Skip to main content

ฉันถ่ายรูปไพจิตรไว้หลายรูปทีเดียว จนอดไม่ได้ที่จะเขียนถึงเธออีกครั้ง ด้วยความที่เธอบริสุทธิ์เหลือเกิน


บ้านของไพจิตรอยู่ในหมู่บ้าน แต่เธอและครอบครัวมักชอบไปนอนเถียงนาที่มีวัว ควาย หมู หมา ไก่ เป็นเพื่อน


ในหมู่บ้าน บ้านเรือนมักจะปลูกติดๆ กัน อันเป็นธรรมดาของสังคมหมู่บ้าน ซึ่งสมัยก่อน บ้านเรือนอาจปลูกไม่ชิดกันมากขนาดนี้ แต่เมื่อลูกหลานสร้างครอบครัวกันขึ้นมาใหม่ เริ่มปลูกบ้านหลังใหม่เพิ่ม ลักษณะหมู่บ้านจึงดูหนาแน่นขึ้น ครอบครัวของพ่อสนซึ่งรักความสันโดษเลยพากันไปนอนเถียงนาที่แสนจะเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย และฉันก็มักไปนอนที่นั่นด้วยบ่อยๆ


27_8_01


ทุ่งนาแถบนี้จะเป็นนาผสมป่า คือจริงๆ แต่ก่อนก็คงเป็นป่าแต่ชาวบ้านได้แผ้วถางเป็นที่นา โดยยังคงเหลือไม้ใหญ่ไว้ให้ร่มเงาเป็นทิวแถว หากใครเคยเห็นแต่ทุ่งนาโล่งๆ สุดลูกหูลูกตาอย่างภาคกลางก็คงจะแปลกใจสำหรับทุ่งนาที่นี่ เพราะเหมือนป่ามากกว่านา หรือบางพื้นที่ก็ปล่อยให้เป็นป่าไปเลย เป็นป่าขนาดย่อมกลางความล้อมรอบของที่นา โดยเฉพาะป่าหินซึ่งหน้าฝนอย่างนี้จะมีลำน้ำสายน้อยลัดเลาะไหลไปเป็นลำธาร บ้างก็เป็นน้ำตก


ภาพแบบนี้สำหรับฉันแล้วนับว่าไม่เคยเห็นมาก่อน


บางที ขับมอเตอร์ไซค์ชมทุ่งนาไปเรื่อยๆ ก็จะเห็นน้ำตกที่สวยงามอยู่ติดทุ่งนา เป็นน้ำตกที่เป็นธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ในความธรรมดา ไม่ได้ถูกยกระดับให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใดๆ ทั้งสิ้น พวกเด็กๆ ว่างในวันเสาร์อาทิตย์ก็พากันลงไปเล่นน้ำตกริมทุ่งนา น่ารักมาก


ส่วนป่าเถียงนาของพ่อสนนั้นหรือ มีอยู่ปริมาณหนึ่ง เป็นป่าสาธารณะไม่ได้มีใครเป็นเจ้าของ ในป่าแห่งนี้จะมีเห็ดและดอกกระเจียวขึ้นในช่วงแรกฝน ยามฉันไปนาพ่อสนคราใด เด็กหญิงไพจิตรมักจะเดินตามฉันต้อยๆ ไปทุกที่ทุกแห่ง ไม่ว่าฉันจะไปถ่ายรูปดอกไม้หรือเดินเล่นในป่า โดยเฉพาะถ้าฉันไปถ่ายรูปดอกไม้ โดยอัตโนมัติเลยที่เธอจะเดินไปเด็ดมาเชยชมและถือติดมือกลับมาทุกครั้งคราว


เราเคยช่วยกันหาดอกกระเจียวมาได้หลายดอกและเอามาให้แม่ของเธอต้มกินกับน้ำพริก

เราเคยช่วยกันหาเห็ด แต่ได้มาแค่สองดอกเพราะเห็ดในป่านี้มีน้อยหรือเพราะเราตาไม่ดี หาไม่เก่ง หรืออย่างไรไม่ทราบ


27_8_02


สังคมไร้พิษภัยอย่างละแวกลุ่มน้ำมูนทำให้เธอมีความสุขกับการเล่นกับลูกหมู เด็ดดอกไม้มาดม วิ่งเล่นบนคันนา ใส่เสื้อผ้าสีมอๆ ยามได้กินขนมทีก็จะมีการแบ่งไว้กินหลายช่วงเพราะกลัวหมด เธอไม่ติดโทรทัศน์ เพราะเถียงนามีแต่ตะเกียง เธอจึงเป็นเด็กที่นอนแต่หัวค่ำ และถ้าลองได้หลับแล้ว ต่อให้แม่ดึงเธอให้ลุกขึ้นยืน เธอก็จะเพียงแค่ลืมตาและทิ้งตัวลงเหมือนไร้กระดูก ไหลลงไปกองกับพื้น หลับสนิท


ฉันเห็นเธอทีไรก็ไม่อยากเชื่อว่าเธออายุสิบขวบย่างสิบเอ็ดขวบเข้าแล้ว หน้าตาของเธอเวลาหัวเราะดูเบิกบานเหมือนดอกทานตะวัน มันบานแฉ่ง และทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกล้องไปถ่ายรูปเธอ


ในหัวและในใจของไพจิตรดูแทบไม่แปดเปื้อนกับเรื่องร้ายใดๆ ยามเธอตื่นมา เธอจะยิ้ม นั่งรอฉันชวนไปโน่นนี่ เธอคิดถึงแต่ความสนุกที่มีอยู่ในธรรมชาติรอบๆ ตัว ไม่เคยสักครั้งที่จะชวนฉันไปดูดูรายการโทรทัศน์สักรายการหนึ่ง


ที่ๆ ไพจิตรชอบที่สุดคือทุ่งนา ไม่ว่าจะหน้านาหรือหน้าแล้ง ไพจิตรดูจะร่าเริงเป็นพิเศษถ้าได้วิ่งเล่นอยู่กลางที่โล่งกว้าง


ครั้งหนึ่ง ฉันชวนเธอออกไปเก็บขี้ควายในท้องนาข้างศูนย์ฯ เพราะกำลังจะปลูกดอกลั่นทมที่กิ่งมันหักตอนฝนตกแรง ตั้งใจว่าจะหักกิ่งก้านของมันและปลูกลงดินเลย เพราะอุรุดา-เพื่อนนักเขียนหญิงของฉันเคยบอกว่ามันขึ้นง่าย


ไพจิตรถือถุงพลาสติกสอดส่ายสายตาหากองขี้ควายอย่างตั้งอกตั้งใจ ยามเห็นกองขี้ควายคราวใดก็ร้องดีใจเหมือนคนอยากรวยเห็นเพชรยังไงยังงั้น ความสุขของไพจิตรในสายตาฉันช่างมีคุณค่า ฉันก็ไม่รู้จะบอกยังไงดีว่า ทำไมคนๆ หนึ่งถึงเห็นกองขี้ควายมีมูลค่ามหาศาลต่อจิตใจปานนั้น


เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารัฐและสายตาของคนในสังคมบางกลุ่มได้จัดเธอเป็นพลเมืองประเภทยากจน ต้องให้ความช่วยเหลือจนคล้ายทุพลภาพ พวกเขาต่างยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้อง กระทั่งกลายเป็นข้ออ้าง เอะอะก็เพื่อคนจน แต่ไพจิตรที่ฉันเห็น เด็กหญิงไม่เคยกำเงินแม้แต่ใบเดียวหรือเหรียญเดียว ฉันไม่เคยเห็นเธอซื้ออะไรเลยจริงๆ ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้เธอไม่เคยถือเงิน แต่เธอก็เป็นเด็กหญิงสุขภาพจิตดีที่สุดคนหนึ่ง มีความสุขตลอดเวลา


............


ไพจิตรเก็บขี้ควายแห้งกลางท้องนาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มและหยาดเหงื่อ เธอและฉันเก็บมาได้เต็มถุงและเราก็ช่วยกันปลูกลั่นทมรอบบ้านดินได้ถึงสี่ต้น (หักกิ่งของมันเป็นสี่กิ่ง)


จนทุกวันนี้ ลั่นทมรอบบ้านดินของศูนย์ฯ แตกใบ เจริญเติบโต งดงาม เห็นคราวใดก็นึกถึงมือน้อยๆ และความตั้งใจป่นขี้ควายแห้งลงหลุมดินของคนปลูกทุกครั้ง


บล็อกของ สร้อยแก้ว

สร้อยแก้ว
นุ่มนิ่มเหลือเกิน ลูกแม่เอ๋ย นานวัน เนื้อตัวเจ้าอวบอิ่ม กอดได้แน่นเต็มกอด หอมแก้มเจ้าได้แรงๆ เสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ยามแม่เอาหน้าซุกพุงนิ่ม หรือสีข้างซี่โครงน้อย เจ้าร้องลั่น หัวเราะกรี๊ดๆ จั๊กจี้จั๊กกะเดียม แม่รู้ความลับของเจ้าแล้วสิ ว่าเจ้าเองก็บ้าจี้เหมือนแม่ แต่ยิ่งเจ้าเบี่ยงตัวหนีคิกๆ แม่ก็ยิ่งอยากแกล้ง เพราะอยากยินเสียงคักๆ คิกๆ กรี๊ดกร๊าดๆ
สร้อยแก้ว
ถึง ลุงแสงดาว เช้าวันนี้แม่ตื่นตั้งแต่ยังไม่ถึงตีห้าดี แม่ย่องมาเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดอินเตอร์เน็ต (ยามเช้าๆ เน็ตแม่จะเดินได้เร็ว คงเพราะเป็นเวลาที่ไม่ค่อยมีใครใช้งาน คลื่นอากาศเลยเดินทางได้คล่อง) แม่คงคิดว่าจะแอบทำงานตอนหนูหลับล่ะสิ เรื่องอะไร หนูจะยอมให้แม่สนุกอยู่คนเดียวล่ะ หนูไหวตัวทันหรอกน่า เลยกลิ้งซะสองรอบแล้วยันขายันแขนลุกนั่ง ร้อง อื้อๆ แม่ก็หันขวับทันที
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำอายุครบ ๗ เดือนในวันนี้แล้ว ลูกมีภาษาของลูก และรู้วิธีสื่อสารกับแม่ ๐ ถ้าลูกเบื่อนอนเล่นหรือการนั่งอยู่กับที่ ลูกอยากให้แม่พาเดินเล่น ลูกจะเงยหน้าร้องอ้อนด้วยการทำเสียงฮือๆ หรือบางทีทำเสียงแงๆ แต่ว่าไม่มีน้ำตาหรอก ลูกแกล้งทำ พอแม่อุ้ม ลูกก็จะยิ้มร่า พร้อมกับตบบ่าแม่แปะๆ เมื่อไหร่ที่ลูกตบบ่าแม่แปะๆ นั่นแปลว่า ไป ไป เหมือนว่าแม่เป็นม้างั้นเหอะ ตบก้นแล้วไปได้
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้นเองที่แม่หลบมารดน้ำให้หัวใจ รินลมหายใจแผ่วๆ ช้าๆ ตาน้ำ ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านี้เอง แต่มันทำให้แม่มีความสุข เพราะแม่สงบ ปลอดโปร่ง
สร้อยแก้ว
ตาน้ำ ยามเมื่อลูกนอนหลับ สิ่งที่แม่อยากทำที่สุดคืออะไรนะ เขียนหนังสือ, นอน, อยู่เฉยๆ ว่างๆ เพราะการเลี้ยงลูกเองมันเหนื่อยใช่เล่นเหมือนที่ใครหลายคนว่า แทบไม่ได้หายใจหายคอ ทั้งที่ยามลูกตื่นเราก็เล่นสนุกด้วยกัน มีความสุขเมื่อลูกอยู่ในอ้อมกอด ขำบ้าง ดุบ้างยามลูกยื้อแย่งจะเอาทุกอย่างในมือแม่
สร้อยแก้ว
  ตาน้ำ ลูกรู้สึกอย่างไรบ้างไหมขณะที่ลูกบินอยู่บนฟ้า ตาน้ำ ลูกดูดนมแม่แล้วหลับปุ๋ยขณะแม่กอดลูกไว้แนบอก แม่เหม่อมองท้องฟ้า เห็นเพียงปุยเมฆขาวฟูฟ่อง บนฟ้าช่างเวิ้งว้าง บ่อยครั้งที่แม่ไม่มั่นใจเลยว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดีไหม แม่จะเลี้ยงลูกได้คู่ควรหรือไม่ แม่รู้สึกว่าแม่ต่ำต้อยเสมอเมื่อนึกถึงความไว้วางใจจากสวรรค์ให้ดูแลบุตรีน้อยๆ คนนี้
สร้อยแก้ว
    ตาน้ำ แม่เพิ่งรู้ว่า ยามลมพายุพัดระหว่างมีบ้านอยู่กลางหุบเขากับที่ราบโล่ง เสียงสายลมจะหวีดดังไม่เหมือนกัน
สร้อยแก้ว
แต่ก่อนฉันเคยใฝ่ฝันกับการมีบ้านมานาน แต่จนแล้วจนรอดก็มักจะรู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลานั้น มันยังไม่ถึงเวลา ฉันยังอยากเดินทางท่องไปอยู่ ยังอยากพบเจออะไรใหม่ๆ อยู่ ดังนั้น หลายครั้งหลายหนเมื่อพบเจอปลอกหมอน ฟูกนอนพื้นบ้าน ผ้าพื้นเมืองลายคลาสสิก แก้ว จาน ชาม เซรามิกที่ถูกใจก็มักจะซื้อเก็บไว้ แต่ก็ไม่ค่อยได้นำเอาออกมาใช้
สร้อยแก้ว
  ฉันได้แต่อมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงดุๆ ของคนขายของชำที่มีต่อเด็กหญิงตัวเล็กๆ คะเนอายุเธอน่าจะประมาณสามขวบคนขายของถามเด็กหญิงว่า "เอาอะไร"เด็กหญิงตอบอ้อมแอ้ม น้ำเสียงลังเล "เอา...เอา... เอานม!"
สร้อยแก้ว
ช่วงปิดเทอม ดาวใจกับไพจิตรได้เข้ามาที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านเกือบทุกวันเพราะพ่อแม่ของเธอมารับจ้างสับมัน (มันสำปะหลัง) กับสหกรณ์ปากมูล (สหกรณ์ปากมูลและศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านอยู่ติดกัน) บางครั้งดาวใจก็รับจ้างด้วย เพราะเธอโตแล้ว อายุสิบสี่ปีกว่า เธอทำงานแบบนี้ได้สบายมาก ส่วนไพจิตรยังคงเป็นเด็กหญิงซนๆ วิ่งไปวิ่งมา ทำงานตามแต่คำบัญชาการของพ่อแม่