Skip to main content

 

ประธานรัฐสภากับการประท้วงของประชาธิปัตย์ชกต่อยตำรวจสภา

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล


     เนื่องจากเหตุการณ์วานนี้ (๒๐ ส.ค.๒๕๕๖) พรรคประชาธิปัตย์โจมตีเรื่อง "ประธานรัฐสภาไม่เป็นกลาง" แล้วอ้างเป็นเหตุป่วนสภาโวยวาย โหยหวน และจะบุกเข้าถึงตัวประธานนั้น

     เราต้องเข้าใจก่อนนะว่า "ประธานสภา" ไม่มีอำนาจชี้ขาดผลของการอภิปราย เพราะคนที่ทรงอำนาจชี้ขาดผลของการอภิปรายก็คือ "สมาชิกของสภาทั้งสภา" นั่นเอง ประธานสภาเพียงแต่ทำหน้าที่รักษากรอบการประชุมให้เป็นไปตามลำดับ และทำหน้าที่เป็น "คู่รับฟัง" คำอภิปรายของผู้อภิปราย (สมาชิกสภาจะพูดกับประธานสภาเท่านั้น เพื่อไม่ให้การอภิปรายเป็นการโต้เถียงกันไปมาแบบลำตัด)

     การฝักใฝ่ทางการเมืองข้างใดข้างหนึ่งของประธาน จึงไม่ส่งผลกระทบต่อการลงมติของสภาใดๆทั้งสิ้น สมาชิกสภาแต่ละคนยังล้วนทรงสิทธิและมีอิสระในการแสดงเจตจำนงโหวตในทางใดทางหนึ่งอยู่ทุกขณะเวลา

     ซึ่งต่างจากกรณี "ผู้พิพากษา" ในห้องพิจารณาคดี จะเป็นองค์กรที่มีอำนาจชี้ขาดผลของคดี นะ อันนี้ถ้าไม่เป็นกลาง ต้องไล่ลงจากบัลลังก์ (ตามระบบคัดค้านผู้พิพากษา ถึงสภาพไม่เป็นกลางทั้งภายในและภายนอก)

     ความฝักใฝ่พรรคการเมืองของประธาน ไม่กระทบต่อ "ผลของมติ" ที่พิจารณาในสภาเลยครับ และโดยสภาพ ประธานสภาก็มาจากสมาชิกสภาเลือกกันมาคนหนึ่งให้เป็นประธาน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งนั่นเอง จึงฝักใฝ่การเมืองกันทั้งสภา แต่ละคนสังกัดพรรคการเมืองทั้งนั้น ระบบมันคือแบบนี้

     เวลาโหวตลงมติประธานสภาก็จะมีเพียง ๑ เสียงเท่า ๆ กับสมาชิกในสภาทุกท่านนั่นเอง แต่โดยธรรมเนียมประธานจะงดออกเสียง แต่ถ้าสมมติเกิดกรณีคะแนนเสียงเท่ากัน ประธานก็จะลงคะแนนเสียงชี้ขาด

     เรื่องที่อ้างมาเพื่อป่วนสภานั้น พยายามทำราวกับว่า "ประธานสภา" คือ "ผู้พิพากษามติของที่ประชุมสภาทั้งสภา" เสียกระนั้นเลย อันนี้จะเลยเถิดไปใหญ่ เขาทำหน้าที่ควบคุมไม่ให้พวกท่านพูดจาแทรกสอดกัน ไม่ให้พวกท่านคุยกันเอง เขามีหน้าที่จัดการประชุมให้ดำเนินไปตามคิวเท่านั้น แต่พรรคประชาธิปัตย์จะมาโวยวาย อย่างนี้คือ "ปฏิปักษ์ต่อระบบรัฐสภา" นะ คือ ไม่ปรารถนาจะทำงานในระบบรัฐสภา.

000


     บางท่านถามว่า ตอนที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปดึงเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร ฉุดกระชากให้ออกจากที่นั่ง และขโมยค้อนที่ใช้เคาะของประธานสภา แบบนี้ผลจะเป็นอย่างไร - ผมจำได้ว่าข้อบังคับการประชุมสภาตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง จะมีข้อบังคับอยู่ว่า ถ้าประธานสภาฯ ยืนขึ้น สมาชิกสภาฯต้องหยุดพูดและนั่งลงทันที มาดูข้อบังคับการประชุมสภาฯ ในปัจจุบันก็พบว่า ข้อบังคับข้อนี้ยังมีอยู่

"ถ้าประธานให้สัญญาณด้วยการเคาะค้อนหรือยืนขึ้น ให้ผู้ที่กำลังพูด หยุดพูดและนั่งลงทันที" ข้อ ๖๙ ข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๕๑


     ฉะนั้น เมื่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไปกระชากประธานสภาฯ ออกจากที่นั่ง และเมื่อประธานสภาฯอยู่ในท่ายืน สมาชิกสภาทุกคน ก็จะต้องรีบกลับไปที่นั่ง และต้องเงียบ นี่คือผลของ การไม่มีเก้าอี้นั่งของประธานสภา

     และประธานสภา มีอำนาจไล่สมาชิกบางคนที่ก่อกวนการประชุมให้ออกจากห้องประชุมในขณะนั้นได้ แต่ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งประธานอีกก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของสภานำตัวออกไปออกนอกบริเวณที่ประชุมและคำสั่งประธานสภานี้ผู้ใดจะโต้แย้งไม่ได้ (ข้อ ๑๗๔) แล้วดำเนินการประชุมต่อไป นี่คือแซงชั่นของการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุม

     โดยระบบมันเป็นแบบนี้ เหตุการณ์วุ่นวายถึงขนาดจะบุกทำร้ายประธานไม่อาจเกิดขึ้นได้ โดยสภาพ

     แต่ทีนี้ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพข้อบังคับการประชุมเลย เมื่อประธานเคาะค้อนให้นั่งก็ยังแหกปากอยู่ร่ำไป และเมื่อประธานสภายืน ก็ยังแหกปากอยู่ไม่หยุด เช่นนี้ โดยสภาพแล้วสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่อาจเข้าร่วมการประชุมสภาได้เพราะไม่เคารพข้อบังคับ

     เมื่อสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทำร้ายร่างกายตำรวจสภาซึ่งกำลังปกป้องประธานสภาจากการสร้างความปั่นป่วนของสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมีความผิดอาญา ฐานทำร้ายเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติหน้าที่ ขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน และเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน รัฐเป็นผู้เสียหาย เป็นความผิดซึ่งหน้า จับกุมได้ทันที ความผิดเหล่านี้โทษหนักอยู่ แต่ไม่ถึงเป็นกบฏ

000

     วานนี้นอกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะโวยวายและชกตำรวจสภาแล้ว ยังมีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์บางรายส่งเสียงโหยหวนในห้องประชุม เพื่อส่งเสริมความวุ่นวายให้ทวียิ่งขึ้นในห้องประชุมร่วมกับสมาชิกพรรคเดียวกันที่กำลังโวยวายอยู่ ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ปรารถนาที่จะดำเนินการประชุมสภา มุ่งปั่นป่วนการดำรงอยู่ของที่ประชุมสภาเป็นเนืองนิจ หากยับยั้งชั่งใจสติสัมปชัญญะของตนไม่ได้ ก็พักงานหรือลาออกไปเป็น "กุ๊ย" ที่บ้านเถอะครับ และในครั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้ทำตัวเป็น "กุ๊ย" ได้สมบทบาท "กุ๊ย" ตามพจนานุกรม (ฉบับ ๒๔๙๓ และ ๒๕๒๕) นิยามว่า "คนเลว, คนโซ" หรือจะหมายถึง "ผี" ก็ได้

     พูดถึง "ผี" ตามคติไตรภูมิพระร่วง มี "ผีชนิดหนึ่ง" น่าจะตรงกับ "กุ๊ย" ตามพจนานุกรมมากที่สุด ก็คือ "ผีเปรต" จัดเป็นสิ่งมีชีวิตในอบายภูมิ จะร้องโหยหวนเมื่อไม่มีใครอุทิศส่วนกุศลให้/ไม่ได้ดั่งใจปรารถนา ทรมาน ร่างโซ กินเลือดหนองเป็นอาจิณ

     ตามธรรมดา การชกกันในการกีฬา ไม่ถือเป็นเรื่องเลวร้าย ถ้าชกกันตามกติกาและบนเวทีมวย

     แต่ "การชก" เพื่อวัตถุประสงค์ปั่นป่วนผู้อื่น หรือในกรณีนี้คือเพื่อให้สภาอยู่ในสภาวะที่ไม่อาจประชุมต่อไปได้ มุ่งหมายให้ภารกิจของรัฐไม่อาจเป็นไปโดยบรรลุผลแล้ว เช่นนี้ ถือได้ว่า "ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง" เป็นการเข้าประชุมในเชิงบ่อนทำลายให้การประชุมไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ต้องตามนิยาม "กุ๊ย" ในสถานหนึ่ง

    การกรีดร้องโหยหวนของ "สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์" ในสภาผู้แทนราษฎร เป็นกิริยาคล้ายผีเปรตอย่างน่าอัศจรรย์ ต้องตามนิยาม "กุ๊ย" ในอีกสถานหนึ่ง

     ณ วันนี้ กล่าวได้ว่า สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ สวมบทบาท "กุ๊ย" ได้ครบถ้วนทั้งสองสถานแล้วครับ เมื่อถึงคราวไปเกิดใหม่ (พ้นสมาชิกภาพเมื่อใด) ก็ขออย่าได้ผุดได้เกิด (ได้รับการเลือกตั้ง) อีกเลยนะครับ.


_________________________

เชิงอรรถ

หนังสือพิมพ์ข่าวสดออนไลน์, เผยแพร่วันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๖ ใน http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNM05qazROemMzTmc9PQ%3D%3D&subcatid

ราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๒๕ ตอนพิเศษ ๗๙ง, ลงวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ใน http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2551/E/079/9.PDF

บล็อกของ พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล

พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ จิตติ ติงศภัทิย์ เรื่อง "ยิ่งจริงยิ่งหมิ่นประมาท" ตามกฎหมายอาญา พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล อ.จิตติ ติงศภัทิย์ เป็นปรมาจารย์ทางกฎหมายอาญาของไทย และเป็นนักนิติศาสตร์ผู้หนึ่งซึ่งสนับสนุน  "คำพิพากษาประหารจำเลย(แพะ)ในคดีสวรรคตรัชกาลที่ ๘" [ดู หมายเหตุท้ายคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๕๔๔/๒๔๙๗]  ภายหลังท่านดำรงตำแหน่งเป็นองคมนตรี ปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ถาม-ตอบ ข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสถานะของกฎหมายมณเฑียรบาล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ลำดับชั้นในทางกฎหมายของ "กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
กษัตริย์และคณะรัฐประหารของไทยผ่านคำอธิบายเรื่องพระราชนิยมของวิษณุ เครืองาม พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล [บันทึกความจำ] หมายเหตุ : ขอให้ท่านใคร่ครวญค่อย ๆ อ่านดี ๆ นะครับ คำอธิบายของ "วิษณุ เครืองาม" เช่นนี้ เป็นผลดีต่อกษัตริย์หรือไม่ อย่างไร
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแผ่นดินสยามชั่วคราวฯ : ว่าด้วยการจัดการองค์กรของรัฐสู่"ระบอบใหม่" พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คำว่า"ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด" ในทรรศนะนายอุดม เฟื่องฟุ้ง ผู้บรรยายกฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภาและอดีตกรรมการ คตส. (ตามประกาศ คปค.ฉบับที่ ๓๐) : พร้อมข้อสังเกต พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
คดีคณะโต้อภิวัฒน์ (๒๔๗๘) ขับไล่รัชกาลที่ ๘-สังหารผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วจะอัญเชิญรัชกาลที่ ๗ ครองราชย์อีกครั้ง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
โต้ธงทองฯ กรณีเทียบเคียงมาตรา ๑๑๒ กับกรณีหมิ่นประมุขต่างประเทศ, เจ้าพนักงานและศาล* พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ตุลาการที่ใช้อำนาจโดยมิชอบ :คติกฎหมายไทยโบราณ พร้อมบทวิจารณ์ปรีดี พนมยงค์โดยสังเขป พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล "เมื่อใดกษัตริย์ใช้อำนาจนั้นโดยมิชอบก็มีสิทธิ์เป็นเปรตได้เช่นกันตามคติของอัคคัญสูตรและพระธรรมสาสตร"
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
ร.๕ "ประกาศเลิกทาส" ภายหลังจากระบบไพร่ทาสได้พังพินาศไปเรียบร้อยแล้วในทางข้อเท็จจริง
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
รัชกาลที่๕ ตั้ง"เคาน์ซิลออฟสเตด"เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมือง มิใช่จะตั้งศาลปกครอง/กฤษฎีกาแต่อย่างใด พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล 
พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล
อำนาจบาทใหญ่ของคณะเจ้ารัชกาลที่ ๗ ช่วงก่อน ๒๔๗๕ : เจ้าทะเลาะกับราษฎร (กรณีนายจงใจภักดิ์) พุฒิพงศ์ พงศ์เอนกกุล, ค้นคว้า-เรียบเรียง