Skip to main content
หนึ่งอาทิตย์ที่มาอยู่วัด ในบันทึกของลูกยังเขียนถึงเรื่องอาหารการกินที่เป็นของชอบส่วนตัว เช่น ขนมขาไก่ ทองม้วน ยังมีเรื่องบันเทิงเริงรมย์แทรกเป็นระยะ คือ ดู CD การ์ตูน อ่านหนังสือนิยายที่เป็นบทย่อจากละครโทรทัศน์ ลูกยังมีความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆยังอยากได้กระเป๋าสตังค์คิดตี้ ยังมีอารมณ์หิวที่เกิดขึ้นรุนแรงจนร้องไห้งอแงยามดึก

เพราะลูกแม่มีอายุเพียง 12 ปี เท่านั้นเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับลูก หากลูกยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล อาจจะไม่มีบันทึกนี้ ไม่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวันอย่างนี้

 

ไม่มีหลวงพ่อมาสอนธรรมะให้ในแต่ละวัน

ลูกอาจไม่ได้อธิษฐานจิต ถวายอาหารพระ ไม่ได้ภาวนาแผ่เมตตา แผ่ส่วนบุญไปถึงเทวดา เจ้ากรรมนายเวร

ไม่มีการตรวจอาหารว่าแต่ละชนิดกินได้หรือไม่ ลูกอาจต้องกินทุกอย่างตามที่โรงพยาบาลจัดให้

อาจมี CDการ์ตูนให้ดู อาจมีหนังสือให้อ่าน แต่ลูกจะมีสมาธิดูและอ่านอย่างมีความสุขอยู่หรือ

อาจมีการนวดจากพ่อและแม่ตลอดเวลา แต่การพอกยาสมุนไพรคงทำไม่ได้

ที่นั่น ไม่มีเสียงสายฝน สายลม สายน้ำ ที่กระซิบกระซาบ กล่อมขวัญลูก

และ....ลูกอาจเจ็บปวด ร้องครวญครางเหมือนคนไข้คนอื่นๆ จนพ่อกับแม่กินไม่ได้นอนไม่หลับ ก็อาจเป็นได้

 

12/6/51

ตื่น 05.55 .ฉี่ ถ่ายปกติ พ่อกับแม่นวดให้

ฟังเสียงบันทึกของหลวงพ่อ นอนหลับ แม่ไปทำกับข้าว พ่อว่าจะไปถือของช่วยหลวงพ่อแต่ไปไม่ทัน

 

ลูกเขียนว่า มีการตรวจอาหารในเช้านั้น สิ่งที่กินไม่ได้คือถั่วเขียว และผัดวุ้นเส้น เพราะคิดว่าวุ้นเส้นน่าจะทำจากถั่วเขียว และข้าวโพดข้าวเหนียวก็กินไม่ได้ นอกนั้นอาหารอื่นๆที่กินได้ เช่น น้ำผึ้ง น้ำเขียว มังคุด ลวกผักบุ้ง ลวกอ่อมแซ่บ ดอกฟักทอง มัน และข้าวโพดเหลือง

 

ดู CD การ์ตูนโรบินฮู้ด เช็ดตัว แม่กินข้าว คงเป็นหมกหน่อไม้ แจ่ว และกับอะไรบ้างไม่รู้

อ่านหนังสือเรื่อง อิกบิล เจ้าหนูทรนง ฉี่ ถ่าย

อาจารย์ชนินทร์มาเยี่ยม หลวงพ่อมาเทศนาธรรม สอนนานจนหลับ แม่นวดให้

หลวงพ่อกับอาจารย์ชนินทร์กลับ พ่อไปดงหลวงไปซื้อผลไม้

 

รายละเอียดในวันนั้น คือตรวจแกงคั่วปลา กินไม่ได้ แต่นึ่งปลากินได้ และอาหารเดิมๆที่ลูกกินคือ กินข้าวเหนียวกับน้ำผึ้ง น้ำมะพร้าว กินมังคุด แม่นวด กดลมปราณและขูดซาให้ลูก ลูกนอนหลับตื่นขึ้นมาราวๆ 4 โมงเย็น

 

จะ 4 โมงครึ่งแล้วแต่พ่อยังไม่มา น้านีไปทำกับข้าว ดู CDการ์ตูนธรรมะ ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน พ่อกลับมา ถ่ายรูปตอนใส่แว่น อ่านละคร ฉี่ ถ่าย ตรวจมันกับฟักทอง กินได้ กินมันนิดหน่อย กินฟักทองหนึ่งกลีบ เก็บไว้กินตอนดึกเพราะอร่อย เข้ามาด้านใน อ่านคำภาวนาอุทิศบุญ คำอธิษฐานบารมี กินยาธิเบต น้ำอุ่น แม่นวดหลังให้ หลับ ฉี่ 2 ครั้ง ถ่ายตอนตี 2 กินข้าวกับนึ่งปลา กินมัน กินฟักทอง นอนหลับสบาย ฝนตก

 

กิจวัตรประจำวันของลูก คือ กินอาหารเพื่อรักษาตัวเอง ทำบุญ อุทิศบุญ และภาวนา ฟังธรรมะจากหลวงพ่อ ฟัง CD ธรรมะ อ่านหนังสือ ที่ขอให้พ่อซื้อมาให้ (ส่วนใหญ่จะยังเป็นการ์ตูน ละครและนิยายประเภทสนุกสนาน)

ท่ามกลางบรรยากาศที่สงบเงียบ และสดชื่นด้วยสิ่งแวดล้อมที่เขียวขจี

 

วันนี้อากาศแจ่มใส เย็นสบาย ได้ยินเสียงนกร้อง เสียงแก่งน้ำ สงบ เงียบ คิดว่าจะอยู่ที่นี่นานพอสมควร

 

ลูกแม่ ประโยคนี้ทำให้แม่ถอนหายใจยาว ลูกยังมีความหวังเต็มเปี่ยมที่จะหาย แม้เราจะไม่เคยเอ่ยชื่อโรคร้ายของลูกออกมาเลย และลูกไม่เคยถามแม่เลยว่า ป่านเป็นโรคอะไร แต่ด้วยความเป็นเด็กใฝ่รู้ของลูก ลูกน่าจะรู้แล้วว่าลูกเป็นมะเร็ง เพราะในบันทึกต่อมา ลูกเขียนว่า โรคที่ลูกเป็นอยู่นั้น พบว่ากรณีของลูก คือรายที่ 3 ในประเทศไทย

 

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  พักหลังๆนี้ลูกอ่านหนังสือเยอะมาก บางครั้งไม่มีหนังสือใหม่มาให้อ่าน ลูกจะเฝ้ารอคนที่รับปากว่าจะเอาหนังสือมาให้ หรือว่าเมื่อพ่อไปในเมือง ลูกก็รอว่าน่าจะมีหนังสือมาให้บ้าง
เงาศิลป์
 
เงาศิลป์
กระปุก หมาเพื่อนรักของลูกต้องกลับไปบ้านบัว เพราะพ่อพามันมาเยี่ยมลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น วันที่มันกลับไปกับพ่อ ลูกมองตามอย่างอาลัย แต่คงเข้าใจในความจำเป็น แม้จะรักมันมากแต่ลูกก็รู้ว่ามันต้องกลับไป เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของมัน
เงาศิลป์
ในราวกลางเดือนมิถุนายน ลูกยังลุกขึ้นนั่งได้เองบ้าง และบันทึกประจำวัน นอกจากจะเป็นเรื่องการกินยา อาหาร ที่คล้ายๆกันในแต่ละวัน จะแตกต่างไปบ้างเมื่ออาหารบางอย่างที่ตรวจต่อมไทมัสแล้วกินไม่ได้ ทั้งที่วันก่อนๆเคยกินได้ เช่น บันทึกของวันที่ 19 มิถุนายน ลูกเขียนว่า กินแกงอ่อมไม่ได้
เงาศิลป์
ลูกทำสมาธิด้วยการภาวนาพุทโธตั้งแต่ครั้งแรกที่หลวงพ่อมาสอนให้ ลูกจะนอนหลับตานิ่งๆภาวนา เมื่อวานนี้ แม่ชีคนสวยของลูก มาแนะนำว่า เวลาบริหารร่างกาย ด้วยการยกแขน ยกขา คู้เหยียด จากที่เคยนับจำนวนครั้ง ให้เปลี่ยนมาเป็นท่อง พุท-โธ ยามที่หดขาเข้า พร้อมกับหายใจเข้า ท่องว่าพุท ยามที่เหยียดขาออก พร้อมทั้งหายใจออก ลูกก็ท่องว่า โธ ลูกก็ทำตามนั้น
เงาศิลป์
วันที่ 13 มิถุนายน พ่อต้องไปบรรยายเรื่องเครือข่ายอินแปงกับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมรอบเทือกภูพานที่สกลนคร ลูกตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมพ่อ ในเวลา 03.55 น. พ่อออกไปแล้วลูกนอนต่อ จนตื่นราวๆเจ็ดโมงเช้า เปิดเสียงเทศน์ของหลวงพ่อที่ลูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ฟังวันนี้สดชื่นมาก พ่อบอกว่าหน้าตาแจ่มใส ฉี่ ถ่ายเหลืองเป็นก้อนปกติ(เยอะ) ชงยาญี่ปุ่นกิน แล้วอ่านคำภาวนาอุทิศบุญและคำอธิษฐานบารมีหลวงพ่อกับแม่ชีมาเยี่ยม หลวงพ่อเทศน์สอน ทำสมาธิ แม่ชีคนใหม่สวย จบ doctor บอกว่าจะเอาอาหารเสริมถั่วเหลืงผสมงาดำมาให้ หลวงพ่อกับแม่ชีกลับกินฟักทองแม่ชีเอาอาหารเสริมมาให้ ตรวจแล้วกินไม่ได้
เงาศิลป์
หนึ่งอาทิตย์ที่มาอยู่วัด ในบันทึกของลูกยังเขียนถึงเรื่องอาหารการกินที่เป็นของชอบส่วนตัว เช่น ขนมขาไก่ ทองม้วน ยังมีเรื่องบันเทิงเริงรมย์แทรกเป็นระยะ คือ ดู CD การ์ตูน อ่านหนังสือนิยายที่เป็นบทย่อจากละครโทรทัศน์ ลูกยังมีความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆยังอยากได้กระเป๋าสตังค์คิดตี้ ยังมีอารมณ์หิวที่เกิดขึ้นรุนแรงจนร้องไห้งอแงยามดึก
เงาศิลป์
เราสามคน พ่อแม่ลูก กลายเป็นคนวัดไปแล้ว อ้อ บางวันมีน้านีมาจากสกลฯ ช่วยทำกับข้าวด้วย และยังผู้รู้เรื่องธรรมชาติบำบัดอีกหลายคน ที่มาช่วยแนะนำสิ่งที่ดีๆให้ แต่แม่ยังต้องเดินไปทำอาหารที่โรงครัวของวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรานัก ที่นั่นสะอาดและกว้างโล่ง มีน้ำประปาภูเขาให้ใช้อย่างสะดวกสบายเหลือเฟือ อันที่จริงก็ใช้กันทุกมุมวัดอยู่แล้ว เพราะว่าน้ำประปาที่ว่านี้ คือน้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุเล็กๆ ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภู ความสูงของพื้นที่ซึ่งสูงกว่าที่วัด หลวงพ่อจึงสร้างประปาภูเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย มีถังน้ำพักน้ำ ณ จุดที่มีน้ำพุหนึ่งลูก แล้วใส่ท่อให้มันวิ่งมาตามท่อน้ำ…
เงาศิลป์
แม่กับพ่อเริ่มทำสวนผักข้างๆ กุฏิ ผักที่ปลูกง่ายที่สุดคือต้นอ่อมแซ่บ พืชตระกูลล้มลุก กลีบดอกบอบบางสีม่วงอมชมพู สีของมันสวยหวานสดใส คนทั่วไปเรียกว่า บุษบาริมทาง แต่คนอีสานมองเห็นเป็นของกินได้ จึงเรียกอ่อมแซ่บ คงมาจากการแกงอ่อมแล้วอร่อยกระมัง ลูกแม่ต้องกินทุกวัน เป็นเมนูผักลวก
เงาศิลป์
เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ลูกตื่นเต้นมาก แม่รู้ เมื่อถึงวันที่ต้องเดินทางมาอยู่วัดกับหลวงพ่อ วันนั้นลูกตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เตรียมเก็บเข้าของเครื่องใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าคิดตี้ใบเล็กสีชมพูหวานแหววของลูก แต่เพราะลูกยังมีอาการตัวร้อนเป็นไข้รุมๆ ทำให้แม่กับพ่อเป็นห่วง เราจึงวางแผนเดินทางในตอนเย็น วันนั้นลูกร่าเริงมาก และเขียนบันทึกว่า วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2551 วันแห่งความสุขและความสงบวันนี้ตื่นขึ้นมายิ้มรับวันใหม่ด้วยใจที่เบิกบาน มีความสุขในสมุดบันทึกสุขภาพอีกเล่ม ลูกเขียนไว้ว่า
เงาศิลป์
ตอนที่ 5 บันทึกของลูก  รูปรอยต่างๆของลูก ยังคงอยู่เหมือนที่เคยมีลูก แม้แต่ภายในห้องนอน ทุกอย่างยังถูกจัดวางเหมือนเดิม บ้านไม้หลังเล็กๆใต้ถุนสูงแบบโบราณ ซุกตัวอยู่ใต้ร่มเงาไม้น้อยใหญ่หลังนี้ มีห้องนอนสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นของลูก ที่เตียงนอนยังมีหนังสือเล่มโปรดวางไว้ที่หัวเตียง อาจมีแปลกออกไปบ้างคือสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ 4 เล่ม ที่ลูกเขียนทุกวันเกือบทุกเวลา เพราะลูกตั้งใจบันทึกกิจกรรมการดูแลตัวเองและบทธรรมะเอาไว้ ตลอดเวลาสี่เดือนของความป่วยไข้ แม้กระทั่งวันสุดท้าย โดยที่ไม่มีใครร้องขอให้ทำ
เงาศิลป์
การที่คนป่วยคนหนึ่ง ได้เลือกหนทางรักษาตัวเองด้วยตัวเอง น่าจะมีองค์ประกอบอยู่สองอย่างที่สำคัญ นั่นคือ หนึ่ง ความรู้ที่มีพร้อมในเรื่องวิธีการรักษาที่ตัวเองเลือก สอง ความไม่รู้ในวิธีการใดๆ แต่ต้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่คิดว่าสะดวกทั้งต่อตนเองและคนดูแล