Please scroll down for English
ตลอดระยะเวลาที่สังคมไทยเดินไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง เกิดการแบ่งขั้วทางการเมืองโดยที่ยังไม่สามารถหาวิธีการเพื่อพูดคุยบรรเทาสถาณการณ์ให้เบาบางลง ในการโต้แย้งและแสดงออกทางความคิดบ่อยครั้งนำไปสู่การยุยง การปลุกปั่น บ่มเพาะความเกลียดชัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหยิบยกเอาประเด็นทางเพศ ความเป็นหญิง อัตลักษณ์ทางเพศ และวิถีทางเพศ เพื่อนำมาเป็น เครื่องมือโจมตีผู้เห็นต่างทางการเมือง การลดทอนความน่าเชื่อถือทางการเมือง ซึ่งเกิดจากจากทุกฝ่าย ทุกขั้ว ทุกสีการเมืองและเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายทั้งในเวทีปราศรัยและในสื่อสังคมออนไลน์
การปล่อยให้มีการสร้างวาทะแห่งความรุนแรงและความเกลียดชัง เป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากการละเมิดดังกล่าวเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น ไม่อาจยอมรับได้ในสังคมอารยะ และขัดต่อความเสมอภาคและเท่าเทียมในหลักการสิทธิมนุษยชน และวัฒนธรรมประชาธิปไตยของไทยที่เราควรยึดถือ นอกจากนั้นยังมีการขัดกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW)*
ทางกลุ่มฯ ได้รู้สึกกังวลใจและตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวตลอดมา ล่าสุดในวันที่ 13 มกราคม 2557 เกิดกรณี ผศ.นพ.ประเสริฐ วศินานุกร บุคลากรจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้ปราศรัยโจมตีนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร บนเวที กปปส.
โดยมีข้อความคือ
"ผมอยากจะขอร้องคุณยิ่งลักษณ์มี 4 ประเด็นเท่านั้นเอง
1. ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ทำได้โดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนไทยทั้งประเทศอาจจะทำเหรียญยิ่งลักษณ์แก้ผ้าให้ก็ได้
2. ถ้ายิ่งลักษณ์มีท้อง โปรดฟังให้ดีนะครับ ผมจะส่งเกวียนมารับที่กรุงเทพ ไปคลอดที่หาดใหญ่ครับ แถมจะทำรีแพร์ชนิดสามีคนต่อไปต้องยกนิ้วให้"พูดแล้วคุณอัญชลียังเสียวเลยนะ ครับ"
3. ยังไม่สายเกินไปที่คุณยิ่งลักษณ์จะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะยังไม่แก่เกินไปที่จะเป็นนางแบบปฏิทิน เพราะว่าประจำเดือนยังไม่หมดนะครับ
4. ถ้าไม่มีใครต้องการยิ่งลักษณ์จริงๆนะครับ ผมยินดีเป็นข้ารับใช้ ซื้อและเปลี่ยนโกเต๊กให้ตลอดไป"
สามารถเข้าถึง คลิปเสียงได้โดย https://www.youtube.com/watch?v=Pdw2sfDheaE
การปราศรัยนี้เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยาม คุกคามทางเพศ ละเมิดเกียรติและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นอย่างรุนแรง สะท้อนถึงการขาดจิตสำนึกของผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ที่ควรยึดมั่นใจจรรยาบรรณอย่างเคร่งครัด เพราะเป็นอาชีพที่ได้รับการยอมรับจากสังคม และเกี่ยวโยงกับชีวิตของมนุษย์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ
พฤติการณ์นี้ เป็นเพียงกรณีล่าสุดที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกลุ่มพบว่ามีกรณีอื่นๆจากทุกขั้วการเมือง ทุกเสื้อสี ใช้ความเกลียดชัง ด้วยเหตุแห่งเพศในการโจมตีและทำลายกันอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา
กลุ่มเพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ รวมถึงกลุ่มองค์กรและประชาชนผู้มีรายชื่อแนบท้ายแถลงการณ์ ขอประณามการเหยียดเพศและการใช้ประเด็นทางเพศเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมืองทุกรูปแบบ ขอยืนยันว่าเราไม่อาจยอมรับพฤติการณ์เหยียดเพศเหยียดความเป็นมนุษย์เช่นนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของฝ่ายใด และขอเรียกร้องต่อทุกฝ่ายดังต่อไปนี้
1) ขอให้ทุกกลุ่มการเมืองยุติการกระทำอันเป็นการเหยียดเพศ การใช้วาทะเพื่อบ่มเพาะความเกลียดชังระหว่างกัน ด้วยเหตุแห่งเพศ และไม่ใช้ประเด็นทางเพศเป็นเครื่องมือโจมตีทางการเมืองโดยอย่างเด็ดขาด
2) ขอให้สื่อมวลชนระมัดระวังและไหวรู้ต่อการสื่อสารในประเด็นเหล่านี้ เนื่องจากอาจเป็นการผลิตซ้ำอคติทางเพศ ตีตรา และสร้างความเกลียดชังด้วยประเด็นเรื่องเพศ ซึ่งเป็นการผลิตซ้ำความรุนแรงเชิงโครงสร้างในสังคมไทย และนำไปสู่การขยายสู่ความรุนแรงทางการเมืองและความรุนแรงทางตรงได้
กลุ่มเพื่อประชาธิปไตยและความหลากหลายทางเพศ รวมถึงกลุ่มองค์กรและประชาชนผู้มีรายชื่อแนบท้าย แถลงการณ์ฉบับนี้เชื่อว่าสันติภาพ ความเท่าเทียม และความเป็นประชาธิปไตยจะไม่อาจเกิดขึ้นได้หากสังคมไทยยังเต็มไปด้วยการเหยียดเพศและการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นดังที่เป็นอยู่
*อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีทุกรูปแบบ (CEDAW) โดยที่ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ โดยการภาคยานุวัติ มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2528 นั้นได้กล่าวไว้ใน ข้อ 5 ว่า รัฐภาคีจะใช้มาตรการที่เหมาะสมทั้งปวง (ก) เพื่อปรับปรุงแบบแผนความประพฤติทางสังคมและวัฒนธรรมของบุรุษและสตรี โดยมุ่งที่จะให้ได้ขจัดความเดียดฉันท์และวิธีปฏิบัติอันเป็นประเพณีและอื่น ๆ ทั้งปวง ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของความคิดเกี่ยวกับความต่ำต้อยหรือความสูงส่งของอีกเพศ หนึ่ง หรือที่อยู่บนพื้นฐานของบทบาทแบบเก่าสำหรับบุรุษและสตรี
ซึ่ง ในอนุสัญญาฯ ย้ำว่า “จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงบทบาทดั้งเดิมของบุรุษ รวมทั้งบทบาทสตรีในสังคมและในครอบครัว เพื่อให้บรรลุถึงความเสมอภาคอย่างเต็มที่ระหว่างบุรุษและสตรี” รัฐภาคีต้องใช้มาตรการที่เหมาะสมเพื่อปรับเปลี่ยนแบบแผนพฤติกรรมทางสังคมและ วัฒนธรรมของบุรุษและสตรี “เพื่อขจัดความเดียดฉันท์ (prejudices) และประเพณีปฏิบัติทั้งปวงซึ่งอยู่บนพื้นฐานความคิดเกี่ยวกับ ความต่ำต้อย หรือความสูงส่งของอีกเพศหนึ่ง หรือที่อยู่บนพื้นฐานของบทบาทแบบดั้งเดิมสำหรับบุรุษและสตรี”
และ ในบรรดาวาทะกรรมต่างๆ เกี่ยวกับสตรี ที่เป็นบุคคลสาธารณะ ในเวทีสาธารณะและในโซเชียลมิเดีย ยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังและเดียดฉันท์ ลดทอนคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์รวมทั้งข่มขู่คุกคามด้วยเหตุเเห่งเพศสภาพโดยใช้เพศสภาพความเป็นสตรี มาเป็นพื้นฐานเพื่อผลิตวาทกรรมแห่งความเกลียดชัง เดียดฉันท์ โดยมีทัศนคติว่าตนเองสามารถกระทำได้ ซึ่งเป็นการขัดต่อหลักการในอนุสัญญานี้
ดัง นี้ ประเทศไทยซึ่งเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาฯ โดยการภาคยานุวัติแล้วจึงควรตระหนักถึงหน้าที่ อันจะขจัดความเดียดฉันท์ (prejudices) และประเพณีปฏิบัติทั้งปวงซึ่งอยู่บนพื้นฐานความคิดเกี่ยวกับ ความต่ำต้อยหรือความสูงส่งของอีกเพศหนึ่ง หรือที่อยู่บนพื้นฐานของบทบาทแบบดั้งเดิมสำหรับบุรุษและสตรี ต่อสตรีที่เป็นบุคคลสาธารณะทุกคน ด้วยการสร้างความเข้าใจและให้คำนึงถึง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และคุณค่าของสตรีซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะทุกคนในประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น
In recent months, Thailand has experienced escalating political unrest and instability caused by partisan politics. The situation has yet to be resolved through productive dialogue or compromise. All groups, political parties, and colors of affiliations have used hostility and perpetuated propaganda at political gatherings and through social media as tools to slander oppositional groups. Most disturbing is the use of sexist, misogynistic, and denigrating language as political weapons.
The continuation of this rhetoric of violence, discrimination, and hate cannot be permitted. This behavior infringes and demeans the human dignity of women and contradicts the fundamental concept of equality under universal human rights principles, the CEDAW convention, and Thai democratic norms, all of which must be upheld. The coalition is deeply concerned by the use of prejudiced and intimidating language and urges all parties to cease such activity.
Recently on 13 January 2014, Assistant Professor Prasert Wasinanukorn, Faculty Member at Songklanagarind University, Hatyai Campus delivered on-stage verbal attacks towards Prime Minister Yingluck Shinawatr during a People's Democratic Reform Committee (PDRC) rally.
The following statements are excerpts taken from his speech:
1. If Khun Yingluck resigns from her position as a Prime Minister, all the Thais might award her a medal with her naked picture on it.
2. If Yingluck is expecting a baby, please listen carefully, I will send her an ox-cart to pick her up to give birth in Hat Yai. I will also do a virginal repair surgery for her as a giveaway. I guarantee that her next husband will definitely give her a thumbs-up.
3. It’s not too late for Khun Yingluck to resign from her position as a Prime Minister because she’s not too old to be a nude model and she hasn’t stopped having her menstrual periods.
4. If no one really wants Yingluck, I am willing to be her servant. I will buy and change her sanitary napkins forever.
You can access the audio clip (in Thai) at this link: https://www.youtube.com/watch?v=Pdw2sfDheaE]
This speech insults, sexually harasses, and strongly demeans the human dignity of women. It reflects the lack of conscience from this medical professional who must strictly adhere to strong ethical conduct and respect of all genders, an oath taken by all individuals entering into this profession. This is just one such incident, among many, that the coalition has witnessed in which inimical and vitriolic language has been employed as a political instrument.
The Coalition on Democracy and Sexual Diversity Rights, along with various organizations and individuals who have endorsed this statement, condemn this form of sexual harassment and its use as a political tool of attack. We affirm that we are against this behavior of sexism and violation of human dignity from all political parties and call upon them to abide by the following demands:
1) All political groups must end the use of misogyny, the use of political rhetoric that promotes hatred among each other based on sexuality, and abstain from any use of gender and sexuality as political weapons.
2) The media and press exert precautions and be vigilant towards these antagonistic statements as they propagate sexual prejudice, discrimination, and create further hatred on the basis of sexuality and gender; promoting structural violence in Thai society which may escalate into additional political and direct violence.
The Coalition on Democracy and Sexual Diversity Rights along with multiple organizations and individuals who have endorsed this statement, believe that peace, equality, and democratic principles remain inconceivable if individuals continue to foster sexual harassment and abuse the human dignity of women and society at large.