Skip to main content

ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับป๋าไมเคิ่ล ฮานาเก้ที่ได้รางวัลปาล์มทองอีกครั้งหนึ่งจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ Ffpภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขาอย่าง Amour ที่เรียกได้ว่าเป็นบทพิสูจน์อีกครั้งว่า ฝีมือการทำหนังของผู้กำกับคนนี้เป็นของจริงที่ยิ่งเวลาผ่านไปรสชาติการทำหนังของเขาก็ยิ่งเข้มข้นทุกทีไม่เหมือนผู้กำกับอีกหลายรายที่มือตกไปอย่างไม่น่าอภัย กระนั้นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับชายที่ชื่อว่า ไมเคิ่ล ฮานาเก้นี้ก็คือ แค่หนังเรื่องแรกของเขานั้นก็ปรากฏแววเก่งมาในทันที 

และหนังเรื่องแรกของเขาก็คือ The Seven Continent นั้นเอง
 และภาพยนตร์ที่โลกใบนี้ได้ต้อนรับชายผู้มีนามว่า ไมเคิ่ลฮานาเก้ 
กับหนังที่เป็นจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่า 
ไตรภาคของความเลือดเย็น  

 
หาก Funny Game คือผลงานที่ทำให้คนจำนวนมากรู้จักชื่อของเขาและได้รับรู้ความรู้สึกกระอักกระอ่วนในชัยชนะของความชั่วร้ายบวกการตบหน้าของคนดูอย่างจัง แต่กับหนังเรื่องนี้ ฮานาเก้ได้ทำสวนกลับจากหนังเรื่องนั้นกลายเป็นหนังที่เราได้อึ้ง งุนงง และไม่เข้าใจตั้งแต่จนจบ
 
เรื่องราวของหนังเกิดขึ้นในครอบครัวของคนชนชั้นกลาง ครอบครัวทีมีชีวิตแสนธรรมดาและอยู่อย่างสงบ พ่อต้องตื่นไปทำงาน แม่ตื่นมาทำอาหารเช้าให้เขาและลูกสาวที่ตื่นเตรียมไปเรียน ชีวิตของพวกเขาวนเวียนเป็นเข็มนาฬิกาที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทุกวันชีวิตของพวกเขาจะดำเนินไปแบบนี้จนกระทั่งวันหนึ่งได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อในวันหนึ่งเพื่อนบ้านมาพบศพของพวกเขาเข้าภายในบ้านที่มีแต่ซากปรักหักพัง ทุกสิ่งในบ้านพังหมดทุกอย่าง ร่างอันไร้วิญญาณของพวกเขานอนนิ่งอยู่บนเตียง ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่ต่างตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเขาถึงฆ่าตัวตาย
 
จากเนื้อเรื่องย่อที่อ่านแล้วหลายคนคงยกมือถามผมว่า มันเลือดเย็นตรงไหน ถ้าไปเทียบกับหนังเรื่องก่อนอย่าง Funny Game ยังดูน่ากลัวกว่า ผมเลยบอกว่า หนังเรื่องนี้เลือดเย็นก็ต้องที่มันวิพากษ์เรื่องคนชนชั้นกลางอย่างเราๆท่านๆในแบบที่เห็นพูดไม่ออกเหมือนกัน
 
หนังเปิดเรื่องด้วยภาพกิจวัตรประจำวันที่ซ้ำไปซ้ำมา ซึ่งแน่นอนว่าเป็นชีวิตประจำวันที่หลายคนนั้นคุ้นชินทั้ง การตื่นนอน อาบน้ำ แปรงฟัน ทานอาหารเช้า ทำงาน ไปโรงเรียน กลับบ้าน ทานอาหารเย็น อาบน้ำ เข้านอนแล้วตื่นขึ้นมา หนังฉายภาพซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้คนดูรู้สึกรำคาญประมาณว่า มึงจะทำเรื่องพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาทำไมว่ะ นั้นล่ะครับ เราคงลืมไปแล้วว่านั้นคือพฤติกรรมของเราที่เกิดขึ้นจริงๆทุกเช้านั้นเอง ความรู้สึกของเราจึงไม่ต่างกับตัวละครเท่าไหร่และนั่นทำให้เราเริ่มเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นมากขึ้น ซึ่งหนังจะแสดงภาพภาวะที่ผิดปกติจากการอยู่แบบนี้นานๆของครอบครัวนี้ เราได้รู้ว่าพวกเขาตั้งหน้าตั้งตาอยากจะไปเที่ยวกันในวันหยุด ณ ทวีปที่ 7 หรือออสเตรเลียในสิ่งหนังพูดถึง ที่ที่จะทำให้พวกเขาพ้นไปจากสภาพนี้ ซึ่งสิ่งที่เราได้รู้ก็คือ สุดท้ายพวกเขาไม่ได้ไปไหนอย่างที่คิดแถมยังมีเรื่องราวมากมายโผล่เข้ามาในชีวิตทั้งเรื่องที่คนพ่อกำลังถูกเลื่อนตำแหน่ง เรื่องร้านของแม่ที่น้องชายของเธอดูแล เรื่องสารพัดอย่างที่ถาโถมเข้าใส่ครอบครัวนี้แน่นอนว่า เราพูดดูหนังคงรู้สึกอึดอัดและน่ารำคาญกับหนังที่ไม่ให้เห็นอะไรไปมากกว่านี้
 
ซึ่งนั้นล่ะตอนนี้เราก็กำลังอยู่ในสถานะเดียวกับตัวละครแล้ว ดั่งกับหนังจะบอกเราว่า
พวกเอ็งไม่ได้ต่างไปจากครอบครัวนี้เท่าไหร่หรอกนะเฟ้ย
 
ครั้งก่อนผมได้เขียนถึงภาพยนตร์ที่เชื่อในความรักและสถาบันครอบครัวอย่าง It's Wonderful life ไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าหนังเชื่อมั่นในความดีอย่างสุดโต่ง ทว่าหนังเรื่องนี้กลับไม่เชื่อมั่นในเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ฮานาเก้มองว่า ไอ้ภาพในหนังแบบนั้นมันไม่มีจริงหรอก มันมีแต่ภาพการล่มสลายแบบช้าๆภายใต้ระบบคนชนชั้นกลางต่างหากที่ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งเหมือนเครื่องจักรกันไปทุกที ดั่งฉากหนึ่งที่น่าจะเป็นฉากที่เป็นเหมือนคำตอบของสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้อย่างดี มันเป็นฉากที่ครอบครัวนี้ไปล้างรถด้วยกัน พวกเขาที่อยู่ในรถต่างนั่งนิ่งไม่เคลื่อนไหวใดๆไม่มีคำพูดใดๆนอกจากเสียงเครื่องล้างรถที่ดังกระหึ่มราวกับเป็นเสียงที่ออกมาจากจิตใจของพวกเขา
 
หรืออีกในนัยหนึ่งก็คือ พวกเขาได้กลายเป็นเครื่องจักรกันไปหมดแล้ว
 
ดังนั้นต่อจากฉากนี้เราจึงได้เห็นฉากสุดช็อคที่เกิดขึ้นเมื่อเราเห็นทั้งสามคนไปซื้อของด้วยที่ซุปเปอร์ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ที่ดูแล้วได้แต่ฉงนว่า พวกเขาเอาไปทำอะไรกันทั้งค้อนอันใหญ่และสว่านและอีกมากมายก่อนที่ทุกอย่างจะมาเฉลยเมื่อเราได้เห็นภาพของการทำลายล้างทุกอย่างในบ้านแบบวินาศสันตะโรแบบไม่มีอะไรเหลือแม้กระทั่งตู้ปลาทองหรือกระทั่งเงินที่พวกเขายัดชักโครกไปหมด สิ่งที่พวกเขาเหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกันบนเตียงพร้อมกับเปิดโทรทัศน์ฟังเพลง The Power of love ไปด้วยก่อนที่พวกเขาจะค่อยๆตายไปทีล่ะคน
 
คำถามเกิดขึ้นทันทีที่หนังจบ
 
ทำไมพวกเขาถึงฆ่าตัวตาย
 
เราคงไม่สามารถตอบได้ว่าเพราะเหตุใด แต่สิ่งที่หนังทำก็คือฉายภาพซ้ำๆกันของกิจวัตรประจำวัน ที่ทำให้เราพึงระลึกว่า ชีวิตของมนุษย์ตามระบบนั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากหุ่นยนต์เลย เราถูกโปรแกรมให้มีชีวิตไปตามสั่ง ตื่นนอน อาบน้ำ กินข้าว ไปทำงาน ไปเรียน กลับบ้าน นอน ชีวิตที่แสนน่าเบื่อและซ้ำซากได้กัดกร่อนให้จิตใจของคนเริ่มห่างจากความเป็นคนไปทุกทีกลายเป็นความชินชา(ฉากหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่งก็คือ ฉากที่ครอบครัวนี้ขับรถไปเห็นอุบัติเหตุทว่า พวกเขากลับมองผ่านมันไปเฉยๆอย่างไม่ใยดี นั้นคือสัญญาณเตือนของการออกจากความเป็นมนุษย์ไปแล้ว เพราะอย่างน้อยพวกเขาจะรู้สึกอะไรบ้างไม่ใช่มองมันด้วยสายชินชาราวกับทุกอย่างเป็นปกติ) ดังนั้นการฆ่าตัวตายของเขาจึงเป็นทางเดียวของพวกเขาที่จะหลุดพ้นไปจากวงจรอุบาทว์นี้ไปให้ได้ เพราะการตายในความคิดของเขาคือ การหลุดพ้นจากครอบงำของระบบทุกอย่างนั้นเอง
 
เราคงเคยคิดว่า มนุษย์เป็นผู้กำหนดชีวิตของตัวเองมาตลอดทว่าสิ่งที่หนังได้ถามก็คือ จริงหรือที่เรากำหนดชีวิตตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราถูกกำหนดโดยใครเหรอ ทำไมเราต้องทำงาน ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ ทำไมเราต้องมีความรัก ต้องแต่งงาน ต้องทำนู้นนี่หลายอย่าง เรากำหนดมันด้วยตัวเองหรือว่า เราถูกสิ่งที่เรียกว่า มายาคติกำหนดกันแน่ ใครกำหนดว่าทำงานต้องซื้อบ้านซื้อรถกัน
 
ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่า มายาคติของคนชนชั้นกลาง
 
ที่จริงมีหนังอีกหลายเรื่องที่พูดถึงการล่มสลายของมายาคติคนชนชั้นกลางได้อย่างถึงพริกถึงขิงหากไม่นับเรื่องนี้ หนังผีอย่าง ลัดดาแลนด์ หรือ Revolutionary Road ก็พูดถึงสภาพการล่มสลายของระบบครอบครัวภายใต้ทุนนิยมคนชนชั้นกลางที่ถูกมายาคติทุกอย่างหล่อหลอมทับจนกลายเป็นเหมือนการถูกโปรแกรมไปแบบไม่รู้ตัว
 
น่าขนลุกดีไหมครับ 
 
แต่มันไม่น่าขนลุกมากกว่านั้นถ้าหนังไม่ขึ้นบอกว่า หนังเรื่องนี้สร้างจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง นั้นทำให้ผมครางฮือด้วยความตกใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็ไม่ได้ห่างจากเราเท่าไหร่
 
เพราะเรานั้นเป็นเพียงมนุษย์คนชนชั้นกลางเดินดินที่ทำได้เพียงแค่ใช้ชีวิตก่อนจะกลายเป็นเครื่องจักรในที่สุด

 

บล็อกของ Mister American

Mister American
               สำหรับหลายคน หนังเรื่องแรกเป็นเสมือนความฝันอันงดงามที่อยากจะทำให้สำเร็จ แต่สำหรับผู้กำกับหลายคนนั้นหนังเรื่องแรกของพวกเขานั้นไม่ได้สวยงามหรืออกมาราบรื่นอย่างที่คิด บางคนถูกไล่ออกจากโปรเจ็ท บางคนเกือบสติแตก หรือ บางคนก็เจอการกดดันจากอิทธิพลที่
Mister American
            "วิญญาณคือ ความทรงจำที่ตกค้าง ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำที่ดีหรือเลวร้าย มันจะยังคงอยู่และปรากฏขึ้นเสมอ"
Mister American
              ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเขียนต้นฉบับอยู่ตอนนี้ภาพยนตร์ซอมบี้ทุนต่ำเรื่องใหม่จากเกาะญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า One Cut of the dead กำลังสร้างกระแสครั้งใหญ่ให้กับวงการหนัง เมื่อ หนังซอมบี้ทุนต่ำเรื่องนี้ทำรายได้ถล่มทลายไปแล้วทั่วโลกกว่า 10 ล้า
Mister American
คิชิดะ จุน เป็นเด็กหนุ่มมัธยมปลายที่มองเห็นคนตายได้ และ ข้าง ๆ เขานั้นมี ฮายาคาวะ เคียวโกะ เพื่อนสมัยเด็กที่ถูกฆ่าตายและมาปรากฏตัวอยู่เคียงข้างเขา ท่ามกลางเรื่องราวสยองขวัญ ลึกลับที่เกิดขึ้นรอบตัวเขา
Mister American
                คงไม่ต้องแปลกใจหาก KOE NO KATACHI หรือ รักไร้เสียง อนิเมชั่นเรื่องดังจากญี่ปุ่นโดยฝีมือผลงานของสตูดิโอ Kyoto Animation หรือที่เรียกติดปากนักดูอนิเมะว่า เกียวอนิเมะ ผู้ผลิตอนิเมชั่นชื่อดังอย่าง Clannad , Kanon , K-on  เป็นต้น จะกลายเป็นห
Mister American
              คงไม่ใช่ความน่าแปลกหรือประหลาดใจอีกแล้วกับปรากฏการณ์หนังอีสานถล่มเมืองที่นับจากผู้บ่าวไทบ้านภาคแรกเข้าฉายในปี 2014 และทำเงินไปได้อย่างมากมายในแผ่นดินอีสานนั้นจะทำให้เกิดหนังลูกอีสานหน้าใหม่ขึ้นอย่างมากมาย และแน่นอนว่า ความสำเร็จนี้ได้ต่อยอดให้หนังอ
Mister American
               ณ ช่วงเวลานี้คงไม่มีอนิเมชั่นเรื่องใดถูกกล่าวถึงและพูดมากกว่า อนิเมชั่นเรื่องล่าสุดของชินไค มาโคโตะ ผู้กำกับอนิเมชั่นดราม่าชื่อดังอย่าง 5 centimeters per second หรือ The Garden of word อย่าง Your Name หรือ Kimi No Nawa (หลับตาฝันถึงชื
Mister American
คงไม่ต้องแปลกใจว่า หากจะมองหาหนังไทยสักเรื่องที่น่าหยิบมาพูดถึงหนังเรื่อง ผู้บ่าวไทบ้าน 2 ตอน แจกข้าวหาแม่ใหญ่แดง นั้นเป็นหนึ่งในหนังที่ควรหยิบมาพูดมากเรื่องหนึ่งในขณะนี้นอกจากจะเป็นหนังภาคต่อที่สานความสำเร็จมาจากภาคแรกที่สร้างปรากฏหนังท้องถิ่นนิยมให้เกิดขึ้นในวงการภาพยนตร์ไทย เมื่อหนังเล็ก ๆ นี้
Mister American
                นี่คือ การกลับมาที่ทุกคนรอคอย ภายหลังจาก ก็อตซิลล่าฮอลลีวู้ดของ กาเรธ เอ็ดเวริ์ดออกอาละวาดไปในปี 2014 และแน่นอนว่า มันทำให้ชื่อของก็อตซิลล่าลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ทว่า สำหรับแฟน ๆ เดนตายของก็อตซิลล่านั้นคงค่อนข้างที่จะผิดหวังที่ได้เห็นก็อตซิล
Mister American
คงไม่มีอะไรต้องพูดมากนอกจากนี่คือ ภาพยนตร์ซอมบี้ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี และที่สำคัญนี่ไม่ใช่หนังที่สร้างโดยฮอลลีวู้ดแต่เป็นเกาหลีใต้ ประเทศที่มีอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเอเชียที่เรียกว่าเป็นเบอร์หนึ่งไปแล้วในด้านคุณภาพของหนังที่นอกจากฮอลลีวู้ดแล้วมีเพียงประเทศนี้ที่ทำหนังออกมาได้สากลและสนุกในแบบที่ทุก
Mister American
ยังคงเป็นช่วงเวลาเศรษฐกิจยังไม่มีวี่แววว่าจะ ฟื้นตัวเสียที ในช่วงปลายปี 2015 นี้ทุกอย่างยังคงมองไม่เห็นว่า อนาคตจะเป็นเช่นไร กระนั้นเองสำหรับงานหนังสือแห่งชาติ เดือนตุลาคมนี้ยังคงเป็นช่วงเวลาร้อนแรงของบรรดาค่ายไลท์โนเวลต่าง ๆ มากมายที่ต่างเตรียมกระสุนดินดำ หรือ ออกหนังสือมาเพื่อจูงใจนักอ่านทั้งหล