Skip to main content

แสงแดดยามบ่ายคลี่ม่านกระจายโอบไล้ยอดไม้ แรงลมพัดยอดไม้เอนไหว ดอกไม้ป่าสีขาวของฤดูฝนกำลังร่วงหล่นลงพื้นดิน แม้ว่าดอกไม้จะจากไป แต่ธรรมชาติก็ได้มอบความเขียวชะอุ่มของผืนป่ามาทดแทนเช่นกัน

ยามบ่ายขณะหลายคนยังวุ่นอยู่กับงาน ผมเดินเตร็ดเตร่ตามถนนมาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง หลังอ่านป้ายก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของชายชรา ผมมองหาเจ้าของบ้านอยู่นอกรั้วในใจยังหวั่นอยู่ว่าจะได้พบเจ้าของบ้านหรือเปล่า เมื่อมองดูอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็เห็นชายชราผู้เป็นเจ้าของบ้านกำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับกองไม้ไผ่ข้างห้องครัว

ผมร้องเรียกชายชราอยู่นอกรั้ว เมื่อได้ยินเสียงเรียก แกก็เงยหน้าขึ้นมาดู และเรียกผมเข้ามาในบ้าน หลังเปิดประตูรั้วแง้มออกมาพอให้ตัวเองเดินเข้าไปได้ ผมก็เดินตรงเข้าไปยังลานบ้าน เมื่อผมเดินเข้าไปถึงชายชราเปลี่ยนจากนั่งมาเป็นลุกขึ้นยืน ด้านข้างของม้านั่งมีเศษไม้ไผ่กองอยู่จำนวนมาก

“พ่อเฒ่าทำอะไรอยู่”
“กำลังทำคันเบ็ดกับตุ้มปลาเอี่ยน—ปลาไหล”
“ทำมานานหรือยัง”
“ทำมาแต่เช้าแล้วยังไม่เสร็จสักที มันสานยาก ต้องค่อยๆ สาน รีบไม่ได้เดียวไม้ไผ่จะได้กินเลือดเรา”

หลังยืนคุยกับผมครู่หนึ่ง ชายชราก็นั่งลง และลงมือสานตุ้มปลาเอี่ยนต่อ ผมนั่งมองชายชราทำงานของแก่ และครุ่นคิดเรื่องราวบางอย่าง ในห้วงนั้น ผมคิดถึงการเดินทางของเบ็ดจากมือของชายชราค่อยๆ ทยอยลงสู่แม่น้ำ และกลับมาพร้อมกับปลา ความสุขไม่มากก็น้อยจะเกิดขึ้นหลังจากคนหาปลากลับมาพร้อมปลาติดเบ็ด

“คนหาปลาอย่างเรานี่ต้องรู้จักทำเครื่องมือหาปลาเอง อย่างไหนทำได้ก็ทำ แต่ถ้าอย่างไหนทำเองไม่ได้ก็ซื้อ พอซื้อแล้วก็เอามาแต่งใหม่ อย่างมองซื้อมาแล้วก็เอามาทำใหม่ ขอเบ็ดก็เอามาผูกสายเอาเอง เพราะซื้อคนอื่นมามันไม่ค่อยมั่นใจว่าจะหมานหรือเปล่า แต่ถ้าเอามาทำเองมันจะรู้ว่าต้องผูกเบ็ดอย่างไรถึงจะหมาน เรามีวิธีผูกของเรา เขามีวิธีผูกของเขา มันไม่เหมือนกัน”   

“พูดเรื่องคนหาปลาแล้ว คนไม่ได้หาปลาไม่ค่อยรู้หรอกว่า คนหาปลามันมีความเชื่อหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องโชคลางนี่สำคัญ เพราะถ้าไม่เชื่อ บางทีก็หาปลาไม่หมาน บางคนกำลังจะออกไปหาปลามีคนทักเดินกลับเลย ไม่ไป เพราะเดี๋ยวไม่หมาน อย่างเวลาไปเอาไส้เดือนมาทำเหยื่อตกปลา เราจะทำท่ารังเกียจถ่มน้ำลายไม่ได้ ถ้าใครทำหาปลาไม่หมาน อย่างเรือก็เหมือนกัน ถ้าจะเอาเรือออกหาปลา เราต้องเลี้ยงเรือให้ดี ถ้าเลี้ยงดีแม่ย่างนางเรือก็จะช่วยให้ได้ปลาเยอะ เรือพ่อเฒ่าแต่ก่อนเอาไก่เลี้ยง เดี๋ยวนี้เอาขนมเลี้ยง เรือมันแก่แล้ว คงไม่ฟันเหมือนคนนี้แหละ พอไม่มีฟันก็กินไก่ไม่ได้ กินได้แต่ขนม“
พอพูดเสร็จชายชราก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ

ผมได้พูดคุยเรื่องราวต่างๆ กับชายชรามากมาย ช่วงไหนพูดถึงปลา ชายชราจะเล่าเรื่องปลาที่แกเคยหาได้ให้ฟังอย่างออกรสชาติ บางครั้งพอถามถึงขนาดของปลา แกก็จะยกมือขึ้นทำท่าประกอบบ่งบอกถึงความใหญ่และความเล็กของปลาไปด้วย บางครั้งก็แกก็เอาไม้ไผ่วาดรูปปลาลงบนพื้นดินให้ผมดู

“มีอยู่ครั้งหนึ่งหลายปีก่อน พ่อเฒ่าไปหาปลาคนเดียว ตอนไปก็นอนตามหาดทรายริ่มฝั่ง ใส่เบ็ดไว้ตอนกลางคืน พอเช้ามาใกล้แจ้งก็ไปไจ--ไปกู้เบ็ด พ่อเฒ่าเอาเรือออกไปเก็บกู้เบ็ดค่าวหลังก้อนหิน ตอนแรกนึกว่าไม่ได้ปลา พอเอาเรือเข้าไปใกล้แล้วดึงเชือกดู เชือกมันตึง ก็แปลกใจ ตอนนั้นไม่ได้คิดว่าเป็นปลา ดึงอยู่พักหนึ่งมันก็ไม่ขึ้นเลยเอาหินผูกใส่เชือกหย่อนตามสายเบ็ดลงไปดู พอหินหล่นลงน้ำ มันไปโดนอะไรไม่รู้ใต้น้ำ พ่อเฒ่าก็นึกว่าโดนหิน ก็ลองดึงอีกทีปรากฏว่าเชือกมันค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า พ่อเฒ่าก็จับไม้พายค่อยๆ พายเรือตาม ตอนนั้นคิดว่าน่าจะเป็นผีเงือกหลอก (ความเชื่อเรื่องผีเงือกเป็นความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ในแถบอำเภอเชียงแสน,เชียงของ,เวียงแก่น) เพราะเชือกเบ็ดมันวิ่งไปข้างหน้าได้สักพักมันก็หยุด หยุดแล้วก็ไปต่อ พ่อเฒ่าเริ่มเห็นท่าไม่ดีก็ออกแรงดึง แต่ยิ่งดึงมันก็ยิ่งดึงตอบ มันพาเรือวิ่งไปเรื่อยๆ เราก็ปล่อยเรือไป เพราะเราไม่รู้ว่า เรากำลังสู้กับอะไร ถ้ารู้ว่าสู้กับอะไรอยู่ ก็พอคิดวิธีการสู้ได้ นี่เราไม่รู้ เรารู้เพียงว่า ถ้ามันดึงเราก็หยุด พอมันหยุด เราก็ดึง สู้กันอยู่อย่างนี้ตั้งแต่ตี ๔ ไปจนเกือบ ๖ โมงเช้า

ตอนค่อยรุ่ง มันหยุดดึง พอเห็นมันหยุด พ่อเฒ่าก็เลยดึงมันไปเรื่อยๆ จนใกล้ถึงฝั่งก็เอาเรือเข้าฝั่งขึ้น พอขึ้นไปบนฝั่งได้ เราก็ดึงอยู่บนฝั่ง พออยู่บนฝั่งแรงเราเยอะกว่า เราก็ดึงจนหัวมันพ้นน้ำขึ้นมา เห็นตัวปลาแล้วตกใจเกือบปล่อยสายเบ็ด ปลาตัวใหญ่มากหนัก ๖๐ กว่ากิโลได้ พอเอาขึ้นมาบนฝั่งได้นี่ดีใจเลย เพราะเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นปลาตัวใหญ่อย่างนี้ ถ้าตอนนั้นมันสู้จริงๆ นะ มันดิ้นทีพลิกเรือคว่ำได้เลย ตัวมันใหญ่ขนาดเอาขึ้นเรือแล้วยังต้องมัดหนวดมันใส่กับข้างเรือไว้กลัวมันดิ้น เรือจะคว่ำ ปลาแข้นี่ถ้ามัดหนวดมันแล้ว มันทำอะไรไม่ได้จะดิ้นยังไม่มีแรงเลย แต่ถ้าไม่มันหนวดมันไว้จะได้มานั่งพูดอยู่ตรงนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้”

พอพูดมาถึงตรงนี้ ชายชราก็หยุดพูดแล้วหันไปยกบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ตั้งแต่คุยกันมาชายชรา ผมสังเกตเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของชายชราเสมอ บางคนเคยบอกว่าการยิ้มบ่อยๆ ทำให้อารมณ์ดี เมื่ออารมณ์ดีก็ทำให้อายุยืนตามไปด้วย ชายชราก็คงเป็นเช่นนั้น เพราะตอนนี้แกอายุ ๗๖ ปีแล้ว แต่แกยังแข็งแรงเหมือนคนอายุ ๕๐ 

ใน ๗๖ ปีของชีวิต หากเปรียบเทียบระหว่างคนอายุขนาดนี้ที่อยู่ในเมืองกับชายชรา คนในเมืองบางคนอาจต้องพ่ายแพ้ เพราะในวัย ๗๖ สำรับคนในเมืองก็เป็นคนที่เกษียณตัวเองออกจากทุกอย่าง ได้เพียงแต่นั่งๆ นอนๆ ให้ลูกหลานป้อนข้าวป้อนน้ำ แต่สำหรับชายชราแล้วอายุเป็นเพียงริ้วรอยที่ปรากฏบนใบหน้า และผมขาวโพลนบนศีรษะเท่านั้น เพราะชายชรายังแข็งแรง เดินขึ้น-ลงท่าน้ำเอาเรือออกไปหาปลาได้โดยไม่ต้องบ่นว่าปวดเมื่อย

ปฏิเสธไม่ได้ว่า การดำรงอยู่ของคนเราในวงรอบของชีวิตแต่ละปี บางครั้งคนเราก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ จากการใช้ชีวิต ชายชราเองก็เช่นกัน กว่าจะทำเครื่องมือหาปลา และใช้เครื่องมือหาปลาแต่ละชนิดได้ แกก็ต้องอาศัยเวลาในการทดลองใช้ ทดลองทำด้วยตัวเอง บางครั้งการทดลองก็มีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ้าง แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นก็สอนประสบการณ์ชีวิตให้กับชายชรามากมาย

หลังแสงแดดของความร้อนยามพลบลาลับไปไม่นาน ควันไฟก็ลอยล่องขึ้นจากเตาไฟในครัว ที่กองไฟนั้น แม่เฒ่ากำลังก่อไฟนึ่งข้าว เพื่อเตรียมอาหารมื้อเย็น หลังจากพูดคุยกับชายชราเนิ่นนาน ผมจึงได้รู้ว่า บ้านหลังนี้มีคนอยู่สองคน เพราะลูกหลานต่างแยกย้ายกระจัดกระจายไปทำมาหากิน และมีครอบครัวอยู่ที่อื่น แต่ลูกหลานก็ไม่เคยทอดทิ้งให้สองผู้เฒ่าต้องเหงา เพราะนานๆ ครั้งพวกเขาก็กลับมาเยี่ยมพอให้หายคิดถึง

บางวันเมื่อชายชราเอาเรือขึ้นไปหาปลา แม่เฒ่าจะอยู่เพียงลำพังในบ้านหลังใหญ่ ผมไม่รู้ว่าในห้วงยามอย่างนี้ แม่เฒ่าจะหว้าเหว่บ้างหรือเปล่า หรือว่าแม่เฒ่าเป็นอย่างนี้จนเคยชิน บางครั้งถ้านับเทียบเป็นเวลาแล้ว การพลัดพรากชั่วครู่ชั่วยามซ้ำแล้วซ้ำเล่าสำหรับผู้เฒ่าทั้งสองคนมันคงเป็นเวลาหลายปี

เมื่อผมอดกลั้นต่อความรู้สึกที่อยู่ใจไว้ไม่ไหว ผมเลยตัดสินใจถามแม่เฒ่าว่า
“แม่เฒ่าอยู่คนเดียวไม่เหงาหรือ”
“ในช่วงแรกมันก็คิดถึงกันบ้าง ตอนนั้นเรายังหนุ่มกันอยู่ กำลังมีลูกด้วย เราก็ไม่อยากให้เขาไป พอเขาไปภาระทุกอย่างก็เป็นของเรา หลังจากลูกหลานมันโตแต่งงานกันหมด เราก็ไม่ได้ห่วงอะไรแล้ว ตอนลูกหลานแยกย้ายกันออกเรือนไป แรกๆ ก็คิดถึงอยู่บ้าง เพราะบ้านเราคนมันอยู่กันเยอะ พอมาอยู่น้อยคนมันก็คิดถึงเป็นธรรมดา มองไปตรงไหนก็คิด อย่างมองไปบันไดเราก็คิดว่า วันนั้นตอนเย็นลูกคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น แต่พอนานเข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว ยิ่งตอนนี้ก็ไม่ได้คิดถึง แต่เป็นหว่ง เพราะเรามันก็แก่กันแล้ว กลัวไม่สบาย พอไม่สบายก็กลัวว่าจะไม่มีคนดูแล อย่างพ่อเฒ่าเราก็ห่วงแก เพราะแกไปหาปลาคนเดียวไปอยู่ไกลจากบ้านด้วย แต่ก็อย่างว่าคนเราแก่เฒ่าแล้วไม่ค่อยได้คิดอะไรมากหรอก กลางวันก็ไปอยู่กับกลุ่มคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้าน ตอนเย็นกลับมาบ้านก็ทำกับข้าว กินเสร็จแล้วก็นอน ชีวิตก็เป็นอยู่อย่างนี้”

ในวิถีแห่งชีวิตของสองคนเฒ่า เหมือนมีสายใยแห่งความห่วงใยซุกซ่อนอยู่ภายในตาข่ายแห่งการจากพราก ช่วงที่ชายชราขึ้นไปหาปลา แม่เฒ่าต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ชายชราเองก็คงไม่ต่างกัน เพราะในแต่ละครั้งที่ออกไปหาปลา แกก็ต้องพักค้างอ้างแรมคนเดียวในกระท่อมริมฝั่งน้ำ
“พ่อเฒ่าไปหาปลาแต่ละครั้งนานไหม”
“บางครั้งก็ ๓-๔ วัน บางครั้งก็วันเดียว แล้วแต่ได้ปลาไม่ได้ปลา ถ้าได้ปลาก็ไปนาน ถ้าไม่ค่อยได้ปลาก็กลับมาเร็ว รอจนปลาขึ้นมาก็ไปใหม่ แต่ตอนนี้ไปนาน ไปทีเป็นครึ่งเดือน ได้ปลาก็ฝากลูกมาขาย เรามันแก่แล้วไม่อยากเดินทางบ่อย”
“พ่อเฒ่าหาปลามานานหรือยัง”
“ประมาณ ๔๐ กว่าปีได้อยู่หรอก”

เมื่อพูดถึงการขายปลาแล้ว สำหรับบางวันที่ชายชราคืนสู่บ้านพร้อมกับปลา แม่เฒ่าจะเป็นคนนำปลาไหขาย เรื่องขายปลาบางทีดูเหมือนว่าผู้หญิงจะทำได้ดีกว่าผู้ชาย แต่บางครั้งหลังจากกลับมาจากหาปลา ชายชราก็จะเป็นคนเดินเอาปลาไปเร่ขายเอง ชายชราให้เหตุผลว่า ปลาบางตัวมันก็น่าจะขาย แต่บางตัวมันก็ไม่น่าจะขาย ยิ่งคนคุ้นเคยกันแล้ว บางทีปลาบางตัวก็ไม่เหมาะจะถูกซื้อ แต่มันเหมาะสำหรับการให้กันกินมากกว่า

ในแต่ละวันชีวิตของสองผู้เฒ่าต่างเป็นอยู่อย่างนี้แทบไม่มีอะไรวิจิตรพิสดารมากมายนัก อาหารการกินก็กินอย่างชาวบ้านทั่วไป แม้ว่าในบางวันอาจมีอาหารพิเศษเพิ่มเข้ามาบ้าง แต่นั้นก็นานๆ ครั้ง แต่อาหารหลักสำหรับสองผู้เฒ่าคือปลาที่ชายชราหามาได้นั่นเอง...

ฟ้ามืดหลังแสงสุดท้ายของวันหายไปจากฟ้า ผมลาผู้เฒ่าทั้งสองกลับบ้าน ก่อนจาก ชายชราเดินออกมาส่งผมหน้าประตูรั้วบ้าน หลังชายชรากลับเข้าไปในบ้าน ผมก็หันหลังให้บ้านหลังนั้น แล้วเดินฝ่าความมืดไปตามถนนคืนสู่บ้าน

ขณะเดินไปตามถนนผมหวนคิดถึงรอยยิ้มของชายชรา เวลาแกเล่าเรื่องตลกให้ฟัง แกจะหัวเราะอยู่เสมอ ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนคนหนึ่งเคยพูดกับผมไว้ว่า คนแก่มักอารมณ์ดีกับลูกหลานอยู่เสมอ แต่บางครั้งผมก็ไม่ค่อยเชื่อเพื่อนคนนั้นเท่าใดนัก เพราะบางทีคนแก่บางคนก็อารมณ์ร้าย การที่จะอารมณ์ดีได้มันคงมาจากปัจจัยหลายสาเหตุ ตัวชายชราเองก็เช่นกัน การไม่ต้องวุ่นวายอยู่กับเรื่องราวต่างๆ มากนัก และการได้อยู่กับสิ่งที่ตัวเองชอบมันคงทำให้แกอารมณ์ดี..

บล็อกของ สุมาตร ภูลายยาว

สุมาตร ภูลายยาว
จากประวัติศาสาตร์ที่มีการบันทึกทั้งเป็นอักษร และไม่มีอักษร การสร้างเขื่อนเพื่อกักเก็บน้ำ และทำกิจกรรมอย่างอื่นมีมาหลายร้อยปีแล้ว หากนึกถึงเขื่อนหลายคนอาจนึกถึงสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นลำน้ำ และเมื่อนึกถึงเขื่อน เรานึกถึงอะไรเกี่ยวกับเขื่อนบ้าง แน่ละบางคนอาจตอบว่าไฟฟ้า บางคนอาจตอบว่าสถานที่ท่องเที่ยวรวมไปถึงน้ำเพื่อการเกษตร แต่สิ่งหนึ่งที่เราลืมนึกถึงไปเมื่อพูดถึงเขื่อน คือเรื่องราวเล็กๆ ในบริเวณสร้างเขื่อน ทั้งเรื่องของป่าไม้ ที่ดิน สัตว์ป่า และรวมไปถึงเรื่องราวของผู้คนที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่ก่อการสร้างเขื่อน “ทองปาน”…
สุมาตร ภูลายยาว
เราต่างรู้ชัดแจ้งเห็นจริงว่า บนดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก อันมีสันฐานเป็นทรงกลมคล้ายผลส้มใบนี้มีน้ำมากกว่าพื้นดิน แต่สิ่งหนึ่งที่เราหลายคนอาจไม่รู้คือ เรื่องการแบ่งพรมแดนแผ่นดินโดยใช้แม่น้ำเป็นเส้นแบ่ง คนในยุคสมัยก่อนคิดได้ยังไงว่า แม่น้ำส่วนไหนเป็นของประเทศใด เพราะธรรมชาติแม่น้ำมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา    ในเอเชียของเรามีแม่น้ำหลายสายที่ถูกขีดแบ่งเป็นเส้นพรมแดน ไม่ว่าจะเป็นเส้นแบ่งหมู่บ้านกับหมู่บ้าน ตำบลกับตำบล จังหวัดกับจังหวัด และประเทศกับประเทศ และบ่อยครั้งที่การแบ่งแม่น้ำออกเป็นพรมแดน คนที่อยู่ริมน้ำไม่เคยได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง…
สุมาตร ภูลายยาว
“มื้ออื่นไปแต่เช้าเด้อ เดี๋ยวพ่อสิไปเอิ้นดอก” ถ้อยคำสุดท้ายของชายวัย ๖๐ กว่าที่นั่งอยู่ในบ้านดังแว่วออกมา ขณะเรากำลังเดินจากกระท่อมของพ่อเฒ่ามา หลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปไม่นาน หมู่บ้านจมอยู่ในความมืด ถ้าเป็นเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อนในตอนเย็นเช่นนี้หมู่บ้านจะเงียบกว่าที่เป็นอยู่ เพราะคนในหมู่บ้านยังไม่ได้เดินทางกลับมาจากไร่
สุมาตร ภูลายยาว
หลังมุ่งแก้ปัญหาการขาดน้ำใช้ในฤดูแล้งมาตลอดระยะเวลา ๒ ปี ชาวบ้านหลวงบางส่วนจึงมุ่งหน้าเดินทางขึ้นสู่ภูเขา เพื่อไปสู่ขุนห้วย ผู้ชายบางคนถือมีด บางคนถือจอบ ผู้หญิงหาบเครื่องครัวทั้งพริก ถ้วย ชาม เดินตามทางเดินเล็กๆ มุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน เสียงดังมาจากเบื้องหน้าให้เร่งฝีเท้าในการเดินทางขึ้นอีก เพราะเป้าหมายใกล้ถึงแล้วชาวบ้านเหล่านี้เดินทางเพื่อไปสู่เป้าหมายใดกัน เมื่อขบวนเดินทางพ้นจากที่ราบอันเป็นไร่ข้าวโพดไปแล้วก็มุ่งหน้าขึ้นสู่ขุนห้วยอันเป็นต้นกำเนิดของห้วยหลวง ที่ขุนห้วยมีชาวบ้านบางส่วนเดินล่วงหน้าไปรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อขบวนใหญ่เดินมาสมทบในภายหลัง พิธีการบูชาเทพแถนผีป่าผีน้ำก็เริ่มขึ้น…
สุมาตร ภูลายยาว
ลำเซียงทาล่องไหลมาเนิ่นนาน.....ทานทน ฝน-ร้อน-หนาวปล่อยไอหมอกขาวลอยล่องสู่ท้องฟ้าเมฆมหึมาก่อฝน....เหนือโป่งขุนเพชรในหุบห้วยล้วนร่องธารที่ผ่านมาเวลานาฑีไม่มีใครรู้เพียงกระพริบไหวของสายตาแห่งหมู่เมฆลมโยกเยกฝนใหญ่โปรยปรายลำเซียงทามาจากหุบห้วยใหญ่ไหลล่องผ่านปี-เดือนไผ่ไหวเหนือสายน้ำลำเซียงทายามลมผ่านผิวปลิดปลิวเคว้งคว้างพลิ้วไหวอ่อนโยนลำเซียงทาโอบอุ้ม-อุ่นเอื้อโป่งขุนเพชร,เทพสถิตย์, ชัยภูมิ ,๒๕๔๗
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำเกิดมาจากสายฝน-สายฝนเกิดจากแม่น้ำ นานมาแล้วต้นกำเนิดของแม่น้ำ และสายฝนมาจากที่เดียวกัน ทุกสิ่งล้วนสัมพันธ์เชื่อมโยง เช่นเดียวกับแม่น้ำสายใหญ่ที่หล่อเลี้ยงผู้คนในแถบอีสานใต้ แม่น้ำสายนี้ชื่อว่า ‘แม่น้ำมูน’ มีต้นกำเนิดจากสายน้ำเล็กๆ บริเวณเขาแผงม้า จังหวัดนครราชสีมา หลังจากนั้นก็ไหลเรื่อยผ่านสุรินทร์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ ก่อนไหลลงบรรจบกับแม่น้ำโขงที่บริเวณแม่น้ำสองสีในอำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ลำน้ำสายยาวได้หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนมาหลายชั่วอายุคน ตั้งแต่หลายปีตลอดการไหลของแม่น้ำมีเรื่องราวหลายเรื่องเกิดขึ้น…
สุมาตร ภูลายยาว
ฉันเคยสงสัยอยู่ว่า คนเราเมื่อเดินทางไกลข้ามคืนข้ามวัน เราล้วนได้รับความเหนื่อยล้า แต่เมื่อไปถึงปลายทาง เราจะสลัดทิ้งความเหนื่อยล้าได้ยังไง คำถามเช่นนี้ไม่เคยเป็นคำตอบเลยสำหรับฉัน เพราะบ่อยครั้งที่เริ่มต้นเดินทางไกล–อันหมายถึงระยะทาง ทุกครั้งเมื่อถึงจุดหมาย ฉันหวังเพียงได้เอนตัวลงพักพอหายเหนื่อยแล้วค่อยคลี่คลายชีวิตไปสู่ทิศทางอย่างอื่น แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดที่วูบเข้ามา ความจริงการจะทำเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะกับการเดินทางครั้งนี้ หลังรถโดยสารปรับอากาศสายเชียงใหม่-อุบลราชธานี พาผู้โดยสารออกเดินทางยาวนานถึง ๑๗ ชั่วโมงจอดสงบนิ่งลงที่ท่ารถห่างออกมาจากตัวเมือง…
สุมาตร ภูลายยาว
พ่อเฒ่าฟาน ดิน กัน แห่งหมู่บ้านทรีอาน (หมู่บ้านแห่งสันติ) หมู่บ้านริมแม่น้ำซมฮอง (แม่น้ำแดง) เส้นเลือดใหญ่ของชาวฮานอยยืนตระหง่านบนหัวเรือ หากไม่มีการถามไถ่คงยากที่จะคาดเดาอายุของพ่อเฒ่าได้ ปีนี้พ่อเฒ่าอายุ ๖๔ แล้ว ขณะพ่อเฒ่ายืนตระหง่านตรงหัวเรือ สายลมหนาวของเดือนมกราคมยังคงพัดมาเย็นเยือก ในสายลมหนาวนั้นมีฝนปนมาเล็กน้อย พ่อเฒ่าบอกว่า ฝนตกช่วงเดือนธันวาคม-มีนาคมที่ฮานอยเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือความหนาว เพราะปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี ๕๑ ความหนาวเย็นที่พัดมาขนาดหนักเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว ๓ ครั้ง ว่ากันว่าอากาศที่เปลี่ยนแปลง คงเป็นเพราะโลกเรามันร้อนขึ้นในเรือมีผม และเพื่อนร่วมทางอีก ๒ คน…
สุมาตร ภูลายยาว
หลังการเดินทางอันเหนื่อยล้าด้วยการล่องเรือข้ามวันข้ามคืนในแม่น้ำโขงสิ้นสุดลง ผมพบว่าตัวเองกลายเป็นคนติดการฟังเป็นชีวิตจิตใจ บางครั้งในยามเย็นที่ขี่รถมอเตอร์ไซค์ (ขออภัยที่ไม่ใช้จักรยาน เพื่อการประหยัดพลังงาน) ไปซื้อกับข้าว ผมพบว่า รถเข็นขายอาหารสำเร็จรูปจำพวกแกงถุงของลุงรัญเจ้าเก่าในซอยวัดโป่งน้อยมีเรื่องเล่าหลายเรื่องให้ผมต้องนิ่งฟังเรื่องเล่าหลายเรื่องที่ผู้ซื้อนำมาเล่าให้พ่อค้าฟัง และหลายเรื่องเช่นกันที่พ่อค้าได้นำมาเล่าให้ลูกค้าฟัง บางเรื่องที่ผมได้ยิน ผมก็เลยผ่านเลยไป แบบว่าฟังพอผ่านๆ แต่บางเรื่องต้องนำกลับมาคิดต่อ…
สุมาตร ภูลายยาว
แม่น้ำโขงถือว่าเป็นแม่น้ำแห่งพรมแดนสายสำคัญที่ไหลเป็นเส้นแบ่งของหลายประเทศมีผู้คนจำนวนไม่น้อยได้ใช้ประโยชน์จากแม่น้ำสายนี้  ในจำนวนของคนริมสองฝั่งแม่น้ำโขงมีคนจำนวนไม่น้อยรับรู้ได้ว่า วันนี้มีอะไรเกิดขึ้นกับแม่น้ำสายที่พวกเขาคุ้นเคย ฤดูหนาวแม่น้ำสีคล้ายน้ำโอวันติลไหลเอื่อยๆ เหมือนคนหายใจรวยรินใกล้สิ้นลมหายใจเต็มที แม่น้ำไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่เคยเป็นมา เมื่อรับรู้ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ชาวบ้านห้วยลึก หมู่ ๔ อำเภอเวียงแก่น จังหวัดเชียงรายที่ได้อาศัยประโยชน์จากแม่น้ำมาหลายชั่วอายุคนจึงได้รวมตัวกันทำพิธีสืบชะตาให้กับแม่น้ำ…
สุมาตร ภูลายยาว
“สาละวินไม่มีคน” คือคำพูดของบรรดานักพัฒนาผู้แสวงหากำไรบนหนทางของการพัฒนาลุ่มน้ำแห่งนี้ได้ยกขึ้นมาบอกกล่าวจนชินหู แต่หากได้ลงมาล่องเรือเลียบเลาะสายน้ำชายแดนแห่งนี้ จะพบว่าแม่น้ำนานาชาติสายที่ยาวที่สุดในภูมิภาคอุษาคเนย์ที่ยังคงไหลอย่างอิสระแห่งนี้เป็นบ้าน เป็นชีวิตของผู้คนมากมาย โดยเฉพาะกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในผืนป่าตลอดสองฝั่งน้ำงานวิจัยปกากญอ “วิถีแม่น้ำและผืนป่าของปกากญอสาละวิน” ได้จัดทำโดยนักวิจัยชาวบ้าน ปกากญอ หรือชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงจาก ๕๐ หย่อมบ้านในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวินบนพรมแดนไทย-พม่า เขต อ.แม่สะเรียง และ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน…
สุมาตร ภูลายยาว
ลมหนาวพัดข้ามมาจากขุนเขา บางคนบอกว่าลมหนาวพัดมาจากไซบีเรีย ซึ่งสังเกตได้จากการดูนกอพยพหนีหนาวมา บางคนก็บอกว่าลมหนาวพัดมาจากเทือกเขาสูงของประเทศจีน เมื่อลมหนาวมาเยือน เพียงต้นฤดูหนาวเช่นนี้ก็สามารถสัมผัสได้ทางผิวกายที่เริ่มแห้งลงเรื่อยๆ และป่าเริ่มเปลี่ยนสีพร้อมผลัดใบไปกับลมแล้งในความหนาวเย็นนั้น เขาเดินทางรอนแรมฝ่าสายน้ำอันเชี่ยวกรากของหน้าแล้งไปตามลำน้ำสายหนึ่งที่อยู่สุดเขตแดนประเทศไทยด้านตะวันตก เขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมเขาต้องมายังที่แห่งนี้ เพราะในส่วนลึกของหัวใจของเขามันไม่ได้เรียกร้องให้เขาเดินทางมายังที่แห่งนี้เลย ในห้วงแห่งกาลเวลาอย่างนี้ไม่มีใครรับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น‘สบเมย’…