Skip to main content

การเริ่มต้นใหม่ หลังจากที่สังคยานาดำเนินขึ้น จุดหมายวันนี้อยู่ที่ร้าน Home plate grill เป็นร้าน sport club ของคนไทย ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามสนามเบสบอลทีม Houston Astros ก่อนที่คอนเสิร์ตจะเริ่ม ทางคณะทีมงานได้ไปเชิญชวนแฟนๆเบสบอลมาฟังดนตรีก่อนเกมจะเริ่ม ทำให้ในร้านเริ่มมีคนทยอยเข้ามา บ้างมานั่งดื่มก่อนเข้าไปดูเกมในสนาม บ้างเข้ามาซื้อเพื่อไปดื่มในสนาม


 

คอนเสิร์ตเริ่มขึ้น ทำให้หยุดการเคลื่อนไหวของคนในร้านได้บ้าง เตหน่ากูเป็นแนวหน้าในการเริ่มต้นขับกล่อม แต่เสียงของไม้ และสายเบรกรถจักรยานยนต์มิอาจเบรกเสียงโหวกเหวกในร้านได้ สี่เพลงผ่านไปนานเหมือนสี่ชั่วโมง

 

ดนตรีเต็มวงเริ่มขึ้น แต่ก็มิอาจรั้งความอยากเข้าสนามของคอเบสบอลได้ คนฟังที่เป็นฝรั่งต่างถูกมนต์เบสบอลดึงดูดจนหมด เหลือคนฟังที่เป็นคนไทยประปราย แต่ The show must go on คอนเสิร์ตจึงดำเนินไปเรื่อย ในที่สุดจึงมาสรุปจบลงด้วยลีลา จังหวะ แบบไทยๆที่รำวงและหมอลำ

 

หลังคอนเสิร์ตจบ เจ้าของร้านพาคณะเข้าไปชมเกมการแข่งขันเบสบอลในสนาม ที่สแครนตันผมได้มีโอกาสไปให้กำลังใจ Gray son ที่สนามแข่งขันของเด็ก แต่วันนี้ได้มีโอกาสมาดูในสนามแข่งขันระดับอาชีพจริงๆ  กีฬาเบสบอลเป็นกีฬายอดนิยมอย่างหนึ่งของคนอเมริกา บรรยากาศในสนามคึกคักเป็นอย่างยิ่ง

 

ผมภูมิใจแทนชาวเอเชียที่มีนักเบสบอลชาวญี่ปุ่นมาโด่งดังมากที่นี่” พี่ทอด์ดบอกผม

แม้ผมไม่เข้าใจกฎกติกาของเบสบอลแต่บรรยากาศการเชียร์ของอเมริกันชนชวนให้ตื่นเต้นและสนุกไปกับเกม ก่อนจะออกมาพร้อมกับความพ่ายแพ้ของทีมเจ้าบ้านอย่าง Houston Astros จนรุ่งเช้าหนังสือพิมพ์ลงข่าว โค้ชของทีมถูกปลดเนื่องจากทีมแพ้ติดต่อกันหลายนัด

 

ในเกมชีวิตของมนุษย์ ความพ่ายแพ้เป็นวิถีหนึ่งตามธรรมชาติของมนุษย์ที่ต้องประสบพบเจอและเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่ต้องคอยช่วยเหลือกันเพื่อจะพยุงกันฝ่าห้วงเวลาแห่งความยากลำเค็ญนั้น แต่ในเกมการแข่งขันที่มีเรื่องธุรกิจมาเกี่ยวข้อง ความพ่ายแพ้คือหายนะของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โทษคนอื่นได้เป็นดี ปัดความรับผิดชอบให้ผู้อื่นได้โดยไม่ลังเล

 

วันนี้เป็นวันหนึ่งในไม่กี่วันที่ไม่มีการเดินทาง ไม่มีการเล่นดนตรี โปรแกรมถูกวางไว้เป็นสามอย่าง อย่างแรกไปร้านดนตรี อย่างที่สองไปห้างสรรพสินค้า อย่างที่สามไปที่องค์กรนาซ่า ผมคิดอยู่นานและต้องต่อสู้กันกับความอยากของคนใกล้ตัวที่อยากไปห้างมากกว่าไปองค์กรนาซ่า จนผมต้องชักแม่น้ำมากกว่าห้าสายเพื่อหว่านล้อม ในที่สุดความต้องการผมได้รับการตอบสนอง

 

รถรางพาเที่ยวสถานีต่างๆ จนมาถึงจุดที่เป็นที่ตั้งยานอวกาศ ผมอยากถ่ายรูปแต่มองหาคณะที่มาด้วยกันไม่เห็นใครแม้แต่คนเดียว ผมจึงตัดสินใจขอคนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นช่วยถ่ายรูปให้ผม ผมจึงทราบว่าเขาเป็นวิศวกรจากประเทศอิหร่าน เขามาศึกษาดูงานในอเมริกา ทำให้ผมแอบมีความเชื่อในใจว่า อีกไม่เกินสิบปีอิหร่านน่าจะเป็นอีกประเทศหนึ่งที่สามารถส่งยานขึ้นสู่อวกาศได้

 

รถรางได้พาไปต่อที่สถานีควบคุมยานอวกาศ มีการนำเสนอเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ยุคแรกที่ใช้ในการควบคุมยาน จนถึงเครื่องมือในยุคปัจจุบันที่มีพัฒนาการต่อเนื่องมาจากอดีตอย่างมาก มีคนที่เคยเป็นผู้อำนวยการควบคุมยานในยุคแรกๆมาเป็นผู้คอยบรรยายให้ความรู้

 

องค์กรนาซ่าของเรา มีเป้าหมายในการก่อตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยโลกให้พ้นจากวิกฤต เราต้องการนำสันติภาพมาสู่โลก ทุกวันนี้โลกมีปัญหามากมายทั้งเรื่องการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม เรื่องการเพิ่มของประชากร เรื่องภัยที่เกิดจากดาวเคราะห์อื่นๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาค้นคว้าเพื่อมาเตือนภัยแก่โลก ยิ่งกว่านั้นต้องมีการเตรียมการในการแสวงหาดาวใหม่หรือที่แห่งใหม่ที่มนุษย์สามารถไปอยู่อาศัยในอนาคตให้ได้ หากเราทำได้จะเป็นการลดปัญหาต่างๆที่มีอยู่ในโลกหลายอย่าง” ผู้บรรยายเล่าให้ผู้เข้าชมฟัง

 

อีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เราจะส่งยานอวกาศไปชนกับผิวดวงจันทร์เพื่อเก็บข้อมูลว่าในดวงจันทร์มีน้ำหรือไม่ หากมีน้ำก็อาจมีสิ่งมีชีวิต นั่นหมายความว่ามนุษย์ก็สามารถไปอยู่บนดวงจันทร์ได้ ทุกคนรอคอยผลการทดลอง  เราไม่ได้มีหมายอย่างอื่นนอกจากช่วยโลก” ผู้บรรยายเพิ่มเติมข้อมูล


ในดวงจันทร์มีกระต่ายอยู่บนนั้น ตอนเด็กๆ ผมเชื่ออย่างนั้น มีต้นโพธิ์อยู่ต้นหนึ่ง คนปกาเกอะญอคิดอย่างนั้น วันนี้ถ้าหากมีน้ำ ถ้าหากมีสิ่งมีชีวิตจริง มันคงแย่ไม่น้อยที่ต้องถูกชนอย่างแรงจากยานที่มาจากน้ำมือของสิ่งมีชีวิตในดาวโลก หรือถ้าสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้นก็น่าเป็นห่วงไม่น้อยว่าเขาอาจจะสูญพันธุ์จากการพุ่งชนยานครั้งนี้หรือเปล่า คงมีคนตั้งคำถามแบบนี้ไม่น้อย แต่ก็คงมีคนที่อยากรู้เหมือนที่องค์กรนาซา อยากรู้ไม่น้อยเช่นกัน

 


ช่วงท้ายๆของคอนเสิร์ต

 


บรรยากาศในสนาม Houston Astros

 


ซูเปอร์สตาร์ ญี่ปุ่น ในวงการเบสบอล

 


ในอาคาร นาซา

 

 
ยานอวกาศ

 


มนุษย์อวกาศ

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย