Skip to main content

มอญ เป็นชนชาติเก่าแก่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยมีรัฐเอกราชปกครองตนเองอยู่ตอนใต้ของประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ในฐานะชนกลุ่มน้อยในประเทศพม่า ขณะที่มอญส่วนหนึ่งได้อพยพเข้ามายังดินแดนไทย และมีฐานะเป็นชนกลุ่มน้อยเช่นเดียวกัน ชนชาติมอญ มีประวัติศาสตร์และอารยธรรมสืบเนื่องมายาวนาน แม้ปัจจุบันจะไม่มีรัฐปกครองตนเอง แต่วัฒนธรรมมอญทางด้านศาสนา ภาษา วรรณคดี สถาปัตยกรรม นาฏศิลป์ ดนตรี ความเชื่อและประเพณีพิธีกรรมของชนชาติในภูมิภาคนี้ ล้วนได้รับอิทธิพลจากมอญ

\\/--break--\>
วัฒนธรรมมอญได้ส่งอิทธิพลทั้งต่อวัฒนธรรมไทยและพม่า เมื่อระยะเวลาผ่านไปวัฒนธรรมไทยและพม่าที่ได้รับอิทธิพลจากมอญได้มีพัฒนาการขึ้นตามลำดับ และได้ส่งผ่านคืนมาสู่มอญด้วย ปัจจุบันจึงจำแนกได้ยากว่ารูปแบบใดคือวัฒนธรรมมอญ ไทย หรือพม่า ที่ได้รับอิทธิพลจากมอญผ่านการปรับเปลี่ยนแล้ว การเรียนรู้เรื่องมอญในประเทศไทยมีผู้ศึกษาไว้ค่อนข้างมาก ในขณะที่ฝั่งประเทศพม่ายังไม่มีผู้ศึกษาอย่างจริงจัง ซึ่งต้องยอมรับว่าวัฒนธรรมมอญมีอิทธิพลเหนือพม่า และได้ส่งผ่านไปยังชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยระยะเวลาต่อมา ดังนั้นหากมีการศึกษาเรื่องมอญในประเทศพม่า จะทำให้สังคมไทยเกิดความเข้าใจพม่า ทั้งด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ตลอดจนชนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ที่ปัจจุบันได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับสังคมไทยไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ การรู้จักเพื่อนบ้านอย่างประเทศพม่า จึงเท่ากับเป็นการเรียนรู้ตัวเอง อันจะเป็นประโยชน์ทั้งสองประเทศ


วรรณกรรมมอญมีอิทธิพลอยู่ในงานวรรณกรรมไทยหลายแง่มุม เป็นที่ทราบกันดีว่าไทยรับอิทธิพลพุทธศาสนาเถรวาทผ่านมอญ ที่เข้ามาพร้อมวรรณกรรม และภาษามอญ ซึ่งปัจจุบันผสมผสานอยู่ในสังคมไทย วัฒนา บุรกสิกร สถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิจัยพบว่า มีภาษามอญปะปนอยู่ในภาษาไทยมากกว่า ๖๙๗ คำ ในส่วนของอิทธิพลจากวรรณกรรมมอญที่มีต่อวรรณคดีไทยนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานของ “พระอะเฟาะ” เช่น เรื่องพระนางภิมภาขอขมาพระพุทธองค์ ราชวงศ์ สุวรรณหงส์ ประวัติสงกรานต์ อธิบายราชาธิราช ศรีธนญชัย ธรรมทีปนี ปฐมสมโพธิ พระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ ขุนช้างขุนแผน โรคนิทาน ธรรมศาสตร์ ศาสนวงศ์ ส่วนเรื่องที่สำคัญ คือ ราชาธิราช และขุนช้างขุนแผน


ราชาธิราช รัชกาลที่ ๑ โปรดฯให้แปลมาจากพงศาวดารมอญเป็นวรรณคดีไทย ได้รับการยกย่องเป็นวรรณคดีที่ควรค่าแก่การอ่าน กระทรวงศึกษาธิการตีพิมพ์เนื้อหาบางตอนเป็นแบบเรียน

 

 

แบบเรียนมอญตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ส่วนใหญ่ใช้ "หนังสือเด็กวัด" ของพระอาจารย์อะเฟาะ
วรรณกรรมร้อยกรองเป็นแบบฝึกหัดอ่าน


ขุนช้างขุนแผน เนื้อเรื่องเกิดในปลายสมัยอยุธยา เดิมเป็นบทขับเสภาของราษฎรทั่วไป ถูกนำมาแต่งเป็นวรรณคดีไทยสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งน่าจะได้รับอิทธิพลมาจากวรรณกรรมมอญเรื่อง ขุนแผนขุนช้าง คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้สรุปว่า ขุนไกร พ่อขุนแผน เป็นทหารในกองอาทมาตมอญเมืองกาญจนบุรี นอกจากนี้ ในเรื่องขุนช้างขุนแผน มีสำนวนภาษาและเนื้อหาเกี่ยวกับมอญจำนวนมาก เช่น การแสดงทะแยมอญ การละเล่น การแต่งกาย ประเพณี คติความเชื่อ คาถาอาคม และไสยศาสตร์


พระอะเฟาะเป็นชาวมอญเมืองหงสาวดี เกิดเมื่อราว พ.. ๒๒๔๓ ไม่มีหลักฐานว่าท่านเสียชีวิตเมื่อใด แต่จากหลักฐานงานวรรณกรรมของท่าน คาดว่าน่าจะมีอายุอยู่จนถึงสมัยรัชกาลที่ ๑ หากนับเอาปีแรกของรัชกาลคือ พ.. ๒๓๒๕ จะเท่ากับว่าท่านมีอายุถึง ๘๓ ปี วรรณกรรมที่ระบุปีที่แต่งเรื่องสุดท้ายของท่านคือ บารมีการ (การสร้างบารมี) แต่งเมื่อ พ.. ๒๓๑๙ ซึ่งท่านให้ลูกศิษย์จารตามคำบอก เนื่องจากนิ้วมือของท่านถูกตัด ไม่สามารถจารหนังสือได้ งานวรรณกรรมของพระอะเฟาะส่วนใหญ่แต่งก่อน พ.. ๒๒๘๓ เพราะในปีนั้นขณะที่พม่าเกิดความอ่อนแอ สมิงทอพุทธเกษ กษัตริย์มอญถือโอกาสประกาศเอกราช ต่อมาเมืองมอญเกิดจราจล พม่าทำการปราบปรามอย่างหนัก พระอะเฟาะจึงพาชาวบ้านส่วนหนึ่งอพยพหนีภัยสงครามจากเมืองหงสาวดี ไปอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านพาเปรฺะ ปลายแดนหงสาวดี ส่วนชาวมอญกลุ่มใหญ่พากันอพยพเข้าไทยตอนปลายสมัยอยุธยาเมื่อ พ.. ๒๒๙๐


พระอะเฟาะแต่งวรรณกรรมไว้มากกว่า ๑๐๐ เรื่อง ส่วนใหญ่แต่งแบบร้อยกรอง เป็นวรรณกรรมทางด้านศาสนา มีทั้งพระไตรปิฎก หมวดพระอภิธรรม พระวินัย และพระสูตร คำสอน ชาดก ประวัติศาสตร์ โหราศาสตร์ ตำรา ตำนาน และกฏหมาย ส่วนนิยาย นิทาน จะพบน้อยมาก ส่วนเรื่องที่เลือกมาศึกษานี้เป็นแบบเรียนหัดอ่านสำหรับเด็ก คือ หนังสือเด็กวัด (เหลิจก์ปล่ายแพ่ฮ์)


หนังสือเด็กวัด ของพระอะเฟาะ ไม่ทราบปีที่แต่งแน่ชัด แต่เมื่อเทียบเคียงหลักฐานจากประวัติของพระอะเฟาะ และประวัติศาสตร์ของมอญและพม่าในช่วงเวลานั้น รวมทั้งสำนวนโวหารที่ใช้ในการแต่ง พออนุมานได้ว่า พระอะเฟาะน่าจะแต่งหนังสือเด็กวัดขึ้นก่อน พ.. ๒๒๘๓ เพื่อเป็นแบบเรียนสำหรับหัดอ่านของเด็กนักเรียนมานานกว่า ๒๕๐ ปี ปัจจุบันผู้ที่เริ่มเรียนภาษามอญทั้งในเมืองไทยและพม่าก็ยังคงใช้แบบเรียนเล่มนี้ ลักษณะการเขียนเป็นร้อยกรองที่เรียกว่า แล่งกาแจะโน่ก แปลว่า ฉันทลักษณ์ใหญ่ ที่ไม่จำกัดจำนวนวรรค สามารถแต่งต่อไปได้เรื่อย จนกว่าจะจบเรื่อง วรรคหนึ่งมีประมาณ ๘ คำ แบ่งอ่านเป็น ๒ จังหวะในแต่ละวรรค มีสัมผัสบังคับเพียง ๑ แห่ง คือ คำสุดท้ายของวรรคหน้าส่งสัมผัสไปยังคำที่ ๔ ของวรรคต่อไป


หนังสือเด็กวัด แต่งตามขนบการแต่งของพระอะเฟาะ คือ เริ่มด้วยคำบูชาพระรัตนตรัย บทไหว้ครูอาจารย์ผู้สั่งสอนวิชา ตลอดจนเทพเทวาที่ครองพิภพ ขอให้ผู้แต่งหนังสือมีปัญญาเฉียบแหลม ระบุชื่อผู้แต่ง (หรือนามปากกา) สถานที่แต่ง และวัตถุประสงค์ในการแต่ง เช่น “หวังให้เกิดประโยชน์แก่ชาวมอญ ได้มีความรู้ มีแนวทางดำเนินชีวิต มีแนวทางแก้ปัญหา...”


ค่านิยมในเรื่อง เช่น เศรษฐีซื้อผ้านุ่งผ้าห่มให้ลูกก่อนส่งไปเรียน จะต้องเลือกซื้อผ้าที่ดีที่สุด ซึ่งมีทั้ง “ผ้ายันต์ ผ้า (ที่มาทาง) เรือ ผ้าไหมล้านช้าง...” แสดงให้เห็นค่านิยมในการแต่งกาย การใช้ผ้า และการเลือกซื้อสิ้นค้าสำหรับคนมีฐานะ ได้แก่ การใช้และพกผ้ายันต์ติดตัว ชื่อเสียงของผ้าอินเดีย (ผ้าที่มาทางเรือ) และผ้าไหมลาวในยุคนั้น


ค่านิยมเรื่องการศึกษา สมัยก่อนลูกศิษย์ต้องออกแสวงหาฝากตัวยังสำนัก “ตักศิลา” ที่ “ครู” มีฝีมือ นำดอกไม้ธูปเทียนและของกำนัลไปไหว้ครูตามฐานะของศิษย์แต่ละคน ศิษย์บางคนกระพุ่มมือเปล่า ไม่มีแม้แต่ดอกไม้ธูปเทียน แต่อาจารย์ก็รับเป็นศิษย์และถ่ายทอดวิชาให้เท่ากัน


สำนวนโวหารสอดแทรกไว้จำนวนมาก เช่น “หากไม่รู้หนังสือจะโง่เหมือนลิงแก่ ปีนขึ้นยอดไม้นั่งตากฝน” เป็นสำนวนที่เกิดจากการเรียนรู้ธรรมชาติของลิงโดยแท้ กล่าวคือ เมื่อเมฆฝนตั้งเค้า บรรดาลิงแสมตามป่าชายเลนจะรวบยอดทางจากเข้าหากันแล้วมัดไว้เป็นกลุ่มคล้ายกระโจม แต่แทนที่จะเข้าไปหลบฝนอยู่ภายใน กลับขึ้นไปนั่งอยู่บนยอดทางจากที่มัดเอาไว้


ความรักในชนชาติ หรือชาติพันธุ์ ซึ่งนักวิจัยบางท่านกล่าวว่า ความเป็นรัฐชาติ ความเป็นชาติพันธุ์ของมอญและชาติพันธุ์ต่างๆ ในประเทศพม่า เพิ่งมีขึ้นภายหลังอังกฤษเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคม ขีดแผนที่ และเขียนตำราสร้างค่านิยมแบบรัฐชาติเอาไว้ แต่ในงานวรรณกรรมของพระอะเฟาะหลายเรื่อง โดยเฉพาะหนังสือเด็กวัด ระบุไว้ชัดเจนว่าวัตถุประสงค์ในการแต่งนั้น


แต่งขึ้นด้วยความรักและเมตตา หวังให้เกิดประโยชน์แก่ชาวมอญ ด้วยภาษาของชาวเมาะตะมะ สำหรับลุกหลาน จะได้ฝึกฝนให้มีความรู้ …”


แม้ไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการที่พระอะเฟาะนิ้วมือด้วน เกิดจากการตัดนิ้วตนเอง หรือถูกทางการพม่าตัดก็ตาม วัตถุประสงค์ก็เพื่อหลีกเลี่ยงการแปลหรือแต่งหนังสือมอญเป็นภาษาพม่า แสดงให้เห็นว่า มอญกับพม่านับแต่อดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งพระอะเฟาะมีความรักในชนชาติมอญ จนเป็นบุคคลที่ทางการพม่าหมายหัว


หนังสือแบบเรียนที่มีการใช้งานมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ย่อมแสดงให้เห็นว่าเนื้อหาสาระสมบูรณ์ครอบคลุมทุกด้าน มีการใช้ภาษาสละสลวย บรรจุเนื้อหาและคำศัพท์ไว้หลากหลายทุกระดับเริ่มจากคำที่ง่ายไปหายาก สอดแทรกขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อ ค่านิยม สำนวนโวหาร คติสอนใจ ซึ่งปัจจุบันแบบเรียนเรื่องนี้ยังคงร่วมสมัย เหมาะสำหรับเยาวชนทุกยุคสมัย จึงได้รับความนิยมจากครูอาจารย์ผู้ถ่ายทอดภาษามอญ เลือกแบบเรียนของพระอะเฟาะให้เยาวชนได้หัดอ่านมานานกว่า ๒๕๐ ปี ทั้งสำหรับเยาวชนมอญในประเทศไทยและประเทศพม่า

 

 

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนเราต่างเกิดมาพร้อมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบย้อนโคตรวงศ์กลับไปได้ไม่รู้จบ ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติของผู้ให้กำเนิดย่อมเป็นข้อมูลที่เกิดรอล่วงหน้า เป็นมรดกสืบสันดานมาต่อไป ส่วนศาสนาและการศึกษาถูกป้อนขณะอยู่ในวัยที่ยังไม่อาจเลือกเองเป็น หลังจากนั้นหากต้องการแก้ไขก็ทำได้เองตามชอบ ศัลยกรรมทำสีผิว ผ่าตัดแปลงเพศ หรือแม้แต่เปลี่ยนศาสนา กระทั่งสัญชาติก็เปลี่ยนกันได้ ยกเว้น “เชื้อชาติ” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยน ในงานเสวนา “มอญในสยามประเทศ (ไทย) ชนชาติ บทบาท และบทเรียน” เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงความล้าหลังคลั่ง “เชื้อชาติ” ว่า…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร ๑ จำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมริเป็นนักดนตรีไทยใหม่ๆ ในวัยเด็ก และได้ฟังเพลง “ราตรีประดับดาว” เป็นครั้งแรกนั้น ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เพราะทั้งทำนองและเนื้อร้อง โดยที่เนื้อร้องมีอยู่ว่า… วันนี้                                 แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ                       …
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัย ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส จากอ่าวเบ็งกอร์  อันที่ได้สร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินแก่ประชาชนชาวพม่า ที่อาศัยอยู่ในเขตตอนล่างของประเทศจีน จนถึงกลุ่มชนมอญ กระเหรี่ยง เป็นจำนวนมากโดยเป็นตัวแทนรัฐบาล ประชาชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจมายังท่าน และประชาชนชาวพม่า จะสามารถฟื้นฟูเขตที่เกิดความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงนครหลวงเวียงจันทน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551  ข้างต้นนี้เป็นสาส์นแสดงความเสียใจที่ฯพณฯท่านบัวสอน บุบผานุวง นายกรัฐมนตรีแห่ง…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“มอญอะไร นุ่งผ้าถุงลายนี้ มีผ่าหลังด้วย มอญเค้าไม่มีกันหรอก” นักวิชาการมหาวิทยาลัยเปิดแถวเมืองนนท์ชี้ให้ดู“มอญของแท้ต้องโสร่งแดง นุ่งลอยชายแบบพระประแดงนั่นน่ะมอญแปลง เอาแบบกรมศิลป์มาใส่...” พิธีกรสุดเริ่ดดอกเตอร์หมาดๆ รายการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ข้างตำราพูดเสียงยาวแล้วยังจะอีกพะเรอเกวียน ตำหนิ ติ บ่น ก่น ด่า ถากถาง ตั้งความฝัน คาดหวังให้เป็น ขีดเส้นให้ตาม- - - - - - - - - - -จิตรกรรมฝาผนังวัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม สมัย ร. 2 เป็นภาพสาวมอญนุ่งผ้าแหวกผ่านกลุ่มชายหนุ่ม และถูกเกี้ยวพาราสี
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร๑เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อย ๒ กลุ่ม คือ จีนและมอญ  มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ผูกโยงอยู่กับ “อัตลักษณ์” (identity) ของชาติพันธุ์แห่งตน นั่นก็คือ “วันตรุษจีน” หรือการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ตามคติจีน ที่รวมถึงการรำลึกถึงบรรพชนของตน และ “วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์มอญจากหลายจังหวัดทั่วประเทศมารวมตัวเพื่อกันทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ และร่วมกันจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม คนจีนและคนมอญได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาบริเวณที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนการสถาปนาความเป็น “รัฐชาติ” (nation state) มาเนิ่นนาน…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยอากาศช่วงนี้ช่างร้อนระอุได้ใจยิ่งนัก แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในบางที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนแต่ประการใด ร้อนๆ แบบนี้พาให้หงุดหงิดง่าย แต่พ่อฉันมักจะสอนว่า “นี่คือธรรมชาติที่มันต้องเกิด เราต้องเข้าใจธรรมชาติ คนที่ไม่เข้าใจและโมโห หงุดหงิดกับธรรมชาติคือคนเขลา และจะไม่มีความสุข” *******************
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดในช่วงเวลาของการแสวงประสบการณ์ ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันมานานแล้วว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้มีโอกาสทำงานโบราณคดีในภาคเหนือสักครั้ง  ดังนั้น เมื่อราวกลางปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นเหนือและ เริ่มต้นงานแรกที่จังหวัดลำปาง คืองานบูรณะซ่อมแซมวิหารจามเทวี วัดปงยางคก ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเมื่องานที่ลำปางเสร็จสิ้นลง ก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขุดศึกษาทางโบราณคดีที่เจดีย์เหลี่ยม หรือ กู่คำ เจดีย์สำคัญของเวียงกุมกาม ตลอดเวลาที่มองเห็นซากปรักหักพังของวัดร้างในเวียงกุมกาม น่าแปลกใจที่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับมอญเท่าไรนัก…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนวงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยสมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพรื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร“วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความร่วมมือของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ วัดบ้านไร่เจริญผล และพี่น้องชาวมอญจากหลายๆ พื้นที่ก่อนงานจะเริ่ม พวกเรา-คณะเตรียมงาน ประมาณ ๑๐ คน ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานด้วยธงราวรูปหงส์ที่พวกเราทำขึ้น, การผูกผ้าและจัดดอกไม้, การตกแต่งเวที, การติดตั้งนิทรรศการเคลื่อนที่, การเตรียมสถานที่สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนมอญ ฯลฯ…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดและแล้วสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้....เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ วันแรกของการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๑ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดย วัดและชุมชนมอญบ้านไร่เจริญผล ร่วมกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงตระหนกของเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบนำข่าวของเช้านี้มาบอก “....เร็วๆมาดู อะไรนี่ ...ยกโขยง มากันเป็นร้อยเลยว่ะ...เต็มวัดไปหมด .....”  ในทันทีนั้นข้าพเจ้าจึงชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างชั้นบนของศาลาการเปรียญที่พวกเราอาศัยซุกหัวนอนกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาเตรียมจัดงาน…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“ทะแยมอญ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของมอญอย่างหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คงหลับตานึกภาพไม่ออก แต่อธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เป็นการแสดงที่ให้อารมณ์คล้ายๆ การแสดงลำตัดของไทย เป็นการร้องโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวี มีทั้งเรื่องธรรมและเกี้ยวพาราสีของนักแสดงชายหญิงประกอบวงมโหรีมอญ คนที่ฟังไม่ออกก็อาจเฉยๆ แต่หากเป็นคนมอญรุ่นที่หิ้วเชี่ยนหมากมานั่งฟังด้วยแล้วละก็ เป็นได้เข้าถึงอารมณ์เพลง ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามลีลาของมโหรี หรือบางช่วงอาจเพลินคารมพ่อเพลงแม่เพลงที่โต้กลอนกันถึงพริกถึงขิง อาจต้องหัวเราะน้ำหมากกระเด็นไปหลายวาทีเดียวทะแยมอญบ้านเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ่ายเมื่อราวปี…