( ๑ ) “ในราตรี”
@ ดอก พิมพยอม อันหอมกรุ่น
หอมละมุน อุ่นเอื้อ มาหอม หอม
หอม เกื้อโลก เอื้อหล้า ได้ดมดอม
พิมพยอม บานหอม ทั่วแผ่นดิน
- - - กาย ก่อเกิด จาก ดิน น้ำ ลม ไฟ
พิสุทธิ์ใส ชีวี มิสุดสิ้น
ดำรงคงหอมหวานอยู่อาจิณ
ปฐพิน โอบกอด แม่พิมพยอม
. . . แม่จากไป เพียงร่าง อันพร่างแพร้ว
สุข สงบ สะอาดใส แล้ว รักถนอม
แต่ ดวงใจแม่แย้มยิ้ม มิ ตรมตรอม
เ รา ก้มค้อม คารวะ – คารวาลัย
- - - เกิอ จากดิน คืนสู่ ดิน
โอ้ ชีวิน แม่พยอม พราวสดใส
มี บทเพลง กล่อมโลก เฉิดพิไล
มามอบให้ “แม่พะยอม ชาติเจริญ”
- - - ตื่น รู้ แล ตื่น รัก
โ ล ก ประจักษ์ ชีพ สรรเสริญ
อิ่มชื่น อิ่ม อัญเชิญ
ชีวินชีพ ง ด งา ม แล้ว “แ ม่ พ ย อ ม”@
- - - คืนนั้น ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ เดินทางยามราตรีอีกแล้ว … ควบม้าขาวฝ่าแสงไฟ และการจราจรอันคับคั่ง ไปสู่จุดหมายปลายทาง ให้น้องม้าขาว วิ่งช้าๆ เพราะเจ้าของม้าคู่ชัพนี้ เคย ตกกระเด็นจากหลังม้า ลงไปวัดพื้น ดิน พื้นฟุตบาท พื้นร่องหลุม ฯลฯ มาแล้ว เนื่องจาก หลับในบ้าง เมาบ้าง แผ่นพื้นทุกๆแห่ง เขาวัดมาดีแล้ว แต่คนๆนี้ กลับมาอยากวัดใหม่อีก ก็เลยต้องเจ็บตัวไปตามๆนั้น สมน้ำหน้ากะลาหัวเจอะ
. . . น้องม้าควบเหยาะย่างเข้าสู่ประตูวัดเจ็ดยอด “อยู่แถวนี้นะลูก เสร็จงานพ่อมา” เอามือตบแตะโหนกหน้าผากน้องม้าเบาๆ น้องม้าตาใสพยักหน้า … เดินเข้าไปที่ศาลาที่ตั้งศพ “แม่พยอม ชาติ” เจริญ อายุ ๘๔ ปี เป็นพระคุณแม่ของ “อ้ายป้อม – ปลายฝน ต้นหนาว” และ “น้องอัจฯ” น้องสาวของอ้ายป้อม เพื่อน กัลยาณมิตรของพวกเรา… อ้ายป้อมยลเห็นเดินเข้ามาโอบกอด ฉัน พาไปนั่งข้างล่างศาลา ยกมือไหว้สวัสดีน้องๆและแขกผู้มีเกียรติ
“ อ้ายป้อม อุ๊ยดาว ขอไปกราบเคารพแม่พะยอมหน่อย” ฉันเอ่ย… อ้ายป้อมพาฉันไปที่ตั้งโลงศพแม่ จุดธูปหนึ่งดอกยื่นให้ ฉัน ประคองธูป ยกมือวันทาไหว้ …“คุณแม่กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติแล้ว คับ ไม่ต้องห่วงลูกๆหลาน ๆ สบายบายดี” ฉันกล่าวคารวะ ภาพใบหน้าคุณแม่แย้มยิ้ม… “ อ้ายดาว แต่งบทกวีให้แม่ผมด้วย ผมจะเอาใส่กรอบเก็บไว้” อ้ายป้อมบอกฉัน ฉันยิ้ม และแล้วก็ หยิบกระดาษปากกาออกจากย่าม บรรเลงเพลงกวี ที่เพื่อนๆได้อ่านข้างต้นความเรียง นี้เอง!
( ๒ ) ณ ทิวาวัน
- - - ฉั น ควบน้องม้าขาวไปวัดเจ็ดยอด ราวเที่ยงกว่านิ๊ดหนึ่ง ทันพิธีก่อนนำศพแม่พยอมออกจากวัด นั่น น้องๆ มิตรสหายเรามากันพร้อมหน้า พร้อมตา… “อ้ายไพฑูรย์ พรหมวิจิตร …ป้าหมู … อันยา โพธิวัฒน์ เพือนคู่ชีวิตของอ้ายจรัล มโนเพ็ชร … ไอ่หนู นาย …Malancha และ อ้าย หน้อย เพื่อนคู่ชีวิตแห่งเธอ … Mr. Postman นายไปรษณีย์ ศิลปิน คนเพลง … เอก ตะเกียง ศิลปิน คนเพลง และ ฯลฯ
“ อุ๊ยดาว ช่วยถวายผ้าตรัยบังสุกุล ด้วยนะคับ ” อ้ายป้อมเอ่ยเบาๆ “คับยินดีคับ” ฉันยิ้มพยักหน้า
- - - แล้ว ขบวนศพก็เคลื่อนออกจากประตูวัดมุ่งสู่สุสานเจ็ดยอด อันห่างออกไปประมาณ สองร้อยกว่าเมตร … พวกเราเดินจูงพาหนะบรรจุศพ ฉันมิได้เดินจูงศพนานแล้ว ดีใจมาก … อ้ายป้อมเดินเข็ญล้อเลื่อนที่มีรูปพระคุณแม่นำหน้าขบวน ภาพงดงามมาก - - - ลู ก โอบกอด แม่ ไปส่ง แ ม่ สู่สรวงสวรรค์วิมานชั้นฟ้า … ฉันประทับใจมาก ดวงตาฉันรื้น น้ำตาซึม … โชคดีที่มีแดดเปรี้ยง ไม่มีฝนตก ทั้งๆที่วันวานฝนตกเพราะมีลมพายุอะไรนะ หอบเอาฝนเข้ามาตกในประเทศไทยสมมุตินี้ …( ขบวนแห่ศพ บรรจุ หล้องไม้ (หีบศพไม้) ไม่ต้องบรรจุใส่ปราสาทที่คิดว่าดูอลังการ ของพวกที่คิดว่าตัวเองเป็นเทวดามาโปรดประชาชน ฯลฯ ) ของชาวบ้านธรรมดาๆ ไม่ต้องมีฆ้องกลอง แห่แหน แต่นแต้ … ผ่านบ้าน ร้านรวง สองข้างทาง ฉัน สังเกต ไม่มีคอนโด ตึกสูงตระหง่านติดถนนเหมือนที่อื่นๆ … ผ่านที่ทำการ อ. บ. ต . แล้วเลี้ยวซ้ายเขาสู่สุสานฯ
แขกผู้มีเกียรตินั่งที่ศาลา ได้เวลา พิธีกรก็เริ่มดำเนินการ … ในการวางผ้า ตรัยบังสุกล และ ผ้ามหาตรัยบังสุกุล
- - - เชิญ แขก และญาติ ที่เชิญมาวางผ้า ตรัยบังสุกุล ที่มีจำนวนมากพอดู … ฉัน … ป้าหมู … อันยาฯ (อดีตชาติเป็นหมาป่า ได้มาเกิด ณ บรรณภิภพนี้ …ป้าหมูเคยบอกพวกเรา ว่าดั่งนั้น!) … อ้ายไพฑูรย์ … อี่ปี้นาย … Malancha ฯลฯ ” ค่อยๆลุกขึ้นเดินเรียงแถวไปรับผ้าตรัยบังสุกุล พร้อมกับแขกที่ได้รับเชิญ แล้วก็นำมาทอดวาง ณ ที่ จัดให้วาง ข้างรูปแม่พะยอมที่มีใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสให้ลูกๆหลานๆ
- - - เรากลับมานั่งที่เดิม ต่อไปเป็นการทอดวางผ้า ม หา ต รั ย บั ง สุ กุ ล สองตรัย โดย …
* “ พระมหาเวียงฯ” จากวัดอุโมงค์
· * “ หลวงพ่อ พระครูกิตติฯ” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจ็ดยอด
· นี่คือ พีธีการ พิธีกรรม ที่ เรียบง่าย งดงาม ตามธรรมชาติ ที่เราควรเอาเป็นตัวอย่าง!
ฉากเบื้องหน้า ฉั น ยลเห็น ดอยสุเทพ สีน้ำเงินยืนตระหง่าน เบื้องฟ้าบน สำลีเมฆขาว ดารดาษ ประดับท้องฟ้าสีฟ้า งามตา
- - - โ อ้ มนุษย์ เกิดจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ … แล้วถึงเวลาก็ กลับคืนสู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ คุณแม่ พยอม ชาตเจริญ ก็ กลับคืนสู่ ดิน น้ำ ลม ไฟ เฉกเช่นเดียวกัน … จะเอาอะไรกันนักหนาเล่า เพื่อนมนุษย์ เอย
… ชี วิต คนเราเกิดมา ก็ แค่นี้ จักกี่ปี กี่เดือน กี่ครั้งไหน
เกิดมา ยังชีพแล้วก็ตายไป มิมีใครจะอยู่ยงค้ำฟ้า อยู่อย่างนี้ อย่างพี่น้องและผองเพื่อน จะกี่ปี กี่เดือน ช่างเถิดหนา
อยู่ อย่างคนตีนติดดินธรรมดา หลอมชีวิต คุณค่า ก็แล้วกัน! @
ก วี บ ท นี้ ก็เขียนมานานแล้ว และก็คิดเห็นเช่นนี้เป็น นิรันดร์มา
ขอความสุข สวัสดี พึงมีแด่ทุกๆเพื่อน เป็นนิรันดร์ ไป ! @
ต้นฤดูหนาว , ศุกร์ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๕, แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑
“บ้านตึกขาว” , เฌองดอยสุเทพ . ล้านนาอิสระ , เจียงใหม่
บล็อกของ แสงดาว ศรัทธามั่น
แสงดาว ศรัทธามั่น
{ กลอนเปล่าอิสรา }@ ลมหนาวเหนือ พัดโชยมา…ยามต้องไล้ผิวกายร้อนที่รุ่มก็คลายกลิ่นอายเหมันตฤดู …ไม่รู้ลืม @
แสงดาว ศรัทธามั่น
***** --*-- ***** --*-- *****@ “ ฮา ติง จัง…จังคนมีอำนาจล้นฟ้า แต่รังแก คนยากไจ้ อำนาจ แบบ ต๋ามใจ๋ เขา “น้องสาว ผู้ดีงาม ใจงาม ของฉัน แล ของโลกชีวิต อีกคนหนึ่ง