แสงดาว ศรัทธามั่น
ฉันกู้เงินมาสองแสนบาท ในสมัยอ้ายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายยกรัฐมนตรี ฉัน ต้องการสร้างบ้านดิน อ่านข่าวอ้ายโจน จันได ไปสร้างบ้านดินทั่วประเทศแล้วฉันก็อยากสร้างบ้าง พอดี ฉัน มีที่ดินที่พระคุณพ่อพระคุณแม่ยกให้เรา ณ บ้านทุ่งเกี๋ยน ต. หนองจ๊อม อ. สันทราย เชียงใหม่ ที่เคยเป็นตำนานขบถพญาผาบที่รวมชาวบ้านต่อสู้กับชนชั้นปกครองที่กดขี่ท กรุณามอบ เสื่อผืนใหญ่ให้ อ้ายต้อม คนเพลงแห่งอิสานกรุณามอบกระจกติดบนข้างเพดานให้ และ ฯลฯ … โอ้มีน้องๆเพื่อนๆมาร่วม “ลงแขก” เป็นจำนวนมาก แม่ทัพใหญ่ที่เป็น commander ฝ่ายบัญชาการสร้างบ้านดิน “อาจารย์ โต๋ … นาโก๊ะลี ” กวี นักเขียน และเป็นครูสอนกำลังภายใน ซี่กง พลังลมปราณ นอกจากนั้นก็มี กวี นักคิด นักเขียน นักพัฒนา พี่น้องชนเผ่า ชาวบ้านฯลฯ มาร่วมลงแขกกัน คนที่อยู่ยืนพื้นอนค้างคืนที่นี่ช่วยจนเสร็จก็มี อาจารย์โต๋, อ้ายแก้ว อดีตนักพัฒนา, น้องต้อ หญิงสาวนักเดินทางอิสระจากอิสาน และอ้ายเอก นักพัฒนาอิสระ ผู้สร้างบ้านดินของตัวเองสำเร็จแล้ว
“ อ้ายแสงดาว ต้องวางกฎใหม่เน้อ ตอนสร้างบ้านดินกลางวัน ห้ามเอาเหล้ามาตั้ง บางคนนั่งกินเหล้าแล้วไม่ทำงาน ตอนเย็นๆค่อยว่ากัน” อาจารย์โต๋ บอกด้วยแววตาขึงขัง … ฉันเห็นด้วย ฉันเองนี่แหละที่ไร้วินัย เห็นเพื่อนๆมามากก็เอาน้ำมังสะวิรัติต้อนรับเลย
เพื่อนๆน้องๆ ทุกคน ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมา ย่ำดิน ขนดินใส่แม่แบบเอาไปตากแห้ง หัวเราะเริงรื่นกัน ช่วยกันทำแม้กระทั่งตอนกลางคืน จุดเทียนสว่างจ้า เพราะไม่มีไฟฟ้า ประเพณีลงแขกเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยมีแล้ว เพราะทุกคนต่างก็ไม่มีเวลา ต้องทำมาหากิน ในระบบโครงสร้างสังคมอภิมหาบริโภคทันนิยมโลกาวินาศสุดโต่งอันห่วยแตกนี้( โครงสร้างสังคม ประกอบด้วย … ระบบเศรษฐกิจ … ระบบการเมือง … ระบบการศึกษาฯ ซึ่งต้องทำการปฏิรูป หรือแม้กระทั่งปฏิวัติ อย่างแท้จริง ) เมื่อก่อนการทำนา ชาวบ้านมาช่วยกัน ทั้งดำนาปลูกข้าว เกี่ยวข้าว นวดข้าว เรียกว่าการลงแขก หรือ ฮอมปอยกัน เปลี่ยนเวียนมาช่วยกันในที่นาของแต่ละคนในหมู่บ้าน แต่เดี๋ยวนี้หายากแล้วต้องว่าจ้างคนที่เป็นชนเผ่าที่มาอยู่ในเมือง
น้ำตา ฉัน ไหล เมื่อเห็นผองเพื่อนพี่น้องมาช่วยลงแขก สร้างบ้านดินให้ฉัน ณ ที่นี่ มีท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล เมฆงาม สายลมโชยพลิ้ว แสงตะวันเรืองรอง วิหคนกกาขับขานบทเพลงกล่อม ผีเสื้อ แมลงปอ ปรบปีกพลิ้วโผ ร้องเพลงขับกล่อมพวกเรา เป็นภาพที่งดงามนัก … กลางวันช่วยกันรังสรรค์ ตอนเย็นและกลางคืนเริงระบำรำร่ายฟ้อนรีแรกซ์ ด้วยกัน เล่นกีร์ต้าร์ ฮาโมนิก้าร์ อ่านบทกวีท่ามกลางแสงจันทร์นวลเย็นกระจ่าง
. . .
และแล้ว บ้านดินที่ฉันใฝ่ฝันก็เป็นจริง เพื่อนพ้องน้องพี่ที่มาร่วม ฮอมปอย (ลงแขก) ก้กล่าวคำอำลา ฉันโอบกอดพวกเขาแน่นกล่าวคำขอบคุณ พวกเขาเหวี่ยงเป้ขึ้นไหล่ แล้วเดินจากไป ท่ามกลางท้องทุ่ง แล แสงตะวัน
ฉั น ออกไปส่งเขา ยืนมองตามหลังพวกเขา น้ำตาของฉันรื้นไหลอีกแล้ว… ขอบพระคุณในดวงใจจิตวิญญาณของเพื่อนพ้องน้องพี่
บ้านดิน ยามฤดูร้อน จะเย็น ยามฤดูหนาวจะอบอุ่น … ตอนที่ฉันอยู่บ้านดิน มีสรรพสัตว์ สรรพสิ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมโลกของเรามาอยู่กับฉัน ไม่ว่าจะเป็น อึ่งอ่าง คางคก งูเงี้ยว นก หนู แมลง ฯลฯ ฉันนอนกะคางคกเฒ่าสีทองที่ขึ้นมาบนเตียงบ้านนดิน ฉันเอามือตบแตะศีรษะเขาแผ่วเบาๆ … “ อยู่ด้วยกันนะลูก ” ฉันทักทายเพื่อนร่วมโลกของเรา
ในเมื่อ ป่าไม้ถูกทำลายโดยกลุ่มทุนนิยมสามานย์ การสร้างบ้านดินก็คือทางเลือกหนึ่ง ที่จะช่วยรักษาธรรมชาติป่าไม้นับตั้งแต่บริษัทบอเนียวของพวกจักรวรรดินิยมาสัมปทานป่าไม้ทางเหนือ ฯลฯ
มีเรื่อง ขำขันต่อท้ายนิดหน่อย ป็นเรื่องเล่าขานม่วนๆสนุกสนานกันในหมู่พี่น้องที่มาร่วมลงแขก ฮอมปอยสร้างบ้านดินให้อ้ายแสงดาวฯ คืองบในการสร้างบ้านดินประมาณสามหมื่นบาท งบ enterten งบม่วนงันกัน สองหมื่นกว่าบาท แต่ฉันภาคภูมิใจที่เพื่อนพ้องน้องพี่มาฮอมปอย ลงแขกกัน หาได้ยากนักในยุคปรัตยุบันนี้ที่จะมีบรรยากาศแบบนี้ เขียมแต๊ๆๆเน้อปี้น้องนายเฮย ( แล้วจะมีตอนต่อไป , ขอรับ )
บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น
{ กลอนเปล่าอิสรา }@ ลมหนาวเหนือ พัดโชยมา…ยามต้องไล้ผิวกายร้อนที่รุ่มก็คลายกลิ่นอายเหมันตฤดู …ไม่รู้ลืม @
แสงดาว ศรัทธามั่น
***** --*-- ***** --*-- *****@ “ ฮา ติง จัง…จังคนมีอำนาจล้นฟ้า แต่รังแก คนยากไจ้ อำนาจ แบบ ต๋ามใจ๋ เขา “น้องสาว ผู้ดีงาม ใจงาม ของฉัน แล ของโลกชีวิต อีกคนหนึ่ง