Skip to main content

 

“เอ๊ะ! มีอีเมลอะไรส่งมาที่กล่องข้อความ”

       อีเมลฉบับนั้นมีใจความว่า “ยินดีด้วย คุณได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 21 ของโครงการ storytellers in journey”

        ผมยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี ความรู้สึกที่มันเต็มไปด้วยความดีใจอย่างออกนอกหน้า ผมแทบจะส่งเสียงออกมาดังๆ หน้าของพี่ปาล์มมี่ลอยขึ้นมาทันทีในความคิด พร้อมร้องเพลงท่อนสำคัญให้ฟังหนึ่งท่อน “อยากจะร้องดังดัง พูดให้ใครต่อใครได้รู้ทั่วกัน อยากจะร้องดังดัง พูดให้ใครได้ฟังว่าโครงการนี้เขารับแกแล้ว”

        ช่วงเวลานั้น ผมหยุดยิ้มไม่ได้จริงๆ ใครจะไปรู้ว่าเด็กเอกภาษาอังกฤษที่เคยเขียนกระทู้ขายฝันไปวัน ๆ จะมีคนมาสนใจงานเขียนของตนเอง

         "ผมอยากเป็นมังกร"

        งานเขียนที่ผมส่งไปเพื่อให้ทางโครงการพิจารณามีชื่อว่า “ผมอยากเป็นมังกร” เรื่องนี้ผมก็แค่เขียนตามจินตนาการของตนเอง ผมแค่นึกถึง “อิสระ” เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ ทุกคนก็มักจะนึกถึงนก เพราะนกสามารถบินไปไหนก็ได้ แต่ผมคิดว่าการเป็นนกตัวหนึ่ง มันยังไม่แข็งแรงพอที่จะต้านทานอุปสรรคบนท้องฟ้าที่คาดเดาอะไรไม่ได้

          ถ้าผมจะบินทั้งที ขอบินได้แบบมังกรคงจะดีกว่า ต่อให้เจอพายุโหมกระหน่ำ  7 วัน 7 คืน มังกรก็ยังคงบินต่อไปได้อย่างไม่ท้อแท้ และถ้าผมบินได้แบบมังกรแล้ว ผมคงไม่มีวันหยุดเดินทางอย่างแน่นอน พ่นไฟใส่อุปสรรคให้เป็นลูกชิ้นปิ้งไปเลย

         "ตื่นเต้นจัง กะละมังก็ปิดไม่มิด"

         ในวันที่ผมมาค่าย ทุกคนในค่ายได้นั่งล้อมวงใหญ่เพื่อทำความรู้จัก และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ผมรู้สึกว่าแต่ละคนมีความเป็นตนเอง และมีแนวทางของตนเองที่ชัดเจน ทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกนั้นรู้ว่าตนเองต้องการอะไรจากการเข้าร่วมในโครงการนี้ บางคนก็เดินทางมาไกล มาถึงตั้งแต่ก่อนวันเริ่มค่ายเสียอีก

         คำศัพท์ส่วนใหญ่ที่ทุกคนใช้พูดกันในวงคงไม่พ้นคำว่า “passion” และ “comfort zone” ที่ล่องลอยท่ามกลางบรรยากาศหนาวประดุจอยู่ในขั้วโลกจากเครื่องปรับอากาศห้องประชุม

         จากสิ่งที่ผมได้ยิน ผมขอเถียงใจขาดกับคำพูดที่ผู้ใหญ่ชอบพูดว่า “เด็กไทยขี้เกียจ ไม่ชอบศึกษาหาความรู้” เพราะสิ่งที่มันอยู่ตรงหน้าผมตอนนั้น ผมเห็น passion ของใครหลายคนที่มันเต็มเปี่ยม พร้อมที่จะก้าวออกจาก comfort zone ของตนเอง เพื่อไปแสวงหาความรู้ และบันทึกประสบการณ์ใหม่ๆไว้ในความทรงจำของตนเอง

          ฝากถึงผู้ใหญ่ที่ยังคิดแบบนี้อยู่นะครับ สมัยนี้ ยังมีเยาวชนอีกกลุ่มใหญ่ๆที่พร้อมจะพัฒนาตนเอง และแสวงหาโอกาส ประสบการณ์ ความรู้ใหม่ๆเข้าตัวเสมอครับ

          "ตาเราแล้วเหรอ"

        อ้าว! ถึงคราวที่ผมต้องพูดอะไรสักอย่างแล้วหรือนี่ ผมก็แนะนำตัวไปอย่างตะกุกตะกักด้วยความตื่นเต้น “สวัสดีครับ ชื่อแถ่นแทนแท้น…” การใช้ชื่อสามพยางค์สำหรับการเข้าค่ายของผมยังคงได้ผลเสมอ มันยังคงสร้างเสียงหัวเราะให้กับหลายๆคนได้ นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการครับ ผมอยากมีความสุขกับการมาเข้าร่วมโครงการครั้งนี้ และอยากสร้างรอยยิ้มให้กับคนรอบข้างกลับไปด้วย บางคนคงคิดในใจว่าทำไมพ่อแม่ตั้งชื่อพิสดารจัง ผมขอตอบตรงนี้ว่า “เปล่าหรอกครับ ผมตั้งของผมเอง”

        “มาสร้างเมืองแห่งการศึกษากันค่ะ!”

        กิจกรรมในโครงการนี้ไม่ทำให้ผมผิดหวังจริงๆ กิจกรรมที่ผมชอบมากคงต้องยกให้กิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบการศึกษา การมาค่ายครั้งนี้ไม่ได้แค่มาสร้างเรื่องเล่าในแบบฉบับของตนเอง แต่การมาในครั้งนี้ผมยังได้รับความคิดอะไรบางอย่างกลับไป ทั้งยังได้แลกเปลี่ยนกับคนที่มีความคิดคล้ายๆกันเกี่ยวกับระบบการศึกษาไทยว่าตอนนี้มันมีช่องโหว่ที่ตรงไหนบ้าง...

          ประโยคที่สะดุดใจผมอยู่ตลอด นั่นคือ “ครูถูกเสมอ” ประโยคนี้ทำให้ผมนึกย้อนความหลังไปจนถึงวัยนักเรียน ภาพที่ผมใส่ชุดนักเรียนปรากฏขึ้นทันทีในความคิด ภาพที่ผมต้องทำตามสิ่งที่ครูบางคนบอกอย่างไม่รู้เหตุผล ใครเถียงครูเท่ากับผิด บางครั้ง ครูมักจะขอความคิดเห็นจากนักเรียนว่าต้องการให้อะไรเป็นแบบไหน แต่จริงๆแล้ว ครูก็มีคำตอบอยู่ในใจของเขาอยู่แล้ว และปฏิเสธความคิดเห็นเหล่านั้นแบบอ้อมๆ ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกกันว่า “แบบซอฟต์ ๆ” ในภาพความคิดนั้น พี่นิ่วจิ๋วก็ยืนถือไมค์เข้ามาในห้องเรียนแล้วร้องเพลงประกอบเอ็มวีในธีมครูถูกเสมอทันที “ถ้าไม่ฟังจะถามทำไม ไม่ไว้ใจจะถามทำไม” งงล่ะสิ ผมก็งงเหมือนกัน

     "การเดินทางกำลังจะเริ่มต้นแล้วครับท่านผู้ชม!"

      วันรุ่งขึ้น ทางโครงการให้ผมวางแผนการเดินทางไปต่างจังหวัด โดยมีศูนย์การเรียนรู้ทั้งหมด 20 แห่ง โอ้โห! มันมากมายไปหมด ผมเลือกไม่ถูกจริงๆว่าผมจะเดินทางไปที่ไหน และสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็คือ นี่เป็นการเดินทางไปต่างจังหวัดครั้งแรกในชีวิตที่ผมต้องวางแผนไปเองทั้งหมด

                   “จะ รอด ไหม เนี่ย”

"ก้าวที่ยากที่สุดในการเดินทาง คือ ก้าวแรกเนี่ยแหละ"

      ด้วยความที่ศูนย์การเรียนรู้มันมีมากมายเหลือเกิน ผมเลือกที่ไปไม่ถูก ตอนแรกก็มีความคิดอยากจะไปอุตรดิตถ์ แต่ก็กลัวความเด๋อด๋าบ้าบ๊องของตนเอง กลัวจะนั่งรถผิดสาย นั่งรถจากกรุงเทพไปโผล่เชียงใหม่อะไรแบบนี้ เพราะผมไม่เคยนั่งรถไปต่างจังหวัดเองแบบนี้มาก่อนเลย

       ตอนที่ทุกคนในโครงการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ความคิดในหัวของผมก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เดี๋ยวก็อยากไปภาคใต้ เดี๋ยวก็อยากไปอีสาน เดี๋ยวก็อยากไปภาคเหนือ

นี่แหละครับ..

       ความโลเลของผมผสมกับความคิดคนที่มันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ตลอดเวลา แต่สุดท้ายก็มาหยุดที่ความคิดหนึ่งในหัว 

"จะไปทั้งที ก็ไปให้สุดเลยแล้วกัน"

       สุดท้ายผมก็เลือกที่จะไป "ม่อนแสงดาว จ.เชียงราย"

จังหวัดที่ได้รับสมญานามว่าเป็นจังหวัดที่เหนือสุดแดนสยาม     ถึงผมจะไปไม่ถึงดินแดนแม่สายที่เหนือสุดจริงๆ

แต่การเอาชนะใจตนเองของผมเนี่ย มันรู้สึกดีสุดๆไปเลยล่ะ!

        พร้อมกับหงายการ์ดป้องกัน เปิด small comfort zone ด้วยการไปกับเพื่อน แก๊งสเตอร์ผู้ร่วมเดินทางไปทริปเชียงรายในครั้งนี้ ได้แก่ แทนทาดาแดนแทนแถ่น แถ่นแทนแท้น...

"หมายเลข 1 นางสาว เดี๊ยว! ไม่ได้ประกวดนางงาม"

เพื่อนร่วมเดินทางในครั้งนี้ ได้แก่ ฟิตรี พี่โบนัส จริงจัง พี่วริศ และผมเองครับ

 

#CHUBBYINCHIANGRAI

#MIDL2018

#INCLUSIVECITIES

#STORYTELLERSINJOURNEY

#สาธารณะศึกษา

#พื้นที่เรียนรู้สาธารณะ

 

บรรณวิชญ์  สมบุญ

   แถ่นแทนแท้น

 

บล็อกของ Storytellers

Storytellers
 วันที่ 08/11/2018 – 09/11/2018 เวลา 3.53 น.
Storytellers
กาลครั้งหนึ่ง มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อว่า น้องสาว เธอได้เป็นหนึ่งใน 20 คน ที่โชคดีได้ออกเดินทางไปที่ต่างๆ แต่มีกฎว่าเลือกได้เพียงแค่ 1 ที่ น้องสาวเลือกสถานที่ไกลที่สุด เท่าที่จะไกลได้ ในการเดินทางน้องสาวจะต้องขึ้นยานไป โดยที่ในยานจะมีลูกเรือค่อยให้บริการ และลูกเรือคนนี้จะพูดทุกครั้งที่มีคนใหม่มา
Storytellers
ผมเป็นคนๆหนึ่งที่ชอบในความท้าทาย ชอบการหาประสบการณ์และรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอสิ่งใหม่ๆ เด็กใต้คนหนึ่งที่เคยสุขสบายมาก่อนเที่ยวไหนก็ได้ที่อยากไป รู้สึกว่าปัจจัยต่างๆทำให้เราเกิดการเรียนรู้ด้วยตัวเองได้เป็นอย่างดี เพราะมีกำลังพอที่พาตัวเองไปสู่การเรียนรู้ที่มันหลากหลาย แต่รู้ไหมว่าเมื่อโช
Storytellers
ในยุคนี้มันคงถึงเวลาต้องยอมรับได้แล้ว ว่าการศึกษาที่ให้ผู้เรียนเป็นแค่ผู้ฟัง แล้วเอาผลคะแนนเป็นตัววัดนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนเสมอไปหรอก ผมเองก็เป็นคนหนึ่ง ที่เกรดไม่ได้ตีเอาซะเลย แต่เชื่อผมเถอะ ว่ามนุษย์ทุกคนเติบโตด้วยการเรียนรู้มากกว่าอายุอยู่แล้ว หลังจากได้ลงพื้นที่การเรียนรู้บนดอยไปแล้ว คำ
Storytellers
 หลังจากส่งบทความไปกับทาง Story tellers in journey ก็ไม่ได้สมหวังตั้งแต่แรกอย่างเพื่อนๆ ทั้ง 19 คนที่ได้ไป Workshop กันหรอก ฮ่าๆ แต่หลังจากนั้นก็มี G-mail เด้งมาจากพี่ตุ้ม จำได้ว่าตอนนั้นกำลังพรีเซ้นท์งานอยู่ ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ว่ามีคนสละสิทธิ์ และให้เราได้ไปเข้าร่วมกิจกรรม และบังเอิญตรงที
Storytellers
 หลังจากจบทริปไปเชียงรายในครั้งนั้น ฉันพยายามนั่งครุ่นคิดอยู่นานว่าจะเขียน จะเล่าเรื่อง จะถ่ายทอดเรื่องราวอย่างไรให้คนที่ได้อ่านรู้สึกอินไปกับฉัน
Storytellers
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง เด็กสาวที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดใต้สุดสยาม จะกำลังมุ่งหน้าสู่ดินแดนเหนือสุดสยามอย่าง ‘เชียงราย’ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากราวกับฝันไป เพราะฉันเพิ่งตัดสินใจและเริ่มวางแผนได้เพียงในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง รู้ตัวอีกที ฉันก็กำลังนั่งรถทัวร์มุ่งหน้าสู่เชียงรายเสียแล้
Storytellers
 "นี่เป็นประสบการณ์ไปต่างจังหวัดเองครั้งแรกของผม" 
Storytellers
 “เอ๊ะ! มีอีเมลอะไรส่งมาที่กล่องข้อความ”       อีเมลฉบับนั้นมีใจความว่า “ยินดีด้วย คุณได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 21 ของโครงการ storytellers in journey”
Storytellers
      การออกเดินทางครั้งนี้ เราได้มีจุดหมายที่ ม่อนแสงดาว จังหวัดเชียงราย เรากำลังแบกเป้ที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่พร้อมจะเรียนรู้อย่างเต็มที่
Storytellers
ฉันเห็น I ฉันคิด โดย อดิศักดิ์  โกเมฆฉันเห็นฉันคิด
Storytellers
ศูนย์การเรียนที่ผมเรียนชื่อ ศูนย์การเรียนโจ๊ะมาโลลือหล่า ชื่อโรงเรียนของผมนั้นเป็นภาษาปกาเกอญอแปลเป็นภาษาไทยว่า“โรงเรียนวิถีชีวิต” โรงเรียนขอผมนั้นตั้งอยู่บนดอยที่หมู่บ้านสบลานซึ่งศูนย์การเรียนนั้นก็มีสิทธิเหมือนโรงเรียนสามารถออกวุฒิการศึกษาได้แต่มันมีสิ่งที่ไม่เหมือนโรงเรียนอยู่นั้นก็คือการจัดกา