ฉันเคยสงสัยอยู่ว่า คนเราเมื่อเดินทางไกลข้ามคืนข้ามวัน เราล้วนได้รับความเหนื่อยล้า แต่เมื่อไปถึงปลายทาง เราจะสลัดทิ้งความเหนื่อยล้าได้ยังไง คำถามเช่นนี้ไม่เคยเป็นคำตอบเลยสำหรับฉัน เพราะบ่อยครั้งที่เริ่มต้นเดินทางไกล–อันหมายถึงระยะทาง ทุกครั้งเมื่อถึงจุดหมาย ฉันหวังเพียงได้เอนตัวลงพักพอหายเหนื่อยแล้วค่อยคลี่คลายชีวิตไปสู่ทิศทางอย่างอื่น แต่นั้นก็เป็นเพียงความคิดที่วูบเข้ามา ความจริงการจะทำเช่นนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย โดยเฉพาะกับการเดินทางครั้งนี้
หลังรถโดยสารปรับอากาศสายเชียงใหม่-อุบลราชธานี พาผู้โดยสารออกเดินทางยาวนานถึง ๑๗ ชั่วโมงจอดสงบนิ่งลงที่ท่ารถห่างออกมาจากตัวเมือง ยามเช้าแสงแรกแห่งวันยังไม่เยี่ยมกรายมาเยือน แต่สรรพชีวิตก็ถูกปลุกให้ตื่น หลังจากรถจอดสงบนิ่งแล้ว ผู้โดยสารทยอยลงจากรถ เสียงถามไถ่จากคนขับรถรับจ้างดังมาไม่ขาดสาย บางคนลงจากรถแล้วแต่จุดหมายปลายทางของเขายังอีกไกล แต่บางคนก็ได้กลับบ้านไปพักผ่อน เพราะเหนื่อยล้ากับการเดินทางมาทั้งคืน หากนับรวมผู้โดยสารที่ต้องเดินทางต่อไป ฉันก็เป็นหนึ่งในนั้น
ปลายทางของฉันอยู่ที่หมู่บ้านใกล้แม่น้ำมูน ว่ากันว่าหมู่บ้านแห่งนี้ไกลออกไปจนถึงเส้นขอบแดนประเทศ และปลายทางที่ฉันจะไป ที่นั่นเราจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในประเทศ
ขณะรถโดยสารที่นั่งมากำลังเคลื่อนตัวออกไปจากสถานี ฉันได้นั่งมองมันจนลับสายตา ยามเช้าเช่นนี้ถ้าได้กาแฟขมตายไม่เอาเรื่องสักแก้วก็คงดี แต่ฉันเพียงได้แค่ครุ่นคิดประโยคนี้หลังจากมองดูร้านขายกาแฟในสถานีขนส่งที่ปิดประตูเงียบ เมื่อสิ่งที่หวังไม่เป็นดั่งหวัง ฉันจึงทรุดตัวลงนอนบนม้านั่ง
พระอาทิตย์ยามเช้าทอแสงแรกขึ้นมาแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้ขยับร่างกายไปไหนมาไหน เพราะตารางนัดหมายการเดินทางยังคงมาไม่ถึง หลังได้นอนพัก ความเหนื่อยล้าจากการเดินทางที่สะสมมาก็พอผ่อนเบาลงบ้าง ขณะเฝ้ารอการเดินทางเพื่อไปสู่ปลายทาง เพื่อนร่วมทางบนรถโดยสารที่ฉันไม่เคยรู้จัก พวกเขาก็หายไปจนหมด
ในที่สุดกาแฟร้อนผ่าวแก้วแรกของวันก็ถูกยกขึ้นเป่า และถูกกลืนลงลำคอ แม้ว่าจะเป่าให้มันเย็นลงเพียงใด แต่ฉันก็เกือบบ้วนมันออกมาดังเดิม เพราะความร้อนเกินกว่าที่ปากจะรับได้ปรากฏขึ้น หลังดื่มกาแฟหมดแก้ว รถคันที่นัดหมายให้มารับไปส่งยังจุดหมายก็มาถึง หลังเก็บสัมภาระขึ้นบนรถเรียบร้อย รถก็ค่อยๆ เคลื่อนออกจากสถานีขนส่ง
คนขับเร่งคันเร่งขึ้น รถวิ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วพอประมาณ
“นั่งรถมาทั้งคืนเหนื่อยไหม?” เสียงใครบางคนบนรถถาม
“เหนื่อย แต่ก็พอทนได้” ฉันตอบ
“พอรู้ไหมว่าเดินทางมาทั้งหมดกี่กิโล”
“สำหรับเราเบาะๆ ประมาณ ๑,๐๕๐ กิโล”
“ไม่รู้จะมาทำไมไกลก็ไกล”
“นั่นสิไม่รู้จะมาทำไมไกลก็ไกล”
จริงอย่างที่ใครบางคนบนรถว่า ไม่รู้เราจะมาทำไมไกลก็ไกล เดินทางข้ามวันข้ามคืน แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่พวกเราบนรถพูดหยอกล้อเล่นกันเท่านั้น ความจริงเราล้วนอยากเดินทางมา และมาเพื่อจะได้เห็นความจริงว่า ‘แม่น้ำมูนหลังการเปิดเขื่อนเป็นอย่างไร?’
ในที่สุดจุดมุ่งหมายของเราก็เป็นจริง เมื่อรถพาเราวิ่งขึ้นไปบนสันเขื่อน (ขออภัยที่ไม่กล้าเรียกว่าถนน) ประตูระบายน้ำของเขื่อนทั้งหมดถูกยกขึ้นจนสุดบาน สายน้ำไหลหลั่งโถมถั่ง เพื่อปลอดปล่อยความอัดอั้นที่สั่งสมมาเนิ่นนาน ในความเป็นจริงแล้ว ใช่ว่าฉันจะไม่เคยมายังที่แห่งนี้ ฉันเคยมาหลายครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดเลยที่ฉันจะได้เห็นประตูระบายน้ำของเขื่อนทั้งหมด ซึ่งปิดกั้นแม่น้ำถูกยกขึ้นพร้อมกัน
ใครบางคนบนรถบอกกับฉันว่า “หลังจากเขา--หมายถึงเจ้าหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (ผิด) ได้เปิดประตูเขื่อนตามมติคณะรัฐมนตรี แม้ว่าจะเปิดช้ากว่าปกติ คนหาปลาได้กลับมาหาปลา คนหาปลาที่ไปทำงานกรุงเทพก็กลับมา”
สิ่งที่เพื่อนคนนั้นพูดไม่ใช่สิ่งเกินเลย เพราะหลังจากเราข้ามสันเขื่อนไปแล้ว รถก็มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอโขงเจียม เมื่อไปถึงตลาด ภาพแรกที่ฉันเห็นหลังข้ามสะพานมาถึงตัวอำเภอ แม่ค้าขายปลา และคนหาปลาต่างช่วยกันยกปลาขึ้นใส่ถังน้ำแข็งบนรถที่จอดรออยู่ ว่ากันว่าปลายทางของปลาเหล่านี้อยู่ที่มหานครสมมติ
“แปลกแต่จริง คนไม่เคยเห็นแม่น้ำแต่ได้กินปลาจากแม่น้ำ คนที่ไม่อยากให้เปิดประตูเขื่อนก็ได้กินปลาจากแม่น้ำ เขาจะรู้สึกไหมหนอว่า ปลาที่เขากินนั้นมาจากหยาดเหงื่อ และการเรียกร้องของคนที่พวกเขารู้จักเพียงว่า นักต่อสู้ข้างถนน”
ฉันรำพึงรำพันกับเพื่อนบนรถ
“คนอยู่ไกลเขาไม่รู้สึกหรอก แถมยังไม่อยากมายุ่งเกี่ยวด้วย แต่พอถึงหน้าเปิดเขื่อนได้กินปลาก็ยิ้มแก้มแทบปริ” เพื่อนร่วมทางที่เป็นคนนำทางบอกเล่าความรู้สึกออกมา หลังเขาจมอยู่กับความเงียบเนิ่นนาน
“นี่ละหนาคนเรา พอเห็นความจริงก็ยอมรับไม่ได้ แต่พอดอกผลของความจริงปรากฏก็ยินดีปรีดา ตอนชาวบ้านเรียกร้องให้เปิดประตูเขื่อนไม่ยอมมาช่วย แต่พอรู้ว่ามีปลาก็สั่งให้เอาไปขายให้ จะกินแต่ปลา แต่ไม่ยอมเล็งเห็นคุณค่าของคนหาปลา”
“เขาจะไปเห็นความจริงอะไร ยิ่งอยู่ไกล ความจริงที่เห็นยิ่งไกลห่าง นี่ถ้าคนที่ได้กินปลาจากแม่น้ำมูนทั้งหมดมาช่วยชาวบ้านรณรงค์ให้เขาเปิดประตูเขื่อนปากมูนแบบถาวรคงเป็นคลื่นมหาชนที่ยิ่งใหญ่พอสมควรทีเดียว”
“นั่นสินะ ชาวบ้านจะได้มีแนวร่วมมากขึ้น”
หลังพวกเราพุดคุยกันอยู่ไม่นาน ทุกคนก็เงียบเสียงลง เมื่อรถจอดสงบนิ่งตรงแผงขายปลาข้างทางแห่งหนึ่ง บนแผงขายปลา ปลาเพี้ยหลายขนาดนอนเรียงรายอยู่บนแผงขายปลา
“นี่เพิ่งจับได้ไม่ใช่ปลาเลี้ยง ถ้าเขาไม่เปิดเขื่อนคงไม่ได้มากขนาดนี้หรอก จะซื้อกี่กิโล”
“๒ กิโล” ใครบางคนบนรถตะโกนบอกแม่ค้าขายปลา
“เปิดเขื่อนมันดีอย่างนี้นี่เอง” ใครบางคนพูดขึ้นมา หลังจากรถเคลื่อนตัวออกจากแผงขายปลามาได้ไม่ไกล...