Skip to main content

 

คุณห่างเคยอยู่ไกลจากบ้านมากที่สุดเท่าไร ของเราประมาณ1,730 กม. คือ อุดร-นครศรีธรรมราช จุดเปลี่ยนส่วนหนึ่งของชีวิตเมื่ออายุของเรา 19 ปี เราได้ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นการเปิดกว้างในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะความเป็นอยู่ สภาพอากาศที่ไม่มีฤดูหนาวที่เราชอบ วัฒนธรรม อาหาร ทุกอย่างแตกต่างมากๆ

มาอยู่ครั้งแรกสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนมากที่สุดคือ อาหารการกินและภาษา ในตอนปี1 เราจะไม่ค่อยพูดหรอก เพราะกลัวว่าบางอย่างที่เราพูดไปจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบจะอยู่สังเกตการศึกษาเรื่อยๆจากเพื่อนๆที่เป็นคนใต้ทุกคน สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ คนใต้คุยสนุกมาก แค่เรานั่งฟังเฉยๆก็สนุกแล้ว ส่วนอาหารเหรอ ไม่ต้องถามเพื่อนนะว่าเผ็ดไหม เพราะมันจะบอกว่าไม่เผ็ด ไม่เผ็ดก็บ้าแล้วมันเป็นคนกินเผ็ดคงไม่รู้สึกแล้วแหล่ะ พูดถึงอาหารก็มีเราตลกอยู่เรื่อง เราไปสั่งอาหารขอสุกี้หมู แต่คนขายบอกว่าไม่มีหมูเพราะร้านนี้เป็นร้านอิสลาม แทบจะอยากกราบขอโทษก๊ะ(พี่สาว)อย่างแรงเลย เพราะความลืมตัว หลังๆมาต้องตั้งหลักก่อนสั่งให้ดีๆเลยแหล่ะ

สิ่งต่อมาที่แปลกใหม่คือด้านภาษาที่ต้องปรับตัวมากๆกลัวจะฟังออก จนตอนนี้เองก็แทบจะพูดทองแดง จะสนุกมากๆเวลาที่เพื่อนๆเถียงกันในเรื่องของภาษา เพราะสุดท้ายถึงจะใต้แต่ใต้ในแต่ละที่ก็พูดไม่เหมือนกัน เรียกไม่เหมือนกัน เวลาดูภาษาใต้ในโทรศัพท์ฟังง่ายกว่าการฟังเพื่อนอีก ตอนมาใหม่ๆเพื่อนก็จะถามว่าพูดภาษาอีสานได้ไหม เราจะให้พูดเลยก็ไม่ได้หรอก เพราะที่บ้านไม่ได้สอนให้พูดก็เลยอดที่จะแลกเปลี่ยนภาษา อดเสียดายไม่ได้เลย

อยู่มหาลัยนี้ได้เที่ยวแทบทุกอย่าง หน้าม.มีทะเล หลังม.มีน้ำตก และทะเลหมอก ถ้าวันไหนร้อนแล้วไม่มีการบ้านก็จะชวนกันไปน้ำตก เที่ยวจนตอนนี้เดินไปทั่วน้ำตกแล้ว ส่วนทะเลหมอกถ้าไม่อดนอนแล้วอยากจะไปจริงก็ไม่ได้ไป เพราะเราต้องออกเดินทางกันประมาณตี5 และทางก็มืด แต่เมื่อขึ้นไปถึงแล้วได้เจอหมอกเยอะๆ รู้สึกเหมือนได้อยู่ภาคเหนือเลยล่ะ ถึงจะไม่เคยไปก็เถอะ และสุดท้ายพูดถึงภาคใต้ไม่มีทะเลก็แปลก จะบอกได้เล่นน้ำทะเลไหมก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไปเอาของกินไปนั่งกินกันที่ริมหาด ก่อกองไฟ ร้องเพลงกันสนุกสนาน

มีครั้งหนึ่งที่เราต้องทำหนังสือพิมพ์และมีคอลัมน์ท่องเที่ยว เราเลือกเที่ยวที่ปากพนัง แต่ดันไปตอนปีใหม่เพราะม.ปิดหยุดและเราก็ยังต้องเขียนงานเลยจะต้องไปตอนนั้นที่ไม่กระทบกับการเรียนแต่ได้งาน พวกเรานั่งมอไซต์ไปกัน ตอนนั้นโชคร้ายมากเพราะฝนจะชอบหยุดๆตกตลอดทางเดิน เราเลยต้องใส่เสื้อกันฝนตลอดทางพูดเลยว่าการอยู่ที่ภาคใต้ทำให้เรายอมใส่เสื้อกันฝน เพราะที่อุดรเราไม่ชอบในการใส่มันมากเลยส่วนมากรอให้หยุดแล้วค่อยไปต่อ แต่มาอยู่ที่นี่ลุยมากๆ และก็สนุกมากในเมืองปากพนังเป็นเมืองกรุงเก่าของนคร สิ่งก่อสร้างของเขาจะมีรูๆรอบบ้าน เพื่อนบอกว่าเขาท้ารังนกขายกันที่นี่ และสิ่งที่เราชอบมากสุดคือ การที่ได้นั่งเรือข้ามฝั่ง ถึงมันจะแปปเดี๋ยวแต่สนุกดีนะ ในราคาแค่ 1 บาทเอง ที่ปากพนังมีทั้งน้ำจืดที่เป็นเขื่อน และน้ำเค็มที่เป็นทะเล แถมยังมีกังหันลมใหญ่ๆ ที่พอขับไปดูใกล้ๆมันก็ใหญ่มาก อาหารการกินที่นั้นดีเลยล่ะ มีทั้งตลาด 100 ปี และตลาดน้ำปากพนัง พวกเราซื้อกินกันไม่หยุด สนุกมากเป็นเมืองที่ดูสงบ เราอยากจะลองเที่ยวโดยที่อาศัยอยู่กับชาวเมืองปากพนังดูสักครั้งหากได้มีโอกาส

การได้มาที่นี่มันเหมือนการก้าวข้ามทุกอย่างของเรา จากเมื่อก่อนที่ไม่มีความกล้า จนตอนนี้เรากล้าที่จะเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เป็นการเปิดโลกความคิด การมองเห็นให้กับเรามากๆ ทุกสิ่งย่อมมีความไม่เหมือนกัน อยากเหมือนในข้อแรกแต่ข้อสองสามสี่ก็อาจจะไม่เหมือนกัน เราได้เห็นเลยว่าทุกอย่างมันมีเหตุมีผล มีประวัติความเป็นมาของมัน อยากจะลอง อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่ยังไม่เห็น ในสิ่งที่ยังไม่สัมผัส อาจารย์พูดเสมอว่าเราต้องเป็นแก้วน้้าที่เติมน้ำไปยังไงน้้าก็ไม่เต็มแก้วสักที เรายังอยากที่จะเห็นว่าที่อื่นๆ จะเป็นยังไงจะอยู่แบบไหน อยากเรียนรู้และอยากสัมผัส สร้างความทรงจ้าที่แปลกใหม่ตลอดเวลา ได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยลอง อยากจะกล้ามากขึ้นมากขึ้น ผ่านวิธีการเที่ยว การไปอยู่ในแบบของพวกเขาจริงๆ

 

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
 วันที่ 08/11/2018 – 09/11/2018 เวลา 3.53 น.
Storytellers
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า น้องสาว เธอได้เป็นหนึ่งใน 20 คน ที่โชคดีได้ออกเดินทางไปที่ต่างๆ แต่มีกฎว่าเลือกได้เพียงแค่ 1 ที่ น้องสาวเลือกสถานที่ไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้ ในการเดินทางน้องสาวจะต้องขึ้นยานไป โดยที่ในยานจะมีลูกเรือค่อยให้บริการ และลูกเรือคนนี้จะพูดทุกครั้งที่มีคนใหม่มา
Storytellers
ผมเป็นคนๆหนึ่งที่ชอบในความท้าทาย ชอบการหาประสบการณ์และรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอสิ่งใหม่ๆ เด็กใต้คนหนึ่งที่เคยสุขสบายมาก่อนเที่ยวไหนก็ได้ที่อยากไป รู้สึกว่าปัจจัยต่างๆทำให้เราเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะมีกำลังพอที่พาตัวเองไปสู่การเรียนรู้ที่มันหลากหลาย แต่รู้ไหมว่าเมื่อโช
Storytellers
ในยุคนี้มันคงถึงเวลาต้องยอมรับได้แล้ว ว่าการศึกษาที่ให้ผู้เรียนเป็นแค่ผู้ฟัง แล้วเอาผลคะแนนเป็นตัววัดนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนเสมอไปหรอก ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เกรดไม่ได้ตีเอาซะเลย แต่เชื่อผมเถอะ ว่ามนุษย์ทุกคนเติบโตด้วยการเรียนรู้มากกว่าอายุอยู่แล้ว หลังจากได้ลงพื้นที่การเรียนรู้บนดอยไปแล้ว คำ
Storytellers
 หลังจากส่งบทความไปกับทาง Story tellers in journey ก็ไม่ได้สมหวังตั้งแต่แรกอย่างเพื่อนๆ ทั้ง 19 คนที่ได้ไป Workshop กันหรอก ฮ่าๆ แต่หลังจากนั้นก็มี G-mail เด้งมาจากพี่ตุ้ม จำได้ว่าตอนนั้นกำลังพรีเซ้นท์งานอยู่ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่ามีคนสละสิทธิ์ และให้เราได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม และบังเอิญตรงที
Storytellers
 หลังจากจบทริปไปเชียงรายในครั้งนั้น ฉันพยายามนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าจะเขียน จะเล่าเรื่อง จะถ่ายทอดเรื่องราวอย่างไรให้คนที่ได้อ่านรู้สึกอินไปกับฉัน
Storytellers
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง เด็กสาวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดใต้สุดสยาม จะกำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนเหนือสุดสยามอย่าง ‘เชียงราย’ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากราวกับฝันไป เพราะฉันเพิ่งตัดสินใจและเริ่มวางแผนได้เพียงในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง รู้ตัวอีกที ฉันก็กำลังนั่งรถทัวร์มุ่งหน้าสู่เชียงรายเสียแล้
Storytellers
 "นี่เป็นประสบการณ์ไปต่างจังหวัดเองครั้งแรกของผม" 
Storytellers
 “เอ๊ะ! มีอีเมลอะไรส่งมาที่กล่องข้อความ”       อีเมลฉบับนั้นมีใจความว่า “ยินดีด้วย คุณได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 21 ของโครงการ storytellers in journey”
Storytellers
      การออกเดินทางครั้งนี้ เราได้มีจุดหมายที่ ม่อนแสงดาว จังหวัดเชียงราย เรากำลังแบกเป้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่พร้อมจะเรียนรู้อย่างเต็มที่
Storytellers
ฉันเห็น I ฉันคิด โดย อดิศักดิ์  โกเมฆฉันเห็นฉันคิด
Storytellers
ศูนย์การเรียนที่ผมเรียนชื่อ ศูนย์การเรียนโจ๊ะมาโลลือหล่า ชื่อโรงเรียนของผมนั้นเป็นภาษาปกาเกอญอแปลเป็นภาษาไทยว่า“โรงเรียนวิถีชีวิต” โรงเรียนขอผมนั้นตั้งอยู่บนดอยที่หมู่บ้านสบลานซึ่งศูนย์การเรียนนั้นก็มีสิทธิเหมือนโรงเรียนสามารถออกวุฒิการศึกษาได้แต่มันมีสิ่งที่ไม่เหมือนโรงเรียนอยู่นั้นก็คือการจัดกา