สองวันก่อนคนสนิทคราวลูกฉุดลากไปดูหนังในโรง อันเป็นพฤติกรรมที่ผู้เขียนไม่ได้ทำมาเป็นสิบปี เข้าไปก็เด๋อๆ ด๋าๆ ต้องแบบเหมือนจะจูงเข้าไป ก็น่าสนุกดี รู้สึกว่าเหมือนเมืองนอกมากขึ้นที่มีอะไรเป็นคอมพิวเตอร์หมด และค่าดูค่อนข้างถูก นอกจากว่าเมื่อเปรียบกับรายได้จริงของคนไทยแล้ว นับว่าแพงมาก
ผู้เขียนเสียเงินค่าดูแบบแพงเพราะอยากรู้ว่าอย่างที่แพงเป็นอย่างไร ก็น่าสนใจดี มีที่นั่งกว้างขวางอย่างดี มีคนมาเอาใจ เอาน้ำ เอาข้าวโพดคั่วมาให้ เรียกว่าเหมือนอยู่บ้านในห้องโฮมเธียเตอร์ หากลงทุนสร้างแบบนี้ในบ้านคงไม่คุ้มสำหรับบางคน เรียกว่าถอยห่างจากโลกความจริงไปชั่วคราวเพื่อให้เป็นโลกส่วนตัวตามลำพังเท่านั้นเอง ผู้เขียนชอบเพราะนั่งสบายและมีความเป็นส่วนตัวพอควร
ผุ้เขียนปล่อยไก่ไปตัวเบ้อเร่อตอนที่มีเพลงสรรเสริญฯ ขึ้น ก็ไม่รู้ได้แต่นั่งเพลิน คนข้างตัวลุกขึ้นยืนจึงนึกขึ้นได้แต่ก็แทบไม่ทันเหมือนกัน เพราะตัวใหญ่ ลุกยาก ได้แต่ขำตัวเองว่า ไม่ได้ดูหนังในโรงมานานจนลืมบรรยากาศหลายๆ อย่างไป
หนังที่ไปดูเป็นหนังฝรั่งอเมริกัน ที่พัฒนามาจากวิดีโอเกม มีความรุนแรงสูง คนสนิทที่ไปดูด้วยนั่งลุ้นระทึกไปตลอด บอกว่าชอบอยากดู ผู้เขียนไม่สนุกแต่ได้เรียนรู้ชีวิตเด็กรุ่นใหม่มากขึ้น รู้ว่าคนรุ่นใหม่เรียนรู้ความรุนแรงแบบสุดโต่งอย่างที่เราๆ (ที่เป็นป้าๆ น้าๆ อาๆ) นึกไม่ถึง ออกจากวิดีโอเกมก็มาเจอหนัง ในสหรัฐฯ เองมีคนพูดถึงพวกนี้ออกบ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะมีการแบ่งเรทของหนัง หลายครั้งก็ช่วยอะไรไม่ได้ ความรุนแรง ความตัดกันแบบความกับดำ ทำให้เกิดแรงกระตุ้นที่แรง และขายได้
ในเมืองไทย ผู้เขียนเห็นเด็กๆวัยเรียนเดินไปมาตามห้าง และใช้เวลากับเรื่องความรุนแรง หลายคนบอกว่า สื่อมวลชนไม่ได้มีผลมากนักกับระบบความคิดและพฤติกรรมเด็ก เพราะมีระบบทางสังคมอื่นๆ ช่วยกล่อมเกลา ผู้เขียนไม่แน่ใจนัก ไม่ว่าไทยหรือไม่ไทย เพราะเด็กจะมีจินตนาการสูงส่ง การสร้างโลกของตัวเองในตัวเด็กมีสูงกว่าผู้ใหญ่ ดังนั้น ข้อมูลที่เขาได้รับเป็นฐานแต่ความสามารถในการเลือกใช้สารที่ได้จากที่ต่างๆนั้นเป็นเรื่องที่จำกัดมาก ขนาดผู้ใหญ่หลายคนเองยังเลือกใช้สาร หรือบริโภคสารยังไม่เป็นเลย
น่าเสียดายที่สังคมไทยนั้น มีกลลวงทับซ้อนกันมาก ความไม่จริงถูกทำให้เป็นเรื่องจริง จนคนแยกไม่ได้ว่าอะไรคือจริง อะไรคือไม่จริง จึงมีการพัฒนาระบบการคิดที่เป็นระบบและมีการเลือกสรรที่ดีได้ยากไม่ว่าในเด็กหรือไม่เด็ก หลายครั้งที่ผ่านมามีผู้เรียนระดับสูงๆ หรือแม้แต่ระดับอาจารย์บางคนก็ยังไม่สามารถเข้าใจและตีความเนื้อสารระดับพื้นๆ ได้อย่างถูกต้อง เพราะไม่ได้มีการฝึกฝนมาให้คิดได้อย่างเป็นระบบและซับซ้อนพอ หลายคนอ่านหนังสือก็ไม่แตก เวลาเขียนงานส่งมา ก็เป็นที่น่าปวดหัวเพราะต้องแก้ไขแทบทุกคำ แต่เพราะสังคมนี้ไม่ได้สอนคน ปัญหานี้จึงเกิดอย่างเลี่ยงไม่ได้
ผู้เขียนอดหนักใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ การสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพเป็นเรื่องสำคัญ ผู้เขียนเชื่อว่าเรื่องเซ็นเซ่อร์เนื้อสารส่วนที่มีความรุนแรงก็ไม่ได้ประโยชน์เท่าไรนัก ถ้าหากว่าเราไม่ได้สอนให้เราๆท่านๆรู้ว่า หนังนั้นไม่ใช่ความจริง และหนังนั้นสร้างจินตนาการให้คน และมีผลเกิดได้ทั้งบวกและลบ ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการใช้อย่างไร
วันนี้ผู้เขียนจึงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงมีการรับน้องแบบรุนแรง การทะเลาะกันแบบสาดมาม่า ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะว่าในหนังในวิดีโอเกมเป็นภาพเสมือนจริง ไม่ใช่ความจริง ผลที่เกิดตามมาจากพฤติกรรมต่างๆจบในจอ แต่เรื่องจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะคนส่วนใหญ่แยกไม่ได้ ปัญหาความรุนแรงในสังคมจึงเกิดขึ้น
เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องผลประโยชน์ทางการค้าที่มาควบคุมความเป็นไปของความรุนแรงในจอ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะดำเนินการควบคุมได้ในโลกของพาณิชย์นิยม อย่างไรก็ตาม อะไรที่มันดี ทำได้ยาก อะไรที่มันไม่ดี ทำได้ยาก เหมือนกับน้ำที่มักไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ คำถามคือจะต้องทำอย่างไรที่จะบอกว่าการทำดีไม่ใช่ของยากเสมอไป และส่งเสริมให้คนรู้จักคิดอย่างสร้างสรรค์ แม้จะเหนื่อยแต่มันก็คุ้มค่า
คงได้ดูกันต่อไป