Skip to main content

สุมาตร ภูลายยาว

 

เฆมฝนสีดำทะมึนฉาบไปทั่วทิศทาง เรือหาปลาลำเล็กหนึ่งลำ และเรือลำใหญ่สองลำค่อยๆ เคลื่อนออกจากฝั่งริมแม่น้ำ เพื่อลอยลำไปยังเบื้องหน้าแท่งคอนกรีตอันเป็นสัญลักษ์ของความชั่วร้ายในนามการพัฒนามาหลายปี เมื่อเรือไปถึงกลางแม่น้ำ คนบนเรือค่อยๆ คลี่ผ้าขาวที่ห่อหุ้มถ่านเถ้าเบื้องหลังความตายแล้วปล่อยถ่านเถ้านั้นไหลลอยไปกับสายน้ำ


ริมฝั่งดอกไม้ทั้งดอกจำปา ดอกเข็มแดง ดอกดาวเรือง ต่างเข้าแถวเรียงรายกันไหลไปตามแม่น้ำ หลังจากมันถูกปล่อยออกจากกรวยใบตองในมือคนริมฝั่ง ถัดออกไปจากริมฝั่งพ่อทองเจริญกับพ่อดำ ได้พาชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปขอขมาแม่น้ำ และรับขัวญแม่น้ำไหลจากการเปิดประตูเขื่อนปากมูน


ถ่านเถ้ากลุ่มนั้นลอยไปเรื่อยๆ ตามสายน้ำ และไหลไกลออกไปจนไปถึงปลายสุดของแม่น้ำที่ออกสู่แม่น้ำสายใหญ่...


ว่ากันว่านี่คือพินัยกรรมที่ผู้จากไปสั่งเสียเอาไว้กับผู้ยังอยู่


น้ำตาของคนหลายคนเปื้อนใบหน้ารวมทั้งผมด้วย เมื่อหวนคิดถึงเรื่องราวของผู้เป็นเจ้าของถ่านเถ้ากลุ่มนั้น ใช่, นี่คือการส่งคนที่ยังอยู่ในใจของใครหลายคนให้ลอยไปกับสายน้ำตามคำสั่งเสีย


หลังพิธีการลอยอังคารเสร็จสิ้นลง คนที่เดินทางมาร่วมงานได้ทยอยกันเดินทางออกจากสันเขื่อน ที่สันเขื่อนแห่งนั้นในอดีตคือหมู่บ้านของนักสู้ที่ผู้คนทั่วไปรู้จักกันในนามหมู่บ้านแม่มูนมั่นยืน และผมก็ได้รู้จักกับผู้เป็นเจ้าของถ่านเถ้าที่เราเพิ่งลอยไปกับสายน้ำที่หมู่บ้านแห่งนี้


ผู้หญิงร่างผอมบางผู้ที่เด็กๆ แห่งโรงเรียนแม่มูนมั่นยืนเรียกกันว่า ‘แม่มด’


แม่มด’ ของเด็กๆ กลุ่มหนึ่งที่โรงเรียนแม่มูนมั่นยืนช่างแตกต่างจากแม่มดในหนังสือที่ผมเคยได้อ่าน เพราะแม่มดในหนังสือคือผู้หญิงที่มีเวทมนต์คาถา และดำรงอยู่บนโลกแห่งความชั่วร้ายเสมอมา แน่ละ แม่มดในหนังสืออยู่ตรงข้ามกับความดีงามอย่างสิ้นเชิง แต่แม่มดของเด็กๆ คนนี้กลับอยู่ตรงข้ามกับความชั่วร้าย ทั้งรังสรรค์แต่สิ่งดีงาม และเป็นปรปักษ์กับความชั่วร้ายที่แฝงฝังอยู่ในคราบของผู้มีอำนาจในสังคมอย่างถึงที่สุด


แม้ว่าเราจะได้พูดคุยกันไม่กี่คำ ผมก็เชื่อในสัญชาตญาณของเด็กที่พวกเขามองแม่มดของพวกเขาเป็นคนดี นับตั้งแต่ครั้งผมก็ได้เจอแม่มดของเด็กๆ กลุ่มนี้อยู่บ่อยๆ ทุกครั้งที่เราเจอกัน แม่มดของเด็กๆ มักไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องราวสุขภาพของตัวเองให้ฟัง เรามักจะพูดคุยกันถึงแต่เรื่องงาน แม้ครั้งล่าสุดที่เจอกันที่สำนักงานในเชียงใหม่ เรายังพูดคุยกันเรื่องานเช่นเดิม แต่เราไม่เคยถามถึงเรื่องสุขภาพของกัน และกันเลย ที่แน่ๆ ในการพบกันครั้งนั้น ผมไม่มีลางบอกเหตุอะไรเลยที่พอจะบอกได้ว่า มันจะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของผม และแม่มดของเด็กๆ


ตอนนี้พี่มดป่วยหนักนอนอยู่โรงพยาบาล แต่แกไม่ให้บอกใคร เพราะกลัวทุกคนเป็นหว่ง” นั่นเป็นข่าวคราวที่คนในสำนักงานพูดให้ฟัง


ในชั่วยามของการสิ้นสุดแห่งข่าวสาร ผมนิ่งงัน และหวนคิดถึงบทกวีบางบทที่เคยเขียนถึงพี่มดในตอนที่พรรคพวกทางเชียงใหม่นำสมุดเล่มเล็กมาให้หลายคนเขียนความรู้สึกถึงพี่มด เพื่อเป็นกำลังให้กับคนป่วย


แม้ว่าข่าวคราวครั้งนั้นจะทำให้ผมนิ่งงัน และยิ่งจ่มจมนิ่งงันมากกว่าเดิม เมื่อต่อมาไม่นานได้รู้ว่า แม่มดของเด็กๆ ได้จากเราไปแล้ว หลังจากประครองร่างกายอันบอบช้ำต่อสู้กับโรคร้ายอยู่หลายวัน


ห้วงยามแห่งข่าวสารเช่นนั้น ผมยอมรับอย่างไม่อายว่า ตัวเองแอบร้องไห้ลำพัง พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ทำไมคนดีจึงจากเราไปเร็วนัก?


ความเศร้าที่เดินทางมาเคาะประตูของหัวใจอาจไม่ใช่เพียงผมคนเดียว แต่ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกไม่น้อยที่ความเศร้าได้เดินทางไปเคาะประตูหัวใจของพวกเขาเช่นกัน


บนสนามแห่งการต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม เราได้สูญเสียนักสู้ไปแล้วไม่ใช่น้อย แม้ว่าจะพอเข้าใจว่า เรื่องเหล่านี้คือสัจธรรมของชีวิต แต่มันก็อดคิดไม่ได้ว่า เราจะประครองความเศร้าเช่นนี้ให้ผ่านไปได้อย่างไร และต้องใช้เวลานานเท่าไหร่


งานลอยอังคารแม่มดของเด็กๆ เสร็จสิ้นลงแล้ว เมื่อตะวันบ่ายคล้อย สันเขื่อนยังคงตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แต่ประตูของมันได้เปิดให้แม่น้ำได้ไหลอย่างอิสระเหมือนที่เคยเป็นมาอีกครั้ง ก่อนการจากลาสันเขื่อน เพื่อเดินทางไปสู่เบื้องหน้าแห่งความจริง ผมแอบได้ยินใครบางคนเปล่งเสียงก้อง เราจะยังต้องสู้กันต่อไปตราบใดที่ความไม่เป็นธรรมยังปรากฏอยู่บนสังคม และเราจะสู้กันต่อไป เพื่อให้แม่นูนได้ไหลอย่างอิสระ

 

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
    ...เสียงปืนดังลั่นเปรี้ยง-คล้ายเสียงชะนีหวน
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมเริ่มพัดเปลี่ยนทิศจากเหนือลงใต้ ฤดูฝนใกล้พ้นผ่านแล้ว ฤดูหนาวกำลังเดินทางมาแทน ขณะอาทิตย์ใกล้ลับฟ้าถัดจากกระท่อมหลังสุดท้ายตรงหาดทรายไปไม่ไกล คนจำนวนมากกำลังวุ่นวายอยู่กับการเก็บเครื่องมือทำงาน หากนับตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้ก็ล่วงเข้าไป ๔ วันแล้วที่ช่างในหมู่บ้านถูกไหว้วานให้มาช่วยกันทำเรือไฟ เพื่อให้ทันใช้ในวันออกพรรษา หลังจมอยู่กับงานมาทั้งวัน เมื่อโรงงานต่อเรือไฟปิดประตูลงในตอนเย็น โรงมหรสพริมฝั่งน้ำก็เข้ามาแทน
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำนิ่งงันลงชั่วการกระพริบตาของพญามังกร ชาวบ้านริมฝั่งน้ำไม่มีใครรู้ว่า พญามังกรกระพริบตากี่ครั้ง หรือด้วยอำนาจใดของพญามังกร แม่น้ำจึงหยุดไหล ทั้งที่แม่น้ำเคยไหลมาชั่วนาตาปี วันที่แม่น้ำหยุดไหล คนหาปลาร้องไห้ปานจะขาดใจ เพราะปลาจำนวนมากได้หนีหายไปจากแม่น้ำ
สุมาตร ภูลายยาว
แดดร้อนของเดือนมีนาคมแผดเผาหญ้าแห้งกรัง หน้าร้อนปีนี้ร้อนกว่าทุกปี เพราะฝนไม่ตก ยอดมะม่วงอ่อนจึงไม่ยอมแตกช่อ มะม่วงป่าเริ่มออกดอกรอฝนพรำ เพื่อให้ผลได้เติบโต ความร้อนมาพร้อมกับความแห้งแล้ง ในความแห้งแล้ง ดอกไม้ป่าหลากสีกำลังผลิบาน มีทั้งดอกสีส้ม แดง ม่วง ความแห้งแล้งดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
สุมาตร ภูลายยาว
‘ย่างเข้าเดือนห้า น้ำท่าก็เริ่มขอดแล้ง’ คนแก่บางคนว่าอย่างนั้น (ถ้าผมจำไม่ผิด) คำพูดนี้ได้สะท้อนบางอย่างออกมาด้วย นั่นคือสิ่งที่ผู้คนในยุคสมัยก่อนเห็น พอถึงเดือนห้า น้ำที่เคยมีอยู่ก็แห้งขอดลงเป็นลำดับ ผู้คนในสมัยก่อนที่จะก้าวเข้าสู่สังคมเกษตรอุตสาหกรรมเช่นทุกวันนี้ทำอะไรบ้าง ในสังคมภาคกลางยุคที่ทำการเกษตรไม่ใช่อุตสาหกรรม หน้าแล้งไม่มีใครทำนา เพราะทุกคนต่างรู้ว่า หน้าแล้งแล้วนะ น้ำท่าจะมาจากไหน แต่พอยุคอุตสาหกรรมเกษตรเรืองอำนาจ หน้าแล้งผู้คนก็ยังคงทำนา เพื่อตอบสนองอุตสาหกรรมการเกษตรกันอยู่
สุมาตร ภูลายยาว
ผู้ดีตีนแดง-ขอ โทษ เท้าแดง ตะแคงเท้าเดิน เวลาเหยียบปุ่มปมของพรมผืนนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ นั่นแหละเท้าของผู้ดี และโลกของผู้ดีมีแต่น้ำครำ –น้ำคำ แห่งการหลอกลวง ทั้งผู้ดีจริง และผู้ดีกลวง ขณะเดินย่ำไปบนเส้นทางสู่ร้านอาหารเลิศหรู เมนูไข่คาเวียกับบรั่นดีแก้วทรงสูงดัดจริตวางรอ ผู้ดีน้ำครำละเลียดเมรัยรสคมผ่านลำคอ และละเลียดไข่คาเวียที่มีอยู่นับจำนวนได้บนจานราคาแพงกว่าการขึ้นห้องกับปอง ของโฉน ไพรำ ผู้ดี น้ำครำมองออกไปนอกหน้าต่างสูงลิบของห้องอาหารโรงแรมเสียดฟ้า เบื้องล่างแม่น้ำไหลเอื่อยเหนื่อยปานจะขาดใจตาย ผู้ดีน้ำครำละเลียดไข่คาเวียราคาแพง เพื่อเลิศหรูมีหน้ามีตา…
สุมาตร ภูลายยาว
สายลมหนาวพัดมาพร้อมกับสายฝนที่โปรยสายลงมา ว่ากันว่านี่คือฝนหลงฤดู! กาแฟแก้วของวันเป็นคาปูชิโน่ร้อนสองแก้ว แต่ไม่ใช่ของผมเป็นของลูกค้าต่างชาติ รสชาติของกาแฟเป็นอย่างไรในเช้านี้ ผมไม่อาจรู้ เพราะไม่ได้ชิม หลังสตรีมนมสดจนร้อนได้ที่ กลิ่นกาแฟสดหอมกรุ่นโชยออกมา และพร้อมแล้วสำหรับการดื่ม-กิน
สุมาตร ภูลายยาว
เนิ่นนานหลายปีแล้วที่ผมพเนจรจากบ้านเกิด แต่หลายๆ ความรู้สึกเกี่ยวกับบ้าน ผมไม่มีทางลืมได้เด็ดขาด บางค่ำคืนที่มีโอกาสอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง ด้วยความสงบเงียบ ภาพบ้านเกิดจะย้อนกลับมาสู่ความทรงจำ-ความทรงจำในวัยเยาว์เกี่ยวกับบ้านเกิด
สุมาตร ภูลายยาว
เวลาผ่านไปเร็ว ยามที่เราโตขึ้น เราเชื่อเช่นนั้น เพราะเราโหยหาเวลาของวัยเยาว์ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นลำดับมีหลายความรู้สึกของวัยเยาว์ที่หล่นหายไปอย่างไม่อาจเรียกคืนกลับมา ราวกับสายน้ำที่ไหลไกลออกไปทุกทีๆ มิอาจหวนกลับมาเป็นสายน้ำได้เช่นเดิม แต่กลายเป็นสายฝนพรำลงมาแทน หากพูดถึงอดีตแล้ว บางด้านที่เลวร้าย เราอยากผ่านเลย แต่กลับจำได้ฝังใจ...
สุมาตร ภูลายยาว
บุนทะนอง ซมไซผล แปลโดย สุมาตร ภูลายยาว    ๑.ผลน้ำเต้าบุ่ง และวรรณคดีพื้นเมือง ถ้าจะให้พูดถึงความสัมพันธ์ไทย-ลาว ความเชื่อมโยงด้านวรรณคดีของชนชาติเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำของ สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าคิดถึงคือ น้ำเต้าบุ่ง
สุมาตร ภูลายยาว
ดอกเกดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่ลำต้นมีลักษณะเหมือนต้นปาล์ม เวลาออกดอก ดอกจะส่งกลิ่นหอม คนเฒ่าคนแก่จะนิยมนำไปบูชาพระและนำมาทัดหู ผมไม่รู้เหมือนกันว่าดอกไม้ชนิดนี้จะมีอยู่ทั่วไปในประเทศไทยหรือมีเฉพาะที่ภาคอีสานและประเทศลาว
สุมาตร ภูลายยาว
จากใบไม้ใบสุดท้ายถึงซิ่นไหมผืนเก่าๆ: ๒ เรื่องสั้นซีไรต์บนแผ่นดินเบื้องซ้ายแม่น้ำของ (โขง) เมื่อพูดถึงวรรณกรรมบนแผ่นดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงแล้ว หลายคนคงอดที่จะพูดถึงวรรณกรรมชิ้นคลาสสิกเช่น ‘สังสินไซ’ ไม่ได้ เพราะสังสินไซเป็นวรรณกรรมพื้นบ้านที่คนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขงรู้จักมากที่สุดชิ้นหนึ่ง นอกจากสังสินไซแล้ว ผลงานของนักเขียนลาวหลายคนในความรับรู้ของคนไทยคงหนีไม่พ้นผลงานเขียนของท่านมหาสีลา วีระวงค์ ผู้รจนางานมหากาพย์อันยิ่งใหญ่ในนาม ‘ท้าวฮุ่งและขุนเจือง’