Skip to main content

สวัสดีครับ  ชื่อนายสมบัติ  แก้วเนื้ออ่อน  ชื่อเล่นบัติครับ  อายุ  24  ปี  เกิดเมื่อวันที่  6  พฤษภาคม  พ.ศ.2537  มีพี่น้องทั้งหมด  5  คนครับ  บัติเป็นคนสุดท้อง  ภูมิลำเนาเป็นคนสงขลาตั้งแต่กำเนิดครับ  เกิดที่จังหวัดสงขลา  อาศัยอยู่ที่บ้านเลขที่  35/2  หมู่ที่ 6  ตำบลวัดจันทร์  อำเภอสทิงพระ  จังหวัดสงขลา  ชีวิตตั้งแต่เด็กจนถึงช่วงวัยมัธยมเท่าที่จำความได้ก็คุ้นชินกับเวทีการแสดงมาตลอด  เพราะชอบเต้นชอบรำ  ก็ยังงงตัวเอง  เป็นเด็กผู้ชายแต่ชอบเต้นชอบรำ  ภาพแรกที่ยังเก็บไว้จนถึงตอนนี้ก็คือภาพตอนเต้นในงานวันเด็กแห่งชาติ  ตอนนั้นอยู่อนุบาล  ซึ่งจำได้ว่าตอนนั้นก็ใส่เกาะอกสายเดี่ยวมีสร้อยคอมุกสีขาวยืนเต้นอยู่ด้านหน้าสุดแล้ว  

โตขึ้นชีวิตก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงในร่างผู้ชายมีอะไรหลายอย่างมากให้ได้ลองทำ  ยิ่งมีความสามารถที่ติดตัวเรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ตั้งแต่เด็กแล้ว  ก็ยิ่งชวนให้เรากล้าที่จะใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่  จากวัยประถมสู่วัยมัธยมที่รับผิดชอบงานโรงเรียนบ่อยมากเรียกได้ว่าเป็นตัวแทนนักแสดงที่ติดทุกรายการ  ขอให้ข้อมูลเพิ่มก่อนนะว่าบัติเรียนโรงเรียนแถบชนบทใกล้ๆ บ้าน  เป็นโรงเรียนที่ตอนนั้นเด็กทั้งโรงเรียนมีไม่เยอะประมาณสองร้อยกว่าๆ แต่เราก็รู้จักทุกๆ คนในโรงเรียน  วัยมัธยมตอนปลายเราก็รู้สึกว่าอยากได้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการรำมโนราห์  เพราะในโรงเรียนไม่มีครูสอนเรื่องนี้  บัติจึงไปสมัครอยู่วงมโนราห์ใกล้ๆ บ้านซึ่งมีรุ่นพี่ในโรงเรียนร่วมวงอยู่ด้วย  หลังจากนั้นชีวิตก็เหมือนเปลี่ยนไปเยอะมากเราเริ่มฝึกจากพรสรรค์ที่เรามีกลายมาเป็นทักษะความรู้พื้นฐาน  เริ่มมองเห็นหลักการด้านการแสดงต่างๆ มากขึ้น  และเริ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาเรื่อยๆ  จากเด็กที่เต้นรำในโรงเรียนเนื่องในงานวันสำคัญต่างๆ ที่โรงเรียนจัดทำขึ้น  จนมาถึงเด็กที่เริ่มโตขึ้นและมีรายได้จากความสามารถของตน  ช่วงอยู่วงมโนราห์จำได้ว่าเดินสายบ่อยมาก  ไปแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย  ซึ่งทั้งนี้ก็ท้าทายตนเองในอีกเรื่องเช่นกัน  นั่นคือเรื่องของการเรียนด้านวิชาการในโรงเรียน  แต่ก็ไม่ได้มีกระทบอะไรเพราะงานส่วนใหญ่ก็มีในช่วงที่โรงเรียนหยุด  และเกรดแต่ละเทอมของเราก็ไม่เคยต่ำกว่า  3.50  และอยู่อันดับสองของห้องตลอด

หลังจากจบมัธยมจากโรงเรียนสทิงพระชนูปถัมภ์  อำเภอสิงพระ  จังหวัดสงขลา  ซึ่งแน่นอนเราก็ต้องต่อมหาลัยต่อไป  ตอนนั้นกับการต่อมหาลัย  บัติแทบจะใช้ความคิดน้อยมากกับการคิดว่าจะเรียนต่อคณะอะไรดี  เพราะเราชัดกับตัวเองมากๆ  ว่าเรามีความสุขการการเต้นรำมากที่สุด  ก็จะไปต่อสายนี้ให้สุด  และโชคดีที่ทางครอบครัวก็ไม่ได้กีดกันอะไรตั้งแต่ต้น  พ่อแม่สนับสนุนและเคารพการตัดสินใจกับเส้นทางที่เราเลือกเดินมากๆ  ซึ่งสิ่งนี้ต้องขอบคุณท่านมากๆ  จนในที่สุดบัติก็มาเรียนต่อที่มหาวิยาลัยราชภัฏสงขลา  คณะศิลปกรรมศาสตร์  สาขานาฏยสังสรรค์  ซึ่งในตอนปีแรกเป็นอะไรที่โหดมาก  เหมือนพลิกโลกที่เคยสดใสในวัยเด็กของเรามาสู้โลกที่เพิ่มความกดดัน  การเอาตัวรอด  บีบในเราต้องสู้และเติบโต  จำได้ว่าตอนนั้นเครียดมากเหมือนจะไม่ขอเรียนต่อ  แต่สุดท้ายก็สู้ผ่านปีหนึ่งมาได้  และปีสองทุกคนในสาขาก็ต้องเลือกเพียงเอกเดียวที่ตนอยากเรียน  และบัติก็เลือกเรียนเอกละคร

จากความตั้งใจแรกที่เรารู้สึกว่าที่เรามาเรียนมหาลัยราชภัฏสงขลาเพราะเราอยากเรียนเอกแดนซ์  แต่เมื่อมาสิ่งที่เผชิญในตอนนั้นทำให้เรารู้สึกว่ามันยังไม่ใช่  บัติก็เลยเปลี่ยนมาเรียนเอกละคร  ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย  แต่รู้เพียงว่าเวลาเรียนละครรู้สึกสนุก  รู้สึกชอบ  เป็นวิธีการเรียนที่ไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยพบเจอมาในห้องเรียนมาก่อน  เรียนละครคล้ายการทำความเข้าใจมนุษย์  ซึ่งเริ่มจากตัวเรา  มันสนุกมาก  และพาตัวเราไปไกลมัก  เรามองเห็นอีกคนด้านในที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง  มองเห็นหัวใจตัวเอง  เริ่มมีวิธีคิด  วิธีตีความที่ลึกซึ้งขึ้นมาเรื่อยๆ  และละครก็พัฒนาตัวเรามาเรื่อยๆ  พาเราไปเจอกับกระบวนการเรียนที่สนุกๆ  ต่างๆ  มองการเรียนรู้เปลี่ยนไป  จนในที่สุดในตอนนี้บัติก็เรียนจบและในช่วงชั้นปริญญาตรี  จากมหาวิทยาลัยราชลัยภัฏสงขลา  แต่การเรียนรู้ของบัติยังไม่จบ  มันยังคงดำเนินต่อไป  ต่อไปจนสุดความความจำ  สิ่งที่มีอยู่ในตัวเรา  สิ่งที่เราสนใจ  และสิ่งที่ละครให้มา  ตอนนี้มันพาบัติมาไกลมากๆ  จากเด็กน้อยใส่เกาะอกยืนเต้นอยู่บนเวทีในตอนนั้น  เด็กน้อยที่บัติในตอนนั้นมันไม่ได้หายไปไหนหรอก  มันยังอยู่ในตัวเราเสมอ  แค่ร่างกายเราเปลี่ยนแปลง  เติบโตขึ้น  และเด็กน้อยก็เติบโตขึ้น  ความมหัศจรรย์มันอยู่ที่โตยังไงให้สามารถรักษาเด็กน้อยไว้ได้ทั้งที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นผู้ใหญ่แล้ว  แต่ความรู้สึกยังคงจดจำได้ทุกๆ การเปลี่ยนแปลงภายในจิตใจของตนเอง  และเก็บมันมาใช้ประกอบและต่อยอดได้ในทุกๆ ครั้ง  นี่หรือเปล่าที่เรียกว่า  “การเติบโต”

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
 วันที่ 08/11/2018 – 09/11/2018 เวลา 3.53 น.
Storytellers
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า น้องสาว เธอได้เป็นหนึ่งใน 20 คน ที่โชคดีได้ออกเดินทางไปที่ต่างๆ แต่มีกฎว่าเลือกได้เพียงแค่ 1 ที่ น้องสาวเลือกสถานที่ไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้ ในการเดินทางน้องสาวจะต้องขึ้นยานไป โดยที่ในยานจะมีลูกเรือค่อยให้บริการ และลูกเรือคนนี้จะพูดทุกครั้งที่มีคนใหม่มา
Storytellers
ผมเป็นคนๆหนึ่งที่ชอบในความท้าทาย ชอบการหาประสบการณ์และรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอสิ่งใหม่ๆ เด็กใต้คนหนึ่งที่เคยสุขสบายมาก่อนเที่ยวไหนก็ได้ที่อยากไป รู้สึกว่าปัจจัยต่างๆทำให้เราเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะมีกำลังพอที่พาตัวเองไปสู่การเรียนรู้ที่มันหลากหลาย แต่รู้ไหมว่าเมื่อโช
Storytellers
ในยุคนี้มันคงถึงเวลาต้องยอมรับได้แล้ว ว่าการศึกษาที่ให้ผู้เรียนเป็นแค่ผู้ฟัง แล้วเอาผลคะแนนเป็นตัววัดนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนเสมอไปหรอก ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เกรดไม่ได้ตีเอาซะเลย แต่เชื่อผมเถอะ ว่ามนุษย์ทุกคนเติบโตด้วยการเรียนรู้มากกว่าอายุอยู่แล้ว หลังจากได้ลงพื้นที่การเรียนรู้บนดอยไปแล้ว คำ
Storytellers
 หลังจากส่งบทความไปกับทาง Story tellers in journey ก็ไม่ได้สมหวังตั้งแต่แรกอย่างเพื่อนๆ ทั้ง 19 คนที่ได้ไป Workshop กันหรอก ฮ่าๆ แต่หลังจากนั้นก็มี G-mail เด้งมาจากพี่ตุ้ม จำได้ว่าตอนนั้นกำลังพรีเซ้นท์งานอยู่ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่ามีคนสละสิทธิ์ และให้เราได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม และบังเอิญตรงที
Storytellers
 หลังจากจบทริปไปเชียงรายในครั้งนั้น ฉันพยายามนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าจะเขียน จะเล่าเรื่อง จะถ่ายทอดเรื่องราวอย่างไรให้คนที่ได้อ่านรู้สึกอินไปกับฉัน
Storytellers
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง เด็กสาวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดใต้สุดสยาม จะกำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนเหนือสุดสยามอย่าง ‘เชียงราย’ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากราวกับฝันไป เพราะฉันเพิ่งตัดสินใจและเริ่มวางแผนได้เพียงในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง รู้ตัวอีกที ฉันก็กำลังนั่งรถทัวร์มุ่งหน้าสู่เชียงรายเสียแล้
Storytellers
 "นี่เป็นประสบการณ์ไปต่างจังหวัดเองครั้งแรกของผม" 
Storytellers
 “เอ๊ะ! มีอีเมลอะไรส่งมาที่กล่องข้อความ”       อีเมลฉบับนั้นมีใจความว่า “ยินดีด้วย คุณได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 21 ของโครงการ storytellers in journey”
Storytellers
      การออกเดินทางครั้งนี้ เราได้มีจุดหมายที่ ม่อนแสงดาว จังหวัดเชียงราย เรากำลังแบกเป้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่พร้อมจะเรียนรู้อย่างเต็มที่
Storytellers
ฉันเห็น I ฉันคิด โดย อดิศักดิ์  โกเมฆฉันเห็นฉันคิด
Storytellers
ศูนย์การเรียนที่ผมเรียนชื่อ ศูนย์การเรียนโจ๊ะมาโลลือหล่า ชื่อโรงเรียนของผมนั้นเป็นภาษาปกาเกอญอแปลเป็นภาษาไทยว่า“โรงเรียนวิถีชีวิต” โรงเรียนขอผมนั้นตั้งอยู่บนดอยที่หมู่บ้านสบลานซึ่งศูนย์การเรียนนั้นก็มีสิทธิเหมือนโรงเรียนสามารถออกวุฒิการศึกษาได้แต่มันมีสิ่งที่ไม่เหมือนโรงเรียนอยู่นั้นก็คือการจัดกา