Skip to main content

ขนิษฐา คันธะวิชัย


ตอนเล็กๆ ผู้เขียนมักจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” หรือ “ผีเสื้อขยับปีกทำให้เกิดพายุ” ซึ่งเป็นคำพูดที่ใช้เรียกทฤษฎีความอลวน (Chaos Theory) กระนั้นผู้เขียนก็ไม่ได้สนใจว่าทฤษฎีนี้มีเนื้อหาอย่างไร แต่ก็มีผู้อธิบายว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” นี้เป็นการอธิบายว่าการที่เราเริ่มทำสิ่งหนึ่งอาจส่งผลลัพธ์ไปถึงสิ่งที่อยู่ไกลๆ ได้ เพราะทุกสิ่งมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงซึ่งกันและกันเกินกว่าที่เราจะตระหนัก


ตอนนี้ผู้เขียนเปิดคอมพิวเตอร์ เปิดไฟ เปิดพัดลม การกระทำเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดสิ่งใดในพื้นที่ที่ห่างออกไปได้หรือไม่


พักเรื่องนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยว่ากัน


--------------------------------------------------



วันหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ผู้เขียนตั้งชื่อออนไลน์ใน MSN ว่า พลังงานเป็นตัวแปรสำคัญในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเพื่อนบ้านจริงๆ ด้วย” ที่ตั้งชื่อเป็นข้อความนี้ก็เพราะว่าวันนั้นผู้เขียนไปฟังการบรรยายเรื่อง “ธรรมยาตราฝ่าทางปืน” ที่จัดโดยสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากฟังการบรรยายแล้วผู้เขียนก็ทราบว่า รัฐบาลไทยคงจะไม่เข้าไปมีบทบาทเข้าไปกดดันรัฐบาลเพื่อนบ้านหรือดำเนินนโยบายใดๆ อย่างจริงจังในเรื่องการเมืองภายในพม่า แม้จะเป็นไปได้ว่ามีการปราบปราม ม๊อบพระสงฆ์ด้วยความรุนแรงก็ตาม และเหตุที่รัฐบาลไทยอันเป็น “เมืองพุทธ” ไม่ดำเนินการใดๆ อย่างจริงจังนั้นก็เพราะว่าไทยเองต้องพึ่งพิงเพื่อนบ้าน และมีผลประโยชน์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมหาศาล จนไม่กล้าที่จะไป “ขัดใจ” รัฐบาลเพื่อนบ้านนั่นเอง


ทุกวันนี้ไทยมีมูลค่าการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก เช่นกรณีของลาว ในปี 2549 นั้น ไทยเคยเข้าไปลงทุนถึง 655 ล้านเหรียญสหรัฐi สำหรับในพม่า ในปี 2550 ไทยเข้าไปลงทุนถึง 7,392 ล้านเหรียญสหรัฐii แค่โครงการเขื่อนท่าซางในพม่าอย่างเดียวก็มีมูลค่าถึง 6,000 ล้านเหรียญแล้ว


เห็นหรือไม่ว่า ไทยเข้าไปลงทุนในเพื่อนบ้านเยอะขนาดไหน

แต่การลงทุนของไทยก็ส่งผลกระทบต่อผู้คนในประเทศเพื่อนบ้านด้วย


ในกรณีสปป.ลาว ยังถือว่ารัฐบาลคอยให้ความคุ้มครองประชาชนอยู่ เนื่องจากไม่ได้ปล่อยให้นายทุนมายึดที่ดินหรือทำโน่น ทำนี่ได้ง่ายนัก หรือหากจะสร้างเขื่อน ก็ต้องมีการทำแบบประเมินสิ่งแวดล้อม แต่สำหรับพม่านั้นต่างกัน เนื่องจากผู้ที่ครองทรัพยากรเป็นชนกลุ่มน้อย ถ้าหากรัฐบาลต้องการที่ดิน ชาวบ้านก็ต้องไป ดังจะยกตัวอย่างสถานการณ์ของรัฐมอญ


นับตั้งแต่ปกครองโดยสล็อคและเอสพีดีซีเมื่อปี พ.. 2541 เป็นต้นมา ผืนดินของรัฐมอญและพื้นที่อื่นๆ ซึ่งมีคนมอญอาศัยเป็นส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลอันดามันและพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกพืชผลตามฤดูกาลและไม่มีพื้นที่เป็นเทือกเขามากนัก เนื่องจากพื้นที่เหล่านี้เข้าถึงได้ไม่ยากและกองทัพพม่าสามารถควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของรัฐมอญได้แล้ว กองทัพจึงสามารถบุกเข้ายึดครองที่ดินดังกล่าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้โดยง่าย”

ที่มา: มูลนิธิสิทธิมนุษยชนแห่งแผ่นดินมอญ “ปฏิบัติการยึดผืนนา” หน้า 26


ความเดือดร้อนของชาวมอญในพม่าอันเนื่องมาจากโครงการพัฒนาด้านพลังงานนั้นมีอยู่เรื่อยๆ ดังเช่นกรณีที่ชาวมอญในเขตเมืองด้าจก์ปุ (ตะนาวศรี) และเมืองเร (หรือเมืองเย รัฐมอญ) ต้องถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานออกไปโดยไม่ได้รับเงินชดเชยใดๆ และไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บผลผลิตของสวนก่อนที่จะต้องย้ายทั้งที่ลงทุนและเสียหยาดเหงื่อแรงกายไปมากมาย เนื่องจากรัฐบาลต้องการที่ดินไปสร้างสายส่งพลังงานจากท่อส่งก๊าซกานบอก-มยาญกาเล (Kanbauk-Myaingkalay) ไปยังเมืองเย ซึ่งทหารพม่าต้องรับผิดชอบในการเคลียร์เส้นทางเพื่อสร้างสายส่งพลังงานตามแนวถนนสาย เร (เย)-ทวาย ดังนั้นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจึงทำการยึดที่ดินจำนวนมากจากประชาชนในท้องที่เพื่อสร้างสายส่งพลังงาน ถ้าสายส่งพลังงานผ่านที่ดินส่วนบุคคลของชาวบ้านคนใด ที่ดินนั้นจะถูกยึด นอกจากนี้ยังต้องถูกเกณฑ์เป็นแรงงานก่อสร้างอีกด้วยiii


ก๊าซเหล่านี้ รัฐบาลพม่าเอาไปขายใคร

ส่วนหนึ่งก็ขายให้ประเทศไทยไงคะ

 

http://blogazine.prachatai.com/upload/ong/ong_20080805-121624.jpg

แผนที่แสดงแนวท่อก๊าซที่ผ่านรัฐมอญ: ภาพโดยองค์กรมนุษยธรรมชายแดนไทย-พม่า
จากหนังสือ “การพลัดถิ่นฐานภายในประเทศพม่าแถบตะวันออก รายงานการสำรวจปี พ..2550”

 


การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยได้เซ็น MOU ในการซื้อก๊าซธรรมชาติจากแหล่งยานาดา รวมมูลค่าซื้อขายประมาณปีละ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยiv นอกจากนี้ เหตุที่สร้างเขื่อนท่าซางขึ้นก็เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับไทยนั่นเอง ซึ่งเขื่อนท่าซางก็ได้ก่อให้พี่น้องไทใหญ่ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน (เรื่องนี้ก็เคยมีบทความลงในประชาไทแล้ว)


ถึงตอนนี้อาจมีผู้ถามว่า ในเมื่อไทยเอาเงินไปลงทุนมากขนาดนั้น ไทยก็ควรจะเป็นผู้มีอิทธิพลในพม่า เนื่องจากเราเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ให้พม่าเช่นกัน


แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้วผู้เขียนเห็นว่า ไทยต่างหากที่ต้องเกรงใจพม่า เนื่องจากก็มีตัวอย่างมาแล้วในสมัยรัฐบาลชวน ซึ่งดำเนินนโยบายเข้าไปลงทุนในพม่า แต่ก็เปิดช่องให้กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยในพม่าและมีแนวนโยบายที่ไม่คล้อยตามพม่าในทุกเรื่องโดยเฉพาะการเข้มงวดกวดขันกับผู้ลี้ภัยทางการเมือง นอกจากนี้ยังอนุญาตให้คณะผู้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพเดินทางมาประเทศไทยและเรียกร้องให้รัฐบาลพม่าปล่อยตัว ออง ซาน ซูจี เป็นอิสระ และทางคณะฯยังเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองในพม่า และประณามรัฐบาลพม่าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอีกด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้รัฐบาลพม่าไม่พอใจ และไม่ต่อสัมปทานให้กับบริษัททำไม้จากประเทศไทย 47 บริษัท v


เห็นไหม ทำให้เขาโกรธแล้ว เราก็ค้าขายกับเขาไม่ได้


ปัจจุบันไทยเข้าไปลงทุนในพม่าก็ด้วยเรื่องที่เกี่ยวกับพลังงาน ซึ่งตอนนี้ราคาน้ำมันในประเทศไทยถีบตัวสูงขึ้นมาก ถ้าอยู่ๆ พม่าเกิดไม่พอใจ ไม่ขายก๊าซ ไม่ขายไฟให้ แม้จะเซ็น MOU กันแล้ว เราก็อาจจะขาดแคลนแหล่งพลังงานแหล่งใหญ่ไป


ในเมื่อเราต้อง “โอ๋” รัฐบาลพม่าขนาดนี้ ผู้เขียน ในฐานะที่รู้จักกับคนที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ในพม่า และได้รับฟังถึงปัญหาของคนเหล่านั้นมาบ้าง ก็รู้สึกอ่อนใจยิ่งนัก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ด้วยเห็นว่านี่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่มีความยุ่งยากซับซ้อนในการแก้ปัญหา ทั้งปัจจัยภายในพม่าและปัจจัยภายในไทยเอง


เนื่องจากว่าเราอยู่ในยุคที่เกือบๆ จะถึงขั้น “สังคมอุดมโภคา” ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรอย่างมากในการขึ้นมาสู่จุดนี้ ไฟฟ้า น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ นับเป็นสิ่งจำเป็น และถ้าหากความต้องการพลังงานของประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ประชาชนในพม่าได้รับความเดือดร้อน ผู้เขียนคิดว่าผู้ที่รณรงค์เรื่องสิทธิมนุษยชนก็ควรที่จะรณรงค์เรื่องการลดการบริโภคด้วย เพราะคนไทยเราเองไม่ได้ตระหนักว่าการบริโภคอย่างสิ้นเปลืองของเราส่งผลโดยอ้อมให้สตรีในรัฐฉานโดนข่มขืน คนในรัฐมอญโดนไล่ที่ โดนเกณฑ์มาเป็นแรงงาน คนกระเหรี่ยงต้องทิ้งถิ่นฐานเข้าสู่ศูนย์อพยพในประเทศไทย หรือบางส่วนกลายมาเป็น “แรงงานต่างด้าว”


เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้ผู้เขียนนึกถึงคำกล่าวที่ว่า “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ขึ้นมา


คนไทย (โดยเฉพาะคนในเมืองหรือภาคอุตสาหกรรม) บริโภคอย่างสิ้นเปลือง เปิดแอร์เย็นฉ่ำ นักศึกษามีโน๊ตบุคมามหาวิทยาลัยคนละเครื่อง แถมเปิดคอมพ์พิวเตอร์ทิ้งไว้ ทำให้ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงขึ้น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตของไทยจึงต้องหาไฟฟ้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลพม่าต้องการขายก๊าซธรรมชาติให้ไทยนำมาเป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า จึงไปไล่ที่ชาวบ้านในที่ๆ มีท่อส่งก๊าซผ่าน อย่างที่รัฐมอญหรือแถบตะนาวศรีเองก็โดนไป


อย่างนี้เราจะเรียกว่า “บริโภคสิ้นเปลืองสะเทือนถึงเมืองมอญ” ได้ไหม

 

i ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลลาว มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ii
ข้อมูลจากกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพานิชย์
iii
มูลนิธิสิทธิมนุษยชนแห่งแผ่นดินมอญ.ปฏิบัติการยึดผืนนา. พิมพ์ครั้งที่ 1,2547
iv
พรพิมล ตรีโชติ.ไร้แผ่นดิน เส้นทางจากพม่าสุ่ไทย. กรุงทพฯ : หน่วยปฏิบัติการวิจัยแม่โขงศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ; สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย, 2548
v
เพิ่งอ้าง


บล็อกของ องค์ บรรจุน

องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนเราต่างเกิดมาพร้อมข้อมูลส่วนบุคคล สามารถสืบย้อนโคตรวงศ์กลับไปได้ไม่รู้จบ ผิวพรรณ ฐานะ และเชื้อชาติของผู้ให้กำเนิดย่อมเป็นข้อมูลที่เกิดรอล่วงหน้า เป็นมรดกสืบสันดานมาต่อไป ส่วนศาสนาและการศึกษาถูกป้อนขณะอยู่ในวัยที่ยังไม่อาจเลือกเองเป็น หลังจากนั้นหากต้องการแก้ไขก็ทำได้เองตามชอบ ศัลยกรรมทำสีผิว ผ่าตัดแปลงเพศ หรือแม้แต่เปลี่ยนศาสนา กระทั่งสัญชาติก็เปลี่ยนกันได้ ยกเว้น “เชื้อชาติ” ที่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยน ในงานเสวนา “มอญในสยามประเทศ (ไทย) ชนชาติ บทบาท และบทเรียน” เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๑ ณ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร อาจารย์สุจิตต์ วงษ์เทศ กล่าวถึงความล้าหลังคลั่ง “เชื้อชาติ” ว่า…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร ๑ จำได้ว่าเมื่อตอนที่ผมริเป็นนักดนตรีไทยใหม่ๆ ในวัยเด็ก และได้ฟังเพลง “ราตรีประดับดาว” เป็นครั้งแรกนั้น ผมรู้สึกว่าเพลงนี้ช่างเพราะเหลือเกิน เพราะทั้งทำนองและเนื้อร้อง โดยที่เนื้อร้องมีอยู่ว่า… วันนี้                                 แสนสุดยินดี พระจันทร์วันเพ็ญ ขอเชิญสายใจ                       …
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัย ข้าพเจ้าทราบข่าวว่าในวันที่ 2 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดพายุไซโคลนนาร์กีส จากอ่าวเบ็งกอร์  อันที่ได้สร้างความเสียหายทางด้านชีวิต และทรัพย์สินแก่ประชาชนชาวพม่า ที่อาศัยอยู่ในเขตตอนล่างของประเทศจีน จนถึงกลุ่มชนมอญ กระเหรี่ยง เป็นจำนวนมากโดยเป็นตัวแทนรัฐบาล ประชาชน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจ และเห็นใจมายังท่าน และประชาชนชาวพม่า จะสามารถฟื้นฟูเขตที่เกิดความเสียหายจากภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยความเคารพและนับถืออย่างสูงนครหลวงเวียงจันทน์ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551  ข้างต้นนี้เป็นสาส์นแสดงความเสียใจที่ฯพณฯท่านบัวสอน บุบผานุวง นายกรัฐมนตรีแห่ง…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“มอญอะไร นุ่งผ้าถุงลายนี้ มีผ่าหลังด้วย มอญเค้าไม่มีกันหรอก” นักวิชาการมหาวิทยาลัยเปิดแถวเมืองนนท์ชี้ให้ดู“มอญของแท้ต้องโสร่งแดง นุ่งลอยชายแบบพระประแดงนั่นน่ะมอญแปลง เอาแบบกรมศิลป์มาใส่...” พิธีกรสุดเริ่ดดอกเตอร์หมาดๆ รายการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ข้างตำราพูดเสียงยาวแล้วยังจะอีกพะเรอเกวียน ตำหนิ ติ บ่น ก่น ด่า ถากถาง ตั้งความฝัน คาดหวังให้เป็น ขีดเส้นให้ตาม- - - - - - - - - - -จิตรกรรมฝาผนังวัดบางแคใหญ่ สมุทรสงคราม สมัย ร. 2 เป็นภาพสาวมอญนุ่งผ้าแหวกผ่านกลุ่มชายหนุ่ม และถูกเกี้ยวพาราสี
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร๑เดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ อย่างน้อย ๒ กลุ่ม คือ จีนและมอญ  มีกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่ผูกโยงอยู่กับ “อัตลักษณ์” (identity) ของชาติพันธุ์แห่งตน นั่นก็คือ “วันตรุษจีน” หรือการเฉลิมฉลองการขึ้นปีใหม่ตามคติจีน ที่รวมถึงการรำลึกถึงบรรพชนของตน และ “วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่คนไทยในกลุ่มชาติพันธุ์มอญจากหลายจังหวัดทั่วประเทศมารวมตัวเพื่อกันทำบุญให้แก่บรรพชนผู้ล่วงลับ และร่วมกันจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม คนจีนและคนมอญได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในอาณาบริเวณที่เรียกว่าประเทศไทยในปัจจุบันตั้งแต่ก่อนการสถาปนาความเป็น “รัฐชาติ” (nation state) มาเนิ่นนาน…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยอากาศช่วงนี้ช่างร้อนระอุได้ใจยิ่งนัก แม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างหนักในบางที แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หายร้อนแต่ประการใด ร้อนๆ แบบนี้พาให้หงุดหงิดง่าย แต่พ่อฉันมักจะสอนว่า “นี่คือธรรมชาติที่มันต้องเกิด เราต้องเข้าใจธรรมชาติ คนที่ไม่เข้าใจและโมโห หงุดหงิดกับธรรมชาติคือคนเขลา และจะไม่มีความสุข” *******************
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดในช่วงเวลาของการแสวงประสบการณ์ ผู้เขียนมีความใฝ่ฝันมานานแล้วว่าครั้งหนึ่งในชีวิตขอให้ได้มีโอกาสทำงานโบราณคดีในภาคเหนือสักครั้ง  ดังนั้น เมื่อราวกลางปีพ.ศ. ๒๕๓๙ ผู้เขียนจึงเดินทางขึ้นเหนือและ เริ่มต้นงานแรกที่จังหวัดลำปาง คืองานบูรณะซ่อมแซมวิหารจามเทวี วัดปงยางคก ตำบลปงยางคก อำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง จากนั้นอีกไม่กี่เดือนเมื่องานที่ลำปางเสร็จสิ้นลง ก็เดินทางต่อมาที่เชียงใหม่ เพื่อทำการขุดศึกษาทางโบราณคดีที่เจดีย์เหลี่ยม หรือ กู่คำ เจดีย์สำคัญของเวียงกุมกาม ตลอดเวลาที่มองเห็นซากปรักหักพังของวัดร้างในเวียงกุมกาม น่าแปลกใจที่ตอนนั้นยังไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับมอญเท่าไรนัก…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุนวงดนตรีพื้นเมืองของแต่ละชาติย่อมมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง แต่กระนั้นวงดนตรีที่อยู่ในภูมิภาคใกล้เคียงกัน ไม่ว่าพม่า มอญ ไทย ลาว เขมร ย่อมมีความคล้ายคลึงกันเพราะต่างได้รับอิทธิพลซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะดนตรีมอญกับไทยมีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งเครื่องดนตรีและทางดนตรี เหตุเพราะไทยรับเอาอิทธิพลของดนตรีมอญมาไม่น้อย ในเมืองไทยจึงมีเพลงมอญเก่าแก่หลงเหลืออยู่มากมาย เช่น แประมังพลูทะแย กชาสี่บท ดอมทอ ขะวัวตอฮ์ เมี่ยงปล่ายหะเลี่ย เป็นต้น [1] รวมทั้งครูเพลงมอญในเมืองไทยยังได้มีการแต่งเพลงไทยสำเนียงมอญขึ้นมาอีกมากมาย เช่น มอญรำดาบ มอญดูดาว (เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) มอญอ้อยอิ่ง มอญแปลง…
องค์ บรรจุน
ขนิษฐา คันธะวิชัยสมาชิกชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพรื่นเริงบันเทิงใจและปลาบปลื้มชื่นชม...เคยมีคนบอกกับฉันว่า ฉันไม่ควรไปร่วมงานวันชาติมอญในเมืองมอญเพราะฉันต้องเคารพความศักดิ์สิทธิ์ของพิธีกรรมและความเป็นชนชาติของชาวมอญ จึงทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าการใช้คำ “รื่นเริงบันเทิงใจ” หรือ “ปลาบปลื้มชื่นชม” จะเป็นการสมควรหรือไม่ แต่นั่นก็คือความรู้สึกที่ฉันได้รับจากการไปงานวันชาติมอญครั้งที่ 61 ที่จัดขึ้น ณ หมู่บ้านบ่อญี่ปุ่น (ปะลางเจปาน) ด่านเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านมอญที่อยู่นอกพรมแดนประเทศไทย งานวันชาติมอญนี้จัดกันหลายที่ทั่วโลกที่มีชุมชนมอญอยู่ ทั้งในไทย มาเลเซีย เกาหลีใต้ อังกฤษ แคนาดา สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา…
องค์ บรรจุน
ภาสกร อินทุมาร“วันรำลึกชนชาติมอญ” ที่จัดขึ้นทุกปีนั้น ปีนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒-๓ กุมภาพันธ์ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร ด้วยความร่วมมือของชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพ วัดบ้านไร่เจริญผล และพี่น้องชาวมอญจากหลายๆ พื้นที่ก่อนงานจะเริ่ม พวกเรา-คณะเตรียมงาน ประมาณ ๑๐ คน ได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานตั้งแต่วันที่ ๑ เพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ตั้งแต่การตกแต่งบริเวณงานด้วยธงราวรูปหงส์ที่พวกเราทำขึ้น, การผูกผ้าและจัดดอกไม้, การตกแต่งเวที, การติดตั้งนิทรรศการเคลื่อนที่, การเตรียมสถานที่สำหรับทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพชนมอญ ฯลฯ…
องค์ บรรจุน
สุกัญญา เบาเนิดและแล้วสิ่งที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้....เมื่อเช้าตรู่ของวันเสาร์ที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ วันแรกของการจัดงานวันรำลึกชนชาติมอญครั้งที่ ๖๑ ณ วัดบ้านไร่เจริญผล ตำบลพันท้ายนรสิงห์ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร โดย วัดและชุมชนมอญบ้านไร่เจริญผล ร่วมกับชมรมเยาวชนมอญกรุงเทพฯ ข้าพเจ้าตื่นขึ้นพร้อมกับเสียงตระหนกของเพื่อนคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบนำข่าวของเช้านี้มาบอก “....เร็วๆมาดู อะไรนี่ ...ยกโขยง มากันเป็นร้อยเลยว่ะ...เต็มวัดไปหมด .....”  ในทันทีนั้นข้าพเจ้าจึงชะโงกหน้ามองจากหน้าต่างชั้นบนของศาลาการเปรียญที่พวกเราอาศัยซุกหัวนอนกันตั้งแต่เมื่อคืนเพื่อมาเตรียมจัดงาน…
องค์ บรรจุน
องค์ บรรจุน“ทะแยมอญ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านของมอญอย่างหนึ่ง สำหรับท่านที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน คงหลับตานึกภาพไม่ออก แต่อธิบายให้ฟังเพิ่มเติมว่า เป็นการแสดงที่ให้อารมณ์คล้ายๆ การแสดงลำตัดของไทย เป็นการร้องโต้ตอบด้วยปฏิภาณกวี มีทั้งเรื่องธรรมและเกี้ยวพาราสีของนักแสดงชายหญิงประกอบวงมโหรีมอญ คนที่ฟังไม่ออกก็อาจเฉยๆ แต่หากเป็นคนมอญรุ่นที่หิ้วเชี่ยนหมากมานั่งฟังด้วยแล้วละก็ เป็นได้เข้าถึงอารมณ์เพลง ต้องลุกขึ้นร่ายรำตามลีลาของมโหรี หรือบางช่วงอาจเพลินคารมพ่อเพลงแม่เพลงที่โต้กลอนกันถึงพริกถึงขิง อาจต้องหัวเราะน้ำหมากกระเด็นไปหลายวาทีเดียวทะแยมอญบ้านเจ็ดริ้ว อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถ่ายเมื่อราวปี…