Skip to main content

คงไม่ต้องแปลกใจว่า หากจะมองหาหนังไทยสักเรื่องที่น่าหยิบมาพูดถึงหนังเรื่อง ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง นั้นเป็นหนึ่งในหนังที่ควรหยิบมาพูดมากเรื่องหนึ่งในขณะนี้นอกจากจะเป็นหนังภาคต่อที่สานความสำเร็จมาจากภาคแรกที่สร้างปรากฏหนังท้องถิ่นนิยมให้เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทย เมื่อหนังเล็ก ๆ นี้สร้างกระแสทำเงินในภาคอีสานไปกว่าสิบล้านบาท แถมยังมาพร้อมกับคำวิจารณ์ที่ดีอีกด้วย

                คำสำเร็จนี้เองที่ทำให้หนังเรื่องนี้มีภาคสองตามมาและตัวหนังเองก็ประสบความสำเร็จไม่ใช่น้อยทีเดียวกับการทำเงินไปกว่า 15 ล้านในภาคอีสาน และกำลังทำเงินในประเทศลาวเป็นหนังทำเงินสูงสุดในตอนนี้ด้วย รายได้นี้ได้สะท้อนให้เห็นภาพอุตสาหกรรมของภาพยนตร์ท้องถิ่นนิยมที่กำลังเติบโตในช่วงเวลาที่วงการหนังไทยกำลังซบเซาอยู่ ณ ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เพียงผู้บ่าวไทบ้านเท่านั้น ตอนต้นปีเราก็มีหนังเรื่อง เทริด ของเอกชัย ศรีวิชัยทำเงินในบ้านเกิดนั่นคือ ภาคใต้ของตัวเองเช่นกัน

                หนังท้องถิ่นนิยมเกิดขึ้นอย่างมากมายในช่วงเวลานี้ นัยหนึ่งคือ การเป็นหนังที่ทำขึ้นเพื่อเล่าเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นในพื้นที่นั้น ๆ ด้วยสายตาของคนในพื้นที่จริง ๆ แน่ล่ะว่า มันได้ผลเมื่อดูจากรายได้ของหนังสองเรื่องที่เมื่อเทียบกับการฉายในเมืองหลวงแล้วคนล่ะเรื่องทีเดียว

                กระนั้นเองนอกจากการเข้าถึงคนดูในพื้นที่นั้น ๆ แล้ว หนังพวกนี้ยังมีมุมมองที่สะท้อนภาพของพื้นที่ ผู้คน และสังคมในรอบข้างอย่างน่าสนใจอีกด้วย ซึ่งน่าสนใจกว่าหนังที่ใช้ผู้กำกับนอกพื้นที่ไปทำเสียอีก

                ความน่าสนใจนี้ทำให้ผมตัดสินใจนำหนังเรื่องนี้มาตีความและพาไปให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้บอกเล่าอะไรให้กับสังคมของเราได้บ้าง

1. อีสานปัจจุบันทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม

                เมื่อพูดถึงพื้นของภาคอีสาน เราคงนึกถึงภาพของชาวนาที่ทำนากันบนพื้นดินแล้งแค้น ภาพของชาวหนุ่มสาวที่ต้องใช้ชีวิตไปวัน ๆ เมื่อหมดหน้านาก็ต้องเข้าเมืองไปหางานทำทิ้งไว้เพียงพ่อแม่แก่เฒ่าที่คอยดูแลลูกหลานแทน แน่ล่ะว่า นี่คือ ภาพอีสาน เมืองจน ๆ ผู้คนมีชีวิตอย่างไร้ความหวังในสายตาของผู้คนทั่วไป นับจากหนังสือเรื่อง ลูกอีสานออกวางจำหน่ายครั้งแรกในหลายสิบปีก่อน อีสานก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย แม้ปัจจุบันเองก็ตาม วงจรชีวิตของคนอีสานยังคงเป็นแบบเดิม พวกเขาเรียนน้อย และต้องใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในหมู่บ้านที่ไม่มีอะไร บางคนกลายเป็นบ่าวไทบ้านที่แถวแซวหญิง กินเหล้าไปวัน ๆ หรือ สาว ๆ ก็ทำได้แค่เลี้ยงวัว ช่วยพ่อแม่ทำงานก็เท่านั้นเอง เมื่ออายุมากขึ้นพอทำงานได้ พวกเขาจะต้องลงไปยังเมืองกรุงเพื่อทำงานทิ้งพ่อแม่เอาไว้ในหมู่บ้านนี้และจะกลับมาในช่วงงานบุญเท่านั้น

                นี่คือ หมู่บ้านอีสานที่หนังให้เราเป็นเห็น แม้ว่า พวกเขาจะยิ้มหัวเราะกันมีความสุข แต่มันคือ ความสุขบนความแร้นแค้น ความเจริญของชุมชนเมืองที่ไปกระจุยไว้เพียงเมืองใหญ่ส่งผลให้ลูกหลานคนอีสานต้องเรียนน้อยเพื่อลงไปทำงานในกรุงเทพ เราได้เห็นตัวละครอย่าง วรรณ นางเอกของภาคนี้ที่ต้องเลิกเรียนเพียงม. 3 แล้วถูกพ่อบังคับไปหางานทำในกรุงเทพ นัยยะคือ ต้องการให้เธอเลิกคบกับเคน พระเอกของเรื่องและไม่ให้เธออยู่ในวงหมอลำที่กำลังสร้างขึ้นใหม่

                เหตุผลคือ มันไม่มีอนาคต

                คำว่า ไม่มีอนาคตนั้นคือ ภาพสายตาของคนอีสานยุคเก่าที่มองว่า ช่วงเวลานี้ช่างเลวร้าย พวกเขาไม่มีความหวัง ไม่มีวันฝันเหลืออยู่ ไม่แปลกที่พวกเขาจะตัดสินใจให้ลูกไปทำงานในกรุง หรือ อาจจะให้ลูกแต่งงานกับฝรั่งไปเลยแบบที่แม่ใหญ่แดงทำไป

                แน่ล่ะว่า หนังสะท้อนให้เห็นว่า การกระทำนั้นเกิดจากเหตุการณ์บังคับทั้งสองบ้าน แต่หนังก็ตอกย้ำความรู้สึกนี้ผ่านสายตา ผู้บ่าวและผู้สาววัยชราต้องมานั่งทนทุกข์ นั่งเศร้ากับการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่ทำให้พวกเขาต้องพรากจากลูกหลานไป เรามองเห็นความเศร้านี้ชัดเจนและหนังทำออกมาได้ดีมาก ๆ ในการสื่อถึงภาพความผิดพลาด ความงี่เง่าและทัศนคติคับแคบของผู้ใหญ่ที่นำพาให้หมู่บ้านสองหมู่บ้านใกล้ตายไปทุกวินาที

2. ความตายนำมาสู่การเริ่มต้น

                หนังให้เห็นว่า ชีวิตของคนอีสานในช่วงหลายสิบปีนี้ไม่เปลี่ยนไปเลย (หนังระบุปีว่าเกิดขึ้นในปี 2559) แม้ว่าช่วงเวลาจะผ่านมาจนจะถึงยุค 2560 แล้วก็ตาม สภาพของสังคมอีสานไม่เปลี่ยนเลยสักนิด ภาพของแม่ใหญ่แดงไปหาคนมาร่วมงานบุญแล้วไม่มีใครอยู่ทำให้เรานึกเศร้าใจตามที่เห็นว่า ไม่มีใครอยู่แล้ว ยิ่งคำพูดว่า ตายก่อนหรือเปล่าจะได้เห็นหน้าหลานยิ่งสะท้อนว่า โอกาสที่พวกเขาจะได้เห็นหน้าลูกหลานอีกมันยากแค่ใด แม้จะมีเทคโนโลยี มีไลน์ มีมือถือก็ยังไม่สามารถบรรเทาส่วนตรงนี้ได้เลย หากจะมีวันที่ลูกหลานจะมาพร้อมหน้าคงมีแต่วันที่ตัวเองตายเท่านั้น

                ความตายเป็นสัญญะที่น่าสนใจในหนังเรื่องนี้

                หนังให้ความตายเป็นเสมือนจุดเริ่มต้น มันเริ่มจากแม่ใหญ่แดงตัดสินใจจะทำงานบุญแจกข้าวหาตัวเองที่ปกติแล้วมีแต่ทำให้คนตายเท่านั้น แม้ว่าเป้าหมายของการทำงานบุญนี้จะมาจากความต้องการจะรั้งลูกสาวตัวเองที่กำลังท้องแก่เอาไว้ที่นี่จนกว่าจะคลอดเพราะอยากจะเห็นหน้าหลาน เพราะ แม่ใหญ่แดงไม่รู้ว่า ตัวเองจะตายวันตายพรุ่งหรือเปล่า เธอจึงตัดสินใจแบบนี้ แม้ว่าจะต้องทะเลาะกับไมเคิ่ล สามีฝรั่งของลูกสาวที่อยากให้ฉายหนังมากกว่า แต่แม่ใหญ่แดงกลับอยากได้หมอลำจึงตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซด์ไปจ้างหมอลำอีกหมู่บ้านหนึ่งแทน

                ทว่าคณะหมอลำนั้นยุบไปแล้วหลังจากภรรยาของหัวหน้าวงที่เป็นพ่อของเคนตาย แน่ล่ะว่า เคนเป็นตัวละครที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจจะสืบทอดหมอลำต่อเลย เขามีความฝันอยากเต้นโคลเวอร์แดนซ์กับเพื่อน ๆ เขาจึงร้องหมอลำไม่ได้สักนิด และส่งผลให้สถานะของวงง่อนแง่นไร้ผู้สืบทอด

                หากเคนไม่รับสืบทอด วงจะต้องสูญสลาย หรือ นัยยะคือ ตายนั่นเอง

                และเหมือนจะเป็นเรื่องตลกร้ายเมื่อพ่อของเคนตายกะทันหันทำให้เคนต้องมารับหน้าที่เป็นพระเอกแทน ทั้งที่ร้องหมอลำไม่เป็นเลยสักนิดเดียว

                แต่เขาก็ตัดสินใจจะรับสืบทอดหมอลำนี้ไม่ให้มันตายไปพร้อมกับพ่อของเขาด้วย

                หากจะบอกว่า ความตายในเรื่องนี้คือ ผลัดใบเพื่อไปสู่รุ่นต่อไปอาจจะเป็นไปได้ พร้อม ๆ กับเป้นตั้งคำถามสู่อนาคตของผู้คนในท้องถิ่นนี้ด้วย

                น่าสนใจว่า ความตายเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในหมู่บ้านนี้ไม่ใช่น้อย หากพ่อของเคนยังอยู่ พวกวรรณก็คงไม่ได้เข้าวง เพราะ เขามีมาตรฐานหมอลำแบบหนึ่ง (ซึ่งคือ แม่ของเคน) หากจะมองว่า การตายนี้เองเป็นเมล์ดพันธุ์ของการสืบทอดก็ว่าได้

                วัฒนธรรมจะต้องมีการสานต่อ ปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา สิ่งที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยคือ สิ่งที่ตายแล้ว หากอีสานถูกแทนที่ด้วยหมอลำ หมอลำยังคงเป็นศิลปะที่ยังคงอยู่และยังได้รับความนิยเสมอมาในแผ่นดินที่ราบสูงแห่งนี้ (ผมได้ยินว่า วงหมอลำทำเงินได้มากมายจนคิวแสดงไปถึงปีหน้าหลายวงทีเดียว) ศิลปะหมอลำเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนตัวเองไปตามยุคสมัยได้ไม่ตายตัวด้วยเหตุนี้ ไม่แปลก มันจะถูกนำมาใช้เป็นสัญญะของความหวังที่หนังเรื่องนี้นำเสมอด้วย

3. ความหวังและการเกิดใหม่

                แม้อีสานในเรื่องจะมีสภาพแร้นแค้น ไม่มีชีวิตชีวา มีแต่แดงร้อน หญ้าตายใด แต่น่าแปลกที่เรามีความหวังกับมันได้เสมอมา

                หนังเรื่องนี้พาเราไปมองเห็นความหวังที่ว่านั้นผ่านกำเนิดเกิดใหม่ของวงดนตรีหมอลำที่เคนกับวรรณและเพื่อน ๆ ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่กลายเป็นวงใหม่ที่สืบทอดตำนานของวงเดิมเอาไว้ไม่ให้สูญหายขณะเดียวกันก็พัฒนาต่อยอดวงให้ไม่ล้าสมัยและกลายเป็นร่วมสมัยไปแทบพร้อม ๆ กัน

                เพราะนี่คือ วงหมอลำที่เกิดจากคนหนุ่มสาวนั่นเอง

                คนหนุ่มสาวที่ถูกปฏิเสธว่า พวกเอ็งไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ครึ่งของพวกของเก่าหรอก บางคนโดนต่อว่าว่า ไม่เหมาะกับงานนี้ไปทำอย่างอื่นเถอะ สิ่งเหล่านี้คือ หนามยอกอกที่เกิดขึ้นกับทุกศิลปะในประเทศแห่งนี้ ผู้ใหญ่มักจะอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิมโดยไม่ได้มองโลกใบนี้ไปถึงไหนแล้ว พวกเขาหวังแค่อยากให้มันเหมือนแบบเก่าจนลืมไปว่า การหยิบสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นไปไว้ในฐานะของเหมือนเดิมนั้น ไม่ต่างกับการแช่แข็งการพัฒนาเอาไว้ด้วย หนังจึงสะท้อนภาพให้เห็นว่า เมื่อไม่มีผู้ใหญ่แล้ว เด็กจึงเข้ามารับสืบทอดส่วนตรงนี้พร้อมกับพัฒนาตัวศิลปะตัวนี้ขึ้นมาให้ยังคงอยู่ในแบบตัวเอง

                ผมมีความเชื่อว่า หมอลำในยุคนี้กับเมื่อหลายสิบปีก่อนแตกต่างกันแน่นอน แต่นั่นเป็นเพราะการปรับเปลี่ยนตัวเองให้เข้าสมัย ไม่ใช่ล้าสมัย เมื่อเข้าสมัยแล้ว ศิลปะจะอยู่ได้ต่อไปและเป็นมิตรกับผู้คนมากขึ้น

                หมอลำเป็นมิตรกับคนดูมากและเข้าถึงประชาชนในอีสานจริง ๆ ไม่แปลกที่ฉากสุดท้ายของหนังสะท้อนให้เห็นการเกิดขึ้นใหม่ของหมอลำวงนี้อันเป็นการบอกว่า ความหวังใหม่ได้เกิดขึ้นแล้ว

                ในขณะที่ผู้ใหญ่มองไม่เห็นความหวังผืนแผ่นดินนี้ บางคนขายที่นา บ้าน ลงไปยังเมืองหลวงไปอยู่กับลูกหลานที่พวกเขาส่งไปแบบไม่หวนกลับมา บางคนหลงอยู่กับเรื่องความแค้นไร้สาระในอดีตจนทำลายน้ำใจลูก หรือ บางคนผิดพลาดที่ส่งลูกหลานไปหาผัวทั้งที่ตัวเองไม่มีใครดูแล สิ่งเหล่านี้ถูกเล่าควบคู่กับหนังอย่างน่าสนใจว่า หรืออนาคตของอีสานจะไม่ได้อยู่ในมือของคนแก่พวกนี้แต่อยู่กับบรรดาเด็ก ๆ ทั้งหลายที่เกิดขึ้นมานี่แหละ

                ภาพของวงดนตรีหมอลำที่คืนชีพ ภาพของหลานของแม่ใหญ่แดงที่กำลังลืมตาดูโลกนั้นเป็นเสมือนเครื่องบอกย้ำว่า หมดเวลาคร่ำครวญกับอดีตแล้วมุ่งหน้าสู่อนาคตที่พวกเขาสร้างมันขึ้นมาได้

                ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองหลวงแบบเพลงขายแรงงานทั้งหลายชอบร้อง ไม่ต้องนั่งคร่ำครวญว่า อีสานแห้งแล้ง หรือ ยากจน อนาคตจากนี้คือ เรื่องราวของพวกเขาเหล่าหนุ่มสาวแห่งที่ราบสูงที่จะนำพาอีสานไปสู่เส้นทางใด

                รู้แต่เพียงนี่คือ อนาคตที่พวกเขาต้องกำหนดเองต่างหาก

                ประดุจบทเพลงหมอลำที่นำเสียงเพลงของพวกเขามุ่งหน้ากันต่อไป

               นี่คือ ภาพยนตร์ไทยที่ทำมาเพื่อสะท้อนให้เรามองเห็นความหวังเล็ก ๆ ในดินแดนแห่งนี้และควรค่าแก่การไปชมอย่างยิ่งครับ 

บล็อกของ Mister American

Mister American
        ถ้าพูดถึงหนังสือที่ขายดีมาแรงแซงทางโค้งในช่วงเวลาที่แสนซบเซาและน่าเบื่อนี้ แน่นอนว่า ชื่อของไลท์โนเวล หนังสือนิยายแปลไทยจากญี่ปุ่นที่กลายเป็นหนังสือกระแสแรงในงานหนังสือที่ผ่านมาสองสามปีนี้ แน่นอนว่า สาเหตุที่มันเข้าถึงคนอ่านได้ง่ายจนกลายเป็นหนังสือชายดีในทุกงานหนังสือน
Mister American
                สิ่งที่คริสโตเฟอร์ โนแลน ได้ทิ้งเอาไว้ในไตรภาคหนังซุปเปอร์ฮีโร่ The Dark Knight  นั้นก็คือ การตั้งคำถามว่า การมีแบ๊ทแมน หรือ ซุปเปอร์ฮีโร่นั้นคือ สิ่งที่ควรจะมีอยู่ในสังคมต่อไปหรือไม่ แน่นอนว่า ประเด็นนี้ตัวโนแลนได้ตอบไ
Mister American
        ถ้าพูดถึงกลุ่มคนที่มีสิทธิเสียงอย่างยิ่งในช่วงวิกฤตการเมืองที่ผ่านมานั้นต้องพูดว่า กลุ่มคนชนชั้นกลางนั้นเป็นกลุ่มคนที่ดูเหมือนจะออกมาแสดงออกทางการเมืองกันอย่างมากมายผ่านการชุมนุมของกลุ่ม กปปส ที่นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปปัตย์ ที่เริ่มต้นในเดือนต
Mister American
               และแล้วสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คาดเอาไว้ครับ
Mister American
        เชื่อว่าหลายคนเวลาไปเดินเล่นร้านหนังหรือร้านดีวีดีมักจะได้เห็นหนังเกรดบีหลาย ๆ เรื่อง วางขายอยู่บนแผงกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ซึ่งต้องบอกว่า หนังเกรดบีเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพราะความนิยมของคนหลายคนที่อยากจะหาหนังอะไรง่าย ๆ ดูไม่ต้องคิดมาก ซึ่งอย่างที่เราเห็น หนังส่วนมากนั้
Mister American
            “พ่อฉันเป็นตำรวจไล่กวดผู้ร้าย เป็นข้าราชการไทยเงินเดือนน้อย ดูแลความสงบสุขเรียบร้อย ถึงแม้เงินเดือนน้อยก็ส่งลูก ๆ เรียนจบ” เสียงเพลงร็อคแอนด์โรลของเสก โลโซ ชุดใหม่ที่แต่งขึ้นเพื่อส่งกำลังใจให้แก่ตำรวจของไทยดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบสงัดของยาม
Mister American
            ท่ามกลางกระแสการเมืองที่ร้อนแรงและน่าเบื่อหน่ายของประเทศไทยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เยี่ยงนี้ ซึ่งดูเหมือนจะเข้าขากับอากาศร้อนที่กำลังแผ่ขยายเข้าปกคลุมน่านฟ้าเมืองไทยเสียเหลือเกิน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอึดอัดและร้อนเนื้อร้อนใจไม่ใช่น้อยสำหรับประเทศเราต
Mister American
          และแล้วประเทศไทยก็ผ่านพ้นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปได้ ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสังคมของเรา มีทั้งจังหวัดที่สามารถเลือกตั้งได้อย่างหายห่วง มีทั้งจังหวัดที่เลือกตั้งได้บางเขต หรือ บางจังหวัดกลับไม่สามารถเลือกตั้งได้เลยด้วยสาเหตุต่าง ๆ ไป กระนั้นเอง
Mister American
              ผ่านช่วงปีใหม่มาได้สักระยะแล้วนะครับ ต้องเรียกว่า เป็นช่วงปีใหม่ที่แสนวุ่นวายและยุ่งเหยิงไม่ใช่น้อย อาจจะเพราะ วิกฤตการเมืองที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็ได้ เรียกได้ว่า เป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายสำหรับใครหลายคน ทุกสาขาอาชีพ ต่างได้รับผลกระทบนี้ไปจนหมดสิ้น และด
Mister American
          สวัสดีปีใหม่ครับ
Mister American
                สวัสดีปีใหม่ครับ
Mister American
            การปรากฏตัวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือ กปปส ที่ต่อยอดมาจากกลุ่มต่อต้านนิรโทษสกรรมฉบับเหมาเข่งเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา นำโดยอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคประ