Skip to main content
 

นพพร ชูเกียรติศิริชัย

 

 

 

"to prove the Faustian dream to be a nightmare"

 

ผมมีโอกาสประสบพบกับประโยคภาษาอังกฤษข้างต้นเป็นครั้งแรกในหนังสือ ‘POST MODERN : ชะตากรรมโพสต์โมเดิร์นในอุ้งมือนักปรัชญาการเมืองโบราณ' ของ อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร และตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องนึกถึงมันอีกเลยไม่ว่าจะในกรณีใดๆ

 

แต่แล้ววันดีคืนดี ในขณะที่ผมกำลังนั่งเพลิดเพลินเจริญอารมณ์อยู่กับภาพยนตร์เรื่อง Hellboy 2 : The Golden Army หลายๆ ฉาก หลายๆ ตอนในภาพยนตร์กลับทำให้มันสมองของผมเกิดระลึกถึงคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘the Faustian dream' ของอาจารย์ไชยันต์ (ไชยพร) ขึ้นมาอย่างกระทันหัน

 

แม้ว่าผมจะไม่เคยอ่านบทประพันธ์เรื่อง ‘Faust' ของเกอเธ่ (JohannWolfgang von Goethe) กวีเอกชาวเยอรมัน (ค.ศ.1749-1832) แต่หนังสือของอาจารย์ไชยันต์ก็ได้ช่วยอธิบายเรื่องย่อของบทประพันธ์ดังกล่าวซึ่งจะกลายเป็นที่มาของ ‘the Faustian dream' เอาไว้ว่า

 

"เป็นเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของบัณฑิตผู้ใฝ่รู้นามว่า เฟาสต์' และด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะพบแก่นแท้ความหมายของชีวิต เขาได้เรียกปีศาจมาเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว ปีศาจเสนอตัวว่าจะรับใช้เขาตราบเท่าที่เขามีชีวิตอยู่ และจะเอาวิญญาณของเฟาสต์ก็ตอนที่เขาได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของความสุข" (ไชยันต์ ไชยพร.POST MODERN : ชะตากรรมโพสต์โมเดิร์นในอุ้งมือนักปรัชญาการเมืองโบราณ. กทม. : หจก.ภาพพิมพ์, 2550 พิมพ์ครั้งที่ 2 หน้า 96 )

 

และแม้ว่าผมจะไม่เคยอ่านบทความของ  Seyla Benhabib นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เจ้าของประโยค ‘to prove the Faustian dream to be a nightmare' แต่อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร ก็ช่วยอธิบายไว้ในหนังสือเรื่องเดิมอีกว่า

 

"การพูดถึง ‘the Faustian dream' นั้นเกี่ยวพันกับยุคสมัยใหม่ตรงที่ว่า ในการวิวาทะระหว่างภูมิปัญญาโบราณและภูมิปัญญาสมัยใหม่ในยุโรปช่วงศตวรรษที่สิบเจ็ดนั้น พวกที่นิยมความรู้สมัยใหม่อันได้แก่ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เป็นต้น มีความศรัทธาเชื่อมั่นว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่นั้นจะนำมนุษยชาติไปสู่ชีวิตที่สะดวกสบายมีความสุขและก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่ ท่ามกลางคลื่นศรัทธาว่า มนุษยชาติจะก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์แบบ' นั้น ก็มีนักเขียนหลายคนได้สะท้อนจินตนาการความเชื่อของเขาออกมาเป็นนิยายหรือนิยายวิทยาศาสตร์ พวกนิยมภูมิปัญญาสมัยใหม่เชื่อว่า การละทิ้งความรู้โบราณ ซึ่งอาจรวมถึงศรัทธาความเชื่อในศาสนาและพระผู้เป็นเจ้า ย่อมคุ้มค่าที่จะเสี่ยง เพราะการหันไปยึดมั่นในความรู้ใหม่จะสร้างโลกที่เหมือนกับสวรรค์ได้ด้วยน้ำมือความสามารถของมนุษย์เอง โดยไม่ต้องรอตายแล้วถึงจะได้ขึ้นสวรรค์ของพระผู้เป็นเจ้า...

 

" การละทิ้งของโบราณเพื่อของใหม่นั้น ก็ได้ให้รางวัลแก่ผู้ที่กล้าทิ้งของโบราณที่ดำรงอยู่มานานอย่างสาสม เพราะความเป็นสมัยใหม่นั้นได้นำความสะดวกสบายต่างๆ มาให้มนุษย์อย่างที่คนโบราณยากที่จะจิตนาการได้...

 

"แต่การเลิกเชื่อพระผู้เป็นเจ้าก็ไม่ต่างกับการที่คนเรากลายเป็นสัตว์ไร้วิญญาณ หรือไม่ก็ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงสู่ การเลิกเชื่อพระผู้เป็นเจ้าเพื่อหวังความสุขสบายทางกายและความบันเทิงทางโลกีย์ต่างๆ นั้น ก็ไม่ต่างกับที่ Faust ทำสัญญากับปีศาจ ไม่ต่างกับการขายวิญญาณเพื่อแลกกับการตอบสนองกิเลสตัณหา...

 

"เมื่อเวลาผ่านไป ความก้าวหน้า ความสะดวกสบายต่างๆ ในยุคสมัยใหม่ก็เริ่มถูกเงาร้ายคืบคลานเข้ามาแทนที่ เพราะยังมิทันที่สังคมสมัยใหม่จะเข้าสู่ยุคสมบูรณ์พูนสุขกันถ้วนหน้าทั่วโลกอย่างที่จินตนาไว้...ทุกอย่างมันเริ่มจะเลวลงมากกว่าในสายตาของ คนสมัยใหม่' บางพวกในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสงคราม ความวิบัติ ความอดอยากที่ไม่น่าจะมีในโลกที่มีวิทยาการอันแสนจะก้าวหน้า ที่สามารถผลิตอะไรต่างๆ ได้ครั้งละมหาศาล...สิ่งแวดล้อมเป็นพิษ แหล่งเสื่อมโทรม ฆาตกรโรคจิต คนวิปริตทางเพศ ช่องว่างระหว่างคนจนคนรวย ก็เริ่มจะกลายเป็นฝันร้าย ‘to prove the Faustian dream to be a nightmare'

(ไชยันต์ ไชยพร.POST MODERN : ชะตากรรมโพสต์โมเดิร์นในอุ้งมือนักปรัชญาการเมืองโบราณ. กทม. : หจก.ภาพพิมพ์, 2550 พิมพ์ครั้งที่ 2 หน้า 92-93)

 

 

โดยสรุปแล้ว (ตามความเข้าใจของผู้เขียนเอง) ‘the Faustian drem' จึงเป็นคำที่ใช้อธิบายสภาพจิตใจของมนุษย์ในสังคมสมัยใหม่' ที่รู้สึกกังวัลว่าการละทิ้งความเชื่อแบบโบราณ (ความเชื่อในพระเจ้า) แล้วหันหน้ามาพึ่งพา วิทยาศาสตร์' และ เทคโนโลยี' กำลังจะนำพวกเขาไปสู่ข้อผูกมัดที่เลวร้ายดุจเดียวกับการทำสัญญากับปีศาจ

 

เกริ่นมาถึงตรงนี้ท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะตัดสินใจเลิกอ่านไปแล้ว หรือหากยังมีบางท่านที่อ่านอยู่ก็คงจะเกิดข้อสงสัยว่า แล้วไอ้ที่ผมพยายามอ้างอิงงานวิชาการมาตั้งนานนี่มันเกี่ยวอะไรกับ Hellboy  ภาค 2 วะ,ครับ,คะ? ซึ่งผมก็ไม่รู้จะตอบคำถามนี้ได้หรือเปล่า แต่ก็อยากให้ลองอ่านกันต่อไป

 

Hellboy 2 : The Golden Army : ‘พระเจ้าตายแล้ว' จริงๆ

 

(ก่อนอื่นผมคงต้องขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Hellboy ภาคแรก แต่เข้าใจไปเองว่ามันคงจะไม่ได้ต่อเนื่องกันสักเท่าไหร่ เพราะผู้กำกับเดล โตโรก็บอกเองว่าหนังจะไม่มีการอ้างอิงหรือย้อนอะไรไปถึงภาคแรกมากนัก')

 

ภาพยนตร์เรื่อง Hellboy ภาค 2 เริ่มต้น ด้วยตำนานแต่ครั้งโบราณที่อาณาจักรเอลฟ์ (สวรรค์) โลกใต้พิภพ และโลกมนุษย์ยังไม่ถูกแยกออกจากกัน จนอยู่มาวันหนึ่งราชาแห่งโลกมนุษย์นั้นต้องการที่จะยึดครองดินแดนทั้งสาม (ความพยายามของมนุษย์ที่จะเอาชนะธรรมชาติ และปฏิเสธความเชื่อในพระเจ้า) พระองค์จึงเดินหน้าทำสงครามทั้งกับเหล่ามนุษย์ เทวดา และปีศาจใต้พิภพ

 

ยิ่งนับวันกองทัพของมนุษย์ก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้น และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ราชาแห่งเอลฟ์ (ราชาแห่งเทวดาตัวแทนแห่งพระเจ้า) ต้องตัดสินใจเข้าร่วมสงครามโดยได้รับความช่วยเหลือจากนักรบทองคำที่สร้างขึ้นโดย ช่างตีเหล็กมากฝีมือ

 

ซึ่งนอกจากช่างตีเหล็กจะสร้างเหล่านักรบทองคำจำนวนมหาศาลขึ้นมาแล้ว เขายังได้สร้าง มงกุฏทองคำ' มอบให้แด่ราชาแห่งเอลฟ์เพื่อใช้ในการควบคุม นักรบทองคำ' และด้วยความแข็งแกร่งของกองทัพจักรกลทองคำ ทำให้มนุษย์จำนวนมากต้องพ่ายแพ้และล้มตายไปในสงครามระหว่างมนุษย์และเทวดา

 

จากความสูญเสียอย่างมหาศาล  ราชาแห่งเอลฟ์ (พระเจ้า) จึงตัดสินใจที่จะทำสนธิสัญญาเพื่อยุติสงคราม และตัดสินใจที่จะแยกมงกุฎทองคำออกเป็น 3 ส่วน เพื่อป้องกันมิให้มีผู้ใดสามารถนำ กองทัพทองคำ' ไปประหัตประหารชีวิตผู้คนได้อีก

 

แต่สำหรับเจ้าชายเนาด้า บุตรของราชาแห่งเอลฟ์ กลับรู้สึกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะทำสนธิสัญญาสงบศึกกับพวกมนุษย์ เพราะนับวันพวกมนุษย์ก็ยิ่งพยายามจะรุกรานธรรมชาติ โดยไม่เห็นหัวเหล่าเทวดา (การปฏิเสธพระเจ้า) เจ้าชายเนาด้าจึงตัดสินใจที่จะเนรเทศตนเองออกจากอาณาจักรเอลฟ์ โดยมุ่งหวังว่าวันหนึ่งเขาจะกลับมาแย่งชิง มงกุฎทองคำ' และนำ กองทัพทองคำ' ออกทำสงครามปราบปรามเหล่ามนุษย์ซึ่งหยิ่งผยองในอำนาจของตนเอง  

 

แต่ภารกิจในการแย่งชิงและรวบรวมชิ้นส่วนของ มงกุฎทองคำ' ของ เจ้าชายเนาด้า' กลับไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหน่วยเฝ้าระวังเรื่องเหนือธรรมชาติของสหรัฐ (BPRD-Bureau for Paranormal Reserch and Defense) ที่นำทีมโดย เฮลล์บอย บุตรของเจ้าแห่งนรกซึ่งเต็มไปด้วยพละกำลัง, ลิช เชอร์แมน สาวพลังไฟ เพื่อนร่วมงานและภรรยาของเฮลล์บอย, เอ๊บ เบรเมน หรือเอ๊ป ซาเปียน มนุษย์ ปลาที่สามารถอ่านจิตได้ และสมาชิกใหม่อย่างโยฮาน ครอส (ดวงจิตที่เต็มไปด้วยความรู้ความสามารถทางวิชาการ) ต่างรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลที่กำลังจะเกิดขึ้นกับมนุษย์

 

พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ความรู้ความสามารถ (องค์ความรู้แบบวิทยาศาสตร์ของโยฮาน ครอส พละกำลังมหาศาล (กองกำลังทหาร)ของ เฮลล์บอย บุตรของเจ้านรก และเทคโนโลยีทางอาวุธอันทรงอานุภาพ) ในการบุกตะลุยดินแดนใต้พิภพ ที่ถูกกั้นกลางด้วยประตูกลไก (สัญลักษณ์หรือตัวแทนความเชื่อที่ว่ามนุษย์สามารถไขความลับของธรรมชาติด้วยองค์ความรู้แบบวิทยาศาสตร์) เพื่อลงไปสืบหาปรากฏการณ์ที่อาจจะเป็นภัยต่อมนุษย์

 

แม้ว่าเจ้าชายเนาด้า (ตัวแทนของพระเจ้า) จะพยายามขัดขวางหน่วย BPRD ด้วยการส่งสัตว์ร้ายเข้าต่อสู้ แต่ก็ไม่คะนามือ บุตรแห่งเจ้านรกอย่างเฮลล์บอย หรือแม้แต่ รุกขเทวดา' (ตัวแทนของภัยธรรมชาติ) ก็ถูก เฮลล์บอย' ระเบิดกระบาลดับสนิทด้วยอาวุธปืนขนาดใหญ่ (สัญลักษณ์แห่งความสามารถของมนุษย์ในการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อเอาชนะธรรมชาติ)

 

และถึงแม้ว่าเจ้าชายเนาด้า (ตัวแทนของพระเจ้า) จะสามารถรวบรวม มงกุฎทองคำ' เพื่อบัญชาการกองทัพจักรกลทองคำ' ได้สำเร็จ แต่สุดท้ายเจ้าชาย (พระเจ้า) ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับบุตรแห่งเจ้านรกอย่าง เฮลล์บอย (ตัวแทนของกองทัพและเทคโนโลยี) อยู่ดี

 

และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ทำให้เรารับรู้ว่า จากความร่วมมือระหว่างมนุษย์ และบุตรของปีศาจ (เทคโนโลยี) ในสังคมสมัยใหม่นั้น ทำให้ พระเจ้าตายแล้ว' จริงๆ  

 

 ‘to prove the Faustian dream to be a nightmare' หรือ ความฝันแบบ ‘Faust' กำลังจะกลายเป็นฝันร้ายแม้แต่ในโลกของฮอลีวู้ด

 

 

 

 

บล็อกของ Cinemania

Cinemania
  ธวัชชัย ชำนาญหนังรักโรแมนติกเป็นอะไรที่คนไทยให้ความสนใจโดยเฉพาะกลุ่มวัยทีนทั้งหลาย อย่างที่เพิ่งเข้าโรงไปอีกเรื่องก็คือ Happy Birthday เป็นความรักแบบโศกซึ้งน้ำตาซึมแห่งปีไปเลยก็ว่าได้ สาวๆหลายคนออกมาคงรำพันกับตัวเองไม่น้อย "ผู้ชายแบบนี้ยังมีอีกไหมหนอ"แต่สัปดาห์นี้ กระผมขอนำความรักในอีกแบบหนึ่งมาเสนอ เป็นหนังรักแห่งแดนอิเหนา หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นหนังรักแนวของประเทศมุสลิม คือเป็นหนังรักที่มีศาสนา จารีต ประเพณี และกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตรักของตัวละคร อย่างน้อยๆ หนังเรื่องนี้เป็นการสร้างสรรค์ให้วงการหนังแนวโรแมนติกในอีกมุมมองหนึ่งของความรักหนังเรื่องนี้ชื่อ ‘Ayat Ayat Cinta'…
Cinemania
 พิชญ์ รัฐแฉล้ม   " องค์บาก 2 " ภาพยนตร์แนวแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2551 นำแสดงโดย ‘จา' พนม ยีรัมย์ หรือ ‘โทนี่จา' ในวงการภาพยนต์โลก ถือฤกษ์มงคล 5 ธันวาคม เข้าฉาย ทีมผู้สร้างวางเป้าหมายไว้ ‘องค์บาก 2' จะต้องประสบความสำเร็จอย่างงดงามสวนกระแสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน บัดนี้..ผ่านมาแล้วสองสัปดาห์เต็มที่ภาพยนตร์ได้ออกฉายให้แฟนๆ จา พนม ที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวแอ็กชั่นได้สัมผัสอย่างเต็มตา และได้รับการตอบรับจากแฟน จา พนม เป็นอย่างดีจนสามารถฉลองความสำเร็จของรายได้ที่ทะลุเป้าหมายร้อยล้านในสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้ๆกัน ‘องค์บาก 2'…
Cinemania
  หมายเหตุ: “บันทึกอิสรา” แสดงที่มะขามป้อมสตูดิโอ ในวันที่ 9-15 ธันวาคม เวลา 19.30น. เสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00น.  รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถดูไปที่ www.makhampomstudio.net        “เรื่องราว... ถ้าไม่เล่าสู่กันฟัง คนข้างหลังก็จะลืม... เลือนราง” เนื้อร้องท่อนหนึ่งจากละครร้องเรื่อง “บันทึกอิสรา” ว่าเอาไว้ ชวนให้นึกเห็นด้วยไม่น้อย ทุกวันนี้ถ้าจะย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านพ้นมา ก็พบว่า ประวัติศาสตร์ของหลายๆ อย่างในประเทศนี้ไม่เคยจะสมบูรณ์เสียที ประวัติศาสตร์บางแบบแม้จะเรียนแล้วก็ต้องเรียนอีก…
Cinemania
ไก่ย้อย หมายเหตุ: จดหมายฉบับนี้สร้างขึ้นจากเรื่องจริงแต่แอบอิงวิธีการนำเสนอจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เพื่อนสนิท’ โดยสมมติเหตุการณ์ว่าเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ต้นฉบับ หากใครยังไม่มีโอกาสได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ บางทีก็อาจจะไม่เข้าใจมุกเห่ยๆ ของผู้เขียน  ส่วนใครที่ไม่อยากอ่านจดหมายฉบับนี้ ผู้เขียนก็ขอร้องว่าอย่าอ่านเลยนะพวกคุณ   ถึงเพื่อนๆ หากพวกแกได้อ่านจดหมายฉบับนี้ ฉันขอร้องพวกแกอย่างหนึ่งนะว่า “อย่าคิดมาก” เพราะที่ผ่านมาเหตุการณ์บ้านเมือง และวงการวิชาการของไทยมันก็มีเรื่องซีเรียสมากมายกันพออยู่แล้ว ฉะนั้นพวกแกอย่าเสียเวลาเปลืองมันสมองเพื่อขบคิดกับจดหมายบ้าๆ บอๆ ของฉันอยู่เลย…
Cinemania
  จันทร์ ในบ่อ 20th Century Boys หรือเด็กในศตวรรษที่ 20 เป็นภาพยนตร์ที่นำเรื่องราวจากการ์ตูนชื่อเดียวกันมาสร้าง (การ์ตูนชื่อไทยว่า แกงค์นี้มีป่วน) เป็นผลงานเรื่องเด่นจากค่าย Shogakukan แต่งโดย Naoki Urasawa คนเดียวกับผู้เขียน Monster (คนปีศาจ)  20th Century Boys ยังคว้ารางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมครั้งที่ 48 จาก Shogakukan  รางวัลชนะเลิศในงาน Media Art ครั้งที่ 6 ของทบวงวัฒนธรรมญี่ปุ่น และรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยม ครั้งที่ 25 จาก Kodansha คอการ์ตูนเองคงรู้ดีถึงความยอดเยี่ยม ส่วนฉบับภาพยนตร์ดูแล้วก็คิดว่าว่าไม่เสียรสชาติครับ ด้วยข้อจำกัดของหนังด้านเวลาเมื่อเปรียบเทียบกับเนื้อหา…
Cinemania
จันทร์  ในบ่อ หายหน้ากันไประยะหนึ่งสำหรับคอลัมภ์หนังรายสัปดาห์ของประชาไท ‘Blogazine' เลยขออนุญาตทำหน้าที่คั่นเวลาแทน ‘นพพร ชูเกียรติศิริชัย' ที่ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมครับ ส่วนช่วงคั่นเวลาสัปดาห์นี้ผมขอชวนคุยเรื่อง ‘ปืนใหญ่จอมสลัด' ที่กำลังลงโรงฉายเลยแล้วกัน   คงไม่ต้องการันตีคุณภาพให้มากขึ้นเมื่อปืนใหญ่จอมสลัดเป็นฝีมือกำกับเรื่องล่าสุดโดย ‘นนทรีย์ นิมิบุตร' และเขียนบทโดย ‘วินทร์ เลียววารินทร์' นักเขียนรางวัลซีไรต์ ใช้ทุนสร้างร่วม 200 ล้านบาท ภาพยนตร์ออกฉายปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2008…
Cinemania
  จันทร์  ในบ่อ หายหน้ากันไประยะหนึ่งสำหรับคอลัมภ์หนังรายสัปดาห์ของประชาไท ‘Blogazine' เลยขออนุญาตทำหน้าที่คั่นเวลาแทน ‘นพพร ชูเกียรติศิริชัย' ที่ช่วงนี้กำลังยุ่งกับการอพยพย้ายถิ่นฐาน ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วจะกลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิมครับ ส่วนช่วงคั่นเวลาสัปดาห์นี้ผมขอชวนคุยเรื่อง ‘ปืนใหญ่จอมสลัด' ที่กำลังลงโรงฉายเลยแล้วกัน   คงไม่ต้องการันตีคุณภาพให้มากขึ้นเมื่อปืนใหญ่จอมสลัดเป็นฝีมือกำกับเรื่องล่าสุดโดย ‘นนทรีย์ นิมิตรบุตร' และเขียนบทโดย ‘วินทร์ เลียววารินทร์' นักเขียนรางวัลซีไรต์ ใช้ทุนสร้างร่วม 200 ล้านบาท ภาพยนตร์ออกฉายปฐมทัศน์ครั้งแรกในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2008…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัยImagine : John LennonImagine there's no heavenIt's easy if you tryNo hell below usAbove us only skyImagine all the people  Living for todayImagine there's no countriesIt isn't hard to doNo greed or hungerAnd no religion tooImagine all the people  Living life in peaceYou may say I'm a dreamerBut I'm not the only oneI hope someday you'll join usAnd the world will live as oneImagine no possessionsI wonder if you canNothing to kill or die forA brotherhood of manImagine all the peopleSharing all the worldผมเคยได้ยินและได้ฟังเพลง Imagine…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย  อังกฤษ ปี ค.ศ. 1983 ยุคที่รองเท้า ‘บู้ท' สไตล์ Dr.Matins ทรงผม ‘สกรีนเฮด' เสื้อเชิ้ต ‘ลายสก๊อต' และกางเกงยีนส์ คือสัญลักษณ์แห่ง ‘อำนาจ' ที่เหนือกว่าชนชาติอื่นในหมู่เยาวชนชาวอังกฤษ ‘ชอน' เด็กชายวัย 12 ผู้ฝังใจอยู่กับการสูญเสียพ่อไปในสมรภูมิเกาะฟอร์คแลนด์ (สงครามแย่งชิงเกาะฟอร์แลนด์ระหว่างประเทศอังกฤษและ อาเจนติน่า) กำลังเริ่มต้นค้นหาชีวิตในวัยหนุ่มกับกลุ่มเยาวชนรุ่นพี่  เขาถูกสอนให้รู้จักกับความเป็นกลุ่มก้อน หรือความเป็นสถาบันผ่านเครื่องแต่งกายสไตล์ขาโจ๋เมืองผู้ดีในช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 20 เขาถูกสอนให้รู้จักกับความเป็น ‘ชาย' ผ่าน ‘เกมส์'…
Cinemania
ชญานุช เล็กตระกูลชัย    ภาพจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Mona_Lisa_Smile   “ศิลปะคืออะไร อะไรที่ทำให้มันดีหรือแย่ แล้วใครเป็นคนกำหนด” “ศิลปะไม่ใช่ศิลปะ จนกว่าจะมีคนบอกว่าใช่… มันมีมาตรฐาน เทคนิค องค์ประกอบ สี และหัวข้อ” (บางส่วนของบทสนทนาระหว่างตัวละคร ‘แคเธอรีน วัตสัน’ (จูเลีย โรเบิร์ตส์) อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ และ ‘เบ็ตตี้ วอร์เร็น’ (เคิร์สเตน ดันสต์) นักศึกษาสาวจากวิทยาลัยเวสลี่ย์คอลเลจ) ปรัชญา ศิลปะ และกระบวนการทำให้ ‘หญิง’ เป็น ‘หญิง’ ภาพยนตร์เรื่อง Mona Lisa smile นำเสนอภาพสะท้อนของสังคมตะวันตก (ทั้งยุโรป และอเมริกา) ในช่วงต้น…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย  ภาพจาก http://www.japclub.com/dvd_box/j-bics/2008_may/Crows-Zero.htm    ผมเป็นผู้หนึ่งที่รู้สึกอิดหนาระอาใจกับสถานการณ์บ้านเมืองของเรา (หรือเปล่า?) ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะผมไม่เคยคาดคิดว่า ภาพการไล่กระทืบกันอย่างเมามันด้วยความมุ่งหวังที่จะพิชิตฝ่ายตรงข้าม (ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน) จะเกิดขึ้นในสังคมที่เที่ยวประกาศกับใครต่อใครว่าเป็นสังคมที่ยึดมั่นอยู่ในพระพุทธศาสนาอย่างเข้มข้น ‘ฉากชีวิตจริง’ นั้นดุเด็ดเผ็ดมันกว่า ‘หนังบู๊’ ที่ดูผ่านหน้าจอหลายเท่านัก และดูจะสยดสยองกว่า ‘คลิปวีดีโอเด็กนักเรียนตบกัน’ เป็นไหนๆ  ส่วน ‘…
Cinemania
  นพพร ชูเกียรติศิริชัย   "to prove the Faustian dream to be a nightmare" ผมมีโอกาสประสบพบกับประโยคภาษาอังกฤษข้างต้นเป็นครั้งแรกในหนังสือ ‘POST MODERN : ชะตากรรมโพสต์โมเดิร์นในอุ้งมือนักปรัชญาการเมืองโบราณ' ของ อาจารย์ไชยันต์ ไชยพร และตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยคิดว่าผมจะต้องนึกถึงมันอีกเลยไม่ว่าจะในกรณีใดๆ แต่แล้ววันดีคืนดี ในขณะที่ผมกำลังนั่งเพลิดเพลินเจริญอารมณ์อยู่กับภาพยนตร์เรื่อง Hellboy 2 : The Golden Army หลายๆ ฉาก หลายๆ ตอนในภาพยนตร์กลับทำให้มันสมองของผมเกิดระลึกถึงคำอธิบายเกี่ยวกับ ‘the Faustian dream' ของอาจารย์ไชยันต์ (ไชยพร) ขึ้นมาอย่างกระทันหัน …