Skip to main content

ซาเสียวเอี้ย

การไล่ตีแมลงสาบบนฝาบ้าน อาจเป็นเกมสนุกสนานอย่างหนึ่ง

และเพียงสายลมเย็นจากพัดลมมือสองที่เป่าไล่ความร้อนในค่ำคืนอบอ้าว

อาจเป็นถึง รางวัลชีวิต' ของสองพ่อลูกผู้ยากจน...ผู้อาศัยอยู่ในโลกแห่งความแร้นแค้น

ทั้งหมดที่่ว่ามา-อาจฟังไม่ต่างจากสงครามชีวิตสุดรันทด (บัดซบ!) แต่เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ถูกถ่ายทอดผ่านมุมมองของ โจวซิงฉือ' ไอ้สิ่งที่ควรจะเศร้า...กลับทำให้เราหัวเราะออกมาได้

000

ถึงแม้ว่าหน้าหนังของ CJ7 จะถูกโฆษณาว่าเป็นแนว Sci-fi แต่ ใจความสำคัญ' ที่อยู่ในนั้น ไม่ใช่ ความลี้ลับ' ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ หรือถ้าจะพูดให้ชัดๆ ก็ต้องบอกว่า นี่คือหนังครอบครัวแนว Comedy-Drama ที่ให้ สิ่งมีชีวิตจากนอกโลก' เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องโดยบังเอิญเท่านั้นเอง

ตัวละครแบบ ลูกกระจ๊อก' ลูกไล่' หรือ ไอ้ขี้แพ้' ตามสไตล์หนังโจวซิงฉือ ยังอยู่ครบถ้วน เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มีการเฉลี่ยน้ำหนักให้ดาราหน้าใหม่ที่มาแสดงเป็น ลูกชาย' ในเรื่องด้วย

ชีวิตของ อาตี้' (โจวซิงฉือ) ไม่รุ่งโรจน์สดใส เขาอาจจะตายไปโดยไม่อาจเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีก นอกจากกรรมกรก่อสร้าง' ผอมแห้งแรงน้อย และที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะอาตี้ไม่ได้เรียนหนังสือตอนเป็นเด็ก เขาจึงตั้งความหวังว่า เสี่ยวตี้' (ซูเจียว) ลูกชายคนเดียวที่มี จะมีอนาคตที่ดีกว่า

อาตี้ทำงานหนัก ควบทั้งกะเช้ากะดึก เพื่อจะส่งเสียให้ลูกได้เรียนในโรงเรียนเอกชน ดีๆ'

และการที่โรงเรียนเอกชน ดีๆ' ส่วนใหญ่เก็บค่าเล่าเรียน แพงๆ' ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา

เงินที่อาตี้หามาได้ก็หมดไปกับค่าเล่าเรียน ค่าเครื่องแบบ ค่าหนังสือ ฯลฯ ของเสี่ยวตี้ และครั้งไหนที่ไม่มีเงินซื้อของใหม่ อาตี้จะไป ช็อปปิ้ง' ที่ภูเขาขยะเพื่อหาข้าวของที่ยังพอจะใ้ช้การได้มาซ่อมแซมให้ลูกชาย

วันหนึ่งเสี่ยวตี้ดื้อดึงจะให้พ่อซื้อของเล่นราคาแพงเหมือนอย่างที่เคยเห็นของเพื่อนในโรงเรียน ผลก็คืออาตี้ต้องไปคุ้ยภูเขาขยะเพื่อหาของเล่น (ที่คนอื่นทิ้งแล้ว) มาปลอบใจลูกชาย แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่เขาหยิบมาคือ อะไรบางอย่าง' ที่เดินทางมาจากนอกโลกพร้อมยานอวกาศรูปทรงประหลาดๆ ลำหนึ่ง...

ของเล่น' ที่อาตี้เก็บมาให้ลูกชาย กลายเป็นของแปลกที่น่าสนใจสำหรับเสี่ยวตี้ เพราะต่อมา ของเล่นชิ้นนั้นก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดตัวเขียวหยุ่นๆ หัวกลมๆ มีขนฟู และตาโตๆ เหมือนลูกหมา

การอยู่ร่วมกับสัตว์ประหลาดที่ว่าก็กลายเป็นประสบการณ์สำคัญที่เปลี่ยนชีวิตสองพ่อลูกผู้ยากไร้ในภายหลัง...

000

ผลงานก่อนหน้า อย่าง Kung Fu Hustle หรือ Shaolin Soccer ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม ทั้งที่ตอนนั้นโจวซิงฉือเพิ่งจะมีผลงานกำกับเอง, เขียนบทเอง และแสดงเองอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง แต่มุขเสียดสีสังคมอย่างแสบสันต์ด้วยการหยิบเอาตำนานจอมยุทธ์มาล้อเลียนกับฉากหลังอันปั่นป่วนของฮ่องกงยุคต่างๆ (ยุคอันธพาลครองเมืองและยุคโลกาภิวัตน์) เพื่อบอกเล่าถึงการต่อสู้ของชนชั้นล่างที่ต้องรวมตัวกันปกป้องชุมชนของตัวเองอย่างแข็งขัน เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสังคมตะวันออกมีประสบการณ์ร่วมอยู่บ้าง ทั้งจากหนังจีนกำลังภายใน หนังสือ และวัฒนธรรมที่บ่มเพาะกันมานาน เมื่อจับมารวมกับมุขตลกหน้าตายของโจวซิงฉือ มันก็กลายเป็นสูตรของหนังที่ประสบความสำเร็จได้ไม่ยากเย็นอะไร

ทั้งที่ภาพลักษณ์ของโจวซิงฉือ ไม่ใช่ Action Hero อย่าง เฉินหลง' หรือหลีเหลียนเจี๋ย' (Jet Li) แต่เพราะเขาคือผู้แพ้' ที่พากเพียร หรือไม่ก็เป็นพวกขี้โม้ กะล่อน เอาัตัวรอดไปวันๆ และอาจเป็นได้ว่า ความไม่เอาไหนเหล่านั้น คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนดูหลายคนสนุกกับการเอาใจช่วยเขามากกว่าเวลาที่ได้ดูการแสดงของนักแสดงดังๆ ที่เก่งกาจเรื่องศิลปะการต่อสู้ระดับเทพ

แต่การกลับมาพร้อม หนังไซ-ไฟ' ของโจวซิงฉือครั้งนี้ อาจเรียกว่าเป็นความพยายามที่จะ ฉีกแนว' ครั้งสำคัญ...น่าเสียดาย...ที่บรรยากาศมันไม่ได้แตกต่างจากผลงานหลายๆ เรื่องที่เขาเคยผ่านมาแล้ว

จริงอยู่--ความน่ารักของ เสี่ยวตี้' และ CJ7 หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ซีเจ' ยังมีพลังมากพอที่จะทำให้คนดูหนังรู้สึกเพลิดเพลินจำเริญใจไปกับหนัง และต้องยกให้เป็นความลงตัวของสเปเชียลเอฟเฟกต์และนักแสดงหน้าใหม่ ซึ่งแสดงได้ดีจนไม่อยากเชื่อว่าเด็กผู้ชายหน้าทะเล้นคนนั้น แท้จริงแล้วเป็น เด็กผู้หญิง' วัย 10 ขวบ และอนิเมชั่นสามมิติที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสัตว์ประหลาดสีเขียวขนฟูนั้นก็ดูน่ารักน่าชังจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม หลายต่อหลายฉากที่ผ่านตาใน CJ7 หลายต่อหลายคนเคยเห็นมามากแล้วในหนังของโจวซิงฉือหลายๆ เรื่อง ซึ่งมันอาจจะไม่ได้ทำให้เราหัวเราะหรือร้องไห้กับมันได้น้อยลง ฉากที่ควรจะขำ คนดูหลายๆ คนก็ยังขำ และฉากไหนที่ออกมาเพื่อเรียกน้ำตา ก็ยังทำให้หลายคนต้องควานหากระดาษทิชชู่หรือผ้าเช็ดหน้ามาใช้งานอยู่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่หายไปคือเสน่ห์ของ ตลกร้าย' ที่ทำให้เรารู้สึกเศร้าใจไปพร้อมๆ กับการระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

วิธีเอาตัวรอดของหนุ่มบ้านนอกซื่อๆ ที่พยายามจะเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งค์ผู้มีอิทธิพลซึ่งโจวซิงฉือเคยวิพากษ์ไว้ในหนังเรื่อง Kung Fu Hustle มีความแหลมคมสะใจที่ได้เห็นสังคม กินคน' ถูกท้าทาย ที่ๆ อำนาจมืดและอำนาจทุนกดขี่ผู้คนจากบนลงล่าง และอำนาจรัฐก็ช่วยอะไรไม่ได้ ในที่สุดก็ถูกล้มล้างโดยชาวบ้านใน ตรอกเล้าหมู' ที่แสนจะอุดอู้และสกปรก ส่วนประเด็นที่พูดถึงใน CJ7 คือการ ยกระดับทางสังคม' ซึ่งน่าจะมีเรื่องราวให้เอามาเสียดสีได้เยอะทีเดียว แต่ (อาจจะ) ด้วยความที่ต้องการให้หนังเรื่องนี้เป็น หนังครอบครัว' โจวซิงฉือจึงเลือกวิธีที่ค่อนไปในทาง สั่งสอน' และเทศนา' โดยยกให้ การศึกษา' เป็นคำตอบของเรื่องทั้งหมด

หลายๆ ฉากใน CJ7 อาตี้สอนลูกให้ขยันเรียน, ซื่อสัตย์, อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะการศึกษาคือ ความหวัง' ที่จะทำให้คนยากจนหลุดพ้นไปจากความแร้นแค้น แ่ต่ค่านิยมแบบนี้ก็ไปผลิดอกออกผลเป็นการแก่งแย่งแข่งขันตะเกียกตะกายเื่พื่อเข้าไปเรียนในโรงเรียนดีๆ และสิ่งที่อาตี้สอนบทเรียนให้ลูกไม่ได้ก็คือว่า เด็กๆ ควรจะทำอย่างไรเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในสภาพที่การ (ได้รับความ) เคารพศักดิ์ศรี--มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่นิยมวัตถุมากกว่าอะไรที่เป็นนามธรรม อย่างเช่น ความอ่อนน้อม ความมีน้ำใจ และความยุติธรรม

แต่ถึงจะบ่นว่ายังไงก็ตามที โดยส่วนตัวแล้วก็ยังเห็นว่า CJ7 เป็นหนังที่ดีและดูสนกอีกเรื่องหนึ่งซึ่งใครๆ ก็ดูได้

เพราะอย่างน้อยที่สุด สิ่งหนึ่งที่โจวซิงฉือถ่ายทอดออกมาในหนัง (แทบจะ) ทุกเรื่องก็ยังไม่หายไปไหน นั่นคือ ความหวัง' ว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเดิม...

 

บล็อกของ Cinemania

Cinemania
  ธวัชชัย ชำนาญหนังรักโรแมนติกเป็นอะไรที่คนไทยให้ความสนใจโดยเฉพาะกลุ่มวัยทีนทั้งหลาย อย่างที่เพิ่งเข้าโรงไปอีกเรื่องก็คือ Happy Birthday เป็นความรักแบบโศกซึ้งน้ำตาซึมแห่งปีไปเลยก็ว่าได้ สาวๆหลายคนออกมาคงรำพันกับตัวเองไม่น้อย "ผู้ชายแบบนี้ยังมีอีกไหมหนอ"แต่สัปดาห์นี้ กระผมขอนำความรักในอีกแบบหนึ่งมาเสนอ เป็นหนังรักแห่งแดนอิเหนา หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นหนังรักแนวของประเทศมุสลิม คือเป็นหนังรักที่มีศาสนา จารีต ประเพณี และกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตรักของตัวละคร อย่างน้อยๆ หนังเรื่องนี้เป็นการสร้างสรรค์ให้วงการหนังแนวโรแมนติกในอีกมุมมองหนึ่งของความรักหนังเรื่องนี้ชื่อ ‘Ayat Ayat Cinta'…
Cinemania
 พิชญ์ รัฐแฉล้ม   " องค์บาก 2 " ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2551 นำแสดงโดย ‘จา' พนม ยีรัมย์ หรือ ‘โทนี่จา' ในวงการภาพยนต์โลก ถือฤกษ์มงคล 5 ธันวาคม เข้าฉาย ทีมผู้สร้างวางเป้าหมายไว้ ‘องค์บาก 2' จะต้องประสบความสำเร็จอย่างงดงามสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน บัดนี้..ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์เต็มที่ภาพยนตร์ได้ออกฉายให้แฟนๆ จา พนม ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นได้สัมผัสอย่างเต็มตา และได้รับการตอบรับจากแฟน จา พนม เป็นอย่างดีจนสามารถฉลองความสำเร็จของรายได้ที่ทะลุเป้าหมายร้อยล้านในสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้ๆกัน ‘องค์บาก 2'…
Cinemania
  หมายเหตุ: “บันทึกอิสรา” แสดงที่มะขามป้อมสตูดิโอ ในวันที่ 9-15 ธันวาคม เวลา 19.30น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00น.  รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูไปที่ www.makhampomstudio.net        “เรื่องราว... ถ้าไม่เล่าสู่กันฟัง คนข้างหลังก็จะลืม... เลือนราง” เนื้อร้องท่อนหนึ่งจากละครร้องเรื่อง “บันทึกอิสรา” ว่าเอาไว้ ชวนให้นึกเห็นด้วยไม่น้อย ทุกวันนี้ถ้าจะย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านพ้นมา ก็พบว่า ประวัติศาสตร์ของหลายๆ อย่างในประเทศนี้ไม่เคยจะสมบูรณ์เสียที ประวัติศาสตร์บางแบบแม้จะเรียนแล้วก็ต้องเรียนอีก…
Cinemania
ไก่ย้อย หมายเหตุ: จดหมายฉบับนี้สร้างขึ้นจากเรื่องจริงแต่แอบอิงวิธีการนำเสนอจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ โดยสมมติเหตุการณ์ว่าเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ต้นฉบับ หากใครยังไม่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ บางทีก็อาจจะไม่เข้าใจมุกเห่ยๆ ของผู้เขียน  ส่วนใครที่ไม่อยากอ่านจดหมายฉบับนี้ ผู้เขียนก็ขอร้องว่าอย่าอ่านเลยนะพวกคุณ   ถึงเพื่อนๆ หากพวกแกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันขอร้องพวกแกอย่างหนึ่งนะว่า “อย่าคิดมาก” เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์บ้านเมือง และวงการวิชาการของไทยมันก็มีเรื่องซีเรียสมากมายกันพออยู่แล้ว ฉะนั้นพวกแกอย่าเสียเวลาเปลืองมันสมองเพื่อขบคิดกับจดหมายบ้าๆ บอๆ ของฉันอยู่เลย…
Cinemania
  จันทร์ ในบ่อ 20th Century Boys หรือเด็กในศตวรรษที่ 20 เป็นภาพยนตร์ที่นำเรื่องราวจากการ์ตูนชื่อเดียวกันมาสร้าง (การ์ตูนชื่อไทยว่า แกงค์นี้มีป่วน) เป็นผลงานเรื่องเด่นจากค่าย Shogakukan แต่งโดย Naoki Urasawa คนเดียวกับผู้เขียน Monster (คนปีศาจ)  20th Century Boys ยังคว้ารางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมครั้งที่ 48 จาก Shogakukan  รางวัลชนะเลิศในงาน Media Art ครั้งที่ 6 ของทบวงวัฒนธรรมญี่ปุ่น และรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยม ครั้งที่ 25 จาก Kodansha คอการ์ตูนเองคงรู้ดีถึงความยอดเยี่ยม ส่วนฉบับภาพยนตร์ดูแล้วก็คิดว่าว่าไม่เสียรสชาติครับ ด้วยข้อจำกัดของหนังด้านเวลาเมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อหา…
Cinemania
จันทร์  ในบ่อ หายหน้ากันไประยะหนึ่งสำหรับคอลัมภ์หนังรายสัปดาห์ของประชาไท ‘Blogazine' เลยขออนุญาตทำหน้าที่คั่นเวลาแทน ‘นพพร ชูเกียรติศิริชัย' ที่ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมครับ ส่วนช่วงคั่นเวลาสัปดาห์นี้ผมขอชวนคุยเรื่อง ‘ปืนใหญ่จอมสลัด' ที่กำลังลงโรงฉายเลยแล้วกัน   คงไม่ต้องการันตีคุณภาพให้มากขึ้นเมื่อปืนใหญ่จอมสลัดเป็นฝีมือกำกับเรื่องล่าสุดโดย ‘นนทรีย์ นิมิบุตร' และเขียนบทโดย ‘วินทร์ เลียววารินทร์' นักเขียนรางวัลซีไรต์ ใช้ทุนสร้างร่วม 200 ล้านบาท ภาพยนตร์ออกฉายปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2008…
Cinemania
  จันทร์  ในบ่อ หายหน้ากันไประยะหนึ่งสำหรับคอลัมภ์หนังรายสัปดาห์ของประชาไท ‘Blogazine' เลยขออนุญาตทำหน้าที่คั่นเวลาแทน ‘นพพร ชูเกียรติศิริชัย' ที่ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมครับ ส่วนช่วงคั่นเวลาสัปดาห์นี้ผมขอชวนคุยเรื่อง ‘ปืนใหญ่จอมสลัด' ที่กำลังลงโรงฉายเลยแล้วกัน   คงไม่ต้องการันตีคุณภาพให้มากขึ้นเมื่อปืนใหญ่จอมสลัดเป็นฝีมือกำกับเรื่องล่าสุดโดย ‘นนทรีย์ นิมิตรบุตร' และเขียนบทโดย ‘วินทร์ เลียววารินทร์' นักเขียนรางวัลซีไรต์ ใช้ทุนสร้างร่วม 200 ล้านบาท ภาพยนตร์ออกฉายปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2008…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัยImagine : John LennonImagine there's no heavenIt's easy if you tryNo hell below usAbove us only skyImagine all the people  Living for todayImagine there's no countriesIt isn't hard to doNo greed or hungerAnd no religion tooImagine all the people  Living life in peaceYou may say I'm a dreamerBut I'm not the only oneI hope someday you'll join usAnd the world will live as oneImagine no possessionsI wonder if you canNothing to kill or die forA brotherhood of manImagine all the peopleSharing all the worldผมเคยได้ยินและได้ฟังเพลง Imagine…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย  อังกฤษ ปี ค.ศ. 1983 ยุคที่รองเท้า ‘บู้ท' สไตล์ Dr.Matins ทรงผม ‘สกรีนเฮด' เสื้อเชิ้ต ‘ลายสก๊อต' และกางเกงยีนส์ คือสัญลักษณ์แห่ง ‘อำนาจ' ที่เหนือกว่าชนชาติอื่นในหมู่เยาวชนชาวอังกฤษ ‘ชอน' เด็กชายวัย 12 ผู้ฝังใจอยู่กับการสูญเสียพ่อไปในสมรภูมิเกาะฟอร์คแลนด์ (สงครามแย่งชิงเกาะฟอร์แลนด์ระหว่างประเทศอังกฤษและ อาเจนติน่า) กำลังเริ่มต้นค้นหาชีวิตในวัยหนุ่มกับกลุ่มเยาวชนรุ่นพี่  เขาถูกสอนให้รู้จักกับความเป็นกลุ่มก้อน หรือความเป็นสถาบันผ่านเครื่องแต่งกายสไตล์ขาโจ๋เมืองผู้ดีในช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 20 เขาถูกสอนให้รู้จักกับความเป็น ‘ชาย' ผ่าน ‘เกมส์'…
Cinemania
ชญานุช เล็กตระกูลชัย    ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Mona_Lisa_Smile   “ศิลปะคืออะไร อะไรที่ทำให้มันดีหรือแย่ แล้วใครเป็นคนกำหนด” “ศิลปะไม่ใช่ศิลปะ จนกว่าจะมีคนบอกว่าใช่… มันมีมาตรฐาน เทคนิค องค์ประกอบ สี และหัวข้อ” (บางส่วนของบทสนทนาระหว่างตัวละคร ‘แคเธอรีน วัตสัน’ (จูเลีย โรเบิร์ตส์) อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ และ ‘เบ็ตตี้ วอร์เร็น’ (เคิร์สเตน ดันสต์) นักศึกษาสาวจากวิทยาลัยเวสลี่ย์คอลเลจ) ปรัชญา ศิลปะ และกระบวนการทำให้ ‘หญิง’ เป็น ‘หญิง’ ภาพยนตร์เรื่อง Mona Lisa smile นำเสนอภาพสะท้อนของสังคมตะวันตก (ทั้งยุโรป และอเมริกา) ในช่วงต้น…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย  ภาพจาก http://www.japclub.com/dvd_box/j-bics/2008_may/Crows-Zero.htm    ผมเป็นผู้หนึ่งที่รู้สึกอิดหนาระอาใจกับสถานการณ์บ้านเมืองของเรา (หรือเปล่า?) ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะผมไม่เคยคาดคิดว่า ภาพการไล่กระทืบกันอย่างเมามันด้วยความมุ่งหวังที่จะพิชิตฝ่ายตรงข้าม (ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน) จะเกิดขึ้นในสังคมที่เที่ยวประกาศกับใครต่อใครว่าเป็นสังคมที่ยึดมั่นอยู่ในพระพุทธศาสนาอย่างเข้มข้น ‘ฉากชีวิตจริง’ นั้นดุเด็ดเผ็ดมันกว่า ‘หนังบู๊’ ที่ดูผ่านหน้าจอหลายเท่านัก และดูจะสยดสยองกว่า ‘คลิปวีดีโอเด็กนักเรียนตบกัน’ เป็นไหนๆ  ส่วน ‘…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย   "to prove the Faustian dream to be a nightmare" ผมมีโอกาสประสบพบกับประโยคภาษาอังกฤษข้างต้นเป็นครั้งแรกในหนังสือ ‘POST MODERN : ชะตากรรมโพสต์โมเดิร์นในอุ้งมือนักปรัชญาการเมืองโบราณ' ของ อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร และตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องนึกถึงมันอีกเลยไม่ว่าจะในกรณีใดๆ แต่แล้ววันดีคืนดี ในขณะที่ผมกำลังนั่งเพลิดเพลินเจริญอารมณ์อยู่กับภาพยนตร์เรื่อง Hellboy 2 : The Golden Army หลายๆ ฉาก หลายๆ ตอนในภาพยนตร์กลับทำให้มันสมองของผมเกิดระลึกถึงคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘the Faustian dream' ของอาจารย์ไชยันต์ (ไชยพร) ขึ้นมาอย่างกระทันหัน …