Skip to main content

...ต้องการแม่ครัว (หรือพ่อครัวก็ได้) ๑ ตำแหน่งค่ะ ทำงานที่ระยองนี่ล่ะ...”

ชาวพม่าเอาไหมครับ ถ้าเอามีเยอะเลย ข้างบ้านเขาทำธุรกิจแรงงานพม่าอยู่น่ะ...”

พม่าทำกับข้าวอร่อยหรือเปล่าคะ”

“…มีข่าวบ่อยๆ ว่า แรงงานต่างด้าว ไม่ใช่ต่างดาว ฆ่านายจ้าง ระวังไว้นะ”

พม่าเอาแบบนุ่งกางเกงนะ ห้ามนุ่งโสร่ง เดี๋ยวจะเพิ่มเส้นให้มามากเกินไป...ง่ะ...๕๕๕++”

ฯลฯ


ข้อความโต้ตอบในกระดานสนทนาเว็บไซต์หางานแห่งหนึ่ง ที่ผู้เขียนเข้าไปพบโดยบังเอิญ เมื่อปลายปีที่แล้ว ข้อความโต้ตอบข้างต้นสะท้อนแง่คิดของคนไทยกลุ่มหนึ่งได้อย่างแปรปรวนชวนสงสัย น่าแปลกที่คนไทยเรามีสายตาที่มองคนพม่าในแบบที่ทั้งหวาดกลัว ไม่ไว้วางใจ เป็นตัวตลก และที่สำคัญคือ เป็นวัตถุแรงงานไม่มีชีวิต ดังในประโยคที่ว่า “ข้างบ้านเขาทำธุรกิจแรงงานพม่าอยู่น่ะ” ไม่แน่ใจว่าความคิดที่แปรปรวนของคนไทยนั้นมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ตั้งแต่คนไทยมีบทเรียนวิชาประวัติศาสตร์แบบหลวงวิจิตรวาทการหรือไม่ เพราะในแบบเรียนสมัยนั้นเขียนให้คนไทยเป็นพระเอกถูกพม่าเผาเมือง “พม่าทุกคน” จึงเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทยตลอดกาล ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับลาวและเขมรนั้น ยังคงรักกันดีบ้านพี่เมืองน้อง แต่ไทยขอเป็นพี่ เราทำเป็นลืมว่าได้เคยไปเผาบ้านเผาเมืองลาวและเขมรไว้ด้วยเช่นกัน คนไทยเลือกที่จะจดจำเพียงว่า ไทยสูญเสียลาวและเขมรให้ฝรั่งเศส จริงหรือที่ว่าเราสูญเสีย แท้จริงแล้ว “เราไม่ได้มาต่างหาก”


สภาวะทางเศรษฐกิจและการเมืองจากระบบการปกครองแบบเผด็จการรัฐบาลทหารพม่า บีบบังคับให้คนพม่าต้องหนีตายเข้ามาขายแรงงานในประเทศไทย กลายเป็น “แรงงานต่างด้าว” (หลายคนเรียกอย่างประชดประชัน ขบขัน ปนสมเพศว่า “แรงงานต่างดาว”) ที่หลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย แรงงานต่างด้าวเหล่านั้นไม่เพียงแต่คนพม่าแท้เท่านั้น ยังประกอบไปด้วยคนชาติพันธุ์อื่น อย่างมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ ฉิ่น คะฉิ่น อาระกัน ทวาย ว้า เป็นต้น คนเหล่าเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่ในประเทศพม่า ทว่า หากคนเหล่านี้รวมตัวกันแล้ว จะกลายเป็นชนกลุ่มใหญ่ พม่าจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อยทันที คนเหล่านี้หลายกลุ่มเคยมีประเทศเอกราช ไม่เพียงแต่ถูกพม่าปล้นชิงแผ่นดินไปเมื่อหลายร้อยปีก่อนเท่านั้น แม้ในสถานการณ์ปัจจุบันที่คนเหล่านี้อยู่ในสภาพชนกลุ่มน้อย ก็ยังคงถูกรัฐบาลทหารพม่าแย่งชิงผืนดินทำกิน ไล่เผาที่นาสร้างรีสอร์ท สนามกอล์ฟ เวนคืนสัมปทานให้ต่างชาติเช่าทำฟาร์ม สนามบิน ชายหนุ่มวัยแรงงานถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ ใช้แรงงานทำการก่อสร้าง ส่วนหญิงสาวมักถูกฉุดคร่าข่มขืนและฆ่าทิ้งหลังหมดหน้าที่รองรับอารมณ์ของทหารพม่าป่าเถื่อน


ข้างต้นนั้นเป็นสถานการณ์ในประเทศพม่า เหตุเพราะพม่ามีรัฐบาลเผด็จการทหาร แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่า เมื่อแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเหล่านั้นหนีตายเข้ามายังเมืองไทย เมืองพุทธ เมืองประชาธิปไตย พวกเขาก็ยังคงถูกกระทำแทบจะไม่ต่างจากที่พวกเขาได้รับในประเทศของตนเอง


ธุรกิจส่งแรงงานข้ามชาติจะไม่สามารถอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้หากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่มีส่วนรู้เห็น ตามด่านตะเข็บชายแดน ช่องไหน ทางไหน เจ้าหน้าที่รู้อยู่แก่ใจ หากเห็นว่าเป็นปัญหาก็ควรหาทางป้องกันมิใช่ปล่อยปละละเลย อย่างไรก็ตามเมื่อแรงงานเหล่านั้นเข้ามาถึงตลาดแรงงานในเมืองไทยแล้ว หากไม่ต้องการจริงๆ ก็ควรผลักดันเนรเทศออกนอกประเทศ มิใช่ปากว่าตาขยิบ ต้องการแรงงานราคาถูกในกิจการที่คนไทยไม่ทำ แต่กลับกดทับ จำกัดสิทธิในการศึกษา การเดินทางและการแสดงออกตามแบบวัฒนธรรมประเพณี เช่น การใช้ภาษา การแต่งกาย งานประเพณีตามแต่ละชาติพันธุ์ที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา


นายจ้างบางรายเอารัดเอาเปรียบแรงงานเหล่านี้อย่างสาหัส บางรายจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานก่อสร้าง หลังจบโครงการก็แจ้งตำรวจจับ เพื่อจะได้ไม่ต้องจ่ายค่าแรง บางรายจ่ายค่าแรงแต่จ่ายเพียงครึ่งเดียวที่คนไทยได้รับทั้งที่ต้องทำงานหนักและยาวนานกว่า แรงงานต่างด้าวเหล่านี้มักถูกเจ้าหน้าที่จับกุมรีดไถ หากเป็นหญิงสาวหน้าตาดีก็มักถูกข่มขืนด้วย หญิงสาวทำงานบ้านหลายรายถูกนายจ้าง ลูกชายนายจ้างข่มขืน วัยรุ่นบางพื้นที่ในจังหวัดสมุทรสาครมีความเชื่อกันว่า การทำร้ายและการข่มขืนแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นสิ่งที่ควรทำ เพราะ ’แรงงานต่างด้าวสกปรก เป็นตัวแพร่เชื้อโรค นำเอาวัฒนธรรมต่างด้าวมาครอบงำวัฒนธรรมไทย ที่สำคัญ พวกพม่าเหล่านี้เคยเผากรุงศรีอยุธยาของไทยไว้’ ความคิดเหล่านี้ถูกวัยรุ่นตีความมาจากประกาศของพ่อเมืองจังหวัดสมุทรสาคร ลงวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ ที่ผ่านมา


แม้ในระยะหลังมีผู้ประกอบการ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ออกมายอมรับว่ามีกิจการหลายประเภทที่เป็นงานหนัก เสี่ยงอันตราย และสกปรก ซึ่งคนไทยไม่ทำ จึงมีความจำเป็นต้องใช้แรงงานต่างด้าว แต่ก็ต้องการควบคุมให้อยู่ในกรอบ ไม่ให้ใช้ชีวิตอย่างอิสระหรือมีเวลาเข้าวัดทำบุญตามประเพณี ทั้งที่แรงงานเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงวัยรุ่น ห่างอกพ่อแม่ ไกลบ้านเกิดเมืองนอน การรวมกลุ่มตามวัดจัดงานประเพณี แต่งกาย กินอาหาร ใช้ภาษาแบบของเขานานทีปีหน ย่อมเป็นดั่งน้ำทิพย์ชะโลมจิตใจให้แรงงานเหล่านี้อยู่ได้ท่ามกลางสังคมที่เขาไม่คุ้นเคย ทว่าผู้ประกอบการและเจ้าหน้าที่กลับไม่เคยทำความเข้าใจคนกลุ่มนี้แม้แต่น้อย คอยหวาดระแวงว่าคนกลุ่มนี้จะรวมตัวก่อการที่เป็นภัยต่อความมั่นคง และกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

"...ผมจ้างมาเป็นแรงงาน ไม่ได้จ้างมาให้ร่วมงาน จัดงาน จัดกิจกรรมวัฒนธรรม..."
"...
ถ้าทำหมันแรงงานต่างด้าวได้ ผมสนับสนุน ควรทำไปเลย...”
ข้างต้น เป็นคำพูดของผู้ประกอบการรายหนึ่ง ซึ่งเสนอขึ้นในที่ประชุมระหว่างตัวแทนชุมชนชาวไทยเชื้อสายมอญจังหวัดสมุทรสาคร องค์กรพัฒนาเอกชน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ประกอบการ ต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร บนศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เท่านี้เอง...ถึงอย่างไรผู้ประกอบการก็ไม่คิดไกลไปกว่าผลกำไร ไม่ได้มองเข้าไปในความเป็นคน

ในขณะที่แรงงานต่างด้าวเหล่านี้ถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่และนายจ้างอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่น่าจะทำต่อกัน มีแรงงานต่างด้าวหลายรายถูกกระทำจนเกินกลั้น กระทั่งเกิดคดีความบนหน้าหนังสือพิมพ์อยู่หลายครั้งทำนองว่า “พม่าฆ่านายจ้าง” ฯลฯ ถึงอย่างไรก็ตาม และเป็นจริงอยู่เองว่า ไม่ว่าคนชาติไหนก็มีทั้งคนดีและคนเลว แต่ควรแยกแยะออกเป็นรายๆ ไป ไม่ควรเหมาว่า พม่าฆ่านายจ้าง ไทใหญ่ค้ายา ผู้หญิงไทยขายตัว เพราะหากเหมารวมเช่นนี้ คนไทยเองก็รับไม่ได้เช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของแรงงานต่างด้าวชาวพม่าจึงดูโหดร้าย น่ากลัว แต่ก็สะใจอยู่ในที ‘ที่มันต้องมาเป็นคนใช้ คนสวนค่าแรงถูกๆ กินอยู่อดๆ อยากๆ เป็นการชดใช้กรรมที่เคยมาเผากรุงศรีอยุธยาเอาไว้’

ทั้งนี้ทั้งนั้น สื่อมวลชนเองก็มักขยายเนื้อที่ข่าวเหล่านี้ ด้วยการพาดหัวตัวโตๆ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์ “พม่าฆ่าโหด” เพื่อขายข่าว โดยไม่รับผิดชอบต่อสังคมว่าคนในสังคมที่เสพข่าวแล้วสุขภาพจิตจะเป็นอย่างไร ชาวพม่าเอง ทั้งที่เป็นแรงงานต่างด้าวและชาวพม่าในประเทศพม่าจะรู้สึกอย่างไร (ไหนว่าระมัดระวังความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) ผู้จัดละครเองก็ไม่ยอมตกขบวนรถไฟเที่ยวนี้เช่นกัน แต่เดิมตัวตลก คนใช้ในหนังและละครไทยจะเป็น อาบัง (อินเดีย) อาแปะ (จีน) ต่อมาก็คนใช้พูดเหน่อสุพรรณฯ (ไอ้หมา อีแจ๋ว) ถัดมาก็ บักหำ (ลาวอีสาน) และล่าสุดก็คือ “แรงงานต่างด้าว” ตอกย้ำบุคลิคและภาษาของแรงงานต่างด้าวให้เป็นตัวตลกในสังคมไทย

แทบไม่น่าเชื่อว่า ในขณะที่คนไทยหวาดกลัว หวาดระแวง รังเกียจ และขบขันแรงงานต่างด้าวชาวพม่า แต่หลายคนก็มองเห็นแรงงานต่างด้าวเหล่านี้เป็นตลาดการค้าขนาดใหญ่ ที่ต้องเข้ามากอบโกยและตักตวงผลประโยชน์ ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ยินอยู่เสมอๆ ว่า ตามหน้าโรงงานที่มีแรงงานเหล่านี้ทำงานอยู่รวมกันมากๆ ก็มักจะมีรถกระบะบรรทุกกองผ้าป่า มีคนแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ไปแจกซองผ้าป่าอยู่เสมอๆ อาศัยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้าของคนเหล่านี้ ส่วนข้าวของทั้งของกินของใช้แบบพม่านั้น มีผู้นำมาขายถึงหน้าโรงงานและย่านที่พักโดยพ่อค้าชาวไทย ทั้งที่แต่เดิมแรงงานต่างด้าวเป็นผู้เริ่มนำมาขายก่อน เพราะต้องการกินใช้ในแบบที่ตนคุ้นชิน ซึ่งเมื่อพวกพ่อค้าคนไทยเห็นช่องทางจึงยึดอาชีพนี้และจ้างแรงงานชาวพม่าขายของ โดยห้ามชาวพม่าขายอย่างเด็ดขาด หากขายก็จะแจ้งตำรวจจับทันที

ตามแหล่งที่มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอยู่รวมกันมากๆ เช่น ราษฎร์บูรณะ พระประแดง สมุทรสาคร ตลาดไท ก็มักมีนักธุรกิจหัวใสจ้างศิลปินชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ มาเปิดคอนเสิร์ตเก็บเงินเป็นล่ำเป็นสัน โดยมีการจัดสรรผลกำไรกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองอย่างลงตัว และล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ บริษัทนักธุรกิจโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ก็ไม่ยอมพลาดโอกาสกอบโกยและตักตวงผลกำไรจากตลาดแรงงานต่างด้าวชาวพม่ากลุ่มใหญ่กลุ่มนี้ โดยให้บริการโหลดเพลงรอสาย และเพลงเรียกเข้าทางโทรศัพท์มือถือ คิดเป็นรายเดือน เดือนละ ๓๐ บาท เมื่อโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่อยู่ในแผ่นพับ ก็จะมีเสียงตอบรับอัตโนมัติ
เพลงพม่ากด ๑ เพลงมอญกด ๒ เพลงกะเหรี่ยงกด ๓ เพลงไทใหญ่กด ๔ ....”

เมื่อเลือกเพลงแต่ละชาติแต่ละภาษาได้แล้ว ก็ให้เลือกศิลปิน กด ๑ กด ๒ กด ๓ ...ไปตามเรื่อง หากไม่เข้าใจจะคุยกับพนักงานรับโทรศัพท์โดยตรงก็ได้ เพราะบริษัทเขาจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่า มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ ไว้พร้อมศัพท์



แผ่นพับโฆษณาโหลดเพลงเรียกเข้า เพลงรอสายทางมือถือ มีให้เลือกหลายภาษาชาติพันธุ์ มีแจกตามแหล่งที่อยู่ของแรงงานต่างด้าวชาวพม่า

บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ว่านี้ทำการตลาดเป็นระบบอย่างยิ่ง พิมพ์แผ่นพับ ระบุชื่อเพลง ชื่อศิลปินมอญ พม่า กะเหรี่ยง ไทใหญ่ เป็นภาษาพม่า มอญครบถ้วน และจ้างแรงงานต่างด้าวชาวพม่าเป็นตัวแทนแจกแผ่นพับ พร้อมเชิญชวนให้เข้ามาโหลดเพลงภาษาต่างๆ เรื่องดังกล่าวมานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะก่อนหน้าที่จะมีเพลงภาษาต่างด้าวให้โหลดนั้น มีโฆษณาโปรโมชั่นโทรศัพท์ทั้งแบบรายเดือนและเติมเงิน พิมพ์โปสเตอร์โฆษณาเป็นภาษาพม่าและมอญโดยบริษัทยักษ์ใหญ่รายเดียวกัน ปิดประกาศไปทั่วทุกแห่งที่มีแรงงานต่างด้าวชาวพม่าอยู่กันหนาแน่น


โปสเตอร์โฆษณาโทรศัพท์ภาษาพม่าของบริษัทมือถือรายหนึ่ง ในตลาดมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร

แปลกแต่จริงตรงที่ว่า คุณวีระยุทธ เอี่ยมอำภา ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ไม่เคยเห็นแผนการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้เลย นอกจากเห็นตัวอักษรมอญพม่าบนเสื้อยืด ป้ายภาษามอญพม่าที่เชิญชวนแรงงานเหล่านี้เข้าวัดทำบุญ ตัวอักษรต่างด้าวเหล่านี้ต่างหากที่คุณวีรยุทธ เอี่ยมอำภา ไม่ต้องการให้เผยแพร่ สั่งให้ทำลายทิ้งทันทีที่พบเห็น เหตุเพราะเป็นตัวอักษรของพวกต่างด้าว

ผู้เขียนเชื่อว่า คนที่มีความคิดเหยียดหยาม หวาดระแวง และเย้ยหยันผู้อื่นว่าต่ำกว่าตนเองอยู่ตลอดเวลาในลักษณะนี้ หลายคนมาจากครอบครัวที่ขาดความอบอุ่น เติบโตมาภายใต้การกดขี่ของผู้ปกครอง เมื่อมีโอกาสแสดงอำนาจจึงเถลิงเสียล้นทะลัก กอรปกับบางคนนั้นท่องจำเก่ง คิดเองไม่ได้ จดจำเนื้อหาในตำราประวัติศาสตร์แบบรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทยเป็นที่ตั้ง ในขณะที่บางคนก็อ่านนิยายแล้วนอนฝันกลางวัน สมมุติตัวเองเป็นตัวเอก ดาวเคราะห์ท่ามกลางจักรวาลทั้งหลายต้องโคจรรอบตนเอง พาลให้มองไม่เห็นความเป็นคนที่คนอื่นเขาก็มีเหมือนกับตน

 

 

 

บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนเราต่างเกิดมาพร้อมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบย้อนโคตรวงศ์กลับไปได้ไม่รู้จบ ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติของผู้ให้กำเนิดย่อมเป็นข้อมูลที่เกิดรอล่วงหน้า เป็นมรดกสืบสันดานมาต่อไป ส่วนศาสนาและการศึกษาถูกป้อนขณะอยู่ในวัยที่ยังไม่อาจเลือกเองเป็น หลังจากนั้นหากต้องการแก้ไขก็ทำได้เองตามชอบ ศัลยกรรมทำสีผิว ผ่าตัดแปลงเพศ หรือแม้แต่เปลี่ยนศาสนา กระทั่งสัญชาติก็เปลี่ยนกันได้ ยกเว้น “เชื้อชาติ” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยน ในงานเสวนา “มอญในสยามประเทศ (ไทย) ชนชาติ บทบาท และบทเรียน” เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงความล้าหลังคลั่ง “เชื้อชาติ” ว่า…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร ๑ จำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมริเป็นนักดนตรีไทยใหม่ๆ ในวัยเด็ก และได้ฟังเพลง “ราตรีประดับดาว” เป็นครั้งแรกนั้น ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เพราะทั้งทำนองและเนื้อร้อง โดยที่เนื้อร้องมีอยู่ว่า… วันนี้                                 แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ                       …
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัย ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส จากอ่าวเบ็งกอร์  อันที่ได้สร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินแก่ประชาชนชาวพม่า ที่อาศัยอยู่ในเขตตอนล่างของประเทศจีน จนถึงกลุ่มชนมอญ กระเหรี่ยง เป็นจำนวนมากโดยเป็นตัวแทนรัฐบาล ประชาชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจมายังท่าน และประชาชนชาวพม่า จะสามารถฟื้นฟูเขตที่เกิดความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงนครหลวงเวียงจันทน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551  ข้างต้นนี้เป็นสาส์นแสดงความเสียใจที่ฯพณฯท่านบัวสอน บุบผานุวง นายกรัฐมนตรีแห่ง…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“มอญอะไร นุ่งผ้าถุงลายนี้ มีผ่าหลังด้วย มอญเค้าไม่มีกันหรอก” นักวิชาการมหาวิทยาลัยเปิดแถวเมืองนนท์ชี้ให้ดู“มอญของแท้ต้องโสร่งแดง นุ่งลอยชายแบบพระประแดงนั่นน่ะมอญแปลง เอาแบบกรมศิลป์มาใส่...” พิธีกรสุดเริ่ดดอกเตอร์หมาดๆ รายการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ข้างตำราพูดเสียงยาวแล้วยังจะอีกพะเรอเกวียน ตำหนิ ติ บ่น ก่น ด่า ถากถาง ตั้งความฝัน คาดหวังให้เป็น ขีดเส้นให้ตาม- - - - - - - - - - -จิตรกรรมฝาผนังวัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม สมัย ร. 2 เป็นภาพสาวมอญนุ่งผ้าแหวกผ่านกลุ่มชายหนุ่ม และถูกเกี้ยวพาราสี
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร๑เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อย ๒ กลุ่ม คือ จีนและมอญ  มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ผูกโยงอยู่กับ “อัตลักษณ์” (identity) ของชาติพันธุ์แห่งตน นั่นก็คือ “วันตรุษจีน” หรือการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ตามคติจีน ที่รวมถึงการรำลึกถึงบรรพชนของตน และ “วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์มอญจากหลายจังหวัดทั่วประเทศมารวมตัวเพื่อกันทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ และร่วมกันจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม คนจีนและคนมอญได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาบริเวณที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนการสถาปนาความเป็น “รัฐชาติ” (nation state) มาเนิ่นนาน…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยอากาศช่วงนี้ช่างร้อนระอุได้ใจยิ่งนัก แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในบางที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนแต่ประการใด ร้อนๆ แบบนี้พาให้หงุดหงิดง่าย แต่พ่อฉันมักจะสอนว่า “นี่คือธรรมชาติที่มันต้องเกิด เราต้องเข้าใจธรรมชาติ คนที่ไม่เข้าใจและโมโห หงุดหงิดกับธรรมชาติคือคนเขลา และจะไม่มีความสุข” *******************
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดในช่วงเวลาของการแสวงประสบการณ์ ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันมานานแล้วว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้มีโอกาสทำงานโบราณคดีในภาคเหนือสักครั้ง  ดังนั้น เมื่อราวกลางปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นเหนือและ เริ่มต้นงานแรกที่จังหวัดลำปาง คืองานบูรณะซ่อมแซมวิหารจามเทวี วัดปงยางคก ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเมื่องานที่ลำปางเสร็จสิ้นลง ก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขุดศึกษาทางโบราณคดีที่เจดีย์เหลี่ยม หรือ กู่คำ เจดีย์สำคัญของเวียงกุมกาม ตลอดเวลาที่มองเห็นซากปรักหักพังของวัดร้างในเวียงกุมกาม น่าแปลกใจที่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับมอญเท่าไรนัก…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนวงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยสมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพรื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร“วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความร่วมมือของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ วัดบ้านไร่เจริญผล และพี่น้องชาวมอญจากหลายๆ พื้นที่ก่อนงานจะเริ่ม พวกเรา-คณะเตรียมงาน ประมาณ ๑๐ คน ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานด้วยธงราวรูปหงส์ที่พวกเราทำขึ้น, การผูกผ้าและจัดดอกไม้, การตกแต่งเวที, การติดตั้งนิทรรศการเคลื่อนที่, การเตรียมสถานที่สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนมอญ ฯลฯ…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดและแล้วสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้....เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ วันแรกของการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๑ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดย วัดและชุมชนมอญบ้านไร่เจริญผล ร่วมกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงตระหนกของเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบนำข่าวของเช้านี้มาบอก “....เร็วๆมาดู อะไรนี่ ...ยกโขยง มากันเป็นร้อยเลยว่ะ...เต็มวัดไปหมด .....”  ในทันทีนั้นข้าพเจ้าจึงชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างชั้นบนของศาลาการเปรียญที่พวกเราอาศัยซุกหัวนอนกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาเตรียมจัดงาน…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“ทะแยมอญ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของมอญอย่างหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คงหลับตานึกภาพไม่ออก แต่อธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เป็นการแสดงที่ให้อารมณ์คล้ายๆ การแสดงลำตัดของไทย เป็นการร้องโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวี มีทั้งเรื่องธรรมและเกี้ยวพาราสีของนักแสดงชายหญิงประกอบวงมโหรีมอญ คนที่ฟังไม่ออกก็อาจเฉยๆ แต่หากเป็นคนมอญรุ่นที่หิ้วเชี่ยนหมากมานั่งฟังด้วยแล้วละก็ เป็นได้เข้าถึงอารมณ์เพลง ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามลีลาของมโหรี หรือบางช่วงอาจเพลินคารมพ่อเพลงแม่เพลงที่โต้กลอนกันถึงพริกถึงขิง อาจต้องหัวเราะน้ำหมากกระเด็นไปหลายวาทีเดียวทะแยมอญบ้านเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ่ายเมื่อราวปี…