Good Wife : คนตีสองหน้าในนามของความยุติธรรม
1.
กฎหมายมีไว้เป็นเครื่องมือสำหรับใครกันแน่ และความยุติธรรมที่ยกอ้างถึงดั่งคำสวดหรือการเอ่ยชื่อประดุจเรียกขานนามของพระเจ้านั้น มีไว้เพื่อใคร
Good Wife เป็นละครชุดทางโทรทัศน์ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ดัดแปลงบทประพันธ์มาจากละครชุดในชื่อเรื่องเดียวกันของอเมริกัน โดยเล่าเรื่องของทนายความหญิงผู้หญิงที่ต้องเข้ามาทำหน้าที่เลี้ยงชีพด้วยการเป็นทนายความ หลังพบกับวิกฤตของชีวิตครั้งสำคัญ โดยความพยายามอย่างยิ่งที่จะแหวกผ่านและก้าวข้ามอคติของวงการกฎหมายที่ต่อเธอ รวมทั้งสายตาของสังคมที่จับจ้องเธอในฐานะวัตถุอื้อฉาวในเรื่องความประพฤติของสามีที่เป็นอัยการชื่อดัง แต่ต้องมายุติบทบาทลงหลังจากมีข่าวอื้อฉาว
2.
ผู้หญิงที่ประพฤติตนเป็นเมียที่ดีของผัว เป็นแม่ที่ดีของลูกสาวและลูกชาย เป็นลูกสะใภ้ที่ดีของแม่ผัว และเป็นพี่สาวที่ดีของน้องชายที่เป็นเกย์ สูญเสียเกียรติทั้งหมดลงทันที เมื่อเห็นคลิปเพศสัมพันธ์ของผัวตัวเองกับหญิงบริการถูกเผยแพร่เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศ เหมือนเป็นคนโง่ที่ถูกผัวตบหน้าอย่างแรงจนหน้าหันกลางสี่แยกไฟแดง สติของเธอไม่ได้คืนมาอย่างบริบูรณ์แต่อย่างใด แต่กลับปลุกเร้าความเป็นนักกฎหมายของเธอที่หลับไหลมาอย่างยาวนานนั้น และทำให้เธอได้ลุกขึ้นมาและก้าวเข้าสู่วงการกฎหมายด้วยบทบาททนายความเพื่อเลี้ยงชีพ
14 ปีของชีวิตหลังการแต่งงาน เธอยอมสละละทิ้งโอกาสและความก้าวหน้าของชีวิตตัวเองทั้งหมดเพื่อยอมลดระดับตัวเองและขึ้นเป็นลมใต้ปีกผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในโรงเรียนกฎหมาย
สามีของเธอใน 14 ปีให้หลัง คือ ดาวเด่นในวงการอัยการ เป็นหนุ่มหล่อเนื้อหอมที่นักการเมืองระดับประเทศต่างรุมล้อมเสนอโอกาสในทางการเมืองให้แก่เขาอยู่เสมอ ความเป็นหนุ่มหล่อเนื้อหอมได้มาเพราะมีภริยาที่ดี มีลูกๆ ที่น่ารัก มีชีวิตทางส่วนตัวที่สะอาดสะอ้าน ไม่แพ้กับผลงานในทางวิชาชีพ ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัยการที่เถรตรง ซื่อสัตย์ รับใช้ปวงประชา รักษาผดุงความเป็นธรรมของชาติ
แต่แล้วชีวิตของเขาก็เหมือนนกอินทรีย์ที่โดนห่าศรนับพันพุ่งเสียบในคราวเดียวแล้วร่วงตกลงพื้นอย่างรวดเร็วจนไม่เหลือชิ้นดีทั้งชีวิตส่วนตัวและชีวิตการงาน
หลังจากวิกฤตคลิปฉาวของสามี คิม เฮ-กยอง ต้องกลับเข้าสู่วงการกฎหมายอีกครั้ง ด้วยการเป็นทนายความ เพื่อเลี้ยงดูตนเองและลูกๆของเธอ พร้อมกับหาที่ยืนให้กับตัวเองอีกครั้ง การที่เธอกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยบทบาททนายความในช่วงอายุที่เลยพ้นวัยหนุ่มสาว ทั้งยังตั้งแข่งขันกับทนายความหนุ่มอีกรายเพื่อให้ได้เข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมายนั้น เป็นที่ท้าทายและเสียดทานความรู้สึกมากพอสมควร
คดีที่เธอรับมอบหมายให้ทำจากสำนักงาน เป็นคดีการกุศล หรือPro-Bono เป็นส่วนมาก ด้วยเพราะความไม่ไว้วางใจที่จะมอบหมายให้เธอทำคดีธุรกิจหรือคดีสำคัญอื่นใดของสำนักงาน
และด้วยความช่วยเหลือจาก เช จุงวอน เพื่อนชายที่เคยสนิทสนมกันสมัยเรียน ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของสำนักงาน ยิ่งเป็นเรื่องที่เธอถูกจับตามองเป็นพิเศษ ว่าเธอจะเข้ามาทำงานเป็นทนายความในสำนักงานแห่งนี้ด้วยฝีมือจริงๆ หรือเพราะเส้นสายจากความสัมพันธ์ของเจ้าจองสำนักงาน
3.
เฮ-กยอง ได้นำเอาความรู้และทักษะที่หลบซ่อนหลับไหลนั้นขึ้นมาใช้งาน ในระหว่างที่กำลังทำงานในวิชาชีพที่ต้องพิสูจน์ตนเองให้มีที่ยื่นและเป็นที่ยอมรับต่อไป นอกจากการทำคดีที่สำนักงานมอบหมายให้ได้ทั้งกล่องและเงิน ในอีกด้าน เธอต้องรับภาระในการจัดการชีวิตส่วนตัวที่ยืนอยู่บนความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาที่ขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันลงไปแล้ว เธอต้องรับทำคดีที่เกี่ยวข้องกับสามีข้องเธอ ซึ่งเข้าไปพัวพันกับเรื่องสกปรกในสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เป็นเรื่องแย่งชิงอำนาจนำในองค์กรระหว่างสามีของเธอและคู่แข่ง ที่พยายามจัดฉากและใช้กฎหมายเพื่อกำจัดคู่แข่ง นั่นคือสามาีของเธอ
4.
“... การที่โดดเข้าไปช่วยเหลือจำเลยนั้นก็เพราะอาชญากรรมของเขาไม่เป็นภัยต่อสวัสดิการของผม ผมแก้คดีของเขาด้วยอรรถาธิบายอันไพเราะจับใจ เพราะผมไม่ได้เป็นผู้รับเคราะห์จากการกระทำของเขา ทว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาอาจเป็นอันตรายต่อผม เมื่อนั้นผมจะจัดการพิพากษาเขาทันที ยิ่งกว่านั้นก็พร้อมจะกลายเป็นคนคลั่งอำนาจ กฎหมายว่าอะไร กูไม่ฟัง จำจะต้องลงโทษมันให้ได้”
“J’apprenais du moins que je n’étais du côté des coupables, des accusés, que dans la mesure exacte où leur faute ne me causait aucun dommage. Leur culpabilité me rendait éloquent parce que je n’en étais pas la victime. Quand j’étais menacé, je ne devenais pas seulement un juge à mon tour, mais plus encore : un maître irascible qui voulait, hors de toute loi, assommer le délinquant et le mettre à genoux.”
Albert Camus, La Chute, Gallimard, 1956, p.66.
สำนวนแปลโดย ตุลจันทร์ ใน อัลแบร์ กามู, มนุษย์สองหน้า, สำนักพิมพ์สามัญชน, ๒๕๔๓, หน้า ๖๘.
ที่มา : http://www.enlightened-jurists.org/blog_print/37
เฮ-กยอง ได้รู้ในที่สุดระหว่างการทำงานในวิชาชีพทนายความ วิชาชีพที่ต้องเค้นหาความจริงทั้งในด้านดีและด้านชั่ว และสนามรบในโรงศาลผ่านศึกหลายต่อหลายครั้งที่เธอต้องจับกฎหมายและทักษะในความเป็นทนายความต่างอาวุธขึ้นสู้นั้น ทำให้เธอเข้าถึงความจริงที่ถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอดระยะเวลา 14 ปี ที่ได้เฝ้าปรนบัติพัดวีและเสียสละความก้าวหน้าทางอาชีพของเธอทั้งหมดให้กับสามี
เรื่องจริงก็คือ เธอถูกลวงด้วยภาพที่แสร้งสร้าง คนดีกับคนชั่วไม่มีความแตกต่างกัน และโลกที่คลุมไปด้วยม่านหมอนแห่งเฉดสีเทานั้นเอง ทำให้เธอตระหนักว่า ไม่มีแม้แต่ความจริงชุดใดชุดหนึ่งที่จะทำให้เธอเชื่อได้ว่า คนคนนึงขาวสะอาดหมดจนหรือชั่วช้าดำมืด
และเมื่อเธอยืนอยู่บนสนามรบแห่งสงครามของความดีและความยุติธรรม ที่ใช้กฎหมายต่างศาสตราวูธนี้เอง ทำให้เธอได้รู้ตัวตนของตัวเองเช่นกัน
5.
ละครเรื่องนี้ นับว่าเป็นละครที่สร้างชุดความคิดในทางกฎหมาย หรือ Legal Mind ให้กับผู้ชมได้เรียนรู้ถึงการปฏิบัติวิชาชีพของทั้งทนายความ อัยการ ผู้พิพากษาและนักสืบ ตลอดจนตำรวจในระบบยุติธรรม ซึ่งแม้ใช้ภาพหลังเป็นกระบวนการยุติธรรมในระบบของประเทศเกาหลีใต้ก็ตาม แต่ช่วยให้เห็นภาพอย่างชัดเจนหรือหลักการดำเนินคดีที่เป็นธรรมและการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลที่เป็นสากล ผ่านการนำเสนอเรื่องราวที่เข้มข้น
ในโลกที่ผู้คนมีกฎหมายเป็นเครื่องมือเพียงไม่กี่อย่างที่จะใช้ยกอ้างเพื่อบังคับกันและกันให้อยู่รอดปลอดภัยในสังคมที่มีความขัดแย้งระหว่างกันอยู่ตลอดเวลานี้เอง กฎหมายเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกิดกว่าจะเป็นการนำเอามาตราหรือตัวบททางกฎหมายมาทับทาบเอาไว้และใช้พิพากษาผู้อื่นอย่างฉับพลัน
Good Wife ช่วยฉายรายละเอียดให้เห็นว่า ภายใต้ตัวบทกฎหมายที่บัญญัติโดยรัฐและกระบวนการดำเนินคดีในศาล ที่กว่าจะได้มาซึ่งความจริง ในข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างกันนั้น ต้องผ่านกระบวนการคัดกรอง สอบสวน และเข้าถึงความจริงในเรื่องเดียวกันในหลายชุดหลายระดับ จนกว่าจะเพียงพอและมั่นใจได้ว่า การใช้กฎหมายเพื่อรักษาความถูกต้องยุติธรรมอย่างที่มีอุดมคติร่วมกันนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่มองสถานการณ์ความขัดแย้งแล้วนำกฎหมายไปจับปรับใช้และยืนบอกต่อสังคมและคนอื่นว่าใครถูกใครผิด
สังคมที่มักง่ายไปกับอารมณ์ที่ถูกเร้าบทความถูกต้องยุติธรรมทาางกฎหมายและศีลธรรม สังคมนั้นมักตกอยู่ในอาการที่มีสภาพเหมือนคนเสียสติเป็นบ้าและคลั่งขาดสติอยู่ตลอดเวลา
กฎที่จะกำกับให้คนมีสติ บางครั้งก็ทำให้สังคมหรือคนหลายคนนั้นเองเสียสติได้อยู่นั่นเอง