สองเดือนที่ฉันห่างหายไม่ได้ส่งข่าวคราวถึงคุณ เพราะเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์นั้นเป็นห้วงเวลาที่โหดร้ายนัก การเฝ้าระวังไฟจากไร่อ้อยรอบๆไร่ตัวเอง ที่ชาวบ้านพร้อมใจกันสุมเผา ภายหลังจากตัดต้นขายไปแล้ว เป็นเวลาที่ฉันเกือบเป็นบ้า ประเดี๋ยวทิศนั้นลุกโหม ประเดี๋ยวทิศนี้ลุกไหม้ บางครั้งมันลามเลียเฉียดกรายมาถึงท้ายไร่ จนต้องวิ่งโร่ออกไปดู แบบไม่คิดชีวิต คุณนึกภาพหญิงแก่ๆ คนหนึ่งที่ใส่รองเท้าบู๊ตพลาสติก มือถือมีดพร้า วิ่งลุยดงหญ้าสูงท่วมขา มีหมาอีกหกตัววิ่งตามหลัง บางตัวขี้เล่นเหลือร้ายวิ่งมาขัดขาซะอย่างนั้น และเมื่อไปถึงที่เพลิงลุกไหม้ พบว่ามีคนหนุ่มหนึ่งคนยืนเฝ้าไฟอยู่แล้ว เขาบอกว่าจะตัดไม้ต้นนั้น พลางชี้มือไปที่ต้นไม้ใหญ่ขนาดโอบ แต่เพราะที่โคนมันรกเกินไป ก็ต้องเผาหญ้าซะเลย
ใช่ ทุกคนมีสิทธิเผาหญ้าในที่ทางของตัวเอง แต่ว่าการกำจัดหญ้าแบบง่ายๆอย่างนี้ มันพาลลุกลามไปกำจัดต้นไม้ของคนอื่นเขาได้ง่ายๆเช่นกัน ฉันอยากจะพูดอะไรออกมาบ้าง แต่ก็ได้แค่ถามว่า "ต้องการให้ช่วยดูไฟไหมคะ"
บางคืน ฉันเห็นเปลวไฟแลบเลียยอดไม้อยู่ทางป่าชุมชน รีบหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาส่อง แล้วโทรศัพท์ไปถึงผู้ใหญ่บ้าน เขาเองก็ดีเหลือ รีบรับปากว่า ครับ ครับ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับ ประเดี๋ยวเดียวสิ่งที่เห็นหายไปแล้ว ตายล่ะหวา นี่เรามิกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ เฝ้าไฟป่าไปแล้วหรือ อย่ากระนั้นเลย รีบบึ่งเจ้าสองล้อฝ่าความมืดเข้าไปในป่า ยังดีที่มีหมายอดนักวิ่ง วิ่งตามเป็นฝูง เมื่อไปถึงในป่า มองไม่เห็นอะไรสักอย่าง ไม่มีแม้แต่สีแดงๆของเปลวเพลิง รีบหันหัวรถกลับบึ่งออกมาเพราะความกลัว...กลัวทั้งผี กลัวทั้งหลงทาง แต่ด้วยทางในป่าหนืดเหนียวเพราะเป็นดินทราย พาลจะล้มลงคลุกฝุ่นหลายหน หลุดจากป่าได้ รีบโทรฯบอกผู้ใหญ่บ้านว่า ระงับการมาด่วน เพราะไฟที่เห็นนั้นอยู่นอกเขตป่า เป็นการเผาไร่อ้อยของบริษัทน้ำตาลด้านหลังป่าไกลๆโน่นต่างหาก (ที่เห็นว่าอยู่ใกล้ๆเวลามองจากไร่ เพราะว่าพื้นที่ปลูกอ้อยของบริษัทนั้น เนื้อที่หลายพันไร่)
อ้อ...อีกหนหนึ่ง เวลากลางวันแสกๆ ควันไฟสีเทาทึมลอยฟุ้งพร้อมลมพัดโหม ทางป่าผืนเล็กๆทิศตะวันออก ในใจคิดว่า น่าจะเป็นต้าเก้เผาไร่อ้อย แต่ก็ยังสงสัยว่าทำไมอาจหาญเผาไร่เวลาเที่ยงจัดๆแบบนี้ แกคงจะเชื่อมั่นในตัวเองว่าเอาไฟอยู่น่ะนะ จึงเฉยเสีย ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองไป ไม่ได้มองดูฟ้า มองดูไฟอะไรอีกเลย
สักครู่ ยายแดงที่อยู่ที่เถียงนาทางทิศใต้ กริ๊งมาถามว่า ใครเขาจุดป่าตอนเที่ยงๆกันน่ะน้อง ตาเก้มั้ง...ฉันตอบ แล้วก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก กระทั่งราวๆ ครึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันเห็นรถแทรคเตอร์คันใหญ่วิ่งรวดเร็วผิดปกติผ่านหน้าไร่ ไปยังทิศทางที่เพลิงกำลังประทุ ราวๆสักหนึ่งชั่วโมง...ทุกอย่างก็เป็นปกติ เหลือเพียงควันไฟอ่อนๆ กลิ่นไหม้ๆโชยมา
และเมื่อวานซืนนี้เอง ยายแท่น เมียตาเก้เดินมาคุยกับฉันเพราะแกต้อนวัวมากินหญ้าใกล้ๆไร่ แกบอกว่า วันนั้น คุณไม่รู้เหรอว่ามีคนแอบมาจุดป่าเพื่อหาแย้ ถ้าตาเก้ช้าอีกนิดเดียวไฟจะต้องลามมาถึงไร่ของคุณแน่ๆเลย โอ้ยโหย!!....ฉันร้องลั่น
นั่นล่ะ คืออาการบ้าที่เกิดขึ้นในระยะสองเดือนที่ผ่านมา
ภาพประกอบ ที่ไม่ประกอบเนื้อหา แค่อยากบอกว่า ร้อนเหลือจะทน