‘พลอลึ’เป็นนามปากกาของ ‘ชัยวิทย์ ศรีสฤงฆาร’
พลอลึ เป็นภาษาปวาเก่อญอ(กะเหรี่ยง) หมายถึง ‘ดอกไม้สีม่วง ดอกไม้ป่า ดอกไม้ที่เติบโตและเบ่งบานในหุบเขา ขุนห้วย ซึ่งเขาชอบคำและความหมายนี้ จึงบอกกับมิตรสหายว่าขอใช้เป็นนามปากกา
พลอลึ- -ดอกไม้สีม่วง
ในความรู้สึกของผม นั้นช่างเหมาะและคล้ายคลึงกับชีวิตเขาเสียเหลือเกิน งามและเศร้า เหงาแล้วเบิกบานในหุบเขา เบ่งบานแล้วก็พลันร่วงหล่น ก่อนวันวัย...กระนั้น หากมองสะท้อนกลับไป เหมือนเขากำลังสื่อบอกเราให้เห็นถึงสัจจะความจริง ซึ่งไม่ว่าใครและใครก็หลีกหนีไม่พ้น
ว่าชีวิตนี้บอบบางและแสนสั้น!
จริงสิ, นอกจากเขาจะเป็นข้าราชการประจำโรงพยาบาลเวียงแหง แต่เขามีเป็นอะไรมากกว่านั้น ซึ่งมิ่งมิตรคนหนึ่งเอ่ยถึงเขาว่า...
กลางวันเขาประจำอยู่ที่ห้องทันตกรรม
แต่กลางคืนเขาคือ...กวี!
คงเป็นเช่นนั้น เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...
เกิดมาเพื่อเติบโต งดงาม และทำความดี ท่ามกลางป่าเขา งอกงาม เบ่งบาน ให้สรรพชีวิตรอบข้างได้ชื่นชมและสัมผัส
งามนอก งามใน และจากไปอย่างเงียบๆ
หากเขาได้ทิ้งคุณค่ามากหลายให้โลกใบนี้ได้รับรู้และเรียนรู้ ดั่งเช่นบทกวีนิพนธ์ที่เขาหมั่นเพียรบันทึกเอาไว้อย่างต่อเนื่อง ผ่านวันและคืน ผ่านมาหลายห้วงฤดูกาล เชื่อว่าเมื่อทุกคนได้อ่านงานชุดนี้ของเขา จะมองเห็นตัวตน ชีวิต และจิตวิญญาณของเขามากยิ่งขึ้น งานเขียนชุดนี้ เขาได้นำเผยแพร่ผ่านทางทางเวบไซต์ บล็อกโอเคเนชั่น เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา- -ติดตามค้นหางานเขาได้ที่ http://www.oknation.net/blog/plolee06
ในฐานะที่ผมเป็นเหมือนน้องชาย และเป็นเหมือนเพื่อน มิตรสหายที่คุ้นเคยกันมายาวนานหลายสิบปี ทำให้ผมมองเห็น ความจริง ความงาม และความฝันเปล่งประกายในตัวเขา เหมือนแสงตะวันยามเช้า
ภาพเก่าๆ ยังย้ำเตือนให้เห็นถึงมิตรภาพที่เรามีต่อกันอยู่ย้ำๆ
ภาพเขาพาพยาบาลบรรจุใหม่แบกเป้พกกระเป๋ายา บนระยะทางครึ่งค่อนวัน เธอและเขาเดินดุ่มขึ้นดอยน้ำบ่อใหม่กันมาหลายสิบชีวิต ผมสอนหนังสืออยู่ที่นั่น ใช่,ทุกคนที่มาทำงานในเขตเวียงแหงนั้นทำงานไปพร้อมๆ กับการเรียนรู้ ทดสอบชีวิตของตนให้กล้าแกร่งไปในตัว
และผมยังจำภาพเราและผองเพื่อนล่องแพไม้ไผ่จากลำน้ำแตงไหลลงเมืองคอง เชียงดาว ค่ำคืนนั้น ภาพเราขดตัวนอนหนาวบนหาดทรายริมลำน้ำใกล้บ้านลาหู่ป่ากล้วย จำได้ว่า ครั้งหนึ่งเขาเกือบจมน้ำ แต่ผมช่วยดึงเขาขึ้นมาทัน
ห้วงนั้น,เขารอดตาย เขายังมีชีวิต และเขายังมีความฝัน...
และนี่คืออีกหนึ่งความฝันของเขาและครอบครัว…เขาบอกผมว่าฝันจะทำสวนเล็กๆ ให้กลายเป็นที่พักของนักเดินทางไกล- -เขาลงมือทำในวันว่างจากงานโรงพยาบาล ช้าๆ ไม่เร่งรีบ เขาลงทุนซื้อเครื่องไม้เครื่องมือ ทำบล็อคประสาน
ทำงานไปเงียบๆ ลำพัง
ผ่านไปสิบกว่าปี ผมกลับไปเยือนหาเขาอีกครั้ง...ผมเห็นดวงตาและรอยยิ้ม แทบไม่น่าเชื่อว่า ความฝันของเขาได้ก่อร่างสร้างขึ้นมา จนกลายเป็น ‘สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ท’สวนสวรรค์ของนักเดินทางในยามนี้
ใช่,เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้!
‘เติบโต เบิกบาน เบ่งบานในหุบเขา แล้วจากไปอย่างเงียบๆ อย่างมีคุณค่าและสร้างสรรค์’ และแน่นอนว่า แม้ห้วงขณะนี้ กายเขาจะมลายหายไป หาก ‘สฤงฆาร ฮัท & รีสอร์ท’และงานเขียน ถ้อยคำอักษรที่เขากลั่นออกมาจากจิตวิญญาณนี้จะยังคงอยู่สืบไป
ชั่วนิรันดร์.
ด้วยจิตคารวะ
ภู เชียงดาว.