Skip to main content
             ช่วงนี้การเมืองของประเทศไทยดูค่อนข้างสงบเรียบร้อยดีนะครับ ไม่ค่อยมีเหตุการณ์ที่ชวนให้เสียวบั่นท้ายแบบเมื่อเดือนที่แล้วหรือเมื่อหลายปีก่อนเท่าไหร่นักราวกับ พายุฝนได้พัดผ่านไปแล้ว ทว่า ความสงบนี้เองกลับเป็นความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรเท่าใด เพราะมีคำกล่าวไว้ว่า 
น้ำนิ่งย่อมไหลลึก หรือ ความสงบสุขก่อนพายุลูกใหม่จะมาถึง 
 
คำกล่าวเหล่านี้ไม่ได้ไกลเกินจริงเพราะยังได้เห็นความพยายามในการแย่งชิงอำนาจกันอยู่เนื่องๆไม่ว่าจะเป็น สงครามแย่งชิงมวลชน การสาดโคลนไปมาหรือ การเล่นทุกวิธีทางเพื่อเอาชนะกันและก้าวไปสู่การเป็นผู้นำให้ได้ แม้กระทั่งการเห็นอดีตนักการเมืองหนุ่มอนาคตทำตัวแปลกๆ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
 
ไม่เว้นแม้แต่ต้นตำหรับประชาธิปไตยตัวแม่อย่าง อเมริกาที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนั้น ใครจะคิดว่า การเมืองของประเทศที่เจริญแล้วนั้นก็มีสภาพไม่ต่างกันเพราะ นิยามหลักของการเมืองก็คือ การต่อสู้เพื่ออำนาจและต่อรองผลประโยชน์ 
 
และที่สำคัญมันไม่ขาวสะอาดอย่างที่คิด
 
 
ดั่ง เรื่องราวของชายหนุ่มอนาคตไกลนามว่า สตีเว่น เมเยอร์ รองหัวหน้าทีมหาเสียงของพรรคเดโมแครตที่กำลังมีการยั่งเสียงหาคนสมัครเป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีคนใหม่อยู่ โดยเขาทำงานให้กับไมค์ มอร์ริส วุฒิสมาชิกหนุ่มอนาคตไกล ที่ตัวสตีเว่นนั้นมองว่า เขาคืออนาคตของประเทศนี้และมั่นใจว่า เขาจะต้องเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปแน่ๆหากชนะการเลือกตั้งในพรรคได้ แน่นอนว่าการที่เขามาทำงานนี้ เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ไมค์ มอร์ริสชนะ รวมทั้งต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆ โดยไม่รู้ว่า การเข้ามายุ่งกับการเมืองนี้จะทำให้เขาเริ่มหมดความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ลงไปทีล่ะน้อยๆ
 
หากนิยามคำว่าการเมืองได้ดีที่สุดก็คงเป็นนิยามที่ว่า การเมืองเป็นเรื่องของตัณหา
 
 
หนังได้สร้างตัวละครอย่าง สตีเว่น เมเยอร์ขึ้นมา ให้เป็นชายหนุ่มที่เชื่อมั่นว่า การเมืองนั้นเป็นทางออกให้กับประชาชนได้ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ ตัวละครของเขาจึงเป็นเสมือนมายาคติของประชาชนทั่วไปที่เชื่อว่า โลกใบนี้มีเหรียญแค่สองด้าน หรือ เชื่อว่า โลกใบนี้มีเพียงสีขาวและดำเท่านั้น ราวกับโลกใบนี้เป็นโลกในนิทานก่อนนอนของเด็กๆ ซึ่งนั้นเป็นเหตุการณ์ก่อนที่เขาจะได้พบกับความจริงที่ลอยมากระแทกเข้ากับสมองของเขาอย่างจัง 
 
ปลุกให้เขาตื่นขึ้นจากความฝัน
 
เพราะวินาทีแรกที่เขาเข้ามาเหยียบย่างในวิถีการเมืองนั้น เขาก็เป็นเหมือนกระดาษสีขาวที่ยังไม่แต่งแต้มอะไรลงไป แต่เมื่อเขาเข้ามาทำงานนี้ เขาก็เริ่มถูกแต่งแต้มสีลงไปในตัวเองมากขึ้นทุกที อย่างเช่นการพยายามเอาชนะคู่แข่งให้ได้ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดก็ตามอย่างเช่น การสาดโคลนหรือ การใช้ข้อมูลเท็จเล่นงานฝ่ายตรงกันข้าม 
 
หรือกระทั่งเล่นเกมใต้โต๊ะต่างๆนานา
 
ล้วนแล้วแต่เป็นการบอกว่า เขากำลังถูกการเมืองย้อมสีลงไปในกระดาษของเขา
 
 
ในฉากหนึ่งที่เขากินข้าวกับหนังสือศึกษาสาว สตีเว่นบรรยายให้เธอรู้เลยด้วยซ้ำว่า ทำไมเขาถึงช่วยไมค์ มอร์ริส ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาเป็นคนหัวก้าวหน้า เก่ง และมีความเป็นผู้นำพอที่จะช่วยเหลือประเทศนี้ได้ ตอนที่เขาบรรยายความรู้สึกให้เธอฟังนั้นดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความชื่นชมเหมือนเด็กที่กำลังพูดถึงพวกซุปเปอร์ฮีโร่ที่ตนเองชื่นชอบอย่างไงอย่างงั้น
 
อันเป็นภาพสะท้อนของความบริสุทธิ์
 
และเมื่อคะแนนของไมค์ มอร์ริส เริ่มนำฝ่ายตรงข้ามก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อพลิกเกมนี้ให้ได้
 
นั้นคือจุดเปลี่ยนของเรื่องเมื่อหัวหน้าฝ่ายการเมืองของฝั่งตรงข้ามเรียกให้สตีเว่นไปพบที่บาร์แห่งหนึ่ง
 
ไม่นานนักเขาก็ได้พบว่า ไมค์ มอร์ริสที่เขาแสนจะชื่นชมนั้นดันไปมีสัมพันธ์สวาทกับนักศึกษาสาวที่เขาหลงรักอยู่จนเธอท้อง ซึ่งอาจจะทำให้ทุกอย่างแย่ลงก็เป็นได้หากเรื่องนี้แดงขึ้นมา ไมค์ มอร์ริสจะต้องพ่ายแพ้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะพาเธอไปทำแท้งเสียก่อน ในขณะที่เขานั้นได้ถูกนักข่าวสาวที่รู้จักกันถามว่า เขาไปคุยอะไรกับหัวหน้าฝ่ายตรงข้ามที่บาร์แห่งหนึ่ง แน่นอนว่าตอนแรกเขาไม่ได้สนใจจนกระทั่งเธอคนนั้นบอกว่า หัวหน้าฝ่ายการเมืองตรงข้ามนั้นกินอะไรด้วย เขาจึงเริ่มรู้สึกว่า ตัวเองกำลังอยู่ในสถานะไม่ปลอดภัยที่มีคนล่วงรู้ความลับนี้
 
จนในที่สุดสตีเว่นก็ถูกไล่ออกจากทีม เพราะหัวหน้าทีมของเขานี่เองที่เอาเรื่องนี้บอกนักข่าวเพื่อให้เขาร้อนรนออกมา
 
เหตุผลที่ไล่สตีเว่นออกก็เพราะหัวหน้าของเขาบอกว่า ไม่สามารถเชื่อใจสตีเว่นได้อีกแล้ว
 
ไม่ใช่เพราะเขาไปคุยกับหัวหน้าฝ่ายตรงข้าม ไม่ใช่เพราะเขาไปหาข่าวกับฝ่ายตรงข้าม แต่เป็นเหตุผลด้านความซื่อสัตย์ สตีเว่นจะไปที่นั้น ฉะนั้นเขาไม่สามารถเชื่อใจสตีเว่นได้อีกแล้วนั้นเอง 
 
แต่ว่าการโดนไล่ออกของสตีเว่นนั้นก็ได้ส่งผลร้ายกับนักศึกษาสาวที่เขาหลงรัก เพราะเธอคิดว่า เธอเป็นคนทำให้เขาต้องเป็นแบบนี้ เธอจึงกินยาฆ่าตัวตายไปในที่สุด และนั้นทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของสตีเว่นขาดลงไป
 
เขาจึงหมายมั่นปั้นมือจะทำลายไมค์ มอร์ริสให้ได้
 
เขาจึงไปที่สำนักงานของอีกฝ่ายเพื่อจะขอร่วมมือเล่นงานไมค์ มอร์ริสให้ได้ โดยบอกว่า เขามีแผนจะเอาชนะ มอร์ริสได้ แต่ทว่า หัวหน้าฝ่ายนั้นกลับไม่เอาด้วยเพราะ เขาไม่เชื่อใจตัวของสตีเว่นและอีกอย่าง นี่คือผลที่มาจากแผนการของเขา ที่ต้องการทำลายสตีเว่นเสียนั้นเอง
 
ด้วยเหตุผลง่ายๆว่า สตีเว่นคือคนที่เก่งที่สุดในทีมของไมค์ มอร์ริส
 
ดังนั้นถ้าไม่สามารถทำให้เขาย้ายมาอยู่ข้างนี้ได้ ก็ต้องทำลายอนาคตของเขาเสีย
 
เหมือนสุภาษิตว่า ตัดไฟแต่ต้นลม
 
และบัดนี้เขาได้สิ่งที่ต้องการแล้ว 
 
 
สิ่งที่เกิดขึ้นกับสตีเว่นนั้นเปรียบเสมือนกับการที่หนังพยายามจะบอกเราว่า การเมืองไม่ใช่เรื่องใสสะอาดแบบนิทานก่อนนอนที่ใช้เล่าให้เด็กฟัง เป็นการตอกย้ำว่า การเมืองคือ การทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะของฝ่ายตัวเองโดยไม่สนใจว่า ใครจะเป็นเช่นไร ซึ่งในที่นี่มีเหยื่อจากการเมืองนี้หลายคนและหนึ่งในนั้นก็คือ สตีเว่น
 
 
เราเคยได้ยินคำโฆษณาที่ว่า เลือกตั้งเป็นหน้าที่ เลือกคนดีไปปกครอง กันบ้างไหมครับ เอาจริงแล้วมันเป็นก็เพียงนิทานหลอกเด็กอีกเรื่องที่ใช้หลอกใครต่อใครว่า ประเทศนี้จะดีได้ ถ้าให้คนดีปกครอง โดยที่จงอย่าลืมว่า การเมืองคือเรื่องการต่อรองผลประโยชน์ หากผลประโยชน์ลงตัว ทุกอย่างก็จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ ฉะนั้นมายาคติว่าด้วยคนดีทั้งหลายจึงไม่มีทางเป็นไปได้ในโลกใบนี้
 
เพราะไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ก็ไม่มีมนุษย์คนไหนเป็นคนดีเป็นสีขาวทั้งเนื้อทั้งตัวได้แน่ๆ
 
ดังนั้นคำโฆษณาจริงๆของการเมืองนั้นควรจะ เลือกตั้งเป็นหน้าที่ เลือกคนที่เลวน้อยที่สุดเข้าไปปกครองต่างหาก
 
 
พูดถึงนักการเมืองอย่าง ไมค์ มอร์ริส แล้ว สิ่งที่เราได้เห็นก็คือ ภาพของความหวังใหม่ของผู้นำรุ่นใหม่ที่มีหัวความคิดเสรี ทั้งการเปิดรับสิทธิภาพของเพศที่สาม การประกาศจะเข้มงวดเรื่องการขายปืน และสิทธิต่างๆมากมายจนทำให้ภาพของไมค์ มอร์ริสนั้นในช่วงแรกนั้นราวกับไม่ใช่มนุษย์ เราเห็นว่าเขาพร้อมจะปฏิเสธที่จะร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลด้านค้าอาวุธเพื่อเอาชนะการเลือกตั้งด้วยเหตุผลว่า จะทำให้ไม่ต่างกับนักการเมืองคนอื่น
 
และที่สำคัญเขาเกลียดหมอนั้น
 
นี่คือภาพของผู้นำที่แสนจะเป็นเหมือนเทวดาผู้ปกปักที่ชาวอเมริกันไม่สิโลกใบนี้อาจจะอยากได้
ทว่า ในช่วงหลังนั้นเราก็ได้พบว่า สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่ต่างไปจากคนอื่นๆ อาจจะเรียกว่า เขาเป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งก็เท่านั้นไม่ได้พระเจ้าวิเศษวิโสมาจากไหน ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงฝึกงานจนท้อง แล้วเพื่อชัยชนะเขายอมกลืนน้ำลายร่วมมือกับผู้อิทธิพลด้านค้าอาวุธเพื่อชัยชนะเบ็ดเสร็จ
 
 
ดังนั้น ตัวละครของไมค์ มอร์ริสจึงเป็นเหมือนการยั่วล้อกับความผิดหวังของชาวอเมริกันที่มีต่อนักการเมืองที่เสมือนความหวัง แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม หากมองบริบทของภาพยนตร์ที่ออกมาในช่วงท้ายของการดำรงตำแหน่งของ บารัค โอบาม่า เจ้าของวลี Change แล้ว ก็เสมือนว่า หนังเรื่องนี้เป็นการบอกว่า พวกเขาผิดหวังกับโอบาม่านั้นเอง 
 
จึงพูดได้ว่า ไมค์ มอร์ริสก็คือ อีกหนึ่งคนที่ถูกการเมืองกินเข้าไปแล้วเช่นกัน
 
พอลองมองนึกย้อนกลับไปว่า ในการเมืองประเทศไทยนี้ เรามีคนอนาคตไกลแบบนี้ ถูกการเมืองกินไปแล้วกี่คน 
 
 
 
อีกคนที่ถูกการเมืองทำลายจนหมดสิ้นก็คงไม่พ้น หัวหน้าทีมเลือกตั้งของสตีเว่นที่แม้ว่าเขาจะพ่นคำว่า ซื่อสัตย์หรือไว้เนื้อเชื่อใจออกมามากแค่ไหน เขาเองก็เป็นอีกคนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะจนถึงขั้นไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับคนที่เป็นผู้มีอิทธิพลเพื่อเอาชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้
 
หากจะมีคำกล่าวใดๆสักประโยคให้กับชายคนนี้คงไม่พ้นคำกล่าวที่ว่า
 
No Country for Oldman
 
เพราะการเมืองของเขามันล้าสมัยเกินไปแล้วในสังคมแบบนี้ อันเนื่องจากแผนเอาคืนของสตีเว่นที่ไปแบล็คเมล์ไมค์ มอร์ริส พร้อมๆกับหาข้อเสนอที่ดีกว่ามาให้แลกกับการไล่เขาออกจากตำแหน่ง แม้ว่าจะทำงานกับไมค์ มอร์ริสมานานแล้ว สุดท้ายไมค์ก็ไล่เขาออกในที่สุด เพื่อชัยชนะน่ะเอง
 
การเมืองจึงโหดร้ายยิ่งกว่าที่ใครคาดคิดเสียอีก
 
 
และในช่วงท้ายของหนัง เราจึงเห็นภาพของสตีเว่นมองภาพการปราศรัยหาเสียงของไมค์ มอร์ริสด้วยสายตาที่เฉยเมยปนความสังเวชเวทนาที่มองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่เคยมีอุดมการณ์แรงกล้ามากแค่ไหน ทว่าเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง เขาก็ไม่พ้นที่จะถูกการเมืองกลืนกินจนต้องประนีประนอม ก้มหัวให้กับอำนาจ ต่อรองผลประโยชน์ต่างๆนานา 
 
นั้นก็เพื่อชัยชนะของตัวเอง 
 
โดยที่พวกเขาไม่ได้คิดว่า นั้นคือความน่าสมเพชอย่างยิ่งยวด

ฉากสุดท้ายที่เขานั่งรอสัมภาษณ์กับรายการทีวีที่ต้องการจะถามว่า เขาสามารถทำให้ไมค์ มอร์ริสชนะการเลือกตั้งได้อย่างไรในสถานการณ์เป็นรองแบบนั้น ใบหน้าของเขาไร้ซึ่งรอยยิ้มเสมือนเพียงเครื่องจักร

บัดนี้ชายหนุ่มอนาคตไกลคนหนึ่งได้ตายไปแล้ว สาเหตุการตายก็คือ

ถูกสิ่งที่เรียกว่า การเมืองกิน นั้นเอง
 

บล็อกของ Mister American

Mister American
              ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาคนทั่วโลกต่างให้ความสนใจกับการปรากฏตัวของม๊อบ กปปส ของอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อย่าง นาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พึ่งต่อยอดมาจากม๊อบต่อต้าน พรบ นิรโทษกรรมมาเป็นม๊อบขับไล่รัฐบาลอย่างเต็มตัว ด้วยการชูประเด็น สภาประชาชนและการปฏิรูปป
Mister American
              เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา คนทั่วโลกต้องได้รับข่าวเศร้าเมื่ออดีตประธานาธิบดีเนลสัน แมนแดล่า แห่งแอฟริกาใต้ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย 95 ปี การเสียชีวิตของเนลสัน แมนเดล่าได้สร้างความเสียใจให้กับคนแอฟริกาและคนทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะข
Mister American
            เมื่อช่วงเช้าของวันอาทิตย์ที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมาแฟนภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดทั่วโลกต้องพบกับข่าวเศร้าที่หลายคนต่างไม่คาดคิดว่า จะเกิดขึ้นไวเช่นนี้ นั่นคือ การเสียชีวิตของดาราหนุ่มเจ้าของบท ไบรอัน โอ คอนเนอร์ จากหนังเรื่อง Fast And Furious ทั้ง 6 ภาค และกำลังถ่าย
Mister American
         ใกล้งานหนังสือฤดูหนาวอีกแล้วนะครับ
Mister American
            ถ้าพูดประธานาธิบดีที่คนอเมริกันรักที่สุด และ เนื้อหอมที่สุดในฮอลลีวู้ดตอนนี้คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกานาม อัมบราฮัม ลินคอล์น ผู้ซึ่งดำเนินการแผนเลิกทาสขึ้นครั้งใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกาจนก่อให้เกิดสิ่งที่
Mister American
          เมื่อวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา วงการลูกทุ่งได้สูญเสียนักร้องผู้เป็นขวัญใจมหาชนและราชาแห่งเพลงลูกทุ่งอย่าง สายันต์ สัญญา ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยโรคมะเร็งตับที่ได้พลัดพรากนำนักร้องเจ้าของฉายา แหบมหาเสน่ห์ ผู้นี้ไป ท่ามกลางความโศ
Mister American
         ในระหว่างที่ผมกำลังเขียนต้นฉบับอยู่นี้คงไม่มีหนังสยองขวัญเรื่องใดจะเป็นที่สนใจไปกว่าหนังสยองขวัญบ้านผีสิงอย่าง The Conjuring ที่กำลังลงโรงฉายสร้างความสยองขวัญให้กับเหล่านักดูหนังที่ต้องการท้าพิสูจน์คำร่ำลือจากหนังผีเรื่องนี้ว่า น่ากลัวที่สุดจนทำเงินขึ้นตารางทำเงิ
Mister American
         ณ เมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่งทางทิศใต้ของอเมริกา มันเป็นเมืองเล็กที่แสนสงบสุข ผู้คนอยู่กันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ภายใต้การดูแลของนายอำเภอและทีมงานของเขา ทว่า ความสงบสุขกำลังถูกทำลายลงเมื่อผู้ร้ายห
Mister American
        แม่ เป็นบุคคลที่เราทุกคนไม่อาจจะปฏิเสธได้ว่า คือ ผู้มีพระคุณของเเรา เธอชุบเลี้ยง และเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง แม่ จึงเป็นภาระที่ช่างใหญ่หลวงนักจนเรียกได้ว่า กว่าเราจะเกิดขึ้นมาได้นั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ แม่ของเรานั่นเอง และวินาทีเราเกิดมาน
Mister American
        สิ่งที่ควรพึงระลึกก่อนจะดูภาพยนตร์เรื่องนี้มีอยู่สองสามข้อ อย่างก็คือ จงพึงระลึกไว้ว่า นี่ไม่ใช่หนังเพื่อความบันเทิง ข้อที่สองสารในหนังเรื่องนี้ไม่มีความแปลกใหม่ มันถูกเล่าซ้ำ ๆ มานับครั้งไม่ถ้วนในโลกภาพยนตร์แห่งนี้ และ ข้อสุดท้ายก็คือ จงพึงระลึกไว้เสมอว่า โลกนี้ไม่มีค
Mister American
          ตอนเป็นเด็กเคยสงสัยกันไหมครับว่า ทำไมโลกใบนี้ถึงไม่มีอุลตร้าแมน ?