Skip to main content



 

จู่ๆ คุณก็รู้สึกเหนื่อยเพลีย ข้างในเหมือนว่างโหวง ไม่สดชื่นรื่นรมย์เหมือนแต่ก่อน มือเท้าชา ร่างกายอ่อนแรง สมองมึนงง คิดโน่นลืมนี่อยู่อย่างนั้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่คุณก็หลีกหนีห่างจากเมืองอันสับสน ไกลจากผู้คนของความอึงอล มาอยู่ในหุบเขาสงบเงียบแบบนี้

 

\\/--break--\>

หรืออาจเป็นเพราะคุณสนุกกับงานจนลืมวันลืมคืน คุณตรากตรำกับงานสวนทุกเช้า-ค่ำ โหมกับงานเขียนจนบีบรัดเร่งรีบในค่ำคืนโดยมิยอมหยุดพักรามือ จริงสิ, ร่างกายคนเราก็เหมือนเครื่องจักรกล ใช้งานมันหนักโดยไม่ยอมปล่อยพัก อาการ ระบบข้างในจึงปั่นป่วนรวนเร เขวไปเสียง่ายๆ

 

คุณบอกกับตัวเองว่า ขอหยุดพักงานเอาไว้ทั้งหมดชั่วคราวก่อน...ขอปรับชีวิตให้สมดุลสักช่วงระยะหนึ่ง ขอซ่อมแซมสุขภาพด้วยตัวเอง...เพราะชีวิตคุณ ร่างกายของคุณ จิตใจของคุณ คุณย่อมรู้ดีกว่าคนอื่น

 

ค่ำคืนนี้ คุณพาตัวเองเข้านอนตั้งแต่สี่ทุ่ม เปิดโคมไฟหัวเตียง หยิบหนังสือปรัชญาเล่มโปรดออกมาอ่านในใจ ให้เสียงข้างในสนทนากันสักชั่วยาม แล้วค่อยปิดดวงไฟให้อยู่ในความมืดมิด รำลึกขอบคุณถึงโลกและสรรพสิ่ง ขอบคุณกับการเป็นอยู่ของชีวิตที่ผ่านพ้นมาได้อีกวัน ใช่ ต่อแต่นี้ คุณจะไม่หมกมุ่นกับอดีต และไม่กังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงอีกแล้ว

 

คุณบอกกับตัวเองว่าจะเฝ้าดูและเรียนรู้อยู่กับความเป็นไปแบบวันต่อวัน

 

คุณกำลังปรับความสมดุลของชีวิตให้เข้ากับธรรมชาติ คุณตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมนกป่าร้องแจ้วบนไม้ใหญ่หลังบ้าน หลังทำกิจวัตรประจำวัน ตื่นนอนล้างหน้าแปรงฟัน คุณเดินลงไปหน้าบ้านเอาข้าวโปรยให้ไก่ที่วิ่งมาออรออยู่ตรงลานดิน วนไปอีกด้านหนึ่ง คุณเอาอาหารโยนให้ปลาดุกในบ่อเล็กๆ ริมรั้วไม้ไผ่ กลับเข้าในครัว คุณวักข้าวกล้องแช่น้ำกลายเป็นข้าวงอกมาหุงข้าว ก่อนหยิบถังใส่เมล็ดงาดำใกล้ประตู เมื่อคืนคุณเอายาเส้น ยาสูบผสมน้ำคลุกเมล็ดงาเอาไว้ แม่ที่ร้านอาหารมังสวิรัติแนะนำว่ามันช่วยกันมดปลวกมากินหลังเราหว่าน

 

คุณพาตัวเองเดินหว่านเมล็ดงาตามพื้นที่ว่างรอบๆ สวน

 

 

 

 

คุณบอกตัวเอง...เดินรอบสวน ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว นั่นแดดเช้าเดินทางมาถึงแล้ว คุณยืนอยู่นิ่งๆ ปล่อยให้แดดอาบไล้ตัวคุณอยู่อย่างนั้น ก่อนเดินไปเก็บยอดผัก ดอกไม้ตามริมรั้ว ริมระเบียง รวมกันนับสิบอย่าง...ทั้งดอกอัญชัน ดอกไม้จีน กุหลาบ ใบบัวบก ลูกมะแว้ง ใบชะพลู ยอดผักบุ้ง ยอดผักกูด ยอดตำลึง สาระแหน่ มิ้นท์ ฯลฯ พร้อมกับลูกมะม่วงสุกเหลืองสองลูก คุณนำไปล้างน้ำ ก่อนจัดแจงใส่เครื่องคั้น เท่านั้นคุณก็ได้น้ำผักผลไม้สดๆ ดื่มกินสองแก้วใหญ่

 

คุณบอกว่าคุณไม่รู้หรอกว่าสูตรนี้ดีหรือไม่ ดีต่อร่างกายไหม แต่มีคนบอกคุณว่า ผักกับผลไม้เป็นของคู่กัน มีประโยชน์ เป็นอาหารได้ทั้งนั้น…คุณบอกเสริมไปว่า ดอกไม้ก็เป็นอาหารได้เช่นกัน

 

 

ตกเย็น คุณทำค้างไม้ไผ่ ใกล้ประตูทางเข้าสวน ตั้งใจเป็นซุ้มไม้เลื้อย ให้ตำลึง มะระ กับผักปลังเลื้อยไว้ จะได้เก็บกินได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นคุณเดินเสาะหากล้าตำลึง มะระ ผักปลังที่งอกออกตามสุมทุมพุ่มไม้ในสวน ถอนกล้ามาปลูกใต้ซุ้มไม้ อีกไม่นาน พวกมันคงแตกใบ ทอดยอดงอกงามให้คุณได้เด็ดกิน

 

และอีกค่ำคืนหนึ่ง,ที่คุณนอนอยู่ในห้องของความมืด นอนฟังเสียงแมลงกลางคืนร้องเป็นท่วงทำนองประสาน แว่วลมพัดใบกล้วยริมหน้าต่าง คุณหลับตา นิ่งฟังเสียงจากข้างใน พร้อมกับขอบคุณสรรพสิ่งรายรอบที่มีส่วนหนุนเสริมให้ชีวิตคุณผ่านพ้นไปอีกวัน

 

อีกเช้า, คุณชอบมานั่งอยู่หน้าระเบียงไม้ไผ่ที่เปียกชื้นและใกล้ผุพัง หลังฟ้าฝนหล่นเทลงมาตลอดห้วงฤดู กระนั้นคุณยังชอบมุมเดิมตรงนี้ ไม่เป็นไร หมดฝนเมื่อไร ค่อยเปลี่ยนไม้ฟากพื้นเสียใหม่ได้ คุณบอกตัวเอง...คุณนั่งอยู่ตรงนั้น ทอดสายตามองลอดซี่ระเบียงไม้ไผ่ ผ่านต้นลำไย ดงกล้วย ดงมะพร้าวในหมู่บ้านข้างล่าง ทุ่งนาอันเขียวสดของกอข้าว ตัดกับสีขาวนวลของหมอกเช้าคลอเคลียดอยผาแดงซึ่งบัดนี้กลายเป็นสีน้ำเงินเข้ม

 

มาถึงห้วงยามนี้ คุณเริ่มรู้สึกดีขึ้น ทั้งร่างกาย ชีวิต จิตวิญญาณ อาจเป็นเพราะคุณปล่อยชีวิตให้ลื่นไหลไปตามธรรมชาติ กับกิจกรรมที่คุณลงมือทำ เรียนรู้คุ้นเคยกับมันมากขึ้น อยู่กับความจริง อยู่กับธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืชผัก ดอกไม้ หมา แมว ไก่ เมล็ดงา ผักตำลึง เม็ดฝน ตะวัน ภูเขา หมอกขาว สายลม สายแดด ทุ่งนา ความเงียบ ความเรียบง่ายหรือแม้กระทั่งความมืด ฯลฯ ทุกอย่างล้วนมีส่วนช่วยเสริม ซ่อมแซมชีวิตคุณให้ฟื้นคืนมาอีกหน

 

คุณเชื่อเช่นนั้น,

ธรรมชาติจะบำบัดเยียวยาคุณ

ให้ชีวิตนั้นมีพลัง.

 

 

บล็อกของ ภู เชียงดาว

ภู เชียงดาว
ผมรู้ว่าสี่ห้าปีมานี้ ผมเขียนบทกวีได้ไม่กี่ชิ้น อาจเป็นเพราะต้องอยู่กับโลกข่าวสารที่จำเป็นต้องเร่งและเร็ว หรืออาจเป็นเพราะว่ามีบางสิ่งบางอย่างบดบัง จนหลงลืมมองสิ่งที่รอบข้าง มองเห็นอะไรพร่ามัวไปหมด หรือว่าเรากำลังหลงลืมความจริง...ผมเฝ้าถามตัวเอง...  อย่างไรก็ตามเถอะ...มาถึงตอนนี้ ผมกำลังพยายามฝึกใช้ชีวิต ให้อยู่กับความฝันและความจริงไปพร้อมๆ กัน ช่วงนี้ หลังพักจากงานสวน ผมจึงมีเวลาอยู่กับความเงียบลำพัง เพ่งมองภายในและสิ่งรายรอบมากยิ่งขี้น และผมเริ่มบันทึกบทกวีแคนโต้เหมือนสายน้ำ หลั่งไหล อย่างต่อเนื่อง ทุกวันๆ ตามดวงตาที่เห็น ตามหัวใจได้สัมผัสต้อง บ่อยครั้งมันมากระทบทันใด ไม่รู้ตัว…
ภู เชียงดาว
เกือบสามเดือนแล้วที่ผมพาตัวเองกลับมาอยู่ในหุบเขาบ้านเกิด ชีวิตส่วนใหญ่จึงขลุกอยู่แต่ในสวน ไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนไกล แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าเหงาหรือห่างไกลกับผู้คนเลย เพราะในแต่ละเดือนมักมีมิ่งมิตรเดินทางมาเยี่ยมเยือนหากันตลอด  และทำให้ผมรู้อีกอย่างหนึ่งว่า...บางทีการอยู่นิ่งก็หมายถึงการเดินทาง ใช่ ผมหมายถึงว่า ในขณะที่ผมอยู่ในสวน หากยังมีผู้คนเดินทางแวะเวียนมาหา และที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ ผมยังมองเห็นเมล็ดพันธุ์เดินทางมายังสวนอย่างต่อเนื่อง “ผมเอาเมล็ดพันธุ์มาฝาก...” นักเดินทางคนหนึ่งเดินทางไกลมาจากสงขลา ล้วงเอาเมล็ดพันธุ์ที่ใส่ไว้ในกล่องฟิล์มยื่นให้ ขณะผมกำลังง่วนทำงานอยู่ในสวน
ภู เชียงดาว
หลังดินดำน้ำชุ่ม เขาหยิบเมล็ดพันธุ์หลากหลายมากองวางไว้ตรงหน้า มีทั้งเมล็ดผักกาดดอยที่พ่อนำมาให้ เมล็ดฟักทองที่พี่สาวฝากมา นั่นเมล็ดแตงกวา เมล็ดหัวผักกาด ถั่วพุ่ม ผักบุ้ง บวบหอม ผักชี ฯลฯ เขาค่อยๆ ทำไปช้าๆ ไม่เร่งรีบ ทั้งหว่านทั้งหยอดไปทั่วแปลง เสร็จแล้วเดินไปหอบใบหญ้าแฝกที่ตัดกองไว้ตามคันขอบรอบบ้านปีกไม้มาปูบนแปลงผักแทนฟางข้าว ให้ความชุ่มชื้นแก่ดินหลังจากนั้น เขามองไปรอบๆ แปลงริมรั้วยังมีพื้นที่ว่าง เขาเดินไปถอนกล้าตำลึง ผักปลัง ผักเชียงดา มะเขือ พริก อัญชัน ตะไคร้ ขิง ข่า กระเพรา โหระพา สาระแหน่ ฯลฯ มาปลูกเสริม หยิบลูกมะเขือเครือ(ที่หลายคนเรียกกันว่าฟักแม้วหรือซาโยเต้)…
ภู เชียงดาว
ในช่วงสองเดือน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจลาออกจากงานประจำ เกือบทุกเสาร์-อาทิตย์ เขาใช้เวลาเทียวขึ้นเทียวล่องระหว่างเมืองกับสวนในหุบเขาบ้านเกิด เพื่อวางแผนลงมือทำสวนผักหลังบ้าน แน่นอน- -เพราะเขาบอกกับตัวเองย้ำๆ ว่าหากคิดจะพามนุษย์เงินเดือน กลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นได้ จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องมีฐานที่มั่น และมีผักไม้ไซร้เครือเตรียมไว้ให้พร้อม ให้พออยู่พอกินเสียก่อน ใช่ เขาหมายถึงการสร้างฐานความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการปลูกพืชผักสวนครัวหลังบ้าน   หลายคนอาจบอกว่า งานทำสวนนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เหมือนกับงานสาขาอาชีพอื่น แต่ก็อีกนั่นแหละ เขากลับมองว่า งานสวนไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย…
ภู เชียงดาว
1. ในชีวิตคนเรานั้นคงเคยตั้งคำถามที่ไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก คำถามคลาสสิกหนึ่งนั้นคือ...“คนเราต้องการอะไรในชีวิต!?...” คำตอบส่วนใหญ่ก็คงหนีไม่พ้นต้องการปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิต ...อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค หากปัจจุบัน ‘เงิน’ กลับกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของคนเรา แน่นอน, เมื่อเอาเงินเป็นตัวกำหนดชะตากรรม,ชีวิต จึงทำให้ทุกคนต้องดิ้นรนเพียงเพื่อให้ได้มาทุกสิ่งทุกอย่าง จนทำให้ชีวิตหลายชีวิตนั้นขวนขวายทำงานกันอย่างหน่วงหนัก ‘การงาน’ ได้กระชากลากเหวี่ยงเรากระเด็นกระดอนไปไกลและไกล ให้ออกไปเดินบนถนนของความโลภ ไปสู่เมืองของความอยาก ไปสู่กงล้อของการไขว่คว้าที่หมุนวนอยู่ไม่รู้จบ…
ภู เชียงดาว
ค่ำนั้น, ฟ้าเริ่มครึ้มมัวหม่นเมฆฝน ข้ายืนจดจ้องฝูงมดดำเคลื่อนขบวนมหึมา ไต่ไปบนปีกไม้ไปหารวงรังแตนเกาะริมขอบหน้าต่างบ้านปีกไม้ หมู่มดยื้อแย่งขนไข่แตนกันออกจากรัง อย่างต่อเนื่อง ขณะฝูงแตนบินว่อนไปมาด้วยสัญชาติญาณ คงตระหนกตกใจระคนโกรธขึ้งเคียดแค้น แต่มิอาจทำอะไรพวกมันได้ เหล่าฝูงมดอาศัยพลพรรคนับพันนับหมื่นชีวิต ใช้ความได้เปรียบเข้าปล้นรังไข่พวกมันไปหมดสิ้น ไม่นาน ขบวนมดจำนวนมหาศาลก็ถอยทัพกลับไป ฝูงแตนไม่รู้หายไปไหน เหลือเพียงรังแตนที่กลวง ว่างเปล่า
ภู เชียงดาว
ในที่สุด, ผมก็พาตัวเองกลับคืนสู่บ้านเกิดอีกครั้ง หลังจากโชคชะตาชักชวนชีวิตลงไปอยู่ในโลกของเมืองตั้งหลายขวบปี การกลับบ้านครั้งนี้ ผมกะเอาไว้ว่า จะขอกลับไปพำนักอย่างถาวร หลังจากชีวิตเกือบค่อนนั้นระหกระเหินเดินทางไปหลายหนแห่ง ผ่านทุ่งนา ภูเขา แม่น้ำ ทางป่า ถนนเมือง... จนทำให้บ้านเกิดนั้นเป็นเพียงคนรู้จักที่ไม่คุ้นเคย เป็นเหมือนโรงเตี๊ยมพักผ่อนชั่วคราวก่อนออกเดินทางไกล อย่างไรก็ตามได้อะไรมากและหลากหลาย... สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาสู่,ชีวิตการกลับบ้านเกิดหนนี้, เหมือนกับว่าไปเริ่มสู่จุดเริ่มต้นและก่อเกิด ผมบอกกับหลายคนว่ากำลังเกิดใหม่เป็นหนที่สามจากบ้านเกิด เข้ามาเรียนในเวียง…
ภู เชียงดาว
‘ลุ่มน้ำแม่ป๋าม’ ถือว่าเป็นลุ่มน้ำสาขาหลักที่สำคัญของแม่น้ำปิงอีกสายหนึ่งของอำเภอเชียงดาว ที่เราจะมองข้ามไปไม่ได้เลย เมื่อย้อนทวนขึ้นไปบนความสลับซับซ้อนของต้นกำเนิดน้ำแม่ป๋าม หรือที่หลายคนเรียกกันว่า ตาน้ำ จะพบว่าอยู่บริเวณชุมชนบ้านแม่ปาคี ต.สันทราย ของ อ.พร้าว ก่อนจะลัดเลาะไหลอ้อมตีนดอยผาแดง ลงสู่หุบห้วยบริเวณบ้านป่าตึงงาม โดยมีสายน้ำย่อยอีกสายหนึ่ง คือน้ำแม่ป๋อย ได้ไหลมารวมกับน้ำแม่ป๋ามตรงสบน้ำบ้านออน ต.ปิงโค้ง อ.เชียงดาว นอกจากนั้นยังมีลำน้ำแม่มาดอีกสายหนึ่ง ซึ่งมีขุนน้ำอยู่บริเวณป่าเชิงดอยบ้านปางโม่ ก็ได้ไหลมาสมทบกับน้ำแม่ป๋าม แล้วค่อยไหลผ่านหมู่บ้านแม่ป๋าม…
ภู เชียงดาว
มองไปในความกว้างและเวิ้งว้าง ทำให้ผมอดครุ่นคิดไปลึกและไกล และพลอยให้อดนึกหวั่นไหวไม่ได้ หากภูเขา ทุ่งนาทุ่งไร่ สายน้ำ และวิถีชีวิตในหมู่บ้านเกิดของผมต้องเปลี่ยนไป เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติเข้ามาเยือน
ภู เชียงดาว
‘…เรารู้ซึ้งถึงสิ่งนี้ โลกนี้มิใช่ของมนุษย์ มนุษย์ต่างหากที่เป็นสมบัติของโลก สิ่งนี้เรารู้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันเหมือนดังสายเลือดในครอบครัวเดียวกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นแก่โลก ย่อมเกิดขึ้นแก่บุตรธิดาของโลกด้วย มนุษย์ไม่ใช่ผู้สานทอใยแห่งชีวิต เขาเป็นเพียงเส้นใยหนึ่งในนั้น สิ่งใดก็ตามที่เขาทำต่อข่ายใยนั้น ก็เท่ากับกระทำต่อตนเอง...’จดหมายโต้ตอบของหัวหน้าเผ่าอินเดียนแดงที่ซีแอตเติ้ลจากหนังสือ ‘ณ ที่ดวงตะวันฉายแสง ข้าจะไม่สู้รบอีกต่อไป’วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ : แปล และเรียบเรียง
ภู เชียงดาว
  ผมยืนอยู่บนเนินเขาเหนือหมู่บ้าน จ้องมองภาพเคลื่อนไหวไปเบื้องหน้า... เป็นภาพที่คุ้นเคยที่ยังคงสวยสด งดงาม และเรียบง่ายในความรู้สึกผม ภาพชาวนาในท้องทุ่ง ภาพหุบเขาผาแดงที่มีป่าไม้กับลำน้ำแม่ป๋ามไหลผ่านคดโค้งเลียบเลาะระหว่างตีนดอยกับทุ่งนา ก่อนรี่ไหลลงไปสู่ลำน้ำปิง แม่น้ำในใจคนล้านนามานานนักนาน
ภู เชียงดาว
(1)ดอกฝนหล่นโปรยมาทายทักแล้ว,ในห้วงต้นฤดูหอมกลิ่นดินกลิ่นป่าอวลตรลบไปทั่วทุกหนแห่งหัวใจหลายดวงชื่นสดในชีวิตวิถีถูกปลุกฟื้นตื่นให้เริ่มต้นใหม่อีกคราครั้ง…ตีนเปลือยย่ำไปบนดินนุ่มชุ่มชื้น,เช้าวันใหม่ไต่ตามสันดอย ไปในไร่ด้วยกันนะน้องสาวผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน  ช่วยกันทำงานๆพี่ใช้เสียมลำไม้ไผ่กระทุ้งดิน  น้องหยิบเมล็ดข้าวหยอดใส่หลุมไม่เร่งรีบ ไม่บ่นท้อ ในความเหน็ดหน่ายเสร็จงานเราผ่อนคลาย  เอนกายผ่อนพักใต้เงาไม้ใหญ่แล้วพี่จะกล่อมให้, ด้วยเพลงพื้นบ้านโบราณขับขาน