Skip to main content

องค์ บรรจุน

แค่อ่านชื่อเรื่องหลายคนคงรู้จักคุ้นเคยกันดีว่านี่คือเนื้อเพลง “สยามเมืองยิ้ม” สำหรับคนที่เป็นคอลูกทุ่งยิ่งต้องรู้ว่า เพลงนี้ขับร้องโดยราชินีเพลงลูกทุ่งผู้ล่วงลับ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ส่วนผู้ประพันธ์เนื้อเพลงเป็นครูเพลงคู่บุญของเธอ ลพ บุรีรัตน์


ได้ฟังเพลงนี้ครั้งแรกก็สัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในความเป็นชาติ รู้สึกทันทีว่าไพเราะกินใจ ซาบซึ้งไปกับบทเพลง ยิ่งฟังยิ่งเพราะ ขนาดที่เมื่อสิบกว่าปีก่อนเคยส่งเทปจัดรายการเพลงไปประกวดดีเจทางคลื่น “สไมล์เรดิโอ” ใช้เพลง “สยามเมืองยิ้ม” เป็นเพลงปิดรายการ ได้เข้ารอบแรกเสียด้วยแต่ตกรอบ ๒๐ คนสุดท้าย เพื่อนๆ ที่รอฟังและตามลุ้นพูดเหมือนกันว่า “สมควรแล้ว จัดรายการเพลงเพื่อชีวิตแต่เสือกเอาเพลงลูกทุ่งปิดรายการ...”

ถึงตรงนี้คงยังมีใครหลายคนจำเนื้อเพลงได้ หลายคนที่ไม่ได้เป็นคอลูกทุ่ง แม้แต่คอลูกทุ่งก็เถอะถ้าเกิดหลังปี ๒๕๓๐ ก็คงจำไม่ได้หรือไม่เคยได้ยิน เรามาดูเนื้อเพลงไปด้วยกัน

“จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย มิเป็นทาสใคร และมีน้ำใจล้นปริ่ม ทั่วโลกกล่าวขาน ขนานนาม ให้ว่าสยามเมืองยิ้ม เราควรกระหยิ่มถึงความดีงาม คนเย็นใจซื่อได้ชื่อว่าไทย ร้อนมาจากไหน ชาติไทยไม่เคยหวงห้าม ข้ามเขตข้ามโขงถิ่นน้ำขุ่น มาพึ่งใบบุญเมืองสยาม เรายิ้มรับตามที่ท่านต้องการ เลื่องชื่อลือนาม สยามมีแต่น้ำใจ ขอเตือนท่านผู้อาศัย อย่าทำอะไรให้ไทยร้าวราน คนไทยใจซื่อ เขาถือแต่โบราณกาล แค่เพียงข้าวสุกหนึ่งจาน ใครลืมของท่านนั้นเนรคุณ คนไทยรักชาติแหละศาสนา เทิดองค์เจ้าฟ้า ผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ ถ้าท่านเคารพสิทธิ์ของไทย ท่านอยู่ต่อได้อีกนานคุณ สยามใจบุญ ยังยิ้มเสมอ”

เป็นยังไงครับ ลองอ่านเนื้อเพลง สำหรับผู้เขียนไม่ว่าจะฟังเพลงนี้กี่ครั้งก็ยังรู้สึกเพราะจับใจเหมือนเดิม หากแต่ว่าเมื่อได้ลองเก็บรายละเอียดตีความเนื้อเพลงไปทีละคำ อ่านความหมายระหว่างบรรทัดด้วยแล้ว (ไม่แน่ใจว่าผู้แต่งเจตนาหรืออารมณ์กลอนพาไป) พบว่าเพลงนี้ช่างเป็นเพลงที่เลือกใช้ประวัติศาสตร์บางช่วงบางตอนมากดทับคนรากหญ้าชนิดไม่ให้โงหัว ลองมาตีความไปด้วยกันกันทีละวรรคดังนี้ครับ


“จงภูมิใจเถิดที่เกิดเป็นไทย มิเป็นทาสใคร”
แค่วรรคแรกก็หลอกตัวเองแล้ว เพราะโดยรากศัพท์โบราณมีแต่คำว่า ไท หมายถึงชนชาติตระกูลไท-ลาว (Tai) คำว่าไทยที่มี ย ยักษ์นั้นรัฐบาลเขาสร้างใหม่ ให้คำจำกัดความว่า อิสระ นัยว่าไม่เคยเป็นทาสใคร คงทำนองว่าไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร แต่ที่ไหนได้ หากไม่นับสงครามคราวเสียกรุงสองครั้งเพราะถือว่าพม่ามาเผาและกวาดต้อนผู้คนทรัพย์สิน ไม่ได้อยู่ปกครองแต่แต่งตั้งคนไทยให้ปกครองกันเอง จึงไม่ถือว่าตกเป็นเมืองขึ้น เอาละ ถ้าคิดอย่างนั้นแล้วสบายใจก็คิดต่อไป แล้วเมื่อตอนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ที่ญี่ปุ่นบุกไทยใช้เป็นทางผ่านไปพม่ามาเลเซีย การที่สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพที่อุดรธานีทำสงครามเวียดนาม จนมีลูกครึ่งจีไอเป็นดาราเต็มบ้านเต็มเมือง การต้องทำตามคำสั่งไอเอ็มเอฟอย่างเคร่งครัดเมื่อครั้งวิกฤตต้มยำกุ้ง วัยรุ่นไทยแต่งตัวตัดผมทรงเกาหลีญี่ปุ่นไปถือป้ายภาษาเกาหลีญี่ปุ่นยืนกรี้ดรอรับนักร้องเกาหลีญี่ปุ่นที่สนามบิน สิ่งเหล่านี้มันก็ดูคล้ายๆ จะเป็น “ทาสใคร” อยู่เหมือนกัน

“และมีน้ำใจล้นปริ่ม ทั่วโลกกล่าวขาน ขนานนาม ให้ว่าสยามเมืองยิ้ม เราควรกระหยิ่มถึงความดีงาม”
การพูดในทำนองคนไทยมีน้ำใจ คนไทยรักสงบ คนไทยยิ้มง่าย อย่างนี้มันเป็นการเหมารวมยกเข่ง ชนชาติใดในโลกเขาก็มีคุณสมบัติเหล่านี้กันทั้งนั้น แต่ใช่ว่าทุกคนมีน้ำใจ ใช่ว่าทุกคนรักสงบ ใช่ว่าทุกคนชอบยิ้ม มากน้อยต่างกัน ทีนี้พอมีคนมาตั้งฉายาให้ว่า “สยามเมืองยิ้ม” คนสยามก็เลยต้องยิ้มกันบ้าไปเลย วันๆ ไม่ทำอะไร เห็นต่างชาติเดินมายิ้มลูกเดียว ถามอะไรก็ไม่ตอบเพราะพูดภาษาเขาไม่ได้ คนที่ไม่ชอบยิ้มก็อาจถูกเพื่อนตั้งคำถามว่า “คนไทยหรือเปล่า”

“คนเย็นใจซื่อได้ชื่อว่าไทย ร้อนมาจากไหน ชาติไทยไม่เคยหวงห้าม ข้ามเขตข้ามโขงถิ่นน้ำขุ่น มาพึ่งใบบุญเมืองสยาม เรายิ้มรับตามที่ท่านต้องการ”
วรรคนี้แหละที่มีปัญหาในวิธีคิด อวดตัวว่า “คนเย็นใจซื่อได้ชื่อว่าไทย” คนใจเย็นคนใจซื่อเป็นไทยทุกคน คนชาติอื่นใจร้อนใจคด ส่วนที่ถามว่า “ร้อนมาจากไหน” ใครกันที่ร้อน คนที่ร้อนมากๆ คงมีจีน มอญ และญวนบางส่วน เพราะบ้านตัวเองร้อนจึงหนีร้อนมาพึ่งเย็น แต่ต้องไม่ลืมว่ามีมอญและญวนบางส่วนที่ถูกกวาดต้อนมาในสงครามแย่งชิงพลเมืองในอดีตหลายครั้ง ส่วนคนที่ “ข้ามเขตข้ามโขงถิ่นน้ำขุ่น” ก็คงไม่พ้น ลาวพวน ลาวครั่ง ลาวโซ่ง (ไททรงดำ) เขมร เวียดนาม คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่ได้ “มาพึ่งใบบุญเมืองสยาม” เพราะบรรพบุรุษ (ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย) ของคนไทยไปเผาบ้านเผาเมืองกวาดต้อนเขามา “เก็บผักใส่ซ้าเก็บข้าใส่เมือง”


ขออวดตัวอีกนิด
“เลื่องชื่อลือนาม สยามมีแต่น้ำใจ ขอเตือนท่านผู้อาศัย อย่าทำอะไรให้ไทยร้าวราน”
หลังอวดตัวว่าเป็นคนมีน้ำใจแล้ว ถือโอกาส “เตือนท่านผู้อาศัย อย่าทำอะไรให้ไทยร้าวราน” เขาเหล่านี้ (ที่ข้ามโขงมา) ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นผู้อาศัยอย่างที่บอกไปแล้วว่าไปกวาดต้อนบรรพชนเขามา เขาก็เลยต้องอยู่ และก็ไม่ได้อยู่อย่าง “ผู้อาศัย” เขาอยู่ในฐานะเจ้าของแผ่นดิน บรรพชนเขาต่างช่วนกันสร้างชาติรักษาแผ่นดินผืนนี้มาด้วยเลือดเนื้อเหมือนเราท่านทั้งหลาย

“คนไทยใจซื่อ เขาถือแต่โบราณกาล แค่เพียงข้าวสุกหนึ่งจาน ใครลืมของท่านนั้นเนรคุณ”
อวดตัวอีกว่าเป็นคนใจซื่อ แล้วก็ยกเอาโวหารมาอ้างเพื่อ “ทวงบุญคุณ” ข้าวแดงแกงร้อน ด่ากันถึงขนาด “เนรคุณ” ซึ่งพุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่เป็นผู้นำสารของครูลพมาเผยแพร่ หรือแม้แต่ครูลพจะได้รับออเดอร์จากใครให้แต่งเพลงนี้ ก็ไม่มีสิทธิ์ทวงบุญคุณคนเหล่านี้ เพราะกว่าที่คุณจะเทข้าวสุกให้เขาหนึ่งจานนั้น คุณเผาบ้านเผาเมือง เอาดาบจี้คอหอย หวายร้อยขื่อคา กวาดต้อนเขามา เมื่อถึงแผ่นดินสยามก็ให้เขาตั้งบ้านเรือนอยู่รายรอบเมืองหลวงเพื่อป้องกันดูแลคนในกำแพง ยามมีข้าศึกศัตรูมาประชิดก็เกณฑ์กำลังไปรบล้มตายนับไม่ถ้วน ยามบ้านเมืองสงบก็ปล่อยให้ทำไร่ไถนาเรียกเก็บภาษี เก็บแม้กระทั่งภาษีผักชี

“คนไทยรักชาติแหละศาสนา เทิดองค์เจ้าฟ้า ผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ ถ้าท่านเคารพสิทธิ์ของไทย ท่านอยู่ต่อได้อีกนานคุณ สยามใจบุญ ยังยิ้มเสมอ”
แน่นอนว่าทุกคน “รักชาติแหละศาสนา เทิดองค์เจ้าฟ้า ผู้ทรงเปี่ยมเนื้อนาบุญ” ด้วยกันทั้งนั้น ที่ร้ายเหลือเมื่อมีการพูดถึง “สิทธิ์” บอกให้เขาเคารพสิทธิ แล้วคุณล่ะเคยคิดถึงสิทธิของเขา เคารพสิทธิของเขาแค่ไหน... จบท้ายด้วยการฝากให้คิด (พูดตรงๆ ก็คือ จำใส่กะลาหัว) ถ้าเคารพสิทธิ์กันก็สามารถ “อยู่ต่อได้อีกนาน” แสดงว่าถ้าทำอะไรที่คุณเข้าใจว่าไม่เคารพกัน ไม่พอใจกัน คุณก็จะไล่เขาออกไปจากแผ่นดินไทยเลยหรือ เจ้าของประเทศคนไหนเป็นคนไล่ จะให้เขาไปอยู่ไหน ในเมื่อที่นี่เป็นแผ่นดินเกิดที่เขามีส่วนสร้างมาด้วยเช่นกัน และไอ้ที่หน้าด้านสุดๆ ก็ตรงทิ้งท้ายว่า “สยามใจบุญ” ทำกันขนาดนี้ยังมีหน้ามาทวงบุญคุณ มิหนำซ้ำยังยกหางตัวเองว่าใจบุญ ช่างไม่ละอายเอาเสียจริง

ทั้งหมดทั้งมวลที่กระทำต่อคนรากหญ้าสารพัดสารเพนี้นอกจากไม่สำเหนียกในความผิดของตนแล้ว ยังกล้าออกปากทวงบุญคุณ กล้าถือสิทธิ์ขับไล่ไสส่งให้เขาไปอยู่ที่อื่น ขณะเดียวกันก็ปั้นหน้า “ยังยิ้มเสมอ” หลอกลวงชาวโลกต่อไป

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนเราต่างเกิดมาพร้อมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบย้อนโคตรวงศ์กลับไปได้ไม่รู้จบ ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติของผู้ให้กำเนิดย่อมเป็นข้อมูลที่เกิดรอล่วงหน้า เป็นมรดกสืบสันดานมาต่อไป ส่วนศาสนาและการศึกษาถูกป้อนขณะอยู่ในวัยที่ยังไม่อาจเลือกเองเป็น หลังจากนั้นหากต้องการแก้ไขก็ทำได้เองตามชอบ ศัลยกรรมทำสีผิว ผ่าตัดแปลงเพศ หรือแม้แต่เปลี่ยนศาสนา กระทั่งสัญชาติก็เปลี่ยนกันได้ ยกเว้น “เชื้อชาติ” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยน ในงานเสวนา “มอญในสยามประเทศ (ไทย) ชนชาติ บทบาท และบทเรียน” เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงความล้าหลังคลั่ง “เชื้อชาติ” ว่า…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร ๑ จำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมริเป็นนักดนตรีไทยใหม่ๆ ในวัยเด็ก และได้ฟังเพลง “ราตรีประดับดาว” เป็นครั้งแรกนั้น ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เพราะทั้งทำนองและเนื้อร้อง โดยที่เนื้อร้องมีอยู่ว่า… วันนี้                                 แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ                       …
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัย ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส จากอ่าวเบ็งกอร์  อันที่ได้สร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินแก่ประชาชนชาวพม่า ที่อาศัยอยู่ในเขตตอนล่างของประเทศจีน จนถึงกลุ่มชนมอญ กระเหรี่ยง เป็นจำนวนมากโดยเป็นตัวแทนรัฐบาล ประชาชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจมายังท่าน และประชาชนชาวพม่า จะสามารถฟื้นฟูเขตที่เกิดความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงนครหลวงเวียงจันทน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551  ข้างต้นนี้เป็นสาส์นแสดงความเสียใจที่ฯพณฯท่านบัวสอน บุบผานุวง นายกรัฐมนตรีแห่ง…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“มอญอะไร นุ่งผ้าถุงลายนี้ มีผ่าหลังด้วย มอญเค้าไม่มีกันหรอก” นักวิชาการมหาวิทยาลัยเปิดแถวเมืองนนท์ชี้ให้ดู“มอญของแท้ต้องโสร่งแดง นุ่งลอยชายแบบพระประแดงนั่นน่ะมอญแปลง เอาแบบกรมศิลป์มาใส่...” พิธีกรสุดเริ่ดดอกเตอร์หมาดๆ รายการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ข้างตำราพูดเสียงยาวแล้วยังจะอีกพะเรอเกวียน ตำหนิ ติ บ่น ก่น ด่า ถากถาง ตั้งความฝัน คาดหวังให้เป็น ขีดเส้นให้ตาม- - - - - - - - - - -จิตรกรรมฝาผนังวัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม สมัย ร. 2 เป็นภาพสาวมอญนุ่งผ้าแหวกผ่านกลุ่มชายหนุ่ม และถูกเกี้ยวพาราสี
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร๑เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อย ๒ กลุ่ม คือ จีนและมอญ  มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ผูกโยงอยู่กับ “อัตลักษณ์” (identity) ของชาติพันธุ์แห่งตน นั่นก็คือ “วันตรุษจีน” หรือการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ตามคติจีน ที่รวมถึงการรำลึกถึงบรรพชนของตน และ “วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์มอญจากหลายจังหวัดทั่วประเทศมารวมตัวเพื่อกันทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ และร่วมกันจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม คนจีนและคนมอญได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาบริเวณที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนการสถาปนาความเป็น “รัฐชาติ” (nation state) มาเนิ่นนาน…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยอากาศช่วงนี้ช่างร้อนระอุได้ใจยิ่งนัก แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในบางที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนแต่ประการใด ร้อนๆ แบบนี้พาให้หงุดหงิดง่าย แต่พ่อฉันมักจะสอนว่า “นี่คือธรรมชาติที่มันต้องเกิด เราต้องเข้าใจธรรมชาติ คนที่ไม่เข้าใจและโมโห หงุดหงิดกับธรรมชาติคือคนเขลา และจะไม่มีความสุข” *******************
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดในช่วงเวลาของการแสวงประสบการณ์ ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันมานานแล้วว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้มีโอกาสทำงานโบราณคดีในภาคเหนือสักครั้ง  ดังนั้น เมื่อราวกลางปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นเหนือและ เริ่มต้นงานแรกที่จังหวัดลำปาง คืองานบูรณะซ่อมแซมวิหารจามเทวี วัดปงยางคก ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเมื่องานที่ลำปางเสร็จสิ้นลง ก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขุดศึกษาทางโบราณคดีที่เจดีย์เหลี่ยม หรือ กู่คำ เจดีย์สำคัญของเวียงกุมกาม ตลอดเวลาที่มองเห็นซากปรักหักพังของวัดร้างในเวียงกุมกาม น่าแปลกใจที่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับมอญเท่าไรนัก…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนวงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยสมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพรื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร“วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความร่วมมือของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ วัดบ้านไร่เจริญผล และพี่น้องชาวมอญจากหลายๆ พื้นที่ก่อนงานจะเริ่ม พวกเรา-คณะเตรียมงาน ประมาณ ๑๐ คน ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานด้วยธงราวรูปหงส์ที่พวกเราทำขึ้น, การผูกผ้าและจัดดอกไม้, การตกแต่งเวที, การติดตั้งนิทรรศการเคลื่อนที่, การเตรียมสถานที่สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนมอญ ฯลฯ…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดและแล้วสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้....เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ วันแรกของการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๑ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดย วัดและชุมชนมอญบ้านไร่เจริญผล ร่วมกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงตระหนกของเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบนำข่าวของเช้านี้มาบอก “....เร็วๆมาดู อะไรนี่ ...ยกโขยง มากันเป็นร้อยเลยว่ะ...เต็มวัดไปหมด .....”  ในทันทีนั้นข้าพเจ้าจึงชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างชั้นบนของศาลาการเปรียญที่พวกเราอาศัยซุกหัวนอนกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาเตรียมจัดงาน…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“ทะแยมอญ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของมอญอย่างหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คงหลับตานึกภาพไม่ออก แต่อธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เป็นการแสดงที่ให้อารมณ์คล้ายๆ การแสดงลำตัดของไทย เป็นการร้องโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวี มีทั้งเรื่องธรรมและเกี้ยวพาราสีของนักแสดงชายหญิงประกอบวงมโหรีมอญ คนที่ฟังไม่ออกก็อาจเฉยๆ แต่หากเป็นคนมอญรุ่นที่หิ้วเชี่ยนหมากมานั่งฟังด้วยแล้วละก็ เป็นได้เข้าถึงอารมณ์เพลง ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามลีลาของมโหรี หรือบางช่วงอาจเพลินคารมพ่อเพลงแม่เพลงที่โต้กลอนกันถึงพริกถึงขิง อาจต้องหัวเราะน้ำหมากกระเด็นไปหลายวาทีเดียวทะแยมอญบ้านเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ่ายเมื่อราวปี…