Skip to main content

ลูกชายหายหน้าไปจากการเรียนรู้การเล่นเตหน่ากูกับพ่อเป็นหลายสิบ จนผู้เป็นแม่ที่คอยหุงอาหารให้หมูในตอนหัวค่ำเกิดคำถามต่อผู้เป็นพ่อ


ไอ้ตัวเล็กมันเล่นเป็นแล้วเหรอ? มันถึงไม่มาฝึกเพิ่ม” แม่ถามพ่อซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามกะบะไฟดินในบ้าน

มันบอก มันจะฝึกเอง มันคงไปฝึกที่บ้านผู้สาวมั้ง?” พ่อตอบแม่พร้อมกับสันนิษฐานพฤติกรรมของลูกชาย


มันก็ธรรมดาแหละ วัวตัวผู้พอมันเริ่มเป็นหนุ่ม มันก็เริ่มแตกฝูงไปหาตัวเมียในฝูงอื่น ก็เหมือนพ่อตอนเป็นหนุ่มนั่นแหละ อยู่บ้านอยู่ช่องซะที่ไหน กลางค่ำกลางคืนดึกแล้วไล่กลับบ้านก็ไม่ยอมกลับ ค่ำไหนค่ำนั้น มาหาทุกคืน” แม่เปรียบเทียบให้พ่อฟัง


พ่อ สายเตหน่ากูขาดไปสองสาย ช่วยใส่ให้หน่อย” ลูกชายโผล่เข้ามา

นี่ ถ้าสายไม่ขาด ก็ไม่ยอมกลับมานะ” พ่อบอกกับลูกชาย

ก็เพื่อนมันเล่นแบบไม่ยอมยั้งมือ ขนาดสายเบรกรถเครื่องยังเอาไม่อยู่เลย” ลูกชายบอกพ่อ


คนเฒ่าปกาเกอะญอเคยบอกว่า เหน่อ โหม่ โส่ นา เหนอ เตอ ชกา เก่อ จ่า โส่ ลอ ดะ เหน่อ ซะ

แม่สอนเจ้าไม่ฉลาดขึ้น เจ้าต้องสอนตัวของเจ้าเอง ไปหาสายเบรกรถเครื่องมา” บอกให้ลูกชายไปหาสายเตหน่าเพื่อมาใส่ทดแทนสายเดิมที่ขาดไป ซึ่งไม่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์ดนตรีทั่วไป แหล่งของมันอยู่ที่ร้านซ่อมจักรยานยนต์


เมื่อสายเตหน่ากูที่ขาดไปถูกนำสายใหม่มาทดแทนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตหน่ากูจึงถูกตั้งสายใหม่อีกครั้งแล้วถูกเล่นอีกครั้งโดยผู้เป็นลูกชาย เสียงเพลงแต่ละเพลงที่ถูกสอนมา วิธีการเล่นแต่ละอย่างที่ได้รับมา ถูกขับขานบรรเลงได้อย่างน่าพอใจ


พ่อมีเพลงอื่นๆ และวิธีการเล่นแบบอื่นๆ ที่จะสอนผมอีกไหมครับ?” ลูกชายได้ถามพ่อหลังทำในสิ่งที่ผู้เป็นพ่อสอนมาได้เกือบหมดแล้ว


มันยังมีเพลงเตหน่ากูอีกมากมาย มันยังมีวิธีการเล่นอีกหลายแบบ ที่พ่อสามารถสอนได้และที่พ่อไม่สามารถสอนได้ แต่บางสิ่งบางอย่างลูกต้องเรียนรู้จากที่อื่นบ้าง และเรียนรู้ด้วยตนเองด้วย” พ่อแนะนำเขา


อย่างไรครับ?” ลูกถามด้วยความไม่เข้าใจ


เริ่มแรกคนเราเกิดมาได้ถูกกำหนดให้เป็นบางสิ่งบางอย่างโดยธรรมชาติ เช่น พื้นที่บริบทครอบครัว ชุมชน และวัฒนธรรมของเรากำหนดให้เราเป็นคนที่อยู่บนภูเขาเป็นปกาเกอะญอ มีความสามารถในการปลูกข้าวทำไร่ทำนา เราจะเป็นสิ่งเหล่านั้นโดยธรรมชาติ มันเป็นวิถีในชีวิตของเรา ซึ่งเราต้องอยู่ปฏิบัติและเรียนรู้กับมันโดยธรรมชาติ


ขั้นที่สอง เราต้องเริ่มแสวงหาองค์ความรู้จากคนอื่น จากแหล่งอื่นๆ ด้วย เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อเป็นแนวทาง เพื่อเป็นแบบอย่างพื้นฐาน ในการปรับใช้เพื่อเพิ่มทักษะขีดความสามารถและศักยภาพในการดำรงชีวิตของเราให้ดำรงอยู่อย่างเหมาะสมกับบริบททางสังคมและวัฒนธรรมที่เราอาศัยอยู่


ขั้นที่สาม เราต้องมีการยกระดับองค์ความรู้ที่มีอยู่และต่อยอดโดยการคิดค้นองค์ความรู้เพิ่มพร้อมที่จะรับใช้ผู้คนในสังคมแห่งยุคสมัยอย่างเท่าทัน อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจในความเป็นตัวของตนเอง

ในขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเอาสิ่งเรามีที่ถูกกำหนดโดยธรรมชาติ ผสมผสานกับองค์ความรู้พื้นฐานที่ได้เรียนรู้มาจากคนอื่นจากแหล่งอื่น เป็นฐานในการต่อยอดองค์ความรู้


ดนตรีก็เช่นกัน บางทีต้องเรียนจากคนอื่น จากแหล่งอื่น ในขณะที่บางอย่างต้องเรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อเกิดการคิดค้นต่อยอดได้ด้วย ซึ่งเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญมากๆ ที่แสดงถึงความเป็นตัวของตนเอง” ผู้เป็นพ่อแนะนำลูกชายเพื่อเป็นแนวทางอีกครั้ง

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย