Skip to main content
 โลงศพถูกหย่อนลงในหลุม  ลูกชายที่เป็นศาสนาจารย์และเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งศิษยาภิบาลได้จับดินก้อนหนึ่งกำไว้ในมือ  แล้วชูดินต่อหน้าผู้ร่วมงาน

"ชีวิตเราถูกสร้างมาจากดิน แล้วพระเจ้าได้เป่าลมหายใจ คือชีวิตสู่เรา การรักษาร่างกายไม่สำคัญเท่ากับการรักษาชีวิต ชีวิตที่แม้ไม่มีร่างกายก็มีชีวิตอยู่ได้ เพราะเมื่อร่างกายเราถูกสร้างมาจากดิน ถูกใช้งานมาระยะหนึ่งก็ต้องเสื่อมและต้องกลับคืนสู่ดิน แต่ชีวิตไม่ได้ถูกสร้างมาจากดิน ชีวิตถูกสร้างมาจากลมหายใจที่มาจากพระเป็นเจ้า ถ้าเรารักษาชีวิตไว้ในขณะที่อยู่บนโลกให้เป็นไปตามพระวจนะของพระเป็นเจ้า ชีวิตเราก็จะคืนสู่พระหัตถ์ของพระเป็นเจ้าขณะที่ดำเนินชีวิตอยู่บนโลกหากไม่ประพฤติตนตามหลักคำสอนที่ดีงาม  น่าเป็นห่วงว่าชีวิตเราจะเสื่อมและหมดสภาพและตายไปพร้อมกับร่างกายในที่สุด   ขอให้ดินเป็นส่วนหนึ่งของดิน"  

เขาโยนดินที่อยู่ในมือลงไปโลงศพซึ่งอยู่ในหลุม แล้วลูกหลานคนอื่นๆทยอยจับดินแล้วโยนลงตาม จากนั้นผู้ร่วมงานต่างทำตาม

เศษไม้ถูกโยนลงไปด้วย  ใบไม้ถูกโยนลงไปตาม เม็ดไม้ถูกโยนลงไปบ้าง ต่างอยากลงไปทำหน้าที่ตามวิถีธรรมชาติของมัน  มันคงรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมมหกรรมนี้  จนกระทั่งดินใกล้เต็มหลุม

"พอๆๆ" ลูกชายอีกคนสั่งให้หยุดนำดินปิดหลุมศพ แล้วทีมงานช่างปูนจึงเริ่มทำงานอีกครั้ง ขณะที่ช่างปูนใช้จอบตักปูนซีเมนต์จะทิ้งลงบนหลุมนั้น

"อย่า!!ๆๆ  พวกเราอยู่นี่  อย่าเททับพวกเรา" เขาได้ยินเสียงร้องของเมล็ดพันธุ์สน เมล็ดพันธุ์ก่อ เมล็ดพันธุ์ตึง เมล็ดพันธุ์ ฯลฯ แต่หามีใครสนใจไม่ ทุกคนต่างมองดูการเททับด้วยปูนซีเมนต์อย่างไม่รู้สึกถึงอีกหลายชีวิตที่ถูกฝังทั้งเป็นร่วมอีกนับสิบนับร้อยชีวิต

ไม้ล้มมันฝากตาไว้แตกกิ่ง  ไม้ตายมันทิ้งเม็ดไว้งอกใหม่  คนแก่ตายยังทิ้งลูกหลานไว้สืบเชื้อสายต่อ  แต่นี่มันตายในขณะที่เขายังไม่ได้เกิดเลย

"ทำไม ต้องต้องใช้ปูนเททับหลุมศพ? " เขาทนไม่ได้จึงหลุดปากถามทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
"มันง่ายต่อการดูแลรักษา และมันอยู่ได้นาน หลุมมันไม่ยุบ" มีคนตอบเขามา
"ความง่าย" หรือ ความสะดวกสบายที่ถูกนำมาใช้ตลอดเมื่อทุนนิยมต้องการขยายพื้นที่ มันไม่เว้นแม้กระทั่งป่าช้า ซึ่งเป็นสมบัติของคนตาย เป็นพื้นที่ของคนตาย

เขาแลกเปลี่ยนกับเพื่อน กับผู้ใหญ่ระหว่างนั้นหลายคนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงของหลุมศพในป่าช้า  บางคนเห็นด้วยกับการจัดการแบบเดิมตามภูมิปัญญาของคนปกาเกอะญอ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไรหากมีการนำปูนซีเมนต์มาจัดการหลุมศพ

"โลกมันเปลี่ยน ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยน" เป็นประโยคที่เหมือนจะเป็นข้อสรุปที่ชอบธรรมของระบบคิดแบบทันสมัยนิยมหรือ สำเร็จรูปนิยม หรือสะดวกนิยม

เขาเดินออกมาจากป่าโดยไม่หันหลังกลับมามองตามความเชื่อของคนปกาเกอะญอ  ที่ห้ามหันหลังมองมาข้างหลัง  เดี๋ยววิญญาณคนตายจะตามมาด้วย

ตกเย็นทุกคนมาร่วมงานเพื่อไว้อาลัยการจากไปของผู้บุกเบิกคริสตจักรภาคมูเจะคี  แต่เขากลับรู้สึกอาลัยอาวรณ์กับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นแก่พันธุ์พืช พันธุ์ไม้ต่างๆ ในป่าช้า และอาลัยอาวรณ์กับการตายของป่าช้าปกาเกอะญอแบบดั้งเดิมอีกแห่งหนึ่ง 

เขารู้ดีว่ามันไม่จบเพียงเท่านี้  และไม่มีเพียงเท่านี้  ป่าช้าของชุมชนปกาเกอะญอหลายแห่งตายไปนานแล้ว และป่าช้าปกาเกอะญอที่ยังมีชีวิตอยู่ก็กำลังถูกพิจารณาคดีในชั้นศาลแห่งลัทธิทันสมัยนิยม เพื่อจ่อคิวเข้าแดนประหาร!!


 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย