวจสอบเรื่องการหลีกเลี่ยงภาษี โดยที่พ่อตาของเขาซึ่งเป็นทนายความผู้ทรงอิทธิพลนั้น ใช้เป็นเครื่องต่อรองกับการที่ใช้อีดงจุนปกป้องลูกสาวของเขาที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรมนักข่าวที่ถือเอกสารลับที่เปิดเผยความสัมพันธ์การทุจริตระหว่างกองทัพแห่งรัฐ บริษัทโบกุกผู้ค้าอาวุธให้กับกองทัพฯ โดยมีสำนักงานกฎหมายแทแบกคอยใช้กฎหมายเพื่ออำนวยการค้าให้สำเร็จ
ทางเดียวที่จะยืนยันว่าพ่อของชินยองจูเป็นเหยื่อจากคำพิพากษาที่มี คือการตีแผ่ความจริงทั้งหมดให้กางแผ่ต่อสาธารณะเท่านั้น ว่าความตายของนักข่าวซึ่งกำลังสอบสวนการทุจริตของบริษัทโบกุกและสำนักงานกฎหมายแทแบคที่มีทนายความหัวกะทิของประเทศรวมกันกว่า800คน ถูกจัดฉากขึ้นเพื่อการสร้างความจริงชุดใหม่สำหรับเพื่อให้การซื้อขายยุทธภัณฑ์ของประเทศไม่ถูกกล่าวถึงเท่านั้น
ตลอดการพิสูจน์ความจริงเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของผู้เป็นบิดา ชินยองจูต้องเปิดเผยความจริงขึ้นมาให้ได้โดยไม่เป็นภาระทางจิตใจที่ต้องแบกรัก ซึ่งตรงกันข้ามกับอีดงจุนที่พยายามอย่างหนักในการยอมรับว่าตัวเองได้ทำผิดลงไปกับคนที่บริสุทธิ์ว่าเป็นความจริงที่เกิดจากการตัดสินใจลงมือทำมันลงด้วยตนเอง ทั้งตัองยอมรับผลของการกระทำที่ได้เคยทำให้มันไม่มีความหมายนั้น ด้วยความรับผิดชอบที่ใช้ความรู้ทางกฎหมายบนบทบาททนายความในการใช้เป็นต้นทุนเพื่อจ่ายคืนค่าความเสียหายให้กับชินยองจู ทั้งที่รู้ดีกว่า เขาไม่สามารถชดเชยด้วยการกล่าวความจริงที่เนิ่นช้าออกไปนี้ได้เพื่อชดเชยให้เท่ากับความเสียหายที่แก่ขึ้นจริงกับครอบครับของชินยองจู
Whisper เป็นละครแนวกฎหมายที่ไร้ความโรแมนติคหวานชื่นตลอดทั้ง ๑๖ ตอนที่ออกอากาศ เพราะแม้ความสัมพันธ์ของตัวละครที่เป็นพระเอกนางเอกจะพัฒนาความสัมพันธ์กันขึ้น แต่เป็นเพียงบอกให้ผู้ชมรับรู้อย่างการอ่านวรรณกรรมระหว่างบรรทัด บนความสัมพันธ์ของตัวละครที่เกี่ยวข้องกันในเรื่อง การตั้งคำถามและการหาคำตอบในทางตรรกะและเหตุผลทางกฎหมายซึ่งกันและกันว่า ถ้าตัดสินใจอย่างหนึ่งอย่างใดลงไป ไม่ว่าจะเพื่อปกปิดหรือเปิดเผยความจริงก็ตาม ทำไมต้องทำแบบนั้นด้วยการสร้างคำอธิบายที่สมเหตุสมผลที่สามารถชักจูงความเชื่อไปสู่การกำหนดความจริงที่จะได้รับการตอบสนองจากผู้คนที่เกี่ยวข้องรอบตัวซึ่งมีสถานะแตกต่างกัน
ชินยองจูถามอีดงจุนว่า เพราะอะไรเขาถึงได้ทอดทิ้งความจริงในฐานะของผู้พิพากษาที่ได้สร้างความเชื่อมั่นกับสังคมว่าทุกคดีที่เขาเป็นผู้ทำคำพิพากษานั้นจะถูกต้องยุติธรรมเสมอ และการกระทำนี้เป็นการกระทำที่ปกป้องสิ่งใดอยู่ ความจริงของชินยองจูจะสั่นคลอนแก่ใครบ้าง ที่ถึงขนาดที่ทำให้ต้องทรยศตัวเองอย่างถึงรากของมโนธรรมสำนึกเช่นนี้
อีดงจุนตอบชินยองจูในทันทีซึ่งเป็นความจริงจากฝ่ายของเขาไม่ได้ เพราะกว่าที่เขาจะคิดได้ว่า ความจริงที่ถูกทำให้เงียบเสียงลงไปนั้นไม่เป็น "ความจริง" และความจริงที่เขาทำเป็นเมินเฉย กลายเป็นเสียงกระซิบที่หลอกหลอนและรบกวนจิตใจจนทำให้เขาสูญเสียความเป็นผู้เป็นคนไป
ท้ายที่สุดแล้ว การพูดความจริงของอีดงจุนด้วยการยอมรับผลในการกระทำที่ก่อผลร้ายต่อผู้บริสุทธิ์ คือการพยายามรักษาประคับประคองคัวเองให้กลับมาเป็นปกติ เป็นความสำนึกรับผิดชอบต่อตัวเองที่ได้ยอมรับกับชินยองจูว่าได้ทำผิดลงไปแล้ว และการช่วยให้ความจริงที่เขาเองเป็นผู้ทำให้เงียบเสียงลงนั้น เป็นสิ่งเดียวที่จะแสดงออกในความรู้สึกนึกผิดชอบชั่วดีในฐานะคนธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น
กว่าหนึ่งร้อยวันที่ไผ่ ดาวดิน ถูกทำให้เสื่อมเสรีภาพ ในวันนี้เราอาจได้แต่มีคำถามในใจว่าทำไม ไผ่ ดาวดินถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ โดยปราศจากคำอธิบายถึงปรากฎการณ์ที่ยังไม่มีแม้แต่ถ้อยคำใดๆ จนแสบแก้วหูรวมถึงไม่มีสิทธิตั้งคำถาม แม้แต่จะถามด้วยว่า ทำไมไผ่ ดาวดินถึงถูกทำให้ไร้อิสรภาพโดยเหตุผลที่รับฟังแล้วขัดต่อสำนึกต่อความเป็นมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งก็ยังต้องห้ามที่จะถามมันออกมา
สิ่งที่ไผ่ ดาวดินรวมถึงครอบครัวของเขากำลังเผชิญหน้าอยู่นี้ แม้แต่เป็นเสียงกระซิบอันแผ่วเบา แต่มันจะถูกกระซิบต่อไปจนกว่าจะได้รู้ความจริงว่า กระบวนการยุติธรรมที่เบี้ยวบิดให้เราเข้าไม่ถึงความเป็นธรรมในห้วงโมงยามนี้ กำลังซ่อนเร้นรักษาสิ่งใดไว้กันแน่ถึงกล้าจ่ายเป็นราคาด้วยสิทธิเสรีภาพของคนเพียงคนเดียวเช่นนี้
และในระหว่างที่จะได้รู้ความเป็นจริงของไผ่ ดาวดิน เราต้องจ่ายแพงแค่ไหน เพียงแค่เราจะยังคงต่อรองแลกได้มา ที่ยังคงเป็นแค่การทวงถามความจริงต่อกระบวนการยุติธรรมของรัฐด้วยความพยายามจะทวงถามถึงความจริงที่จะทำให้ไม่เงียบลงและทำให้เงียบลงไปอีก
เพื่อเพียงแค่จะได้ย้ำเตือนและให้ได้มาถึงความจริงเท่านั้น การส่งเสียงกระซิบที่แม้จะเบาแผ่วอย่างที่สุด เราก็ต้องทำต่อไปด้วยความหวังว่าเสียงกระซิบที่ส่งแววผ่านออกไป จะค่อยๆ ดังขั้น และดังขึ้นจนทำให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องกับไผ่ ดาวดินนั้น ไม่ว่าจะเป็นพนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ หรือผู้พิพากษาในฐานะมนุษย์คนหนุ้ง ต้องจ่ายคืนเพื่อเยียวยาให้กับไผ่ที่ตวามจริงขอเขาถูกทำให้ลืมไป
มันมีมูลค่าไหนกัน จึงยอมจ่ายด้วยการให้ใครสักให้คนต้องอยู่ในสถานะในสภาพเสมือนต้องโทษจำคุกอยู่เช่นนี้
สิ่งที่ปกป้องกันเอาไว้ ด้วยการยอมให้มีค่าเสมอกับการที่ทำให้สิทธิเสรีภาพของคนคนเดียวเสียไปได้ โดยทำเป็นไม่รู้สึกนี้ มันคืออะไรกันแน่