Skip to main content

องค์ บรรจุน


ผีที่คนมอญนับถือ มิใช่ผีต้นกล้วย ผีตะเคียน ผีตานี ผีจอมปลวก แต่เป็นผีบรรพชน ผีปู่ย่าตายายของเขา สิ่งที่รัดโยงและธำรงความเป็นมอญที่สำคัญสิ่งหนึ่งคือ “การนับถือผี”

ผีเป็นศาสนาแรกของทุกชาติทุกภาษา คนมอญนับถือผีควบคู่กับพุทธศาสนา เคารพยำเกรงไม่กล้าฝ่าฝืน การรำผีนอกจากเป็นการเซ่นไหว้ผีประจำตระกูลแล้ว ยังเป็นการรักษาโรคด้วย หากเทียบกับการรักษาโรคในปัจจุบันอาจเรียกได้ว่า เป็นจิตวิทยาการแพทย์ ในบรรดาการรักษาโรคที่หลากหลายของมอญ เช่น การรักษาด้วยสมุนไพร การนวด คาถาอาคม และพิธีกรรม เช่น การทิ้งข้าว (เทาะฮะแนม) การเสียกบาล (เทาะฮะป่าน) ส่วนพิธีกรรมที่ใหญ่ที่สุดคือ การรำผี (เล่ะฮ์กะนา)


คนมอญนับถือผีมาแต่โบราณกาล แม้เมื่อยอมรับนับถือศาสนาพุทธแล้วก็ยังนับถือผีควบคู่ไป ตำนานในการถือผีจึงมักเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าเสมอ


สมัยพุทธกาลเศรษฐีผู้หนึ่งมีภรรยา 2 คน ภรรยาหลวงไม่มีลูกจึงอิจฉาฆ่าลูกภรรยาน้อย ตาย ภรรยาเศรษฐีทั้งสองนี้เมื่อตายไปก็พยาบาทจองเวรฆ่าลูกของอีกฝ่ายสลับกันไปทุกชาติ ชาติสุดท้ายฝ่ายหนึ่งเกิดเป็นผี อีกฝ่ายเกิดเป็นมนุษย์ ต่างมีลูกด้วยกันทั้งคู่ ฝ่ายผีไล่ตามกินลูกมนุษย์ มนุษย์จึงหนีไปพึ่งพระพุทธเจ้าซึ่งประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร พระองค์ทราบความเป็นมาโดยตลอดด้วยพระอภิญญาณ จึงแสดงพระธรรมเทศนาแก่นางผีและมนุษย์ จนทั้งสองได้คิดเลิกจองเวรกัน ต่อมานางผีได้ไปอยู่กับมนุษย์ ช่วยเหลือมนุษย์และชาวเมืองทั้งหลาย บังเกิดผลดีมีโภคทรัพย์สมบูรณ์มั่งคั่ง จึงกลายเป็นประเพณีสืบต่อกันมาของชาวมอญในการนับถือผีบ้านผีเรือน


อีกตำนานหนึ่งกล่าวว่า สมัยพุทธกาล มีครอบครัวหนึ่งยังเหลือแต่มารดาและบุตรชาย มารดาได้ไปสู่ขอหญิงสาวมาเป็นภรรยาบุตรชาย แต่หญิงคนนั้นเป็นหมัน มารดาจึงคิดจะหาหญิงสาวคนใหม่มาให้ หญิงหมันกลัวภรรยาใหม่จะรวมหัวกับแม่สามีรังแกตน นางจึงไปหาภรรยาใหม่ให้สามีด้วยตัวเอง เมื่อภรรยาใหม่ตั้งครรภ์หญิงหมันก็เอายาผสมอาหารให้แท้งลูกถึง 2 ครั้ง พอครั้งที่ 3 ภรรยาใหม่ไม่แท้งแต่ทารกขวางท้องจึงตายทั้งกลม ก่อนสิ้นใจนางได้กล่าวจองเวร และได้ไปเกิดเป็นแมวในบ้านหญิงหมัน


เมื่อสามีจับได้จึงฆ่าหญิงหมันตาย หญิงหมันไปเกิดเป็นแม่ไก่อยู่ในบ้าน เมื่อแม่ไก่ออกไข่ แม่แมวก็มากินไข่หมดทุกครั้ง แม่ไก่แค้นใจจึงอธิษฐานให้ไปเกิดใหม่เป็นแม่เสือ ฝ่ายแม่แมวได้ตายไปเกิดเป็นแม่เนื้อ พอแม่เนื้อตกลูก แม่เสือก็มาจับกินลูกของแม่เนื้อ แม่เนื้อตายไปเกิดเป็นยักษิณี ฝ่ายแม่เสือตายไปเกิดเป็นหญิงสาวในเมืองสาวัตถี เมื่อคลอดลูกยักษิณีก็มาจับลูกของเธอกินถึง 2 ครั้ง พอครั้งที่ 3 นางจึงหนีกลับไปคลอดลูกที่บ้านเกิด ยักษิณีก็ได้ตามไปอีก หญิงสาวจึงอุ้มลูกหนีเข้าไปในพระวิหาร ขณะนั้นพระพุทธเจ้ากำลังแสดงธรรมอยู่ หญิงสาวขอให้พระพุทธองค์ช่วยเหลือ พระพุทธองค์จึงเรียกนางยักษิณีและหญิงสาวมาให้สติ “ถ้าพวกเจ้าไม่มาสู่สำนักเรา เวรของพวกเจ้าจักตั้งอยู่ตลอดชั่วกัลป์ เหมือนเวรของงูกับพังพอน ของหมีกับไม้สะคร้อ และเวรของกากับนกเค้า เพราะเหตุไรพวกเจ้าถึงได้จองเวรแก่กันและกันเล่า เพราะเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร แต่เวรหาระงับด้วยการจองเวรไม่”


เมื่อยักษิณีได้ฟังจึงได้คิดและเลิกจองเวรนับแต่นั้นมา พระพุทธองค์ได้ตรัสสั่งให้หญิงสาวพายักษิณีไปบ้าน เลี้ยงดูอย่างดี ยักษิณีจึงตอบแทนบุญคุณด้วยการบอกฝนฟ้าน้ำท่าเพื่อการเพาะปลูก หญิงสาวจึงได้ผลิตผลสมบูรณ์ค้าขายร่ำรวย เมื่อชาวเมืองทราบเรื่องจึงพากันเคารพบูชาเลี้ยงดูนางยักษิณี และได้รับผลดีเช่นกัน ชาวเมืองจึงพากันนับถือนางยักษิณีสืบต่อมา


ตำนานเหล่านี้ได้ผูกเรื่องผีเข้ากับพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าเข้ามามีส่วนสำคัญ นับว่าเป็นการผสมผสานความเชื่อเรื่องผีที่มีอยู่เดิมเข้ากับพุทธศาสนาอย่างกลมกลืน เป็นการกตัญญูรู้คุณและระลึกถึงต่อบรรพชนผู้มีพระคุณอย่างหนึ่ง


คนมอญทุกตระกูลจะมีผีประจำตระกูล แต่ละตระกูลนับถือสัญลักษณ์ผีประจำตระกูลของตนแตกต่างกันไป เช่น ผีเต่า ผีงู ผีไก่ ผีข้าวเหนียว นอกจากนี้บางแห่งยังมีผีชนิดอื่นๆ เช่น ในจังหวัดราชบุรีมีการนับถือผีม้า ในจังหวัดสมุทรสาครบางบ้านนับถือผีกล้วยหอม การนับถือผีโดยมากสืบทอดผ่านลูกชายคนโต มีในบางชุมชนเท่านั้นที่สืบทอดผีผ่านลูกชายคนเล็ก ในแต่ละบ้านต้องมีเสาผี (เสาเอก) เป็นที่เก็บของใช้ของผี ได้แก่กระบุงหรือหีบ ภายในประกอบด้วยผ้านุ่งผ้าห่ม และแหวนผี แหวนทองหัวพลอยแดง ซึ่งต้องเก็บรักษาดูแลให้ดี อย่าให้ของหายผ้าขาดชำรุด หากชำรุดสูญหายต้องหามาเปลี่ยนใหม่ มิฉะนั้นผีอาจลงโทษให้คนในตระกูลให้เจ็บไข้ได้ป่วย


ชาวมอญจะเซ่นไหว้ผี เรียกว่า ผีบ้านผีเรือน เป็นประจำทุกปี โดยจะทำกันเป็นการภายในครอบครัว ในช่วงสงกรานต์ซึ่งถือเป็นช่วงขึ้นปีใหม่ เครื่องเซ่นต่างๆ ได้แก่ อาหารหวานคาว ขนมต้มแดงต้มขาว กล้วย อ้อย มะพร้าว ดอกไม้ธูปเทียน ทองคำเปลว ผ้าสี น้ำอบ จุดธูปเทียนบอกกล่าว เมื่อธูปมอดหมดจึงไหว้ลา และนำเครื่องเซ่นไปแบ่งกันกินในครอบครัว ถือว่าเป็นยาและศิริมงคล


การรำผีนั้นจะกระทำเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ผิดปกติขึ้นในบ้าน หรือมีข้อบ่งชี้บางประการเกิดขึ้น เช่น มีคนในบ้านหายไป หรือเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุ หญิงตั้งครรภ์พิงเสาบ้าน มีคู่สามีภรรยาที่เป็นคนนอกผีมานอนในบ้านในลักษณะผัวเมีย ครอบครัวทำมาหากินไม่ขึ้น เกิดอุบัติเหตุรุนแรง เมื่อมีการบนบานให้หายป่วย ให้คนที่หายไปกลับมา หรือเกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวข้างต้น เจ้าบ้านหรือหัวหน้าครอบครัวจะไปหาโต้ง (ผู้อำนวยการพิธี) ให้ทำนาย หากการทำนายบ่งบอกว่าเหตุอาเพศนั้นเป็นเพราะผีทำ ก็ต้องจัดพิธีรำผีเพื่อเป็นการขอขมา การเตรียมการทั้งหมด โต้งจะต้องเป็นผู้กำกับดูแลขั้นตอนทุกอย่างโดยละเอียด ตั้งแต่การปลูกโรงพิธี การเตรียมของประกอบพิธี เช่น ขนมผี อาหารคาวหวาน ผ้านุ่งผ้าห่ม อุปกรณ์การรำ การแต่งตัว เป็นต้น



ปะรำพิธี (เหริ่งกะนา) รำผีมอญ บ้านบางกระดี่ บางขุนเทียน กรุงเทพฯ


การรำผีมักกระทำกันในเดือนคู่หรือช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือน 4-6 ห้ามจัดพิธีในวันพระเพราะต้องเข้าวัดทำบุญถือศีล การจัดงานภายในตระกูลเดียวกันห้ามจัดงานเกินปีละ 1 ครั้ง งานในที่นี้รวมตั้งแต่ โกนจุก งานบวช งานแต่งงาน งานศพ ในการจัดพิธีรำผีนี้ต้องบอกกล่าวญาติทุกคนที่นับถือผีเดียวกันให้มาทั้งหมด ในวันสุกดิบก่อนวันทำพิธี 1 วัน ปลูกโรงพิธีขึ้น 1 หลัง ภายในบริเวณบ้านของตน ซึ่งแต่ละตระกูลมีตำราที่ต่างกัน จัดเตรียมเครื่องเซ่นและอุปกรณ์รำผีซึ่งจัดไว้เป็นชุดๆ ตามจำนวนสมาชิกในตระกูล ต้องหาวงปี่พาทย์มอญประกอบพิธี เล่นเพลงไปตามแต่ละบทเฉพาะ ปี่พาทย์และโต้งต้องรู้ขั้นตอนของพิธีกรรมทั้งหมดอย่างดี ท่ารำและเพลงต้องสัมพันธ์กัน


การประกอบพิธีจะเริ่มจากการเชิญปาโน่ก (พ่อปู่ หรือ ผีต้นตระกูล) เข้าสู่โรงพิธี โต้งจะเป็นผู้กำกับการรำในแต่ละขั้นตอนโดยละเอียด ในทุกบทของการรำผี ผู้รำจะต้องรำด้วยเครื่องเซ่น 1 กะละมัง เหล้า และรำพร้อมอุปกรณ์ทั้ง 4 ชนิด ได้แก่ ต้นสันพร้ามอญ (ข่าไก่ดำ) ดาบ กระสวยทอผ้า และ เหล้า อย่างละคู่

การรำผีแต่ละบทจะมีท่ารำและเพลงประกอบประจำบทนั้นๆ เมื่อพ่อปู่ลงโรงพิธีแล้ว จะทำพิธีกันในโรงพิธีไปตลอดทั้งวันตามขั้นตอนในตำรา ซึ่งแต่ละขั้นตอนล้วนจำลองวิถีชวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ได้แก่ รำสามถาด (รำถวายมือ) รำถวายผีในโรงพิธีและขอขมาเจ้าที่ ฟันต้นกล้วย จำลองทำพิธีศพ อาบน้ำต้นผี จำลองขั้นตอนการโกนจุกและอาบน้ำต้นผี (ผู้สืบทอดผี) บวชเณร จำลองขั้นตอนการบวชเณร พายเรือบิณฑบาต กาขโมยปลาย่าง ฝรั่งกินปลา จำลองขั้นตอนการเลี้ยงอาหารฝรั่ง ฝรั่งส่องกล้อง ดูระยะทาง ลูกสะใภ้ รวมลูกสะใภ้ทั้งหมดรำด้วยกัน พ่อปู่รักษาโรค รักษาด้วยคาถา สมุนไพร เทียนเสี่ยงทาย กินปลาย่าง การกินปลาย่างของเมียน้อย ซึ่งต้องแอบกิน



พ่อปู่ (ปาโน่ก) ลงสู่ปะรำพิธี บ้านบางกระดี่ บางขุนเทียน กรุงเทพฯ


เมื่อจบการรำชุดกินปลาย่างแล้วจึงจะสามารถพักกินข้าวกลางวันได้ ซึ่งการรำผีในช่วงเช้าเป็นแบบพิธีการ สำหรับช่วงบ่ายผ่อนคลายเน้นความสนุกสนาน ได้แก่ รำผีประจำโรงพิธี พ่อปู่หนุ่มจีบสาว ส่งขันหมาก ชนไก่ รำสามสาว เก็บฝ้าย เล่นสะบ้า คล้องช้าง ออกศึก รำกะเหรี่ยง (คล้ายลาวกระทบไม้) รำรวมญาติ (ผีตะครุบ) รำรวมญาติทั้งตระกูล เชิญผีกลับขึ้นบ้าน รำถวายมือ ทุ่มมะพร้าวเสี่ยงทาย เข็นเรือ สะเดาะเคราะห์


จากนั้นเปิดดูเทียนเสี่ยงทาย โต้งจะทำนายอนาคต การทำมาหากิน ความปรองดองของคนในบ้าน การรำผีจะจบลงด้วยการรวบรวมเอาเศษอาหาร อุปกรณ์เครื่องใช้ที่ทำขึ้นชั่วคราวรวบรวมลงแพกล้วย นำไปลอยน้ำ เป็นการลอยเสนียดจันไร


พ่อปู่รักษาโรค ในพิธีฟ้อนผีเม็ง (มอญ) บ้านเม็ง ตำบลช้างคลาน อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่


เมื่อประมาณกลางปี 2544 ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปร่วมพิธีรำผีมอญที่ชุมชนวัดใหญ่นครชุมน์ อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ชุมชนมอญแห่งนี้ยังคงมีความเชื่อถือในผีบรรพชนของตนอย่างเหนียวแน่น ครั้งนั้นเจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกว่าครอบครัวของตนอยู่กันอย่างไม่สงบสุข มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนเป็นระยะ เกิดเรื่องระหองระแหงของคนในครอบครัวและหมู่เครือญาติอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะเรื่องมรดกที่ดินระหว่างพี่ๆ น้องๆ ซึ่งชุมชนในต่างจังหวัดในแต่ละคุ้มบ้านก็มักเป็นเครือญาติกันทั้งหมด บ้านเรือนอยู่ชิดติดกัน ไม่มีรั้วบ้านกั้นแบ่งชัดเจน เมื่อมีเรื่องบาดหมางกันก็ไม่อาจปิดประตูอยู่บ้านใครบ้านมันได้ เด็กเล็กยังคงวิ่งเล่นด้วยกัน หมาแมวเป็ดไก่ของแต่ละบ้านก็เดินไปมาที่ใต้ถุนบ้านของแต่ละหลัง จิกกัดกันเป็นเรื่องปกติ ความที่พี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงทะเลาะกันเองภายหลังจากที่พ่อแม่ตายไปและทิ้งมรดกไว้ให้แบ่งกันเอาเอง ความขัดแย้งเรื่องมรดกจึงเป็นเหมือนเรื่องในครอบครัว ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือแม้แต่เจ้าอาวาสวัดที่นับถือก็เกินจะบิณฑบาตข้อพิพาทนี้ ได้ จนเรื่องต้องถึงโรงถึงศาลเป็นคดีความรอคำพิพากษา


กฏเหล็กในพิธีรำผีข้อหนึ่ง คือ เมื่อบ้านใดจัดพิธีรำผีขึ้น ทุกคนในตระกูลจะต้องมาร่วมงาน ไม่ว่าแยกบ้านไปอยู่ห่างไกลเพียงใด หากยังมิได้ทำพิธีแยกผี (แยกผีไปอยู่ที่บ้านของตนเอง) ก็ถือเสียว่ายังเป็นผีเดียวกัน หากมีความผิดเกิดขึ้นก็จะต้องรับผิดชอบร่วมกัน และหากไม่มาร่วมงาน จะถือว่าการรำผีในครั้งนั้นไม่สะอาด ไม่หลุด ไม่ขาด (จากความผิด)


ในวันทำพิธีรำผีมอญ ทุกคนในตระกูลดังกล่าวก็มาร่วมกันมากหน้าหลายตา สมาชิกกว่า 100 คน เนื่องจากเป็นตระกูลใหญ่ ค่อนข้างมีฐานะ (จึงเกิดปัญหาเรื่องมรดก) คนที่มีเรื่องพิพาทกันก็ระดับเลยวัยกลางคน แต่ละคนมีลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ที่ทิฐิมากก็เดินเกร่อยู่วงนอก คอยดูอยู่ห่างๆ หากถึงขั้นตอนการรำที่ต้องเข้าร่วม เมื่อโต้งเรียกมาเข้าพิธีก็สักแต่ทำไปแกนๆ อย่างนั้นเอง ไม่พูดไม่คุยกันอย่างที่พี่น้องคลานตามกันมาพึงเป็น


ในช่วงบ่ายของวันนั้นเป็นช่วงรำแบบเน้นความบันเทิง ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ปี่พาทย์จะตีเพลงสตริง ลูกทุ่ง ทะแยมอญ ผสมผสานลงไปก็สามารถทำได้ คนนอกตระกูลที่ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการก็สามารถร่วมสนุกร่วมรำได้ ซึ่งโดยปกติแล้วโต้งทั่วไปเป็นแต่เพียงผู้จัดการ ผู้สื่อสารกับผี ให้ผีมาเข้าร่างลูกหลานเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ให้ผีมาเข้าร่างโต้ง แต่ที่จังหวัดราชบุรีนั้นคงเป็นกรณีพิเศษ ผีอาจหาโอกาสเข้าร่างทั่วไปยาก โต้งจึงมักทำหน้าที่ให้ผีเข้าร่าง เป็นม้าทรงไปในตัว เรียกง่ายๆ ว่า รู้งาน คุมเกมเดินเกมได้ดี ระหว่างที่พิธีกรรมกำลังไปได้สวย อยู่ในขั้นตอนการรำบททั่วๆ ไป หลายคนกำลังรำได้ที่ สนุกสนานไปกับจังหวะปี่พาทย์ จู่ๆ โต้งที่ยืนคุมพิธีอยู่กลางปะรำพิธีก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แม้ว่าคุณป้าที่เป็นโต้งจะอายุเพียง 60 ปีเศษ แต่ยังแข็งแรง ปกติเดินได้คล่องแคล่วหลังตรงก็กลับกลายเป็นเดินหลังค่อม ตะโกนเสียงดัง แหบห้าว ด้วยภาษามอญล้วนๆ (ปกติคนมอญในปัจจุบันเมื่อพูดมอญมักมีภาษาไทยปน) เรียกหาหมากพลู เหล้า ยาสูบ สูบยาทีเดียว 3 มวน


ช่วงนี้วงปี่พาทย์รู้งานอยู่แล้ว ตีเพลงช้าลงทันใด โดยที่โต้งไม่ต้องหันมาขยิบตา และเมื่อผีในร่างโต้งดื่มเหล้าสูบยาหมดมวน ปี่พาทย์ก็เปลี่ยนเป็นเพลงโอด และตามด้วยเพลงมอญร้องไห้ ผู้ที่มาร่วมงานทุกคนเปลี่ยนอารมณ์แทบไม่ทัน ต่างเงียบกริบตามองเพ่งเป็นจุดเดียวในปะรำพิธี


ผีในร่างโต้งเรียกลูกๆ ทุกคนเข้าไปหา ตวาดลั่นให้ทุกคนกอดคอกันไว้ พลางทรุดตัวลงนั่งกอดและเขย่าตัวคนที่ผีในร่างโต้งเรียกว่าลูกๆ ทุกคนอย่างแรง ผีในร่างโต้งร้องไห้ฟูมฟาย ปากก็พร่ำบ่นแต่ความเสียใจน้อยใจ


“..
ทำไมลูกๆ ไม่รักกัน ทำไมลูกๆ ทะเลาะกัน ลูกไม่รักพ่อแล้วหรือ เราเคยลำบากมาด้วยกันจำไม่ได้แล้วหรือ รักกันไว้นะ พ่อเป็นห่วงลูกทุกคน...” ปี่พาทย์ยังคงตีคลอไปเบาๆ เดาได้ไม่ยากเลยว่าทุกคนในที่นั้นร้องไห้สะอึกสะอื้น มือปาดน้ำตากันทั่วหน้า ไม่เว้นแม้แต่ผู้มาร่วมงานที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้ง รวมทั้งนักวิชาการที่มาสังเกตุการณ์ในพิธี


พิธีรำผีมอญในวันนั้นจบลงด้วยดี ด้วยความประทับใจและตื้นตันใจของทุกคน วันต่อมาผู้เขียนโทรศัพท์ไปคุยกับหัวหน้าวงปี่พาทย์ สามีของโต้ง ถามเรื่องข้อมูลอะไรบางอย่าง แต่ได้ข้อมูลสืบเนื่องมาจากพิธีรำผีในวันนั้นว่า “พี่น้องบ้านนั้นเขาถอนฟ้อง แบ่งมรดกกันลงตัวแล้ว…”


พิธีรำผีมอญ ชุมชนคลองนาใหม่ ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร


ผู้เขียนไม่มีคำถามว่าผีมีจริงหรือเปล่า ผู้เขียนไม่เคยตั้งคำถามว่าโต้งจบการแสดงมาจากสถาบันใด ในเมื่อคำตอบท้ายสุดเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายอยู่แล้ว ในฐานะนักวิชาการจะไปตั้งคำถามที่ตอบไม่ได้เพื่ออะไร

ปัจจุบันความเชื่อเรื่องผีลดน้อยลง เพราะถูกท้าทายจากความเชื่อและหลักการทางวิทยาศาสตร์ ต่อสู้กับความคิดของผู้คนและความเจริญทางวัตถุที่หลั่งไหลเข้ามา ทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจ มองว่าเป็นเรื่องงมงาย

หากแท้ที่จริงแล้ว “ผี” คือเครื่องมือควบคุมสังคม เฝ้ารักษาขนบจารีตประเพณีและวัฒนธรรมให้คงอยู่ มีนัยยะแฝงทางวัฒนธรรม ผ่านการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาเป็นเวลาช้านาน สื่อแสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์ความเป็นมอญที่มีขนบจารีตที่ดีงามเป็นเครื่องนำทาง เมื่อลูกหลานมอญหันหลังให้ผี วัฒนธรรมประเพณีเก่าแก่ของมอญจึงค่อยๆ เลือนหายไปทีละน้อย การนั่งลงพูดคุยเปลี่ยนเป็นการประจันหน้า สิ่งสวยงามที่แทรกอยู่ในความเชื่อเรื่องผีจึงหมดไปจากวิถีชีวิต



บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนเราต่างเกิดมาพร้อมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบย้อนโคตรวงศ์กลับไปได้ไม่รู้จบ ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติของผู้ให้กำเนิดย่อมเป็นข้อมูลที่เกิดรอล่วงหน้า เป็นมรดกสืบสันดานมาต่อไป ส่วนศาสนาและการศึกษาถูกป้อนขณะอยู่ในวัยที่ยังไม่อาจเลือกเองเป็น หลังจากนั้นหากต้องการแก้ไขก็ทำได้เองตามชอบ ศัลยกรรมทำสีผิว ผ่าตัดแปลงเพศ หรือแม้แต่เปลี่ยนศาสนา กระทั่งสัญชาติก็เปลี่ยนกันได้ ยกเว้น “เชื้อชาติ” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยน ในงานเสวนา “มอญในสยามประเทศ (ไทย) ชนชาติ บทบาท และบทเรียน” เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงความล้าหลังคลั่ง “เชื้อชาติ” ว่า…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร ๑ จำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมริเป็นนักดนตรีไทยใหม่ๆ ในวัยเด็ก และได้ฟังเพลง “ราตรีประดับดาว” เป็นครั้งแรกนั้น ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เพราะทั้งทำนองและเนื้อร้อง โดยที่เนื้อร้องมีอยู่ว่า… วันนี้                                 แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ                       …
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัย ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส จากอ่าวเบ็งกอร์  อันที่ได้สร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินแก่ประชาชนชาวพม่า ที่อาศัยอยู่ในเขตตอนล่างของประเทศจีน จนถึงกลุ่มชนมอญ กระเหรี่ยง เป็นจำนวนมากโดยเป็นตัวแทนรัฐบาล ประชาชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจมายังท่าน และประชาชนชาวพม่า จะสามารถฟื้นฟูเขตที่เกิดความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงนครหลวงเวียงจันทน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551  ข้างต้นนี้เป็นสาส์นแสดงความเสียใจที่ฯพณฯท่านบัวสอน บุบผานุวง นายกรัฐมนตรีแห่ง…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“มอญอะไร นุ่งผ้าถุงลายนี้ มีผ่าหลังด้วย มอญเค้าไม่มีกันหรอก” นักวิชาการมหาวิทยาลัยเปิดแถวเมืองนนท์ชี้ให้ดู“มอญของแท้ต้องโสร่งแดง นุ่งลอยชายแบบพระประแดงนั่นน่ะมอญแปลง เอาแบบกรมศิลป์มาใส่...” พิธีกรสุดเริ่ดดอกเตอร์หมาดๆ รายการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ข้างตำราพูดเสียงยาวแล้วยังจะอีกพะเรอเกวียน ตำหนิ ติ บ่น ก่น ด่า ถากถาง ตั้งความฝัน คาดหวังให้เป็น ขีดเส้นให้ตาม- - - - - - - - - - -จิตรกรรมฝาผนังวัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม สมัย ร. 2 เป็นภาพสาวมอญนุ่งผ้าแหวกผ่านกลุ่มชายหนุ่ม และถูกเกี้ยวพาราสี
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร๑เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อย ๒ กลุ่ม คือ จีนและมอญ  มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ผูกโยงอยู่กับ “อัตลักษณ์” (identity) ของชาติพันธุ์แห่งตน นั่นก็คือ “วันตรุษจีน” หรือการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ตามคติจีน ที่รวมถึงการรำลึกถึงบรรพชนของตน และ “วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์มอญจากหลายจังหวัดทั่วประเทศมารวมตัวเพื่อกันทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ และร่วมกันจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม คนจีนและคนมอญได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาบริเวณที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนการสถาปนาความเป็น “รัฐชาติ” (nation state) มาเนิ่นนาน…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยอากาศช่วงนี้ช่างร้อนระอุได้ใจยิ่งนัก แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในบางที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนแต่ประการใด ร้อนๆ แบบนี้พาให้หงุดหงิดง่าย แต่พ่อฉันมักจะสอนว่า “นี่คือธรรมชาติที่มันต้องเกิด เราต้องเข้าใจธรรมชาติ คนที่ไม่เข้าใจและโมโห หงุดหงิดกับธรรมชาติคือคนเขลา และจะไม่มีความสุข” *******************
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดในช่วงเวลาของการแสวงประสบการณ์ ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันมานานแล้วว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้มีโอกาสทำงานโบราณคดีในภาคเหนือสักครั้ง  ดังนั้น เมื่อราวกลางปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นเหนือและ เริ่มต้นงานแรกที่จังหวัดลำปาง คืองานบูรณะซ่อมแซมวิหารจามเทวี วัดปงยางคก ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเมื่องานที่ลำปางเสร็จสิ้นลง ก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขุดศึกษาทางโบราณคดีที่เจดีย์เหลี่ยม หรือ กู่คำ เจดีย์สำคัญของเวียงกุมกาม ตลอดเวลาที่มองเห็นซากปรักหักพังของวัดร้างในเวียงกุมกาม น่าแปลกใจที่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับมอญเท่าไรนัก…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนวงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยสมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพรื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร“วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความร่วมมือของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ วัดบ้านไร่เจริญผล และพี่น้องชาวมอญจากหลายๆ พื้นที่ก่อนงานจะเริ่ม พวกเรา-คณะเตรียมงาน ประมาณ ๑๐ คน ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานด้วยธงราวรูปหงส์ที่พวกเราทำขึ้น, การผูกผ้าและจัดดอกไม้, การตกแต่งเวที, การติดตั้งนิทรรศการเคลื่อนที่, การเตรียมสถานที่สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนมอญ ฯลฯ…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดและแล้วสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้....เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ วันแรกของการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๑ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดย วัดและชุมชนมอญบ้านไร่เจริญผล ร่วมกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงตระหนกของเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบนำข่าวของเช้านี้มาบอก “....เร็วๆมาดู อะไรนี่ ...ยกโขยง มากันเป็นร้อยเลยว่ะ...เต็มวัดไปหมด .....”  ในทันทีนั้นข้าพเจ้าจึงชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างชั้นบนของศาลาการเปรียญที่พวกเราอาศัยซุกหัวนอนกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาเตรียมจัดงาน…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“ทะแยมอญ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของมอญอย่างหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คงหลับตานึกภาพไม่ออก แต่อธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เป็นการแสดงที่ให้อารมณ์คล้ายๆ การแสดงลำตัดของไทย เป็นการร้องโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวี มีทั้งเรื่องธรรมและเกี้ยวพาราสีของนักแสดงชายหญิงประกอบวงมโหรีมอญ คนที่ฟังไม่ออกก็อาจเฉยๆ แต่หากเป็นคนมอญรุ่นที่หิ้วเชี่ยนหมากมานั่งฟังด้วยแล้วละก็ เป็นได้เข้าถึงอารมณ์เพลง ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามลีลาของมโหรี หรือบางช่วงอาจเพลินคารมพ่อเพลงแม่เพลงที่โต้กลอนกันถึงพริกถึงขิง อาจต้องหัวเราะน้ำหมากกระเด็นไปหลายวาทีเดียวทะแยมอญบ้านเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ่ายเมื่อราวปี…