Skip to main content
"ที่จะร้องให้ฟังต่อไปนี้เป็น ธา ปลือ ร้องเพื่อให้คนเป็นรู้ว่าคนตายได้ตายเพื่อไปที่อื่นแล้ว ร้องเพื่อให้คนตายรู้ว่าตัวว่าได้ตายและต้องไปอยู่อีกที่แล้ว ในวันที่ไม่มีคนตายห้ามพูดห้ามร้องเด็ดขาด ไม่ว่าในบ้าน ใต้ถุนบ้านหรือที่ใดก็ตาม ในวันที่มีคนตายนั้นต้องร้อง"
พือพูดก่อนร้อง พือหยิบไมโครโฟน หันมาทางผม ผมจึงเริ่มบรรเลงเตหน่า


"โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                       โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

โถ่ โก รา เนอ โหม่ ลา เล                       ปลือ เออ เนอ เหม่ เก

ดู ลอ หร่า เหน่ เก เตอ เก                       เก เลอ ดู เตอ วอ

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

เนอ ที คี แกะ เปอ ที ถ่า                         เนอ ที ถ่า แกะ เปอ ทีคี

เนอ หมื่อ ถ่อ แกะ เปอ หมื่อ นึ                 เนอ หมื่อ นึ แกะ เนอ หม่อ ถ่อ

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

เนอ เส่ กี่ เปอ เส่ จ๊อ คี                          เนอ เส่ จ๊อ แกะ เปอ เส่ กี่

เนอ หมื่อ หล่อ เหน่ เปอ เต่อ แล              เนอ แว หล่อ เต่อ เหม่ เปอ แว

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

เนอ หมื่อ ชา แกะ เปอ หมื่อ นา                เนอ หมื่อ นา แกะเปอ หมื่อ ชา

เนอ แกละ หมื่อ แกะ เปอ ปา ปู                เนอ แกละ โป แกะ เลอ ปวา ปู

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

เนอ แหมะ ถี่ เตอ ลอ คะ ปวา                  เปอ แหมะ ถี่ เตอ ลอ คะ นา

เนอ หล่อ โอะ เปอ โอะ เต่อ เซ                เปอ หล่อ โอะ เนอ โอะ เต่อ เซ

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

.................................                       ..................................ฯลฯ"

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

นกโกรา แม่เฝ้าถามหาเจ้าแล้ว                  เจ้าจงกลับไปเถิด

อย่าไปทางดูลอหร่า(นรก)                       จงกลับไปทางดูเตอวอ(สวรรค์)

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

ต้นน้ำของเจ้าเป็นสบน้ำของเรา                 สบน้ำของเจ้าเป็นต้นน้ำของเรา

ตะวันออกเจ้าเป็นตะวันตกเรา                   ตะวันตกเจ้าเป็นตะวันออกเรา

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

รากไม้เจ้าเป็นยอดไม้เรา                        ยอดไม้เจ่าเป็นรากไม้เรา

ที่หากินเจ้าเราไม่ไปผ่าน                         ที่ทำกินเจ้าเราไม่ใช่ของเรา

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

กลางคืนเจ้าเป็นกลางวันเรา                     กลางวันเป็นกลางคืนเรา

ทางเดินเจ้าเป็นหุบเหวเรา                        เส้นทางเจ้าเป็นป่าทึบเรา

 

โยเอ โย ออ เอ เอ เอ เอ                        โย ออ โย เอ ออ ออ ออ ออ

สิ่งที่เจ้าเห็นไม่เหมือนเรา                        สิ่งที่เราเห็นตรงข้ากับเจ้า

ที่อยู่เจ้าเราอยู่ไม่ได้                              ที่อยู่เราเจ้าอยู่ไม่ได้

 

พือส่าอุเง ติดลมจนไม่ยอมหยุด ผู้ดำเนินรายการมองหน้าผมส่งสัญญาณให้หยุด ผมพยายามบอกพือว่า ให้หยุด แต่ผมไม่แน่ใจว่าแกไม่ได้ยินหรือว่าแกไม่สนใจ แกบรรเลงของแกต่อเรื่อยๆ จนผมต้องหยุดบรรเลงเตหน่าและหยุดร้องตามแก พือจึงหยุดและมองหน้าผมแบบงงๆ เหมือนคนที่กินข้าวยังไม่อิ่มแต่มีคนมาเก็บอาหารเสียก่อน

 

ผมดึงมือของพือแล้ว ค่อยๆ อธิบายให้แกเข้าใจ

"เค้าอยากให้เราร้องเป็นตัวอย่างเพียงนิดเดีวครับ พือ"

"เออ เออ เออ นิดเดียวก็ไม่เป็นไร ไปส่งพือที่บ้านก่อนนะ พืออยากไปนอนพัก" ผมจึงหาเด็กเพื่อไปส่งพือ

 

"ถ้ากลับบ้านอย่าลืมไปหาพือที่บ้านนะ พือมีนิทานบางเรื่องอยากเล่าให้ฟัง" พือบอกผมก่อนซ้อนท้ายจักรยานยนต์เด็กที่ไปส่งพือที่บ้าน

 

 

 

บล็อกของ ชิ สุวิชาน

ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าวันที่ 10 กันยาฯ ทีมทั้งหมดเริ่มซ้อมเพื่อทบทวนกระบวนท่าฟ้อน ท่ารำ ท่วงท่าทำนอง จังหวะจะโคน ก่อนตระเวนออกศึก การซ้อมเริ่มต้นด้วยเพลงในอัลบั้มหิมพานต์ 2nd World ของพี่ทอด์ด ทองดี ต่อด้วยเพลงของ ซอ สมาชิกวง the sis ตามด้วยเพลงของลานนา คัมมินส์ รวมทั้งเพลงของมือระนาดและมือโปงลาง หมอแคน จนมาปิดท้ายที่เพลงของผม
ชิ สุวิชาน
บรรยากาศจากเทือกเขาสแครนตัน   หลังจากที่นักดนตรี นักร้อง นักรำมาถึงกันครบองค์ทั้งหมดแล้ว จึงเริ่มมีการแกะกล่องสัมภาระที่ขนเครื่องดนตรีและเครื่องไม้เครื่องมือประกอบการแสดงที่มาจากเมืองไทย ผมเริ่มแกะพลาสติกกันกระแทกที่ห่อเตหน่ากูไว้ เตหน่ากูได้โผล่ออกมารับแสงรับลมอีกครั้ง
ชิ สุวิชาน
รุ่งเช้าตื่นมา อากาศเย็นค่อนไปถึงหนาว ในขณะที่คณะที่มาด้วยกันยังนอนหลบกันอย่างเมามันจากอาการเพลียเพราะการเดินทาง ผมเดินลงไปในห้องครัวเผื่อเจออะไรที่ทานได้บ้าง หน้าห้องครัวเจ้าของบ้านได้ติดรูปคนในครอบครัว รูปลูกชายสองคน ที่ผมแปลกใจคือมีรูปหนึ่งที่ไม่ใช่รูปของผู้ชาย เป็นรูปคล้ายนางฟ้ามีข้อความเขียนว่า “Bless this home”  ทำให้นึกถึงบ้านคนไทยที่มีการเขียนหน้าบ้านต่างๆหลายอย่างเช่น “มั่งมีศรีสุข” บ้าง “บ้านนี้อยู่แล้วรวย” บ้าง
ชิ สุวิชาน
การรอคอยที่ไทเปสิ้นสุดลง เมื่อประตูสู่นิวยอร์กได้เปิดออกให้ผู้โดยสารเดินเข้าไปในเครื่องบิน ระยะทางกว่าสิบสี่ชั่วโมง ผมอยู่กับเพลง World Music ซึ่งเป็นเมนูที่มีให้เลือกจากสายการบิน บางเพลงมีเสียงระนาด ขลุ่ย และมีจังหวะหมอลำปะปนด้วยได้กลิ่นไอดนตรีไทยเป็นอย่างสูง ผมจึงยกหูฟังให้พี่สานุ นักดนตรีและโปรดิวเซอร์จากกรุงเทพฟัง เขาฟันธงเลยว่าเสียงทั้งหมดเป็นการ Samp มาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียงจริงดั้งเดิมที่คนเล่นมา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการฆ่าความน่าเบื่อของการอยู่บนเครื่องเป็นเวลานานได้เป็นอย่างดี  
ชิ สุวิชาน
ก่อนเดินทางมีการแถลงข่าวที่กรุงเทพ มีผู้สนับสนุนทั้งกระทรวงการต่างประเทศและบริษัทบุญรอดฯมาร่วม หลังงานแถลงข่าวมีการสัมภาษณ์จากสื่อมวลชนที่มาในงาน
ชิ สุวิชาน
ความจริงแล้วผมมีกำหนดการนัดสัมภาษณ์ขอวีซ่าเพื่อเดินทางไปประเทศอเมริกาในวันที่ 2 กันยายน 2552 ขณะที่กำหนดการในการเดินทางไปประเทศดังกล่าวคือเช้าวันที่ 3 กันยายน 2552 หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ แผนกำหนดการเดินทางอาจมีปัญหาได้ ฉะนั้นทางบริษัท ลาเวลล์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ซึ่งเป็นผู้ประสานและเป็นผู้อำนวยการการเดินทางในครั้งนี้ ได้ขอทำเรื่องเร่งรัดการสัมภาษณ์ให้เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์เดิม
ชิ สุวิชาน
  บรรยากาศงานมหกรรมชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย คำรบที่สาม เป็นไปอย่างเรียบง่ายเล็กๆ กะทัดรัด ตามประเด็นหัวข้อที่นำเอาเรื่องของ "การจัดการทรัพยากรบนพื้นที่สูงในรูปแบบโฉนดชุมชน" ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสชนเผ่าทางภาคเหนือต่างมากันอย่างครบครันเช่นเดิม
ชิ สุวิชาน
เขาเดินลงไปท้ายหมู่บ้าน พร้อมกับบทเพลง" อย่าให้น้ำตาไหลริน"ของ ฉ่า เก โดะ ที  แม่จ๋า อย่าปล่อยให้น้ำตาได้มีโอกาสไหล            บัดนี้อายุลูกครบ สิบหกบริบูรณ์แล้วดั่งกฎของชายชาติทหารทุกประทศมี                  ลูกต้องทำหน้าที่เพื่อการปฏิวัติพ่อได้สละชีพจนแม่เลี้ยงลูกอย่างกำพร้า             อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ลำเค็ญ แม่ทนถึงคราวลูกชายคนโตต้องไปทำหน้าที่ต่อ     …
ชิ สุวิชาน
สงครามตามชายแดนไทย-พม่าริมแม่น้ำเมยได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ทางการพม่าออกมาปฏิเสธไม่มีส่วนกับสงครามที่เกิดขึ้นดังกล่าว โดยบอกว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างชนเผ่ากะเหรี่ยงด้วยกันเอง คือระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กับกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเพื่อประชาธิปไตย (DKBA) ผลของการสู้รบทำให้ประชาชนชาวกะเหรี่ยงด้วยกันเองที่อยู่ในพื้นที่การสู้รบ ต้องหนีภัยจากการสู้รบ หลายชุมชนต้องฝ่าเสียงกระสุนปืน หลายชุมชนต้องฝ่าดงและเสียงระเบิด ในขณะที่เดินฝ่าความตายเพื่อหนีตายนั้น ต้องทำด้วยความเงียบ ความรวดเร็ว ต้องเก็บแม้กระทั่งเสียงร้องไห้
ชิ สุวิชาน
เพลงต่อเพลง ถูกเล่น ถูกร้อง ถูกเล่า ถูกถ่ายทอดออกมาล้วนมีที่มาที่ไปไม่แตกต่างจากเจตนารมณ์ของพ้อเหล่ป่าที่ทำตอนที่ยังชีวิตอยู่ เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง อาจารย์ลีซะกับพี่นนท์ก็โยนเวทีมาให้ผม ขณะที่ผมกำลังอยู่ในอาการสับสนเพราะไม่รู้จะเล่นเพลงอะไรดี สิ่งที่เตรียมเล่นเตรียมพูดในขณะที่เดินทาง เล่นไม่ได้พูดไม่ได้ มันเป็นประเด็นเปราะบางสำหรับพื้นที่นี้ งานนี้อีกครั้งหนึ่ง!
ชิ สุวิชาน
จังหวะที่ผมลุกขึ้นและตามเจ้าของบ้านเพื่อไปกินข้าว สายตาผมแวบไปมองเห็นผู้เฒ่าคนหนึ่งเหมือนคุ้นเคยกันมานาน ทั้งที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เขาก็จ้องหน้าผมเหมือนรู้จักมักคุ้นกับผมเป็นอย่างดี  "โพโดะ (หลาน) คืนนี้มีการขับธาไหม?" เขาถามผมเหมือนรู้ว่าใจผมต้องการอะไร แต่สีหน้าเขาเหมือนแสดงอาการไม่มั่นใจในบางอย่างออกมา"โอ้โห ต้องมีซิ" ผมตอบโดยไม่ต้องเดาว่าเขาคือโมะโชะคนหนึ่งแน่นอน
ชิ สุวิชาน
ทุกครั้งที่เดินทางผ่านหมู่บ้านแม่แฮใต้ ตำบลปางหินฝน อำเภอแม่แจ่ม ไม่มีครั้งไหนที่เลยผ่านร้านขายของชำเล็กๆริมทาง ที่มีผู้เฒ่าปากแดงด้วยน้ำหมากนั่งเฝ้าอยู่ มีของที่จำเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิตคนภูขายซึ่งมักเป็นอาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยวและยารักษาโรคเบื้องต้น  แต่ร้านขายของชำเล็กๆ ถึงเล็กมากแห่งนี้มีมากกว่านั้น มีเรื่องเล่าให้หัวเราะ ให้อมยิ้ม ให้ขบคิด และมีบทธาให้เก็บเกี่ยวมากมาย