ความเชื่ออื่นนอกเหนือลัทธิขงจื่อแบบโชซอนถูกกำจัดโดยองค์รัฐาธิปัตย์มาโดยเสมอ แม้แต่จะใช้ข้ออ้างเรื่องการนับถือพุทธศาสนาของเหล่าบรรดาขุนนางมาป้ายสีเพื่อล้มล้างอำนาจทางการเมืองของฝ่ายตรงกันข้าม เป็นเรื่องที่เกิดโดยตลอดภายใต้ความเป็นรัฐศาสนาจารีตแบบเต็มตัว ปลายยุคสมัยแห่งราชวงศ์โชซอนเองก็ได้เกิดโศกนาฏกรรมกับพระราชวงศ์และกลุ่มขุนนางใหม่ที่มีความสนใจวิทยาศาสตร์และการศึกษาหลักข้อเชื่อในคริสตศาสนาก็เป็นข้องอ้างผิดฐานเป็นกบฏต่อพระเจ้าแห่งแผ่นดินของโชซอน ซึ่งเป็นใบอนุญาตฆ่าสำหรับผู้กล่าวหาขึ้นก่อน เพื่อรับรองการฆ่านั้นให้ชอบธรรมขึ้น คณะมิชชันนารีฝรั่งเศสเป็นของวัตถุที่ถูกกำจัดได้ด้วยอำนาจของหลักธรรมของแผ่นดิน แม้ในช่วงพ.ศ.2423 จะมีการปรากฎตั้วขึ้นของชุมชนผู้นับถือศาสนาคริสต์ ทั้งคาทอลิค ที่เรียกว่า "ซองดัง" (성당) และคริสเตียนที่เรียกว่า "คโย-ฮเว" (교회) ขึ้นแล้วก็ตาม ซึ่งภายหลังผู้วายชนม์ได้รับการประกาศเป็นมรณสักขีขึ้นเป็นจำนวนมากถึง 103 รายโดยสมเด็จพระสันตปาปา จอนห์ ปอลที่ 2 มีสาสน์ทางการถึงกรณีที่เกิดขึ้น อันเป็นเหตุการณ์ในช่วงเวลาเดียวที่เกิดกรณีมรณสักขีแห่งสองคอนที่ประเทศไทยด้วย เมื่อช่วงกลางปี พ.ศ.2527
ภายหลังการสถาปนาขึ้นของสาธาณรัฐเกาหลีที่ประกาศความเป็นรัฐฆารวาส ด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ถือเสรีภาพทางลัทธิความเชื่้อของบุคคล โดยไม่กำหนดให้ศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ ทำให้การสถาปนาสังฆมณในสาธารรัฐเกาหลีเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการซึ่งรับรองโดยประมุขแห่งวาติกัน ในช่วงเวลาไม่นานหลังจากการราวปีช่วงปีถัดมาในช่วงกลางทศวรรษที่ 40 และนำมาสู่การจัดตั้งสถาบันการอุดมศึกษาภายใต้หลักความเชื่อแห่งคณะฑูตแห่งพระจีซัสขึ้นในช่วงทศวรรคที่ 60 ที่กลายเป็นมหาวิทยาลัยเพียงแห่งเดียวที่บริหารโดยคณะสงฆ์สังกัดโปรเตสแตนเพียงแห่งเดียวมาจนถึงปัจจุบันที่มีชื่อเสียงโดดเด่นในทางสังคมศาสตร์ มนุษยวิทยาและศิลปศาสตร์หรือ Liberals Arts ที่เปิดกว้างสำหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษาโดยไม่จำกัดเฉพาะแต่ผู้ประกาศตนเป็นคริสเตียนเท่านั้น
"Conversion Boom" คือ คำนิยามของแอนดรูว์ คิม นักศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตรันโต ให้ไว้กับสถานการณ์ที่เกิดการขึ้นในช่วงระยะเวลาราว 30 ปีจนถึงทศวรรษที่ 90 ซึ่งมีประชากรเปลี่ยนมานับถือหรือแสดงตนว่าเป็นคริสตชนมาที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ด้วยเสรีภาพขั้นพื่นฐานที่รับรองความเชื่อในลัทธินิกายหรือศาสนา นำมาสู่สถานะประชากรที่มีราว 1 ใน 4 เป็นคริสตชน และอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือเป็นผู้ประกาศตนว่าไม่เลือกรับนับถือศา่สนาใดนั้น นำมาสู่ปัญหาในทางสังคมการเมืองในเกาหลีใต้อีกมุมหนึ่งด้วย และมีชุมชนผู้นับถือลัทธิร่างทรงจารีตอยู่ด้วยแม่้เพียงร้อยละ 1 จากประชากรทั้งหมดก็ตาม
Save Me เป็นละครเพียงเรื่องเดียวในรอบหลายสิบปีที่วิพากษ์วิจารณ์สังคมการเมืองที่เกิดจากปัญหาของการนำความเชื่อทางศาสนาเข้ามาเกี่ยวโยงในฐานะเครื่องมือทางการเมืองสำหรับผลประโยชน์จากเงินบริจาคที่เข้าสู่องค์กรศาสนาและฐานเสียงทางการเมืองที่ชักจูงโดยผู้นำชุมชนคริสตชนซึ่งนพไปสู่การสนับสนุนให้เกิดอำนาจทางการเมือง โดยกลายเป็นเรื่องที่ยกอ้างเอาเสรีภาพขั้นพื้นฐานคามที่กฎหมายกำหนดมาใช้เป็นเครื่องปกป้องตนเองจากการตรวจสอบจากอำนาจของรัฐและประชาชน
แดนสนทยาภายใต้ชุมชนทางลัทธิทางศาสนากลายเป็นพื้นที่ซึ่ง "การตรวจสอบเข้าไม่ได้"
ไม่ว่าจะเป็นการล่วงละเมิดทางเพศของพระสงฆ์ การต่อต้านการเป็นบุคคลเพศหลากหลาย การทุจริตเงินบริจาค ความประพฤติมิชอบต่างๆ ที่เป็นละเมิดสิทธิเสรีภาพของบุคคล ภายใต้ร่มเงาของความเป็นคริสชนนั้นคือสิ่งที่ละครเรื่องนี้ได้คลี่ให้เห็นอย่างหมดเปลือกผ่านสถานการณ์ของตัวละครหลักในเรื่องที่เป็นหนุ่มสาวรุ่นใหม่ที่ได้รับผลเป็นความล่มสลายของตัวตนในสังคมยุคใหม่ที่มีผลจากความผิดบิดเบี้ยวต่อคำสอนหรือหลักธรรมในศาสนาที่นำมาสู่เครื่องมือในการดึงเอาบุคคลเข้ามาแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่างกัน
ภายใต้เสรีภาพในยุค "Conversion Boom" มีมุมกลับเป็นการที่หลักการทางกฎหมายไม่อาจทำงานได้จริง เช่นเดียวกับเสรีภาพในการเลือกรับนับถือหรือเลือกเป็นตัวของตัวเองสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เกิดมาภายใต้ครอบครัวหรือชุมชนที่เป็นคริสชนอย่างเข้มข้นนับแต่ผู้ที่เกิดหลังยุค 90 เป็นต้นมา
ปัญหาในทางการเมืองที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์สังคมร่วมวสมัยของเกาหลีใต้ ยังคงใช้เรื่องศาสนาเข้ามาเป็นเครื่องมือสำหรับการโจมตีเพื่อประโยชน์ในทางการเมืองเสมอ และที่เป็นกรณีล่าสุดคือ ที่ปรึกษาของอดีตประธานาธิบดีพัค กึน ฮเย ที่เป็นร่างทรงในลัทธิจารีตเดิมนั้นเอง
ทั้งในความเป็นรัฐศาสนา รัฐฆราสาส และรัฐกุึ่งรัฐกึ่งศาสนาอย่างเช่นประเทศไทย ต่างก็เผชิญหน้าปัญหาร่วมอย่างเดียวกัน คือ การวางบททางในทางการเมือง ส่วนตัว และในทางสาธารณะนั้น หากมีการใช้อ้างลัทธิความเชื่อและศาสนาใดเข้าร่วมตีความกฎหมายเพื่อใช้อำนาจรัฐแล้ว ก็นำมาซึ่งความเสียหายได้ไม่ต่างกัน
และการจะเป็น "ผู้รอด" ได้แท้จริง อย่างที่ตัวละครหนุ่มสาวในละครเรื่องนี้ มีความเชื่อถือร่วมกัน
นั้นก็คือการเคารพสิทธิเสรีภาพระหว่างกัน โดยวางเว้นให้เรื่องความเชื่อตามศาสนาให้ไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้เป็๋นข้ออ้างเพื่อสร้างความธรรมให้ใช้อำนาจโดยปราศจากความรับผิดชอบต่อกันอย่างที่มนุษย์ทั่วไปพึงจะปฏิบัติต่อกัน
คุณค่าที่อยู่เหนือและร่วมคลุมหลักธรรมและข้อเชื่อทางจริยธรรมสากลในการเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นด้วยการระมัดระวังไม่ให้เขตแดนที่ทรงสิทธิล่วงล้ำระหว่างกัน คือการรักษาและช่วยให้ "ชีวิต" ของกันและกันให้อยู่รอดร่วมกันได้อย่างแท้จริง
ไม่ต่างจากรณีสันติอโศก กรณีธรรมกาย หรือกรณีของสงฆ์อย่างวชิรเมธีที่มักมีประเด็นเกิดขึ้นให้วิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอในการแสดงความเห็นต่อสาธารณะในนามของนักบวชของศาสนาพุทธ การที่สงฆ์ไทยแบ่งแยกความเป็นพุทธแท้ พุทธไม่แท้ การวิจารณ์ความเชื่อท้องถิ่นกับคุณค่าหรืออุดมการณ์ความเชื่อส่วนตน การมีความเชื่อแบบผสานอย่างกะเทยวัดแขกสีม หรือพี่เลี้ยงพระทรงงานกินเจ ตลอดจนความเป็นคนดีมีศีลมีธรรมที่อ้างเอาพทธศาสนาเอามาบังหนาตัวและทำไปตามแต่อำเภอใจนั้น เราต่างก็รู้กันอยู้ดี
ไม่ได้แต่ต่างจากภาพสะท้อนสังคมในเกาหลีใต้ที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากละครเรื่องนี้แม้แต่น้อย.