Skip to main content

เช้านี้...ไร้เรี่ยวแรงที่จะทำงาน จึงต่อสายไฟจากหม้อแบตเตอรี่รถแทรคเตอร์ เพื่อเปิดทีวีขนาดสิบสี่นิ้ว ฟังดูข่าวคราวของโลกกว้าง พบว่าราคาน้ำมันยังพุ่งลิ่ว ผู้คนในหลายประเทศตายเกลื่อนเพราะภัยพิบัติ


ขณะที่ฉันกำลังทรมานใจกับความผิดบาปของตัวเอง เนื่องจากการทำงานเมื่อวานนี้...


งูลายทางยาวๆ สีดำ ตัวโตขนาดข้อมือเด็กๆ กำลังบิดตัวขยับร่างให้เคลื่อนไหวต่อไปข้างหน้า มันผงกหัวออกแรงพุ่ง แต่ลำตัวกลับติดตายอยู่บนพื้นดิน ท่อนกลางและท่อนหางถูกตัดออกจนเกือบขาด มีเจ้าหมาหนุ่มสองตัวของฉันกำลังเอาตีนเขี่ยให้มันเคลื่อนไหวอย่างล้อเล่น


ฉันรีบจอดรถแทรคเตอร์ เมื่อเห็นอาการแปลกๆ ของเจ้าหมาสองพี่น้อง ที่ทำท่าราวกับจะตะปบขบกัดอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆ และแล้วภาพที่เห็นก็คือ เจ้างูสายพานตัวเขื่องนี้ นอนบิดตัวอย่างทรมาน แม้มันจะยังมีลมหายใจแต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ นี่แหละที่ทำให้ฉันรู้สึกทรมานอยู่ลึกๆ ตลอดคืน


เครื่องมือทำงานที่ทำให้ฉันเสร็จงานเร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลงและมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่กลับทำให้ชีวิตอื่นเดือดร้อนมากขึ้น


อาชีพใดบ้างหนอที่ไม่ต้องทำบาป อาชีพใดบ้างหนอที่ไม่ต้องเบียดเบียน อาชีพใดบ้างหนอที่ทำให้ฉันก้าวข้ามความรู้สึก “ผิดบาป” นี้ไปได้


คนที่กำลังเดินทางในหนทางเช่นนี้ ขณะที่ต้องทำมาหากินไปด้วย เขามีวิธีการอย่างไรในการจัดการกับ “ข้างใน” ของตัวเอง


จิตใจฉันไม่บริสุทธิ์พอ หัวใจฉันไม่กล้าแกร่งพอ ทั้งสติและปัญญาของฉันก็ไม่เฉียบคมพอที่จะจัดการกับความทุกข์จากสิ่งเหล่านี้ นี่คือความเศร้าโศกเสียใจที่ฉันกำลังกลืนกินมัน และมันตลบกลับหันมาขบเคี้ยวหัวใจฉันอยู่


นับตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ หลายครั้งที่ฉันเผชิญหน้ากับชีวิตอื่นๆ ทั้งที่เข้มแข็งและบอบบาง ฉันบอกกับทุกอย่างเสมอว่า ฉันเป็นแค่คนมาอาศัยอยู่เท่านั้น


ครั้งหนึ่ง ฉันเคยเดินเข้าไปในป่า ฉับพลัน...เจ้านกคุ้มตัวน้อย ถลาบินไปจากข้างๆ เท้า มันส่งเสียงร้องอย่างตกใจเสียงดังแปลกประหลาดยากจะเลียนแบบ ฉันก้มลงดูที่เท้าตัวเอง เห็นรังเล็กๆ และไข่ใบน้อยๆ สี่ใบวางเรียงอยู่ในนั้น ฉันเอ่ยขอโทษเบาๆ แล้วเลี่ยงออกมาก่อนที่เจ้าหมาหนุ่มจะตามมาเจอ


ชีวิตในบ้านไร่ ได้พบเห็นการล่าสัตว์เพื่อประทังชีวิตอยู่ทุกวัน นั่นเป็นเรื่องธรรมดาของคนอื่นๆ ที่ฉันไม่ก้าวก่าย แต่สำหรับฉันการภาวนาขอให้สัตว์ที่โชคร้ายทั้งหลายได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดี อาจเป็นเพียงจิตวิทยาเยียวยาหัวใจตัวเอง แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเสียเลย


ชีวิตของงูตัวหนึ่ง ที่ฉันสังหารมัน และยืนดูมันดิ้นรนอย่างทรมาน อย่างไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ ไม่สามารถอุ้มเอามาเยียวยาให้มันสิ้นใจอย่างสงบสุขเหมือนหมาแมว หรือสัตว์อื่นๆ ที่ฉันเคยคิดว่ามันต้องการการดูแลได้


หากฉันไปยืนดูชีวิตหลายชีวิตที่ต้องตายเกลื่อนกลาดเพราะแผ่นดินไหว ไฟไหม้ น้ำท่วม พายุพัด ฉันจะรู้สึกอย่างไรหนอ ฉันจะสำนึกเสียใจอย่างลึกซึ้งไหมว่า สิ่งเหล่านั้นล้วนเกิดจากน้ำมือของฉันด้วย


ภาพจากในจอทีวี แค่ทำให้ฉันเศร้าสลดชั่วครู่ ทั้งที่มีชีวิตมากมายก่ายกองที่จบสิ้นลง แล้วฉันก็เดินออกไปทำงานต่อได้อย่างเต็มกำลัง เหลือความหวั่นไหวทิ้งค้างไว้ในใจบ้างเล็กๆ


แต่ภาพของงูที่สิ้นใจเพราะเครื่องตัดหญ้าของฉันนี่สิ ที่ฉันต้องทรมานด้วยความรู้สึกผิดปาบจนไร้เรี่ยวแรงทำงาน


และสิ่งที่ฉันทำได้ก็เพียง ขออโหสิกรรม...

บล็อกของ เงาศิลป์

เงาศิลป์
  พักหลังๆนี้ลูกอ่านหนังสือเยอะมาก บางครั้งไม่มีหนังสือใหม่มาให้อ่าน ลูกจะเฝ้ารอคนที่รับปากว่าจะเอาหนังสือมาให้ หรือว่าเมื่อพ่อไปในเมือง ลูกก็รอว่าน่าจะมีหนังสือมาให้บ้าง
เงาศิลป์
 
เงาศิลป์
กระปุก หมาเพื่อนรักของลูกต้องกลับไปบ้านบัว เพราะพ่อพามันมาเยี่ยมลูกเพียงไม่กี่วันเท่านั้น วันที่มันกลับไปกับพ่อ ลูกมองตามอย่างอาลัย แต่คงเข้าใจในความจำเป็น แม้จะรักมันมากแต่ลูกก็รู้ว่ามันต้องกลับไป เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่อยู่ของมัน
เงาศิลป์
ในราวกลางเดือนมิถุนายน ลูกยังลุกขึ้นนั่งได้เองบ้าง และบันทึกประจำวัน นอกจากจะเป็นเรื่องการกินยา อาหาร ที่คล้ายๆกันในแต่ละวัน จะแตกต่างไปบ้างเมื่ออาหารบางอย่างที่ตรวจต่อมไทมัสแล้วกินไม่ได้ ทั้งที่วันก่อนๆเคยกินได้ เช่น บันทึกของวันที่ 19 มิถุนายน ลูกเขียนว่า กินแกงอ่อมไม่ได้
เงาศิลป์
ลูกทำสมาธิด้วยการภาวนาพุทโธตั้งแต่ครั้งแรกที่หลวงพ่อมาสอนให้ ลูกจะนอนหลับตานิ่งๆภาวนา เมื่อวานนี้ แม่ชีคนสวยของลูก มาแนะนำว่า เวลาบริหารร่างกาย ด้วยการยกแขน ยกขา คู้เหยียด จากที่เคยนับจำนวนครั้ง ให้เปลี่ยนมาเป็นท่อง พุท-โธ ยามที่หดขาเข้า พร้อมกับหายใจเข้า ท่องว่าพุท ยามที่เหยียดขาออก พร้อมทั้งหายใจออก ลูกก็ท่องว่า โธ ลูกก็ทำตามนั้น
เงาศิลป์
วันที่ 13 มิถุนายน พ่อต้องไปบรรยายเรื่องเครือข่ายอินแปงกับการพัฒนาสังคมเกษตรกรรมรอบเทือกภูพานที่สกลนคร ลูกตื่นแต่เช้าตรู่ พร้อมพ่อ ในเวลา 03.55 น. พ่อออกไปแล้วลูกนอนต่อ จนตื่นราวๆเจ็ดโมงเช้า เปิดเสียงเทศน์ของหลวงพ่อที่ลูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์ฟังวันนี้สดชื่นมาก พ่อบอกว่าหน้าตาแจ่มใส ฉี่ ถ่ายเหลืองเป็นก้อนปกติ(เยอะ) ชงยาญี่ปุ่นกิน แล้วอ่านคำภาวนาอุทิศบุญและคำอธิษฐานบารมีหลวงพ่อกับแม่ชีมาเยี่ยม หลวงพ่อเทศน์สอน ทำสมาธิ แม่ชีคนใหม่สวย จบ doctor บอกว่าจะเอาอาหารเสริมถั่วเหลืงผสมงาดำมาให้ หลวงพ่อกับแม่ชีกลับกินฟักทองแม่ชีเอาอาหารเสริมมาให้ ตรวจแล้วกินไม่ได้
เงาศิลป์
หนึ่งอาทิตย์ที่มาอยู่วัด ในบันทึกของลูกยังเขียนถึงเรื่องอาหารการกินที่เป็นของชอบส่วนตัว เช่น ขนมขาไก่ ทองม้วน ยังมีเรื่องบันเทิงเริงรมย์แทรกเป็นระยะ คือ ดู CD การ์ตูน อ่านหนังสือนิยายที่เป็นบทย่อจากละครโทรทัศน์ ลูกยังมีความรู้สึกนึกคิดแบบเด็กๆยังอยากได้กระเป๋าสตังค์คิดตี้ ยังมีอารมณ์หิวที่เกิดขึ้นรุนแรงจนร้องไห้งอแงยามดึก
เงาศิลป์
เราสามคน พ่อแม่ลูก กลายเป็นคนวัดไปแล้ว อ้อ บางวันมีน้านีมาจากสกลฯ ช่วยทำกับข้าวด้วย และยังผู้รู้เรื่องธรรมชาติบำบัดอีกหลายคน ที่มาช่วยแนะนำสิ่งที่ดีๆให้ แต่แม่ยังต้องเดินไปทำอาหารที่โรงครัวของวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรานัก ที่นั่นสะอาดและกว้างโล่ง มีน้ำประปาภูเขาให้ใช้อย่างสะดวกสบายเหลือเฟือ อันที่จริงก็ใช้กันทุกมุมวัดอยู่แล้ว เพราะว่าน้ำประปาที่ว่านี้ คือน้ำที่ผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุเล็กๆ ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของภู ความสูงของพื้นที่ซึ่งสูงกว่าที่วัด หลวงพ่อจึงสร้างประปาภูเขาขึ้นมาอย่างง่ายดาย มีถังน้ำพักน้ำ ณ จุดที่มีน้ำพุหนึ่งลูก แล้วใส่ท่อให้มันวิ่งมาตามท่อน้ำ…
เงาศิลป์
แม่กับพ่อเริ่มทำสวนผักข้างๆ กุฏิ ผักที่ปลูกง่ายที่สุดคือต้นอ่อมแซ่บ พืชตระกูลล้มลุก กลีบดอกบอบบางสีม่วงอมชมพู สีของมันสวยหวานสดใส คนทั่วไปเรียกว่า บุษบาริมทาง แต่คนอีสานมองเห็นเป็นของกินได้ จึงเรียกอ่อมแซ่บ คงมาจากการแกงอ่อมแล้วอร่อยกระมัง ลูกแม่ต้องกินทุกวัน เป็นเมนูผักลวก
เงาศิลป์
เช้าวันที่ 6 มิถุนายน ลูกตื่นเต้นมาก แม่รู้ เมื่อถึงวันที่ต้องเดินทางมาอยู่วัดกับหลวงพ่อ วันนั้นลูกตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เตรียมเก็บเข้าของเครื่องใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าคิดตี้ใบเล็กสีชมพูหวานแหววของลูก แต่เพราะลูกยังมีอาการตัวร้อนเป็นไข้รุมๆ ทำให้แม่กับพ่อเป็นห่วง เราจึงวางแผนเดินทางในตอนเย็น วันนั้นลูกร่าเริงมาก และเขียนบันทึกว่า วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน 2551 วันแห่งความสุขและความสงบวันนี้ตื่นขึ้นมายิ้มรับวันใหม่ด้วยใจที่เบิกบาน มีความสุขในสมุดบันทึกสุขภาพอีกเล่ม ลูกเขียนไว้ว่า
เงาศิลป์
ตอนที่ 5 บันทึกของลูก  รูปรอยต่างๆของลูก ยังคงอยู่เหมือนที่เคยมีลูก แม้แต่ภายในห้องนอน ทุกอย่างยังถูกจัดวางเหมือนเดิม บ้านไม้หลังเล็กๆใต้ถุนสูงแบบโบราณ ซุกตัวอยู่ใต้ร่มเงาไม้น้อยใหญ่หลังนี้ มีห้องนอนสองห้อง ห้องหนึ่งเป็นของลูก ที่เตียงนอนยังมีหนังสือเล่มโปรดวางไว้ที่หัวเตียง อาจมีแปลกออกไปบ้างคือสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ 4 เล่ม ที่ลูกเขียนทุกวันเกือบทุกเวลา เพราะลูกตั้งใจบันทึกกิจกรรมการดูแลตัวเองและบทธรรมะเอาไว้ ตลอดเวลาสี่เดือนของความป่วยไข้ แม้กระทั่งวันสุดท้าย โดยที่ไม่มีใครร้องขอให้ทำ
เงาศิลป์
การที่คนป่วยคนหนึ่ง ได้เลือกหนทางรักษาตัวเองด้วยตัวเอง น่าจะมีองค์ประกอบอยู่สองอย่างที่สำคัญ นั่นคือ หนึ่ง ความรู้ที่มีพร้อมในเรื่องวิธีการรักษาที่ตัวเองเลือก สอง ความไม่รู้ในวิธีการใดๆ แต่ต้องตัดสินใจเลือกในสิ่งที่คิดว่าสะดวกทั้งต่อตนเองและคนดูแล